วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 125

บทที่ 125 – ลิช เจนิส (3)


สถานีรถไฟที่ต้องเคลียร์คือสถานีนัมบะ

วูซุงฮุนตีหน้าเข้มพูดกดดันคนจากกิลด์เซ็นเซย์ด้วยภาษาญี่ปุ่นชัดเจน

[นี่มันเรื่องอะไรกัน? เรามาช่วยพวกคุณแต่คุณอยากเข้าดันเจี้ยนด้วย!]

[ใจเย็นก่อนครับ นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงไม่ใช่เหรอ? เราจำเป็นต้องรู้ว่าคุณเคลียร์ดันเจี้ยนยังไง ไม่อย่างนั้นต่อไปเราจะเก็บบลัดสโตนได้ยังไง?]

คำขอของกิลด์เซ็นเซย์มีเหตุผล พวกวูจินตั้งใจจะเคลียร์ดันเจี้ยนรอบโลกจึงต้องเคลียร์ให้เร็วที่สุด จะไปมีเวลาเขียนคู่มือเคลียร์ดันเจี้ยนได้เหรอ?

“เฮ้อ เหมือนช่วยคนกำลังจมน้ำแล้วโดนคนขโมยของเลย”

“อะไรนะ?”

คนฟังหน้าตึงเมื่อได้ยินที่ซุงฮุนพูดกับตัวเอง

สุดท้ายก็ตัดสินใจกันไม่ได้ พวกเขาจึงถามวูจิน

“คุณจะทำยังไงครับ?”

“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

วูจินถามคนจากกิลด์เซ็นเซย์

“ผมรู้ว่าธุรกิจดันเจี้ยนมันดี แต่ช่วยโลกก่อนดีไหม”

“คุณได้รางวัลจากการเคลียร์ดันเจี้ยนจากรัฐบาลญี่ปุ่นใช่ไหม? เรากำลังคุยเรื่องข้อตกลงทางธุรกิจ คนที่เสนอเรื่องนี้คืออลันดาลนะครับ”

“หา?”

วูจินถามซุงฮุน

“ใครรับผิดชอบเรื่องประสานงานกับจัดตารางเวลา?”

“กรรมการคิมเฮมินครับ”

วูจินพูดกับคนจากกิลด์เซ็นเซย์

“ช่วยเล่ารายละเอียดให้ผมที”

“เราตกลงกันว่าสมาชิกคนหนึ่งของกิลด์เราจะได้สังเกตการณ์คุณระหว่างเคลียร์ดันเจี้ยน ไอเทมกับบลัดสโตนทั้งหมดที่ได้จากการเคลียร์ครั้งแรกเป็นของอลันดาล หลังจากนั้นจะแบ่งกัน 7:3”

วูจินหันไปมองซุงฮุน ซุงกูกับเบคจองโด

เป็นสัญญาที่ดีทีเดียว หลังจากเคลียร์ครั้งแรก กิลด์เซ็นเซย์จะรับหน้าที่ขุดบลัดสโตนเรื่อยๆและเขาจะได้ส่วนแบ่งด้วย

“ก็ดี ได้ 30% ก็โอเค”

“อลันดาลได้ 70% ครับ...”

“...?”

วูจินมีสีหน้าสับสน คนจากกิลด์เซ็นเซย์เลยเอาสัญญาออกมา

ในสัญญาเขียนความเป็นไปได้ไว้หลายข้อ เราส์หนึ่งคนจากฝ่ายญี่ปุ่นต้องร่วมกับปาร์ตี้เคลียร์ดันเจี้ยน และสิทธิ์ในการใช้ดันเจี้ยนจะส่งผ่านไปยังกิลด์เซ็นเซย์

กำไร 70% มอบให้อลันดาล...

