วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 79

บทที่ 79 – รัชโมด


ความเดือดดาลแสดงออกมาในรูปของภัยพิบัติ โดลเซทำลายล้างครอบคลุมทั้งพื้นที่

ใบพัดบนแขนซ้ายหมุนตัดมอนสเตอร์หมาป่าขาดครึ่ง เวทย์มนตร์เพิ่มความแข็งแกร่งให้มันจนไม่ต่างจากใบมีดกำลังหมุน

เลือดหมาป่าสาดกระจาย กลายเป็นสัญญาณเริ่มต่อสู้

“โก!”

โดลเซคำราม มุ่งหน้าเข้าหาฝูงมอนสเตอร์

กึง กึง!

ยักษ์เหล็กเดินหนึ่งก้าว พื้นก็ยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ แรงสั่นทำให้เกลียวน็อตบนร่างร่วงพรู

มอนสเตอร์หลายร้อยตัววิ่งเข้าใส่ แต่โดลเซไม่ชะงัก

ทุกครั้งที่โดลเซเหวี่ยงหมัด หัวมอนสเตอร์ก็ระเบิด ดาบใบพัดตัดร่างพวกมันจนเสียขบวน

จรวดบนหลังถูกยิงขึ้นฟ้า มันร่วงลงมาแล้วระเบิดตรงด้านหลังที่มีฝูงมอนสเตอร์แน่นหนาที่สุด สมาชิกกลุ่มริเวอร์ที่หนีไม่ทันก็ถูกระเบิดไปด้วย แต่โดลเซไม่หยุดความคิดทำลายล้าง

เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์มองอย่างมึนงง โดลเซอาละวาดเต็มที่กลางฝูงมอนสเตอร์เหมือนกระทิงคลั่ง

“ว้าว ทรานสฟอร์เมอร์?”

“เท่ชะมัด!”

จิมมี่คิดว่าถ้าได้ความสามารถแบบนี้เขาจะยอมทิ้งทักษะบินกับดาบเร็วของตัวเองทันที

เห็นบอกว่าเป็นโกเลมเหล็ก...

นี่มันหุ่นยนต์แล้ว

“ดูที่ปืนใหญ่เขาสิ”

ปืนใหญ่บนไหล่ของโดลเซยิงมอนสเตอร์ที่บินอยู่ห่างๆร่วงลงมา อัศวินศักดิ์สิทธิ์บางคนถึงขั้นปรบมือ
แต่ใช่ว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทุกคนจะเป็นโรคบ้าหุ่นยนต์

“ยืนเซ่อกันทำไม! ไปสู้กับมอนสเตอร์สิ!”

เจมส์ หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ตะคอกใส่ลูกน้อง เหล่าอัศวินเตรียมตัวทันที เมื่อมอนสเตอร์สองตัวพุ่งมาทางพวกเขา ทั้งหมดก็ดึงอาวุธออกมา

“ขอให้เทพีอำนวยพรแด่พวกท่าน”

เมื่อพรจากเทพีอาเรียถูกร่ายออกมา พลังของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็เพิ่มขึ้นมาก บัฟจากเมโลดี้สามารถเปลี่ยนเราส์แรงค์ B เป็นแรงค์ A และบางคนยังเพิ่มพลังสูงขึ้นไปกว่านั้น

“ไม่ได้สู้มานาน ไปกันเลยเถอะ?”

เหล่าอัศวินกำลังจะก้าวออกไป แต่แล้วเงาหนึ่งก็มาคลุมเหนือมอนสเตอร์สองตัว แล้ว...

ตูม!

เท้าของโดลเซหล่นมาจากฟ้า เหยียบมอนสเตอร์สองตัวกลายเป็นหลุมลึก พวกมันคงถูกเหยียบตายไปแล้ว

คลื่นกระแทกทำให้ฝุ่นลอยคลุ้ง เหล่าอัศวินจึงพูดปนไอเสียงแหบ

“เวร”

“อะไรวะเนี่ย?”

โดลเซ หลังจากลงสู่พื้น เหยียดแขนไปทางเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์

“อะไรวะ? เขาไม่อยากให้พวกเรายุ่งเหรอ?”

