เงียบ
ถ้าเข็มตกตอนนี้ต้องได้ยินชัดเจนแน่ ความเงียบขนาดกดดันคนในห้องไม่กล้าหายใจ
แชะๆ
นักข่าวคนหนึ่งกดชัดเตอร์กล้องตามนิสัยของมืออาชีพ และเสียงก็ดังเป็นพิเศษ
เหมือนกบออกจากช่วงจำศีล คนเริ่มขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงกล้อง แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
“ตกลงว่าสัญญาไม่รุกรานระหว่างกันนี่ไม่มีผลแล้วเหรอ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ? ไม่ใช่หรอก ถ้ารู้ว่าที่นี่คืออลันดาล ผู้น้อยไม่มีทางมาที่นี่”
วูจินยิ้ม เขาสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง นี่เป็นเหตุผลที่เขามาถึงอเมริกา
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่?”
“องค์เทพีมอบวิวรณ์ให้ผู้น้อย ท่านต้องการให้มาที่นี่เพื่อนำทางผู้ช่วย”
“อ้อ อาเรียส่งเธอมา”
ไม่มีความเคารพเลย
แต่เมโลดี้ไม่มีท่าทีโกรธหรือรังเกียจ
เขาไม่เหมือนเธอ เมโลดี้ได้ยินเสียงของเทพี แต่ชายคนนี้ไปเจอกับเทพมาแล้ว
เธอก้มหน้าลง...
“ค่ะ... ผู้น้อยเป็นแค่ทาสต่ำต้อย ที่มาที่นี่เพราะคำสั่งของเทพี...”
“อ้อ ไม่เป็นไร”
วูจินรู้ว่าเมโลดี้จะพูดอะไร เขาโบกมือตัดบทแล้วมองเดคอน
“มาคุยกันหน่อยเถอะ”
เดคอนไม่เข้าใจภาษาเกาหลีที่วูจินพูด เลขานุการจึงแปลให้ทันที
“...เอ่อ ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะ ไปที่อื่นเถอะ”
เมื่อเดคอนหันไปคุยกับเลขานุการของเขา วูจินจึงมีเวลามองรอบๆ เขาเห็นกล้องแล้วเดินไปหามัน ช่างกล้องผงะไป วูจินยืนตรงหน้าเขาแล้วถาม
“นี่กำลังถ่ายทอดสดอยู่หรือเปล่า?”
นึกไม่ถึงว่าจะถามเป็นภาษาอังกฤษชัดเจน ช่างกล้องส่ายหน้า
“เปล่า”
“ทำให้เป็นถ่ายทอดสดทีสิ”
คำพูดของวูจินยิ่งทำให้ช่างกล้องตกใจ
ช่างกล้องมองไปที่หาผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งก็มีสีหน้ายุ่งยากใจเหมือนกัน เนื้อหาในงานประชุมครั้งนี้ตั้งใจจะให้เป็นความลับ ผู้สื่อข่าวตกลงกับกิลด์ไททันว่าจะเผยแพร่เฉพาะเวอร์ชั่นที่ตัดต่อแล้วในภายหลัง เนื้อหาจะมีแต่ส่วนที่กิลด์อนุญาตให้เผยแพร่ออกไป
“คิดว่าเหมือนการทักทายส่งท้ายปีเก่าน่า”
คำพูดของวูจินทำให้ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ลังเล
ชายคนนี้เป็นฮีโร่ ช่วยชาวอเมริกาไว้จากการก่อการร้าย ผู้บริหารเชื่อว่าเขามีหน้าที่ถ่ายทอดเสียงของชายคนนี้สู่โลก
ประเทศอเมริกากลัวการก่อการร้ายมาก
ในการจู่โจมครั้งนี้ วูจินเสียสละตัวเองขัดขวางการโจมตีไว้ได้ สาธารณชนจึงสนใจในตัวเขามาก
“พูดได้เลยครับ”
วูจินจ้องกล้องแล้วยิ้ม
“ไอ้เวรที่ยิงจรวดใส่ฉัน ไอ้เวรที่เป็นนายหน้าทำแผนโจมตีฉัน ไอ้เวรที่เป็นคนสั่งการ...”
