วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 154

บทที่ 154 – อลันดาลในเมืองโซล



เขายืนเผชิญหน้ากับลีอาห์บนแดนน้ำแข็ง

วูจินคาดว่าจะเจอเธอกำลังโกรธจัด แต่ผิดถนัด ลีอาห์ไม่อ้อมค้อม เธอบอกเหตุผลที่มาอยู่ตรงนี้

“ถ้าฉันมีข้อเสนอให้นายจะว่าอะไรไหม?”

“เธอท้าดวลฉัน แต่มาบอกจะให้ข้อเสนอเหรอ?”

“ฉันติดต่อผ่านทางอื่นไม่ได้แล้วนี่ นายทำลายฐานทัพบนโลกจาคุของฉันไปหมด”

“งั้น เธอมีข้อเสนอให้ฉันแทนที่จะแก้แค้นเหรอ?”

“หลังจากฉันคืนชีพก็ได้ยินข่าวของนาย บอกตามตรง ฉันประหลาดใจนิดหน่อย ดูเหมือนนายจะมีความสามารถในการทำเรื่องบ้าบิ่นเพื่อปกป้องโลกของนายได้”

“เรื่องบ้าบิ่น...”

“อา ขอโทษ นายจะแข็งแกร่งหรือไม่ไม่สำคัญ นายกำลังพยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”

“เธออยากถูกฆ่าอีกรอบมากใช่ไหม?”

วูจินหยิบอาวุธนักรบของเขาออกมา คราวนี้เธอไม่ได้สูบบุหรี่ แต่วูจินคิดว่าลีอาห์กำลังวางแผนถ่วงเวลาเหมือนคราวที่แล้ว

“ว้าว ใจเย็นๆ ฉันกำลังเสนอให้พวกเราร่วมมือกัน แทนที่จะสู้กับคนมีพลัง ฉันจะได้ประโยชน์กว่าถ้าร่วมมือกับนาย”

“เธอยังมีศักดิ์ศรีอยู่ไหม? ถูกฉันปล้นไปเท่าไหร่แล้ว?”

“ถ้าฉันได้เป็นพวกเดียวกับคนแข็งแกร่งระดับนาย แต้มที่เสียไปถือว่าน้อย”

“...”

วูจินคิ้วกระตุก

เขาไม่เข้าใจ เธอกำลังยื่นข้อเสนอให้คนที่เคยสังหารเธอ เขาทำลายอาณานิคมของเธอ และสังหารลูกน้องทั้งหมดรวมถึงประชากรในอาณาเขต แต่ดูเหมือนเธอจะมองพวกนั้นในฐานะแต้ม

พวกมันเป็นไอเทมที่เธอสามารถซื้อได้ใหม่ถ้ามีแต้มพอ

“ไม่ตกลง”

วูจินกระชับขวาน

ลีอาห์หัวเราะ

“นายปฏิเสธฉันไม่ได้หรอก”

“...?”

“ฉันเอาชนะนายไม่ได้ แต่มนุษย์รอบตัวนายเป็นอีกเรื่อง”

“...”

วูจินถือขวานเดินไปทางลีอาห์ แต่ลีอาห์ไม่สะดุ้งสะเทือน

“เป็นการขู่ขวัญที่เชยไปหน่อยนะ”

วูจินยกขวานขึ้น

“นายคิดจริงๆเหรอว่าสามารถปิดกั้นการเชื่อมต่อทุกทางไม่ให้เกิดบนโลกได้?”

เขามั่นใจในตัวเองขนาดหนัก

คนๆเดียวคิดว่าสามารถป้องกันดันเจี้ยนนับไม่ถ้วนได้

วูจินแค่นเสียงให้กับคำถากถาง

“ฉันแน่ใจว่าจะมีอันที่ฝ่ามาได้”

“...?”

สีหน้าลีอาห์เปลี่ยนเป็นครั้งแรก

“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ยอมรับข้อเสนอของฉัน นายไม่สนว่าคนรอบตัวนายจะตายเหรอ?”

“สนสิ”

เขามีครอบครัว มีโซอา คนของอลันดาลที่รู้สึกผูกพัน เขาต้องปกป้องคนพวกนั้น นี่เป็นเป้าหมายที่วูจินตั้งให้ตัวเอง

“แล้วทำไม...”