แกร็กๆๆ

เสียงโลหะเสียดสีกันดังทุกครั้งที่โดลเซขยับตัว เขาหันไปมองพวกมอนสเตอร์ เหล่าอัศวินมองเบื้องหลังโดลเซแล้วได้แต่ส่ายหน้า พวกเขาหันไปถามสตรีศักดิ์สิทธิ์

“พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ?”

“....”

“ทำยังไงดีครับ?”

“รอเถอะ”

นั่นเป็นสิ่งที่ไททันแห่งการทำลายต้องการ – สู้กับมอนสเตอร์ตัวคนเดียว เมโลดี้ไม่รู้เหตุผล แต่เธอตัดสินใจให้โดลเซทำตามใจจะดีกว่า

ถ้าพวกเขาเข้าไปยุ่งอาจต้องสู้กับไททันแห่งการทำลายเสียเอง

กึงๆๆ

ไททันแห่งการทำลายพุ่งใส่มอนสเตอร์ เมโลดี้ไม่ห่วงโดลเซ แต่เป็นห่วงวูจินที่เข้าไปสภาพเสียเปรียบ

‘ฉันเป็นห่วงผู้ไม่ตายเหรอ’

เมโลดี้ส่ายหน้าให้กับความคิดเหลวไหลของตัวเอง

เขาดูแลตัวเองได้ เขาเข้าไปคนเดียวเพราะมั่นใจว่าตัวเองทำได้

“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”

เหล่าอัศวินงงกับคำพูดของเมโลดี้

“เอ่อ เพื่อนเหล็กของเราจะจัดการเองไม่ใช่เหรอครับ?”

“พอเขาใช้พลังเวทย์หมดแล้วจะซ่อมแซมตัวเองไม่ได้อีก”

พลังเวทย์ถูกใช้ไปตอนสร้างร่างกาย และถูกใช้ซ่อมแซมร่างกายเมื่อเสียหาย วูจินส่งพลังเวทย์ทั้งหมดให้โดลเซ แต่สุดท้ายมันก็จะหมดไป

แม้แต่ตอนนี้ก็เห็นโดลเซกำลังซ่อมแซมเกราะที่ถูกมอนสเตอร์ฉีกกระชากออก เขาดึงหลังคารถมาซ่อมร่างกาย พลังเวทย์ของเขาถูกใช้ไปเรื่อยๆ แต่ยังมีมอนสเตอร์เหลืออีกเป็นร้อย

“เมื่อไททันแห่งการทำลายล้มลง ฉันไม่รู้ว่ามอนสเตอร์จะมุ่งหน้าไปที่ไหนต่อ”

ตอนนี้พวกมอนสเตอร์ทำตัวเหมือนสุนัขล่าเนื้อที่ผ่านการฝึกฝน มันผลัดกันโจมตีเป้าหมายเดียว ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกมันรับคำสั่งของรัชโมด

หลังจากจัดการเป้าหมายเสร็จแล้ว พวกมันจะถูกปลดปล่อยจากการควบคุมของรัชโมด เปลี่ยนกลับเป็นมอนสเตอร์ป่าเถื่อนไร้การควบคุม

สถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นเหมือนกับตอนเกิดดันเจี้ยนเบรก หากพวกมันหนีไปได้แม้แต่ตัวเดียวก็จะกลายเป็นหายนะ

“หวังว่าโกเลมเหล็กจะทนได้นานนะ”

เดคอนคราง ทีมสนับสนุนคงอยู่ระหว่างเดินทาง ทีแรกเขากังวลว่าจะต้องถ่วงเวลาโดยมีแค่เหล่าอัศวินช่วยสู้ ที่เมโลดี้ตัดสินใจให้รอจึงเป็นเรื่องน่ายินดี เขาหวังว่าโกเลมเหล็กจะสู้กับมอนสเตอร์ไว้จนกว่าทีมสนับสนุนจะมาถึง

“แล้วคนที่คุณคังวูจินตามไปเป็นใครเหรอ?”

“คน?”

เมโลดี้ขมวดคิ้ว มนุษย์มองรัชโมดเป็นคน แต่มันเป็นอสูรร้าย

“เขาเป็นแม่ทัพของทราห์เน็ต...”