ช่างกล้องฟังภาษาเกาหลีไม่ออก แต่มินชานที่เดินมาหายกมือกุมขมับ
ท่านประธาน พูดเพราะๆหน่อยเถอะ...
“อีกไม่นาน ฉันจะหาพวกนายเจอแล้วฆ่าให้หมด รอไว้เลย”
หลังจากพูดจบ วูจินหันไปทางผู้บริหารสถานีโทรทัศน์
“ขอบคุณ”
ฟังจากเสียง ผู้บริหารรู้ว่าวูจินไม่ได้กล่าวทักทายส่งท้ายปีเก่าแน่นอน แต่มันถูกถ่ายทอดสดไปแล้ว
ช่างกล้องหันไปกระซิบถามผู้บริหาร
“ถ่ายทอดสดต่อไหมครับ?”
เหตุการณ์ที่สตรีศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าต่อหน้าวูจินถูกบันทึกไว้ ผู้บริหารมองไปรอบๆห้องประชุมที่กำลังโกลาหล เขาพยักหน้า
“ถ่ายแบบปกติก็พอ”
ถ้าถ่ายทอดสดเหตุการณ์ตอนนี้คงทำให้คนสับสน
‘ชาวเอเชียคนนี้นี่...’
เพียงชั่วเวลาสั้นๆ สตรีศักดิ์สิทธิ์ เมโลดี้ กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งประเทศ แต่เธอกลับคุกเข่าต่อหน้าชาวเอเชีย ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เห็นว่าเธอทำความเคารพเขาสูงสุด
‘สนุกแน่’
โลกจะหันไปสนใจชายชื่อคังวูจิน
หลังพูดเรื่องที่ต้องพูดเสร็จ วูจินเดินกลับไปที่เวที มินชานขยับเข้าใกล้ด้านหลังวูจินอย่างรวดเร็วแล้วเรียก
“ท่านประธาน”
“อ้าว มินชาน”
“...”
มินชานมองวูจินอย่างซับซ้อน วูจินยอมเจ็บตัวเพื่อปกป้องเขาและคนในโรงแรม เขาอาจไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า แต่ก็ยังเสียสละตัวเอง
“ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้”
วูจินยิ้ม
“ไม่เป็นไร ตามมาสิ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับพวกนั้น”
เดคอน หัวหน้ากิลด์ไททัน ให้คนอื่นทำหน้าที่ดูแลงานประชุมแทน จากนั้นเขาหายเข้าด้านหลังเวทีพร้อมกับเมโลดี้ มินชานหน้าเบี้ยวเมื่อเห็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์เดินตามเมโลดี้ไป
“ไม่ใช่ท่านบอกว่าเป็นเพื่อนกับเธอเหรอ?”
“เอ๋? เราเป็นเพื่อนกัน”
“...”
ตรงไหน?
ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เห็นว่าเมโลดี้จะเป็นเพื่อนกับวูจิน
“ตามมาเถอะน่า”
“...”
หลังวูจินกับมินชานตามเดคอนไป ห้องประชุมค่อยกลับมามีชีวิตชีวา
“คนเอเชียคนนั้นเป็นใคร?”
“สามีของมิสเมโลดี้หรือเปล่า?”
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะมีสามี?”
“ไม่แน่นะ มันคนละโลกกันนี่...”
ท่ามกลางความโกลาหล ใบหน้าเบคจองโดกระตุกนิดๆ
“รองประธานจุง”
“ครับท่านประธาน”
“ฉัน ฉัน...”
“ท่านประธาน พูดออกมาเลยครับ”
“ดูท่าฉันจะได้น้องชายที่น่าสนใจมากๆมาคนหนึ่งล่ะ”
ดวงตาเบคจองโดเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้น จุงชานซุงกุมขมับ
น่าสนใจตรงไหน? ตัวอันตรายชัดๆ
จุงชานซุงถอนหายใจยาวเหยียด
***
ห้องทำงานของหัวหน้ากิลด์ไททัน
เดคอนนั่งลงตรงที่นั่งหัวโต๊ะประชุม เมโลดี้เข้ามาพูดกับเขาใกล้ๆ
“คุณควรให้จ้าวแห่งอลันดาลนั่งตรงนี้...”