“ถึงไม่ใช่เธอ ฉันก็มีพวกเวรที่ข่มขู่ฉันเป็นกองอยู่แล้ว”

“...!”

“คราวหน้า เธอควรตั้งใจโจมตีฉันให้มากกว่านี้หน่อย”

วูจินใช้ขวานผ่าศีรษะของลีอาห์ ดูเหมือนเธอไม่คิดจะสู้จริงๆ ลีอาห์ปล่อยให้ตัวเองแพ้ง่ายๆและกลายเป็นแสงสีเทา

<คุณชนะการดวล>

<คุณสามารถใช้สิทธิ์ของผู้ชนะ>

<กรุณาเลือกระหว่างปล้นคลังเก็บของหรือปล้นอาณาเขต>

“ชนะง่ายดี เลือกปล้นคลังเก็บของ”

ถ้าได้ของเหมือนรองเท้าของสเกียอันเป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างเซ็ทไอเทมของทราชก็คงดี ถ้าได้สมบัติมีค่าจะมีประโยชน์กว่าปล้นอาณาเขต

“หึ ทางฉันก็เหมือนเดิมต่อให้ไม่นับยัยนั่น”

ลีอาห์ไม่ใช่คนเดียวที่เล็งเป้ามาทางวูจิน

แม้เขาจะยอมให้เธอก็ยังเหลือศัตรูอีกมาก

ร่วมมือกับคนที่จะหักหลังเขาเมื่อไหร่ก็ได้ สู้ให้เธอเป็นศัตรูต่อไปดีกว่า

“ฉันต้องเหยียบอาณาเขตของเธอ...”

วูจินจุปาก ที่สำหรับปล้นที่ดีที่สุดคืออาณาเขตมิติหรืออาณานิคมของลอร์ดที่ตายไปแล้ว ถ้าเขารู้ว่าอาณาเขตมิติของลีอาห์อยู่ที่ไหนเขาจะไปทันที น่าเสียดาย

“ชิ ยัยนี่ไม่มีของดีเลย”

หลังปล้นเสร็จ วูจินกลับไปยังอาณาเขตมิติของตัวเอง

เจมินกำลังรอด้วยสีหน้าสงสัย

“เราจะทำสงครามมิติต่อไหมครับพี่?”

“ไม่ล่ะ เราได้ช่วงคุ้มครองมาแล้ว”

ถ้าเขาชนะการดวลหรือสงครามมิติจะได้ช่วงคุ้มครอง 4 วัน ถ้าแพ้เขาจะได้ 12 วัน

“งั้นแต้ม...”

“ยืมฉันก็ได้ เอาเท่าไหร่?”

ถ้ามีเวลาว่าง เขาจะใช้เจมินทำสงครามมิติเก็บแต้ม ดังนั้นให้แต้มเขาล่วงหน้าก็ไม่เลว

“ผมต้องใช้ 170,000 แต้ม”

“หา?”

จำนวนมากกว่าที่คาดไว้มาก โดเจมินเกาศีรษะ

“ว่าแล้ว คงไม่สะดวกสินะครับ?”

แต้มจำนวนนั้นมากพอจะซื้ออาณาเขตมิติดีๆได้หนึ่งแห่ง

ราคาไม่ใช่ปัญหาและวูจินให้ได้ไม่คิดมาก

ซุงกู เจมินและคนรอบตัววูจินต้องเติบโต เพื่อให้พวกเขาสามารถปกป้องครอบครัวและอลันดาลเมื่อมีกลุ่มที่ประกอบด้วยลอร์ดมิติอย่างลีอาห์โผล่มา

วูจินไม่อยากได้วิญญาณที่จะสิงอยู่แต่ที่เดิม

เขาแค่สงสัยว่าเจมินอยากได้อะไรถึงขนาดเต็มใจจ่ายแต้มเป็นจำนวนมาก

“นายจะซื้ออะไร?”

“ผมอยากได้หัวใจลอร์ดแวมไพร์”

“อะไรนะ?”