‘เจ้าบ้านั่นโหดน่าดู’

อาจเพราะเฮมินตรากตรำอยู่ด้านล่างมานาน เขาจึงเขียนสัญญาอันโหดร้ายขึ้นมาได้ ฝ่ายกิลด์เซ็นเซย์ ถ้าวูจินเคลียร์ดันเจี้ยนไม่ได้พวกเขาก็ไม่เสียอะไร ถ้าวูจินเคลียร์ได้ พวกเขาก็เหมือนได้ดันเจี้ยน 6 ดาวมาฟรีๆ แม้จะได้ส่วนแบ่งแค่ 30% ก็ไม่เสียหาย

‘ฉันชอบแฮะ’

วูจินชมคิมเฮมินในใจ

“งั้นบอกให้ทุกคนเตรียมตัวได้แล้ว”

“เราพร้อมแล้วครับ”

ทากุจิเดินออกมาจากด้านหลังพนักงานกิลด์ด้วยสีหน้ามุ่งมั่น เหตุผลที่ทากุจิมาต้อนรับกลุ่มวูจินแต่แรกก็เพราะเขาเป็นเราส์แรงค์ A อย่างน้อยก็ไม่เป็นตัวถ่วง

“ตกลงมีพวกเรา 4 คนใช่ไหม?”

กลุ่มประกอบด้วย วูจิน ซุงกู เบคจองโดและทากุจิ

“ไปกันเถอะ”

วูจินลงบันไดสถานีโดยไม่ลังเล ซุงกูคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีอยู่แล้วจึงตามไปทันที เบคจองโดเข้าดันเจี้ยนไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น

ทากุจิเข้าไปเป็นคนสุดท้ายด้วยความกังวล

‘เขาจะเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยคนแค่นี้จริงๆน่ะ?’

ทากุจิรู้ว่าวูจินเคยเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยตัวคนเดียวมาก่อน แต่เขารู้ว่าจะเชื่อข่าวนี้ได้หรือไม่ ถ้าวูจินพลาดเขาก็ตายด้วย

‘นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยน 6 ดาวธรรมดา’

ถ้าดูตามตัวเลขค่าพลังงาน ดันเจี้ยนนี้สูงกว่า 6 ดาว

ถ้าเป็นดันเจี้ยน 6 ดาวธรรมดา ดันเจี้ยนคงถูกทีมเราส์ของญี่ปุ่นพิชิตไปแล้ว เราส์ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นมารวมตัวกันเป็นทีมแต่ก็ยังล้มเหลว 3 ครั้ง หลังจากล้มเหลว ทุกคนแค่รอให้เกิดดันเจี้ยนเบรก

ทากุจิร่วมทีม 2 ครั้ง เขาจึงรู้ดีถึงความยากของดันเจี้ยนนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่อาจใช้อุโมงค์ย้อนกลับ ถ้าเคลียร์ดันเจี้ยนไม่ได้พวกเขาจะตาย

ทากุจิรู้สึกคาดหวัง แต่ก็รู้สึกกังวลด้วย

บาเรียก่อตัวขึ้นหลังจากเขาเข้าดันเจี้ยนไป

[เริ่มแรก พวกมนุษย์หมาป่า... เอ๊ะ?]

ทากุจิเข้าดันเจี้ยนนี้ 2 ครั้งแล้ว เขาจึงคิดจะแนะนำคนอื่น เพิ่งจะเริ่มอธิบายเขาก็ลืมตาโต

เปรี๊ยะๆ

เถ้าถ่านและไฟคงเหลือตามที่ต่างๆในสถานี

สิ่งที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านก็คือศพมนุษย์หมาป่านั่นเอง

[ข...เขาไปไหนแล้วครับ?]

“ผมไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น”

เบคจองโดเป็นคนเดียวที่รั้งท้ายอยู่กับทากุจิ เขายื่นดาบสั้นให้ ทากุจิรับมางงๆ

“เขาบอกให้ตามมาแล้วเก็บบลัดสโตนไปด้วย”

มนุษย์หมาป่าโจมตีทันทีที่พวกเขาเข้าดันเจี้ยน และถูกฆ่าในวินาทีเดียว เบคจองโดประหลาดใจมาก

ฉายาคุณชายไฟฮงซุงกูไม่ได้มีไว้เปล่าๆ คังวูจินเป็นภูเขาใหญ่และฮงซุงกูได้รับความสนใจเพราะเป็นคนข้างกายเขา แต่ฮงซุงกูมีพลังโจมตียอดเยี่ยมและถือเป็นมหาอำนาจคนหนึ่ง

ทางที่ฮงซุงกูวิ่งไปกลายเป็นเปลวไฟ และวูจินเรียกอัศวินมรณะออกมา พวกเขากวาดล้างดันเจี้ยน

พวกเขาเดินหน้าไปโดยไม่มีความระมัดระวัง นี่ไม่ใช่การล่า เหมือนการวิ่งแข่งกันมากกว่า

“พี่เบค ค่อยๆเก็บบลัดสโตนไปแล้วตามผมมานะ”

คังวูจินพูดประโยคนี้เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของเขาแล้ว วูจินลงไปชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว

[อะไรกัน]

ทากุจิก็ตกใจ โชคดีแม้เขาพูดภาษาเกาหลีไม่คล่องแต่ฟังเข้าใจ เขาทำตามเบคจองโด พวกเขาผ่าหน้าอกมนุษย์หมาป่าเอาบลัดสโตนออกมา แต่ไม่นานก็ต้องหยุดมือ

มีเสียงฝีเท้ารีบร้อน วูจิน ซุงกูและพวกทหารผีดิบกำลังกลับขึ้นมา

“กลับกันเถอะ”

ทากุจิยืดหลังแล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิม เขาอดร้องออกมาด้วยความทึ่งไม่ได้

[เป็นไปไม่ได้ เพิ่งจะ 5 นาที 5 นาทีนะ]

5 นาทีนับจากพวกเขาเข้าดันเจี้ยนมา มอนสเตอร์พื้นฐานถูกฆ่าจนหมด หลักฐานคืออุโมงค์สีแดงที่ก่อตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา

“ระวังตัวด้วย พวกนายต้องรักษาชีวิตตัวเองตอนตามฉัน”

วูจินเตือนสมาชิกกลุ่มแล้วผ่านอุโมงค์แดงไปเป็นคนแรก

หลังผ่านอุโมงค์เข้ามา สิ่งแรกที่ทักทายพวกเขาคือไอร้อน อากาศปนควันร้อนเข้าไปในปอดจนเจ็บ

“มันคือภูเขาไฟ”

ลาวาไหล พ่นแก๊สออกมา

มีหุบเขาเป็นลาวาร้อนหลายลูก หินก้อนใหญ่เป็นร้อยๆเหมือนเกาะ ทั้งกลุ่มกำลังยืนบนเกาะหินแห่งหนึ่งสูงประมาณ 10 เมตร

ลาวาเดือดอยู่ด้านล่างและแสงสีเขียวจากหินรีเทิร์นสโตนอยู่ห่างไปมาก

[ถ้ากำจัดปลาบินลาวาได้เกาะจะเคลื่อนไปประกบกับเกาะอื่น นี่เป็นวิธีหลุดจากเขตลาวานี้ครับ]

วูจินส่ายหน้า

[ช้าเกินไป บินกันเถอะ]

วูจินเรียกชิงชิงออกมา อัศวินมรณะ 2 นายถูกเรียกออกมาและพวกเขาเรียกม้าปีศาจของตัวเองออกมา

[แต่เราเดินทางกลางอากาศไม่ได้นะครับ]

[ทำไมล่ะ?]

[ถ้ามีคนพ้นจากเกาะไปถึงตรงส่วนหนึ่ง มันจะระเบิด]

วูจินหรี่ตามองท้องฟ้าตอนที่ฟังคำอธิบายของทากุจิ

“ซุงกู”

“ครับลูกพี่”

“มียุงลูกระเบิดบนฟ้า พวกมันเข้ามาใกล้ลาวาไม่ได้”

“อ้อ! ให้ผมโยนลาวาใส่พวกมันไหม?”