นั่นคือตัวจริงของมัน

“รัชโมด จอมเวทย์ดำ”

เมโลดี้มองทางเข้าดันเจี้ยนใต้ดินด้วยสายตาเป็นห่วง

***

วูจินเดินลงบันไดช้าๆ

ขั้นบันไดมีไม่มาก สุดทางแคบๆเป็นอุโมงค์สีแดง

โครงสร้างที่นี่เป็นแบบเดียวกับดันเจี้ยนแรงค์สูง

วูจินเข้าอุโมงค์ไปโดยไม่ลังเล

เมื่อแสงหายไป ถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ราวสองเท่าของสนามฟุตบอลก็เผยออกมา

[ท่านเข้าสู่ห้องวิจัยของรัชโมด]

[ท่านเข้าสู่โหมด ‘จู่โจม’]

“อะไรหว่า?”

เสียงประกาศเข้าดันเจี้ยนต่างไปจากเดิม วูจินเดาว่าคงหมายถึงเขาเข้ามาในอาณาเขตมิติของผู้อื่น

“คึ ฮ่าๆๆ เจ้าโง่ ตามเข้ามาจริงๆ”

รัชโมดหัวเราะร่า เขารู้ว่าเนโครแมนเซอร์มีนิสัยใจร้อนทำอะไรตามอารมณ์ แต่นึกไม่ถึงว่าจะเข้ามาติดกับดักง่ายๆตามคำท้าของเขา

เขาส่งลูกน้องออกจากดันเจี้ยนจนหมด หากคิดจะเอาเปรียบด้านจำนวน เนโครแมนเซอร์ก็จะเปลี่ยนให้กลายเป็นทหารโครงกระดูก

“เจ้าเป็นแค่เนโครแมนเซอร์ ไม่มีศพแล้วจะทำอะไรได้?”

“อย่างน้อยก็ฆ่าไอ้เวรอย่างนายได้”

“ฮ่าๆๆ ขนาดกลับไปที่จุดเริ่มต้นแล้วเจ้ายังกล้าไม่เปลี่ยน”

“นายก็มั่นใจเกินไปเหมือนกัน ทั้งๆที่ไม่มีพวกคิเมร่า”

รัชโมดเป็นจอมเวทย์ดำที่โด่งดังมาในอัลเฟน

เขาได้รับความเป็นอมตะหลังจากรับทราห์เน็ตเป็นนาย หลังจากทดลองหลายต่อหลายครั้ง เขาเปลี่ยนร่างกายตัวเองเป็นคิเมร่า ร่างผสมกับมอนสเตอร์ต่างๆ ร่างกายของเขาไม่อ่อนแอแบบนักเวทย์อีกต่อไป

ถ้าไม่มีพวกลูกน้อง รัชโมดได้เปรียบกว่าผู้ไม่ตายมาก

“โฮ่ๆๆ ในที่สุดก็จะได้เห็นเจ้าตาย”

“มั่นใจน่าดูนี่ สู้กันหลังคืนบิบิมาไหมล่ะ?”

“หา? ฮ่าๆๆ”

รัชโมดรู้สึกเหมือนได้เห็นอีกด้านของผู้ไม่ตายที่ไม่เคยรู้มาก่อน

ถ้ามีคนพบว่าไอด้อลมาดขรึมที่ตนนับถือที่จริงเป็นคนเซ่อซ่า จะรู้สึกเหมือนที่เขารู้สึกไหมนะ? (TN – gap moe? ยกตัวอย่างแปลกดีแฮะ)

“เจ้าเป็นเพื่อนกับอสูรของตัวเอง? ฮ่าๆๆ”

รัชโมดหัวเราะแล้วหยุดชะงัก เขายื่นแมวมาข้างหน้า

“มันเป็นแค่เครื่องมือ ห่วงไปทำไม มันมีตัวตนแค่เพื่อถูกควบคุม”

รัชโมดฉีกแมว บิบิ ออก

คิ้ววูจินกระตุกเมื่อเห็นรัชโมดกระชากหัวของบิบิขาด

[ซัคคิวบัส บิบิ ถูกสังหาร เลเวลของซัคคิวบัสลดลง 1 เลเวล]

[ไม่สามารถเรียกออกมาใหม่เป็นเวลา 32 วัน]

อสูรรับใช้ตายได้ แต่จะไม่หายไป อสูรจะตายในระยะเวลาขึ้นอยู่กับเลเวลของตัวเอง จากนั้นจะไปปรากฏตัวในห้องอัญเชิญอีกครั้ง

“ฮ่าๆๆ อะไร? เจ้าโกรธเรอะ?”