“อะไรนะ?”
เดคอนสับสน วูจินที่เข้ามาตามหลังพวกเขาโบกมือ
“อ้อ ไม่เป็นไร”
“...”
วูจินนั่งด้านขวาของเดคอน มินชานก็นั่งถัดจากวูจินไป เมโลดี้ยังยืนข้างเดคอน เขาจึงมองเธอ
“ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็นั่งด้วยสิครับ”
“ไม่บังอาจ...”
วูจินมองสตรีศักดิ์สิทธิ์
[นั่งไปเถอะ...]
[...ค่ะ]
“…”
สองคนคุยเป็นภาษาอัลเฟนขัดหูคนอื่น เดคอนขมวดคิ้วมองวูจิน
สองคนนี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหน?
เมื่อล่ามแปลภาษาเกาหลีมาถึง เดคอนก็ถาม
“ขอถามได้ไหม พวกคุณสองคนมีความสัมพันธ์กันยังไง...?”
“อ้อ เธอเป็นเพื่อนน่ะ”
สีหน้าเดคอนบอกว่าไม่เชื่อสักนิด เมโลดี้หน้าซีด
‘องค์เทพี เหตุใดท่านจึงมอบความยากเข็ญเช่นนี้มาให้ ’
สหายของผู้ไม่ตาย...
แค่คิดเมโลดี้ก็ตัวสั่น
“เรามีข้อตกลงที่คล้ายๆเป็นพันธมิตรกัน”
“พันธมิตร?”
“เราสู้กับทัพทราห์เน็ตด้วยกัน”
“...”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่พูดอะไร
ที่บอกว่าสู้กับทัพทราห์เน็ตด้วยกันนั้นไม่จริงนัก
วูจินสังหารและทำลายทุกอย่างที่ล่วงล้ำเข้ามาในอลันดาล
ทัพพันธมิตรส่งทูตไปเพื่อสัญญาว่าจะไม่รุกล้ำอลันดาล ระหว่างพวกเขาจึงไม่ค่อยมีความขัดแย้งกัน
แต่ทราห์เน็ตยังโจมตีอลันดาล และวูจินก็ไล่ล่าทัพทราห์เน็ต
พวกเขาสู้ด้วยกันเพราะมีศัตรูเดียวกัน แต่ฝ่ายของเธอไม่ได้ร่วมมือใกล้ชิดกับวูจิน จะเรียกว่าเป็นพันธมิตรก็เกินไป
สรุปว่าต่างคนต่างสู้ทราห์เน็ต
ของวูจินเรียกได้ว่าไล่ล่าทราห์เน็ต ฝ่ายทัพพันธมิตรเรียกอย่างดีก็คือต้านรับ ไม่ใช่ฝ่ายโจมตีแน่นอน
ล่ามถามคำถามของเดคอนต่อ
“คุณเป็นชาวเกาหลีนี่นา ทำไมถึงรู้จักกับคนที่โลกอัลเฟนได้?”
“ผมถูกเรียกตัวไปที่นั่นเมื่อ 5 ปีก่อน อยู่ที่นั่น 20 ปี เพิ่งจะได้กลับมา นี่จะสืบสวนกันเหรอไง?”
วูจินขมวดคิ้วเมื่อเดคอนถามหลายข้อ สตรีศักดิ์สิทธิ์ตกใจ
“ขอร้องล่ะ อย่าทำให้เขาโกรธ คุณกำลังล่วงเกินท่านจ้าว”
“...”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้เย่อหยิ่งประสาทเสียไปแล้ว
เดคอนไม่ชินเลย
เขาไม่รู้จักวูจิน ในมุมมองของเขา วูจินเหมือนมนุษย์ สตรีศักดิ์สิทธิ์เหมือนเทพ
เดคอนสนใจในตัวคังวูจินมาก แต่เขาไม่จำเป็นต้องถามวูจินทั้งหมด ดูเหมือนสตรีศักดิ์สิทธิ์จะรู้จักวูจินดี ดังนั้นเขาจะถามเธอทีหลัง
“เอ่อ คุณมีอะไรจะคุยกับผมล่ะ?”