“ไม่ล่ะ ยุ่งยากเกินไป”

วูจินเรียกโดลเซออกมา โดลเซหล่นลงไปในลาวา ไม่นานยักษ์ไฟก็ปรากฏตัวขึ้น

[โอ!]

เมื่อมันขยับตัวไฟก็ลุกโพลง มันคือโกเลมไฟ

ยุงลูกระเบิดหลบร่างยักษ์ของโดลเซอย่างรวดเร็ว

“ขึ้นมา ตามเขาไป”

วูจินขี่ชิงชิง ซุงกูนั่งข้างหลัง เบคจองโดกับทากุจิได้ประสบการณ์แปลกใหม่ของการซ้อนท้ายอัศวินมรณะ ม้าปีศาจไต่อากาศและตามติดหลังโกเลมไฟ

[ฮ้า ง่ายไปแล้ว...]

ทากุจิส่งเสียงหดหู่ มีปลาบินลาวาและปลาโลมาลาวากระโจนออกมาโจมตี พวกมันเป็นมอนสเตอร์ธาตุไฟและใช้ความร้อนของร่างกายมันเป็นอาวุธ พวกมันต้องเข้าใกล้เป้าหมายถึงจะทำอันตรายได้ พวกวูจินจึงปลอดภัย

และมียุงลูกระเบิดอยู่กลางอากาศ... ทากุจิได้รู้ว่ามียุงระเบิดเพราะวูจินบอก ก่อนหน้านั้นเขาคิดว่ามีการตั้งระบบบางอย่างทำให้เกิดการระเบิด

‘เขาเป็นคนน่าทึ่ง’

ทากุจิประทับใจวูจินตรงความรู้และวิธีแก้ปัญหาของเขามากกว่ากองทัพผีดิบหรือพลังต่อสู้ เขารู้สิ่งที่คนในโลกนี้ยังไม่รู้

วูจินอธิบายพลางทำไม้ทำมือกับซุงกูที่นั่งด้านหลัง

ทากุจิเข้าใจภาษาเกาหลีอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจทุกคำแต่รู้ว่าวูจินกำลังพูดถึงข้อมูลสำคัญบางอย่างของดันเจี้ยนนี้

“คุณวูจินรู้เรื่องพวกนี้จากที่ไหนครับ?”

“หา? นายพูดเกาหลีได้ด้วยเหรอ?”

“น้อยมากๆครับ”

วูจินยิ้ม

“จะใครล่ะ? ฉันเรียนมาจากครู”

“อา”

ใครเป็นครูที่สั่งสอนคังวูจินนะ? ทากุจิได้แต่คิดอย่างนับถือ

ซุงกูถามด้วยตาเป็นประกาย

“ลูกพี่มีครูด้วยเหรอครับ?”

“แน่สิ...”

“ว้าว... ตอนลูกพี่ถูกอัญเชิญไปที่อัลเฟน ลูกพี่เรียนเวทย์มนตร์จากครูคนนั้นเหรอครับ?”

วูจินยิ้มแล้วส่ายศีรษะ

“ไม่ใช่ อันนั้นฉันฝึกเอาเอง”

พลังเวทย์ของวูจินมาจากความรู้จากการเล่นเกมของเขา เขาไม่ได้รู้จักพวกมันทุกอย่างแต่เขาเรียนทุกอย่างเท่าที่ทำได้ จากนั้นเขาเริ่มใช้เวทย์มนตร์และในที่สุดก็บังคับเหล่าผีดิบได้

“เห ถ้าไม่ได้เรียนเวทย์มนตร์มาจากเขา หรือว่าลูกพี่เรียนศิลปะการต่อสู้?”