“ไม่มีทาง”

วูจินเดินไปทางรัชโมด สายตากดดัน

“คิดว่าคำว่าโกรธเทียบได้กับความรู้สึกฉันตอนนี้เหรอ?”

“ฮ่าๆๆๆ ไอ้เด็กหยาบคาย”

รัชโมดไม่ชอบมัน

วันนี้แหละ เขาจะเปลี่ยนความยโสโอหังให้กลายเป็นความขี้ขลาด

รัชโมดพุ่งใส่วูจิน

ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ไม่ถูกดัดแปลง ขาสองข้างที่ถีบพื้นแข็งแรงว่องไวเหมือนขาของเซ็นทอร์ แขนสองข้างมีแรงบีบพอกันกับโอเกอร์

ดาบส่องประกายสีดำปรากฏในมือของรัชโมด ยิ่งไปกว่าร่างกายที่ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้น เขายังมีมนตร์ดำที่ใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

เขาไม่ใช่ศัตรูที่เนโครแมนเซอร์เลเวลเกิน 70 มาไม่เท่าไหร่จะสู้ได้

“ลงไปคลานกับพื้นซะ!”

ร้องขอชีวิต ก้มลงแทบเท้าข้า

แต่ถึงเนโครแมนเซอร์จะตายทันทีก็ไม่เป็นไร

รัชโมดเหวี่ยงดาบดำอย่างตั้งใจจะผ่าศัตรูเป็นสองซีก

กึง!

วูจินเอาไม้เท้าเหล็กออกมากันดาบดำของรัชโมด

รัชโมดเลิกคิ้ว

“โฮ่! นี่คือทักษะของเนโครแมนเซอร์เรอะ?”

ผู้ไม่ตายบางครั้งก็สู้แบบนี้

ในอดีต เขาแสดงความสามารถต่อสู้เหมือนไม่ใช่นักเวทย์

วูจินหัวเราะเสียงเย็น

“ไม่ใช่”

ไม้เท้าเปลี่ยนเป็นดาบใหญ่โจมตีใส่รัชโมด

รัชโมดขยับหลีก แต่อาวุธเปลี่ยนเป็นหอกแล้วแทงใส่

‘เป็นอาวุธที่น่ารำคาญจริง’

ไอเทมระดับตำนานหรือ? ไอเทมที่เปลี่ยนรูปร่างได้แบบนี้ช่างเหมือนอาวุธของวอริเออร์

“มะ...ไม่จริงน่า!”

รัชโมดประหลาดใจที่อยู่ๆก็เกิดความคิดเหลวไหลขึ้นมา

มาคิดดู ผู้ไม่ตายสู้กับร่างกายที่ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นของเขาได้

“เจ้า! เจ้ากลายเป็นวอริเออร์เรอะ!”

วูจินหัวเราะแทนคำตอบ

[ความโกรธเกรี้ยวของนักรบเหลือเวลาอีก 77, 76, 75...]

เขารักษาความโกรธไว้ได้นานขึ้นเมื่อเลเวลเพิ่มขึ้น แต่เวลากำลังหมด วูจินเหวี่ยงอาวุธที่กลายเป็นขวาน จากนั้นเปลี่ยนกลับเป็นดาบยักษ์เพื่อรุกต่อ

ด้วยการโจมตีที่คาดเดาไม่ได้กับกำลังของเขา รัชโมดถูกกดดันหนักเข้าจนอดตะลึงไม่ได้

‘มันโยนทัพผีดิบทิ้งเพื่อเปลี่ยนเป็นนักรบธรรมดา’