วูจินสงสัยว่าฟังผิดหรือเปล่า

เจมินรู้สึกเสียใจทีหลังที่ขอไปเพราะเหมือนเขากำลังเรียกร้องอย่างไม่มีเหตุผล คังวูจินทำให้เขามามากแล้ว มันเหมือนเขากำลังเอาเปรียบความใจกว้างของวูจิน

เจมินรู้สึกถึงความอ่อนแอของตัวเองชัดเจน ที่เขาหลุดปากขอไปต้องเป็นเพราะความกระหายอยากแข็งแกร่งให้มากกว่านี้

“รอเดี๋ยว”

“ครับ?”

วูจินมองในร้านค้าของมิติและเจอหัวใจลอร์ดแวมไพร์

‘มีขายจริงๆด้วย 200,000’

ดูเหมือนเจมินจะสะสมได้แล้ว 30,000 แต้ม

วูจินซื้อมัน

<หัวใจลอร์ดแวมไพร์>
หัวใจของเคาท์เคียต
บรรดาศักดิ์ของเขาจะถูกส่งต่อ

ตอนแรก เจมินถูกแวมไพร์ระดับต่ำกัดและกลายเป็นทาสแวมไพร์ เจมินฆ่าแวมไพร์ตัวนั้นและทำพิธีกรรมเลือดเพื่อขโมยพลังของแวมไพร์มา

ถึงอย่างนั้นก็ยังมีช่องว่างในการพัฒนาของเขาไม่ว่าจะดื่มเลือดไปมากเท่าไหร่

ถ้าเขาอยากเป็นแวมไพร์ระดับสูง เขาต้องผ่านพิธีกรรมเลือดอีก

หัวใจของแวมไพร์ระดับขุนนาง

เจมินตั้งเป้าที่หัวใจของลอร์ด บรรดาศักดิ์อย่างน้อยต้องเป็นเคาท์

เมื่อแวมไพร์กลายเป็นลอร์ด มันสามารถใช้สัมพันธ์เลือดบงการแวมไพร์ระดับต่ำกว่า

ไม่ใช่แค่ผีดูดเลือด เจมินสามารถบงการแวมไพร์เหมือนกับเขา

ลอร์ดได้รับคุณสมบัติในการก่อตั้งตระกูลแวมไพร์

ต่อให้ไม่อยากได้ผู้ใต้บังคับบัญชา ศักยภาพในการพัฒนาของลอร์ดก็สูงมาก ถ้าเดิมเขามีศักยภาพเป็น 100 เมื่อเป็นลอร์ดศักยภาพจะเพิ่มเป็นสองถึงสามเท่า

“กินสิ”

“...ขอบคุณครับ”

วูจินยกหัวใจให้เหมือนไม่มีอะไร และเจมินไม่ปฏิเสธ

เขาสามารถตอบแทนได้ในภายภาคหน้า ตอนนี้ เขาต้องการพลัง และหัวใจตรงหน้าเขาเป็นวิธีให้ได้พลังนั้นมา

“พอนายทำพิธีกรรมเสร็จก็กลับไปโลกจาคุ ดื่มเลือดให้มากที่สุด อีกไม่นานฉันจะไปที่โลกอื่น”

“โลกอื่น?”

“อัลเฟน”

“อา”

เจมินรู้จักโลกอัลเฟน เขาเริ่มสนิทกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เพราะอยู่ปาร์ตี้เดียวกัน เธอพูดถึงดาวเกิดของเธอจนหูเขาชา

“พี่จะล่าอีกเหรอครับ?”

“นายห่วงตัวเองดีกว่าห่วงฉันนะ รีบทำพิธีกรรมเถอะ”

วูจินอยู่เผื่อว่าพิธีกรรมเลือดจะเกิดผิดพลาด หลังจากนั้นเขาจะกลับไปที่โลก ไม่ได้มีแค่โลกจาคุที่เป็นพื้นที่ล่า เขายังต้องพิชิตดันเจี้ยนบนโลกที่คนอื่นรับมือไม่ไหวด้วย

เมื่อไปอัลเฟนเขาจะกลับมาไม่ได้อีกหลายวัน เขาต้องพิชิตดันเจี้ยนที่กำลังจะระเบิดก่อนไป

แม้ตายแล้ว หัวใจยังเต้นอยู่ เมื่อเจมินจับหัวใจ เลือดพุ่งออกจากมันกลายเป็นหมอกเลือดและถูกดูดซับเข้าไปในตัวเจมิน หลังพิธีกรรมเสร็จสิ้น มันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่ความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมาก

เริ่มแรกเจมินก้าวพลาดไปเล็กน้อย ถึงอย่างนั้น ทุกครั้งที่เขาก้าวเดิน ความเปลี่ยนแปลงจะยิ่งมากขึ้น เขาจะได้ลิ้มรสการเติบโตที่เมื่อก่อนไม่อาจเทียบได้

“โชคดีล่ะ”

“ครับพี่”

เจมินไม่เหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ หลังจากเจมินกล่าวลา เขาก้าวผ่านอุโมงค์ไปยังโลกจาคุ วูจินก็เข้าไปในอุโมงค์ที่นำไปสู่สถานีโซลทางออกที่ 1

“อ๊ะ? ประธาน... กลับมาแล้วหรือครับ ราชา?”

พนักงานที่เฝ้าทางออกที่ 1 ทักทายวูจิน

หลายคนรู้สึกเคอะเขินกับตำแหน่งพระราชา แต่วูจินไม่สนใจนัก

“ซุงฮุนอยู่ไหน?”

“รัฐมนตรีต่างประเทศกลับไปที่สำนักงานใหญ่พอได้ยินว่ามีแขกต่างประเทศมาถึงครับ”

“งั้นเหรอ?”

“ให้ผมติดต่อเขาตอนนี้เลยไหมครับ?”

“ไม่ต้อง ไม่เป็นไร อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”

วูจินก้าวออกจากสถานีท่ามกลางเสียงกดชัตเตอร์กล้องของนักข่าวที่มาเฝ้าทำข่าว

เขามุ่งหน้าไปยังอาคารหลักของอลันดาล

***

ในอาคารสำนักงานใหญ่ อาคารส่วนหนึ่งเป็นที่ทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ

ในพื้นที่ส่วนนั้น วูซุงฮุนมีห้องทำงานส่วนตัวในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

“เฮ้อ พวกนั้นอยากได้เยอะจริงๆ”

ซุงฮุนมองจดหมายต่อรองที่ส่งมาจากแต่ละประเทศแล้วส่ายศีรษะ คนพวกนี้ยังไม่รู้ว่าดาบอยู่ในมือของฝ่ายไหน

“ท่านรัฐมนตรี คณะผู้แทนมาถึงที่ทำงานของท่านนายกแล้วครับ”

“อืม ไปกันเถอะ”

ซุงฮุนกับพนักงานออกไปยังที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี

จุงมินชาน นายกรัฐมนตรีของอลันดาล, กรรมการคนหนึ่งจากกิลด์คาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น และผู้แทนจากประเทศอังกฤษมาอยู่ในห้องแล้ว

[ยินดีที่ได้พบพวกคุณ ผมชื่อซุงฮุน ผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ]

วูซุงฮุนทักทายทุกคนด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ไม่จำเป็นต้องใช้ล่ามแปล

ซุงฮุนนั่งถัดจากจุงมินชาย มินชานกระซิบกับเขา

“รัฐมนตรีวู การเจรจา...”

“ท่านนายก”

ซุงฮุนมองมินชานอย่างขึงขัง

“โปรดเชื่อใจผม ให้ผมต่อรองเอง”

“หา?”

มินชานมองซุงฮุนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็พยักหน้า

ตำแหน่งหน้าที่สร้างคน

วูซุงฮุนตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน

เมื่อครั้งพวกเขาทำงานในสนธิสัญญาอลันดาล ซุงฮุนทำงานร่วมกับเขา ด้วยเหตุนี้มินชานจึงคิดว่าซุงฮุนจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงแม้เขาจะไม่ใช่นักเจรจามืออาชีพ

มินชานจะอยู่ด้วย ถ้ามีปัญหาเขาจะแก้ไขทันทีถ้าจำเป็น

“ได้ ผมจะยังเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้าย ดังนั้นคุณต้องคุยกับผมก่อน”

“แน่นอนครับ”

นอกจากพระราชา นายกรัฐมนตรีเป็นคนตัดสินใจเรื่องทั่วไปในอลันดาล เขามีอำนาจเหมือนประธานาธิบดี และอิทธิพลของมินชานในอลันดาลนั้นเด็ดขาด

อลันดาลเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่มีอำนาจระดับโลก ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนแรกของอลันดาล หลายประเทศให้ความสนใจเขา

ซุงฮุนนั่งต่อหน้าคนจากกิลด์คาเนดะ

[ผมได้อ่านข้อมูลและข้อเรียกร้องที่คุณส่งมาแล้ว มาคุยกันเรื่องส่งคำเตือนเมื่อดันเจี้ยน 6 ดาวหรือมากกว่าขึ้นไปปรากฏเถอะ เรายังต้องคุยเรื่องการร่วมมือพิชิต...]

ซุงฮุนเก่งด้านเป็นฝ่ายนำ มินชานจึงพยักหน้ายอมรับอยู่ในใจ ซุงฮุนรวบรวมข้อมูลได้ถี่ถ้วนและชิงโอกาสเป็นฝ่ายนำในการต่อรอง

ซุงฮุนรู้ดีว่าอลันดาลเหนือกว่าด้านดันเจี้ยนในการเจรจากับกิลด์และประเทศอื่น เขาใช้เรื่องนี้ในการต่อรองได้เป็นอย่างดี

หลังการเจรจากับกิลด์คาเนดะมาถึงการตกลงร่วมมือพิชิตดันเจี้ยน และผลประโยชน์ที่อลันดาลจะได้จากดันเจี้ยนที่ถูกพิชิต ซุงฮุนหันไปทางกิลด์แบดเซ็คเตอร์ของอเมริกา

[ผมแน่ใจว่าท่านประธานจะปฏิเสธเรื่องสร้างภาพยนตร์ ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้อลันดาลเป็นพันธมิตรกับกิลด์ไททัน...]

พวกเขาคุยกันเกิน 30 นาที แต่ยังตกลงกันไม่ได้ ซุงฮุนตัดสินใจเลื่อนการเจรจาไปวันอื่น

[เฮ้อ เราจะคุยเรื่องนี้กันอีกทีพรุ่งนี้ครับ]

แบดเซ็คเตอร์เป็นกิลด์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสหรัฐอเมริกาต่อจากกิลด์ไททัน การเจรจาไม่ง่าย

ซุงฮุนไปนั่งตรงหน้าผู้แทนจากประเทศอังกฤษ เขาขมวดคิ้ว

[พวกคุณมาหาเราแต่ไม่ได้ส่งเรื่องอะไรมาทางเราเลย ทำแบบนี้มีเหตุผลอะไร?]

[ประธานคังวูจินบอกให้มาอลันดาล...]

[เขาเป็นพระราชาของเรา]

[ผมทำตามที่พระราชาคังวูจินแนะนำ เขาบอกให้คุยกับคนในประเทศของเขา เราจึงมาที่นี่]

[อา แปลว่าประธานส่งคุณมา]

วูซุงฮุนมีสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย

[แล้วคุณมาด้วยเรื่องอะไร?]

[ผมขอพูดตรงๆ พวกเราต้องการซื้อชิ้นส่วนมิติ]

[อ้อ คุณมาซื้อไอเทม]

[ครับ ผมถูกสั่งให้มาต่อรองกับอลันดาล]

อา ในที่สุดท่านประธานก็ยอมรับความสามารถของวูซุงฮุนแล้ว? เขาดีใจจนหลุดปากถาม

[ได้ๆ คุณตั้งราคาไว้เท่าไหร่?]

[พระราชาของอลันดาลบอกราคาไว้แล้ว เขาอยากได้เรือบรรทุกเครื่องบิน]

[อะไรนะ? เมื่อกี๊คุณพูดว่าอะไรนะ?]

ซุงฮุนคิดว่าเขาฟังผิดจึงถามใหม่ จุงมินชานมองอย่างประหลาดใจ

‘ชิ้นส่วนมิติคืออะไร? มันมีค่ามากเลยเหรอ?’

จุงมินชานไม่จำเป็นต้องถามออกมาดังๆ ซุงฮุนพ่นคำถามนี้ออกมาเองด้วยสีหน้าแปลกใจ


สารบัญ                                                  บทที่ 155


2 ความคิดเห็น:

  1. จำได้ว่าวูจินบอกเครื่องบิน1ลำน้ะ ไหงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินได้5555

    ตอบลบ