การเคลื่อนไหวและการใช้อาวุธของวูจินดูช่ำชองมาก ทักษะด้านกายภาพของเขาสูงจนอาจถูกเข้าใจผิดได้ว่าเป็นเราส์สายกายภาพ

“เปล่า”

ศิลปะการต่อสู้นี่เขาเรียนตอนกลับมาที่โลก เขาถูกลดเลเวลเป็น 1 และได้ทักษะพวกนี้มาจากอาชีพที่สอง

“เอ๋? งั้นลูกพี่เรียนอะไรมาครับ?”

“เอาตัวรอด”

“อา...”

ซุงกูพยักหน้าอย่างเข้าใจ วูจินยังพูดไม่จบ เขาพูดต่อด้วยสีหน้าขึงขัง

“ความบ้าคลั่งกับความโหดร้าย”

“...!”

ทำไมต้องเรียนของพวกนี้ด้วย?

“ความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว”

“...”

“ความกลัวที่ท่วมท้น”

“เฮือก”

วูจินปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่ตั้งใจและทำให้ซุงกูกลัว วูจินมารู้ตัวทีหลังและสลายจิตสังหารไป

“อื้ม ฉันเรียนพวกนั้นแหละ”

“โอ ฟังแล้วเหมือนเขาเป็นคนที่สุดยอดมากเลยครับ”

“สุดยอดจริงๆ”

“แล้วครูลูกพี่ยังอยู่ที่โลกอัลเฟนเหรอครับ?”

“ไม่ เขาตายแล้ว”

ซุงกูรู้ตัวว่าพลาดไป

“อา ขอโทษครับ...ผมไม่ควรพูด...”

“ไม่เป็นไร ตอนฉันเจอเขา เขาก็ตายอยู่แล้ว”

“อะไรนะ?”

ลูกพี่พูดอะไรเนี่ย? วูจินกระตุกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางสับสนของซุงกู

“เดี๋ยวนายก็ได้เจอ”

เขาเคยเป็นนักปราชญ์และจอมเวทย์ของโลกอัลเฟน

เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นลิชด้วยความตั้งใจของตัวเองและสู้กับทราห์เน็ตมา 200 ปี ในบรรดาอสูรของวูจิน เขาเป็นคนสำคัญมาก วูจินจะได้เจอเขาอีกครั้งในอีกไม่นาน

“เขาถนัดด้านเวทย์ไฟ นายควรเรียนจากเขา”

“...จะดีเหรอครับ?”

เท่านี้ซุงกูก็รู้สึกเหมือนปัสสาวะจะราดแล้ว เขาคิดว่าตัวเองชินกับสไตล์การสอนของวูจินแล้ว แต่วูจินมาพูดถึงครูสุดโหดอีกคน...

“ฉันรับรองกับนายได้อย่าง”

“อ...อะไรครับ?”

“มันจะได้ผลสองแบบ”

วูจินเหลียวกลับไปมองซุงกู เขาหัวเราะพลางมองซุงกูที่กำลังทำคอหด

ครูเกลียดคนขี้ขลาดแบบนี้ที่สุด แต่ครูเก่งเรื่องเปลี่ยนนิสัยคน

“ไม่นายเป็นนักเวทย์ไฟที่เก่งที่สุดในโลกก็ตาย”

“...”

ผลลัพธ์มันไม่สุดโต่งไปหน่อยเหรอ?

ซุงกูกลืนน้ำลาย




สารบัญ                                                  บทที่ 126

รุ่นพี่ไซโคว่าที่รุ่นน้อง :3


5 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ รอติดตามครับ

    ตอบลบ
  2. เวท ควรใช้เวทนะครับ(><)
    ประโยคสุดท้ายตก'ไม่'ครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จะจำไว้ใช้ตอนต่อไปค่ะ มึนทุกทีเลย เวทกับเวทย์นี่ ^^"

      ลบ
  3. อย่าบอกนะว่าอจ.วูจินคือ เจนิช? (ตามชื่อตอน)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ได้สปอยล์น้า วูจินเคยบอกไว้ตั้งแต่ตอนก่อนๆแล้วว่าเจนิชเป็นครูเขาค่ะ :D

      ลบ