ในที่สุดก็เข้าเรื่อง วูจินเปิดคลัง แล้วดึงของบางอย่างออกมาวางบนโต๊ะ
“กรี๊ด!”
เลขานุการกรี๊ด ล่ามและแม้แต่มินชานยังรีบเบือนหน้าหนี สายตาเดคอนแข็งกร้าวแต่ก็เริ่มมีความกังวลปรากฏขึ้นมา
“นี่มันหมายความว่ายังไง?”
เขายิ่งกังวลในฐานะหัวหน้ากิลด์ขนาดใหญ่ น่าประหลาด มีแต่สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่แสดงท่าทีอะไร
‘จ้าวแห่งอลันดาลเอาศีรษะคนออกมา’
ท่าทีของเธอบอกว่ามองแค่นี้ เธอไม่ตกใจกับการกระทำของวูจินเลย
วูจินที่ถูกเดคอนมองอย่างสงสัย ตอบเนือยๆ
“นี่เป็นไอ้เวรที่โจมตีผมเมื่อวาน มันล่อผมเข้าดันเจี้ยนเพื่อจะฆ่า อยากให้คุณหาว่ามันเป็นใคร”
เมโลดี้ลืมตากว้างอย่างตกใจ
โลกเลือกทางหายนะอื่นนอกจากทราห์เน็ต... มีใครบางคนพยายามจะลอบสังหารจ้าวแห่งอลันดาล...
นั่นเป็นวิธีฆ่าตัวตายที่เลวร้ายที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ?
ในอดีต อาณาจักรถูกทำลายไปเพราะใช้วิธีนี้...หลายๆอาณาจักร...
“ถึงคุณจะมาถามถึงที่นี่ พวกเราไม่ได้...”
“ผมไม่ได้สงสัยพวกคุณ ผมอยากให้คุณหาต้นสังกัดของไอ้เวรนี่ คงมีเราส์แรงค์ AA อยู่ไม่กี่คนหรอกที่ทำงานเป็นนักฆ่า”
“ถึงอย่างนั้น...”
“เราจะหาค่ะ”
เดคอนจะต่อรอง แต่เมโลดี้รับคำอย่างรวดเร็ว
‘หัวหน้ากิลด์ไททัน ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือมาตลอดค่ะ ถ้าฉันจะตอบแทนก็ต้องมีชีวิตรอดก่อนใช่ไหมล่ะ ฉันต้องกลับอัลเฟนเพื่อช่วยชีวิตคนอีกมาก ได้โปรดอย่ายั่วโมโหผู้ไม่ตายมากไปกว่านี้เลย’
สตรีศักดิ์สิทธิ์ส่งสายตาขอร้องไปที่เดคอน เขากลืนคำพูดที่จะพูดกลับไป
“ผมจะตามเฮลิคอปเตอร์ที่ยิงจรวดไป หวังว่าจะไม่ได้มาจากในอเมริกานะ ไม่อย่างนั้นคงเลี่ยงความขัดแย้งไม่ได้”
วูจินไม่คิดจะเป็นศัตรูกับรัฐบาลสหรัฐ แต่เอาจริงๆเขาก็ไม่ได้สนใจมาก เขาแน่ใจว่ามีคนในรัฐบาลที่เกี่ยวข้องด้วย
“รัฐบาลกำลังพยายามหาตำแหน่งของเฮลิคอปเตอร์อยู่”
“ไม่ต้องหาแล้ว ผมรู้ว่ามันอยู่ไหน เดี๋ยวผมจะไปแล้ว”
“...”
เมโลดี้เสนอ
“ผู้น้อยจะไปด้วยค่ะ”
“เธอจะไปทำไม?”
วูจินตอบอย่างไม่พอใจ จุงมินชานจึงพูด
“ถ้าท่านประธานร่วมมือกับกิลด์ไททันจะดีกว่านะ”
วูจินไม่ได้จะทำเรื่องนี้เพื่อสร้างความดีความชอบ ไม่ได้จะไล่ล้างผู้ก่อการร้ายให้หมด เขาแค่จะแก้แค้น
มินชานอยากลดความเสี่ยงอาจเข้าใจผิดกับสหรัฐอเมริกา กิลด์ไททันสนิทกับรัฐบาล ให้พวกเขาไปด้วยมีประโยชน์มาก
สหรัฐอเมริกาอ่อนไหวเรื่องการก่อการร้ายมากกว่าประเทศอื่น วูจินหยุดการก่อการร้ายไว้ได้ คนส่วนใหญ่จึงมองเขาเป็นฮีโร่ แน่นอน ถ้าเขาตามไปถึงฐานบัญชาการจัดการผู้ก่อการร้ายได้หมดย่อมดีมาก แต่ พลเมืองสหรัฐคงไม่อยากเห็นวูจินทำเรื่องรุนแรงในประเทศตัวเอง นอกจากเขาจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จริงๆ
ร่วมมือกับไททันจัดการกับผู้ก่อการร้ายย่อมดีกว่า
“ก็ได้ แล้วจะไปเมื่อไหร่?”
“ขอเวลาจัดทีม สัก 5 ชั่วโมงคงได้ครับ”
วูจินอยากถามว่าทำไมใช้เวลานานนัก แต่เขาเตือนตัวเองว่าเวลาเท่านี้ศัตรูคงยังไม่หนีไปไหน ต่อให้หนี เขาก็ส่งบิบิกับกาเกบิไปเฝ้าไว้แล้ว
“งั้น เอาเวลามาคุยเรื่องบ้านเกิดเธอสักหน่อยดีไหม?”
วูจินสงสัยว่าหลังจากที่เขาจากไป สถานการณ์ที่อัลเฟนเป็นอย่างไรแล้วบ้าง
ว่ากันว่า ถ้าอยู่ต่างประเทศแล้วเจอคนประเทศเดียวกันจะรู้สึกเหมือนเป็นคนบ้านเดียวกัน เมโลดี้คิดว่าคงจริง แต่เธอไม่ชินกับท่าทางสนิทสนมเป็นพิเศษของผู้ไม่ตายเลย
“อยากรู้เรื่องอะไรคะ...?”
“ไคล์เป็นไงมั่ง?”
“ผู้กล้ายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บเมื่อ 3 ปีก่อน ประมาณปีที่แล้ว เขาเสียชีวิตในระหว่างสู้กับแม่ทัพของทราห์เน็ต”
“อ้อ หมอนั่นตายแล้วเหรอ สหายคนนั้นขาไม่ดีนี่นะ...”
ค่ะ ขาที่ถูกหักจนแหลกละเอียดในตอนที่สู้กับเนโครแมนเซอร์ผู้มีสมญาว่าผู้ไม่ตาย แผลของเขาไม่เคยหายอีกเลยแม้จะใช้น้ำอมฤตและพรของเทพไปมากมาย
“แล้วตาแก่หน้าเหี่ยวในป่าล่ะ?”
“ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเอลฟ์ท่าน...”
เสียงเมโลดี้ค่อยลง เธอมองวูจินด้วยสายตาสั่นไหว...
เขาถามเพราะไม่รู้จริงๆเหรอ?
“ไม่พูดต่อล่ะ?”
“...”
เฮ้อ ไม่รู้จริงๆสินะ
จะพูดอย่างไรดี?
‘ท่านทำท่านผู้อาวุโสตายตอนไปขโมยกิ่งของต้นไม้โลก...’
ไม่ว่าจะคิดหนักขนาดไหน เมโลดี้ก็หาคำตอบดีๆที่ทำให้ผู้ไม่ตายไม่เสียอารมณ์ไม่ได้
“โอ้องค์เทพี ทำไมท่านจึงมอบบททดสอบหนักหนาเช่นนี้...”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เริ่มมีน้ำตาคลอ
เหตุเกิดเพราะขโมยกิ่งไม้
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบโถ่น้องงง น่าสงสาร
ตอบลบพระเอกแม่มตัวโกงชัดๆ YoY เครียดแทน
ตอบลบ