ไม่น่าเชื่อ แต่หลักฐานก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ขณะที่ผลัดกันโจมตี รัชโมดเริ่มเสียท่าทีละน้อย นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างนักรบกับนักเวทย์ที่เพิ่มแรงกับความเร็วให้ตัวเอง

สู้กันตรงๆแบบนี้ นักรบย่อมได้เปรียบ

ปึก

ปลายหอกแทงลึกเข้ามาในท้อง หน้าซีดของรัชโมดแข็งทื่อ เขากระโจนถอยหลังทิ้งระยะห่างจากศัตรูทันที

เมื่อหอกถูกดึง เลือดก็ทะลักออกจากช่องท้องแต่หยุดไปในไม่กี่วินาที จากนั้นแผลก็เริ่มหาย เขาไม่ได้ใช้เวทย์รักษา นี่เป็นผลจากร่างผสมของเขา เขามีร่างกายที่ฟื้นฟูตัวเองได้ดียิ่งกว่าโทรล

“เจ้าโง่ เจ้าหนีมาที่โลก ทิ้งอาชีพเนโครแมนเซอร์มาฝึกเป็นวอริเออร์เรอะ?”

“นี่ก็สนุกดีนะ”

“โง่เขลานัก”

เขายอมรับว่าวูจินมีศักยภาพด้านการต่อสู้อย่างเหลือเชื่อ ถ้าฝึกจนถึงเลเวลสูงสุดต้องแข็งแกร่งกว่าผู้กล้าในทัพพันธมิตรแน่

แต่มันก็เท่านั้น

รัชโมดดึงพลังจากดันเจี้ยนแล้วสร้างมอนสเตอร์ขึ้นมา

เขาสบายใจขึ้นเมื่อเห็นมอนสเตอร์ปรากฏตัวทีละตัวสองตัว

ผู้ไม่ตายเป็นตัวปัญหาก็เพราะทัพผีดิบของเขาที่เทียบเท่ากับทัพของทราห์เน็ต

แต่เมื่อเขาทิ้งทัพผีดิบไป วูจินก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป

มอนสเตอร์ที่ถูกเรียกออกมาวิ่งใส่วูจิน

“คึๆ มาดูกันว่าเจ้าจะสู้ได้นานแค่ไหน...”

สุดท้ายมันก็จะเหนื่อย และเขาจะเป็นผู้ได้ชัย เขาจะนั่งดูมันสู้กับมอนสเตอร์อย่างสบายใจในฐานะแม่ทัพ

วูจินสู้กับพวกมอนสเตอร์ หลังฆ่าไปเกินร้อยก็เห็นได้ชัดว่าเริ่มเหนื่อย ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดท่วมตัว

“คึ ฮ่าๆๆ เจ้าโง่ นี่ล่ะผลจากการที่เจ้าทิ้งอาวุธสำคัญของตัวเอง รู้สึกยังไงบ้าง?”

“ใคร...”

วูจินที่เลือดท่วมตัวหัวเราะ

“ใครพูดว่าฉันทิ้งไป?”

“อะไรนะ?”

วูจินใช้แต่ทักษะที่ใช้พลังกายสู้ พลังเวทย์ของเขาเพิ่มขึ้นช้าๆจนเกือบเต็ม วูจินกางแขน

โพละ โพละ โพละ!

ศพที่กระจัดกระจายรอบๆระเบิดออก จากนั้นทหารโครงกระดูกและนักเวทย์โครงกระดูกก็ลุกขึ้น

“เคะๆๆๆ”

ถ้ำใต้ดินเต็มไปด้วยโครงกระดูก เสียงของพวกมันน่าสยอง

เมื่อฝ่ายตัวเองตายไป 1 มันไม่ได้หมายถึง -1 ฝ่ายตัวเองที่ตายไปถูกเปลี่ยนเป็นศัตรู ดังนั้นมันจึงเป็น -2 เพราะเหตุนี้ผู้ไม่ตายจึงยากจัดการ

เมื่อโครงกระดูกนับร้อยหันมาทางเขา รัชโมดหน้าซีดเผือด



สารบัญ                                          บทที่ 80


2 ความคิดเห็น: