บทที่ 75 พบหน้า (2)
เมื่อได้ฟังข่าว เมโลดี้ประหลาดใจมากจนต้องไปพบองค์เทพี
เธอคุกเข่าตรงหน้ารูปปั้นอาเรีย
“ท่านเทพี... ชายคนนั้นช่วยคนอื่น”
ที่ไม่น่าเชื่อคือวิธีที่เขาใช้
“เขา...ใช้ตัวเอง...เขาใช้ร่างตัวเองปกป้องคนอื่น...”
แม้แต่เธอเองยังไม่เชื่อสิ่งที่พูดไป
“ใช่แล้ว คงเป็นคนอื่น... ไม่มีทางเป็นเขาไปได้...”
เมโลดี้สับสนจนมึนงง เขาเหมือนผู้ไม่ตายที่อยู่ในความทรงจำของเธอไม่ผิดเพี้ยน แต่เขาทำเรื่องที่เธอนึกภาพไม่ออกว่าเขาจะทำ นี่เป็นคนเดียวกันกับที่เธอรู้จักจริงๆหรือเปล่า
ยิ่งคิดยิ่งไม่แน่ใจ เมโลดี้เครียดหนัก
“เขาเป็นคนอื่น เป็นคนอื่น...”
เธออยากให้เป็นแบบนั้นมากกว่า
เมโลดี้ภาวนาต่อเทพี แต่ไม่มีคำตอบใดๆ
***
มินชานใส่ชุดสูทสะอาดเรียบแต่ท่าทางอมทุกข์ เขาออกมารอรถของกิลด์ไททันก่อนเวลานัด
“กรรมการจุง”
“อ๊ะ รองประธานจุง”
จุงชานซุงออกมาจากโรงแรมฝั่งตรงข้าม จากนั้นเบคจุงโดก็ออกมา เขาทักมินชาน
“ยังไม่ได้ข่าววูจินเหรอ?”
“ฮะๆ คงจะติดต่อมาเร็วๆนี้แหละครับ”
“ไม่มีปัญหาหรอกน่า เขาเป็นเราส์ที่เก่งที่สุดของเกาหลีเลยไม่ใช่หรือไง? ฮ่าๆๆ”
“ฮะๆ...”
มินชานหัวเราะอ่อยๆ คนพวกนี้ไม่รู้จักตัวจริงของวูจิน ท่านประธานรอดกลับมาหลังถูกเรียกตัวไปที่อัลเฟน เขาเป็นคนที่พุ่งใส่จรวด มินชานจะห่วงวูจินไปทำไม ที่เขาห่วงคือท่านประธานอาจเข้าใจผิด
‘เขาอาจนึกว่าอเมริกาเป็นฝ่ายโจมตีเขาก็ได้’
จรวดปล่อยที่นี่ นิวยอร์ค วูจินถูกยิงด้วยจรวดขนาดเล็กที่ถล่มตึกได้ทั้งหลัง มินชานแน่ใจว่านี่จะทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้น
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐไม่ใช่เสือกระดาษที่ปล่อยให้มีจรวดเข้ามาถึงในนิวยอร์ค
“ขอร้องล่ะ อย่าเข้าใจผิดกันเลย”
มินชานภาวนาอย่าให้อเมริกามุ่งเป้ามาที่วูจิน ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่ต่างจากอยู่ในถิ่นของศัตรู
‘ฉันอาจจะผิด’
เมื่อโลกสับสนวุ่นวาย การก่อการร้ายมีบ่อยขึ้น และความพลังของเราส์ก็ยอดเยี่ยมเกินเหตุ หลายครั้งที่พวกเขาเป็นผู้ก่อการร้าย เราส์มีพลังครอบครองมิติพิเศษอาจเอาจรวดมาถึงที่นี่ก็ได้
‘หวังว่าท่านประธานจะคิดแบบนี้นะ’
ดูจากการกระทำที่ผ่านมาของวูจิน ถ้าเกิดไปโจมตีเพนตากอนแบบไม่บอกไม่กล่าวก็ไม่แปลก
“ไปไหนของเขานะ...”
มินชานกังวลมากจนแทบจะบ้าตาย ปล่อยเด็กเล่นใกล้แม่น้ำโดยไม่มีคนดูแลเขายังไม่กังวลขนาดนี้ เหมือนเขาเอาปุ่มยิงระเบิดนิวเคลียร์มาทำให้เหมือนของเล่นแล้วยกให้คนอื่นไป
“งานประชุมคงน่าเบื่อ งั้นไปด้วยกันเถอะ”
เบคจุงโด มินชานและชานซุงขึ้นรถคันเดียวกัน มุ่งหน้าไปทางสำนักงานใหญ่กิลด์ไททันที่เป็นที่ประชุม
จดหมายเชิญถูกส่งไปทุกกิลด์ในโลก และมีแต่คนที่มีจดหมายเชิญถึงจะมาร่วมงานได้ บรรดาสื่อมวลชนมารวมกันที่หน้าทางเข้าแล้ว มินชานรู้สึกเหมือนเป็นดารากำลังมาร่วมงานรับรางวัล
เมื่อเห็นว่าเป็นกลุ่มชาวเกาหลี พวกนักข่าวไล่ตามกลุ่มมินชาน
“ขอสัมภาษณ์หน่อยนะครับ”
“ครับ?”
“คุณคังวูจินหยุดการก่อการร้ายที่อาจจะสังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ผมรู้มาว่าคุณอยู่กิลด์เดียวกับเขา...”
“อ้อ ครับ”
นักข่าวพูดเร็วมากแต่มินชานพอจะตามทันด้วยการจับคำที่เขาเข้าใจเป็นคำๆ
“และเขายังมีชีวิตอยู่อย่างน่าแปลกใจ รู้ไหมครับว่าเขาอยู่ที่ไหน ตามความคิดของผมเขาอาจจะถูกพวกก่อการร้ายลักพาตัวไป ในฐานะเป็นสมาชิกกิลด์เดียวกัน คุณคิดอย่างไรครับ?”
“นั่น...”
ลักพาตัว เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้
“เขาอาจจะกำลังดูข่าวนี้อยู่ คุณมีคำพูดที่อยากบอกคุณคังวูจินไหมครับ?”
มินชานมองกล้องแล้วพูดอย่างจริงใจ
“ท่านประธาน ผมเชื่อใจท่านตั้งแต่แรก! ท่านอยู่ไหน กลับมาเถอะ”
“ผมผิดไปที่นึกว่าท่านประธานก่อเรื่องอีกแล้ว ผมเข้าใจผิดไปเอง ขอให้ปลอดภัยกลับมานะ”
“รัฐบาลที่นี่จะจับพวกผู้ก่อการร้าย ท่านประธานกลับมาเถอะ ขอร้องล่ะ ก่อนเรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้”
“ถ้าท่านประธานจะตามจับพวกผู้ก่อการร้ายเองมันอาจจะกลายเป็นสงครามไปก็ได้ กลับมาเถอะ”
มินชานขอร้องจากใจจริง
นักข่าวไม่เข้าใจที่มินชานพูดเป็นภาษาเกาหลี เพื่อนร่วมงานของเขายื่นกระดาษจดคำแปลให้
“น่าแปลกใจทีเดียวครับ ดูเหมือนสมาชิกกิลด์ท่านนี้เชื่อว่าคุณคังวูจินกำลังตามจับผู้ก่อการร้าย...”
มินชานเลิกคิดมาก เขาเดินผ่านทางเข้าที่มียามรักษาการณ์เฝ้าอยู่เข้าไป
ห้องประชุมใหญ่โตเหมือนที่ประชุมรัฐสภา เหมือนโรงละครโอเปร่า
มินชานทึ่ง กิลด์ไททันมีห้องใหญ่ขนาดนี้ในตึกยิ่งเป็นการย้ำว่ากิลด์นี้คืออันดับหนึ่งของอเมริกา คิดอีกทีก็ไม่น่าแปลกใจ
ที่นั่งถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว ที่นั่งของมินชานอยู่ห่างไปจากของเบคจองโดกับจุงชานซุงจากกิลด์ KH ที่ว่างข้างเขามีป้ายชื่อคังวูจินติดอยู่ พอเห็นเข้ามินชานก็รู้สึกหนักใจขึ้น
ไม่นาน หัวหน้ากิลด์ไททัน เดคอนก็มายืนบนเวที
“ขอบคุณทุกท่านจากใจจริงที่มาร่วมสหพันธ์นี้”
เดคอนทักทายสั้นๆ จากนั้นมองคนที่มาร่วมงาน
มีคนจากกิลด์ของจีน ยุโรปและญี่ปุ่น กิลด์เหล่านี้แข่งกันเสมอว่าใครเป็นอันดับหนึ่งของโลก ครั้งนี้แม้แต่รัสเซียก็ส่งตัวแทนกิลด์มาสองแห่ง
กิลด์ไททันส่งคำเชิญไปให้กิลด์ 4 แห่งในเกาหลี สามกิลด์ใหญ่กับอลันดาล
กิลด์แฮมเมอร์ KH และอลันดาลเข้าร่วม ฮวารางไม่มา และหัวหน้ากิลด์อลันดาลก็หายตัวไป
เดคอนสนใจกิลด์อลันดาลเป็นพิเศษเพราะเมโลดี้พูดถึงพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก
“สหพันธ์นี้มีเพื่อจัดการเรื่องที่ลำพังกิลด์เดียวรับมือไม่ไหว งานประชุมนี้จะถูกนำไปฉายทางโทรทัศน์เพื่อขอความร่วมมือจากเราส์ทุกคน”
งานประชุมจะเผยแพร่ไปในอีกไม่นาน นี่ไม่ใช่การถ่ายทอดสด แต่ในห้องประชุมมีกล้องจำนวนมากคอยบันทึกภาพไว้
เดคอนกล่าวทักทายขอบคุณกิลด์ต่างๆสั้นๆ จากนั้นหันไปคุยเรื่องภัยคุกคามจากดันเจี้ยนและมอนสเตอร์ คำพูดของเขาทำให้ภายในห้องตึงเครียดขึ้น
“ผมมีข่าวเกี่ยวกับต้นกำเนิดของดันเจี้ยนที่เป็นปริศนาของมนุษย์มาตลอด”
ทุกคนสนใจเขาทันที
“เราพบว่าดันเจี้ยนทำหน้าที่เป็นประตูมิติ สถานที่เหล่านั้นกำลังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกกับดาวที่เรียกว่าอัลเฟน ความแตกต่างด้านเวลาระหว่างโลกกับที่นั่นต่างกัน 4 เท่า”
เดคอนสูดลมหายใจสั้นๆมองไปรอบห้อง คนมากกว่าร้อยกำลังจดจ่อที่เขา และการเผยแพร่ทางโทรทัศน์จะทำให้คนมากกว่านี้เห็นเขา
“มอนสเตอร์ของโลกอัลเฟนกำลังใช้สะพานหรือดันเจี้ยนมารุกรานโลกแห่งนี้ มนุษย์ต้องป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”
ใครคนหนึ่งตะโกนอย่างไม่พอใจ
“หมายความว่าคุณอยากปิดดันเจี้ยนเหรอ?”
เขาเป็นคนจากกิลด์ดาเคนที่ร่ำรวยจากธุรกิจดันเจี้ยน
“ถึงเราจะทำลายสะพานไป พวกเขาก็จะสร้างสะพานใหม่ขึ้นมา มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ ผมเชิญทุกคนมาที่นี่เพื่อขออย่างเดียว”
เดคอนหยุดแล้วพูดต่อ
“มนุษย์ต้องข้ามสะพานนั้นก่อน ทำลายมอนสเตอร์ให้หมด”
ชิงจู่โจมก่อน
“แทนที่จะสู้ที่นี่ เราไปหาพวกนั้นเลยดีกว่า”
ถ้าสงครามเกิดที่อัลเฟนก็สามารถป้องกันความเสียหายจากดันเจี้ยนเบรกบนโลกได้
“คุณเอาแต่พูดว่ามอนสเตอร์ออกมาจากโลกชื่ออัลเฟน มีหลักฐานไหม?”
“แน่นอน เรามีพยานยืนยัน”
ประตูห้องประชุมเปิดออก อัศวินศักดิ์สิทธิ์เข้ามา ทุกคนหันหลังไปมองประตู
“ผมขอแนะนำสตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาเรีย เธอมาจากโลกอัลเฟนเพื่อขอความช่วยเหลือ”
เราส์ทุกคนรู้จักเธอ แต่เห็นในโทรทัศน์กับมาเห็นตัวจริงต่างกันมาก
อัศวินอีกหลายคนเดินตามหลังเมโลดี้
เธอใส่ชุดคล้ายชุดแม่ชี แต่ชุดเรียบๆไม่อาจปิดบังความงามสง่าของเธอได้
เมโลดี้เดินบันไดลงมาช้าๆไปที่เวที ฮามิลตันตามหลัง
“ฉันเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาเรีย ชื่อเมโลดี้ค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงไพเราะของเธอ คนในห้องประชุมตื่นตัวขึ้นอีก
เมโลดี้นอนไม่หลับทั้งคืน แต่ยังงดงามเปี่ยมชีวิตชีวา ถ้าพวกเขายอมรับฟัง เธอจะสามารถช่วยมิตรในอัลเฟนที่กำลังลำบาก
เธอเสี่ยงชีวิตมาที่นี่เพื่อเรื่องนี้
“ฉันขอความร่วมมือจากทุกคนเพื่อปกป้องความปลอดภัยและสันติภาพของโลก กรุณาช่วยฉันปลดปล่อยอัลเฟนด้วยค่ะ”
ต่างจากคำพูด ท่าทางของเมโลดี้สง่าและเย่อหยิ่ง เธอได้รับพรจากเทพีดังนั้นบรรยากาศสูงส่งจึงถ่ายทอดออกมาจากตัวเธอ
“ขอหลักฐานได้ไหม คุณบอกว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์มาจากโลกอัลเฟน แต่อาจเป็นแค่เราส์คนหนึ่งของโลกนี้ก็ได้”
ยังเป็นคนของกิลด์ดาเคนจากญี่ปุ่น ดูเหมือนเขาจะไม่ยินดีกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งเข้าใจได้ ญี่ปุ่นมีสถานีรถไฟใต้ดินนับไม่ถ้วน
ถึงจะเกิดความเสียหายมากมาย แต่ก็เป็นโอกาสทางธุรกิจ ธุรกิจดันเจี้ยนรุ่งโรจน์ที่สุดในญี่ปุ่น นครศักดิ์สิทธิ์แห่งธุรกิจดันเจี้ยน
เมโลดี้ขยับขึ้นมา
แค่เราส์คนหนึ่ง?
เธออยู่ระดับวงแหวนที่ 9 ถ้าเปรียบกับแรงค์ เธอเป็นนักบวชแรงค์ SS
เมโลดี้อ้าแขน แสงศักดิ์สิทธิ์อบอุ่นเปล่งจากร่างส่องไปทั่วห้อง เพิ่มพลังให้ทุกคน
เราส์รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงชัดเจน แม้แต่คนธรรมดายังรู้สึกร่างกายมีพลังเต็มเปี่ยม
“หลักฐานเท่านี้พอไหมคะ?”
เมโลดี้เป็นคนถือศักดิ์ศรี คำพูดนี้แสดงนิสัยของเธอชัดเจน คนจากกิลด์ดาเคนคราง แต่ยังหาข้อติต่อไป
“คุณต้องทำให้ผมหายสงสัย มอนสเตอร์ออกมาจากดันเจี้ยน แต่สำหรับมนุษย์เข้าไปแล้วก็ได้แต่ออกมา”
ชิ้นส่วนมิติหรือหินรีเทิร์นสโตนเป็นกุญแจเข้าสู่โลก แต่กุญแจไม่ได้มีแต่หินรีเทิร์นสโตน ยังมีกุญแจที่เปิดสู่โลกอัลเฟนด้วย
เมโลดี้ตั้งอัศวินศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเพื่อตามหามัน
“ฉันกับอัศวินศักดิ์สิทธิ์จะเป็นผู้เปิดทาง เพื่อความปลอดภัยของโลก พวกคุณจะต้องมุ่งเข้าสู่อัลเฟน ถ้าลังเล โลกจะกลายเป็นดินแดนแห่งความทุกข์ยากเหมือนอัลเฟน มันจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน นี่คือสงครามเพื่อหยุดยั้งไม่ให้โลกถูกทำลาย”
ได้ยินคำพูดของเมโลดี้ บางคนจิตใจลุกโชน บางคนคิดคำนวณ ไม่ใช่ทุกคนร่วมสงครามเพราะถือเป็นหน้าที่ต้องปกป้องโลก บางคนทำเพราะเงิน
เธอไม่สนว่าพวกเขามีเหตุผลอะไร
เมโลดี้โล่งใจเมื่อเห็นคนพวกนี้ เทพีพูดถูก
ที่โลกมีผู้ช่วย คนพวกนี้จะปลดปล่อยอัลเฟนเป็นอิสระ
ประตูห้องประชุมเปิดออก เสียงห้าวดังเข้ามาจากข้างนอก ที่ประตูมีชายชาวเอเชียในชุดออกกำลังกายสีดำยืนอยู่ เหยียดยิ้มอย่างเกเร
“หยุดพูดไร้สาระน่า”
เขาเดินเข้ามาช้าๆ ลงบันไดไปทางเวทีอย่างเอื่อยเฉื่อย
ทุกคนจ้องไปทางชายคนนั้น
บางคนดีใจที่เห็นเขา บางคนทำหน้าสงสัย บางคนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นคังวูจิน
เมโลดี้ยืนบนเวที
เธอตัวสั่นเหมือนลูกนก
ยิ่งวูจินเดินเข้ามาเธอยิ่งตัวสั่นขึ้น
เหมือนหัวใจของเธอกำลังร่วงลงพื้น
‘เป็นเขา’
เมโลดี้รู้สึกจะเป็นบ้า
เขาอยู่บนโลกนี้จริงๆ...
วูจินหยุดตรงหน้าเวที เขาเงยมองหน้าเมโลดี้ ท่าทางเธอจะกำลังช็อก
“แปลกดีนะ?”
“...”
เมโลดี้ไม่ตอบเพราะกลัวมาก กี่คนแล้วที่ถูกฆ่าไปต่อหน้าใบหน้ายิ้มแย้มนี้?
เขาเป็นพันธมิตรที่ทำให้กังวล และเป็นศัตรูที่นำหายนะมาให้
“ไม่เคยนึกเลยว่าจะมีวันที่ฉันต้องเงยหน้ามองเธอ”
“...!”
เมโลดี้ลนลานลงจากเวทีมายืนตรงหน้าวูจิน ท่าทางสง่างามหายไปหมด
จากนั้น
“!”
เมโลดี้ลดตัวลงช้าๆ
“ราชาแห่งทัพผีดิบ...”
ภาษาอัลเฟนหลุดจากปากของเมโลดี้ เข่าข้างหนึ่งของเธอแตะพื้น
“นักสู้ผู้ทรงเกียรติของเทพทำลาย ทราช...”
จากนั้นเข่าอีกข้างแตะพื้น เธอคุกเข่าลง
“จ้าวแห่งอลันดาล...”
เธอโน้มตัวลง มือสั่นริกแตะรองเท้าวูจิน
“ผู้ไม่ตาย...”
ริมฝีปากของเมโลดี้แตะรองเท้าวูจินครู่หนึ่งแล้วผละออก
“ทาสผู้ต่ำต้อยของเทพีอาเรีย...”
เมโลดี้เดินเข่าถอยไปด้านหลัง แล้วหมอบลง
“...คารวะท่าน”
วูจินยิ้มเจิดจ้าพลางก้มมองเมโลดี้
“ไม่เจอกันนานนะ”
นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเขากับเพื่อนที่ดั้นด้นจากอัลเฟนมาถึงโลก
...เพื่อน?
พีคเลย ถึงจะรู้ว่าตาวูจินมันใหญ่อยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าจะใหญ่เบอร์นี้ #เป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ
ตอบลบถึงขั้นกราบเลยอ่ะ XD
ลบนี่เรียกเพื่อนหรอ555
ตอบลบอึ้งสิครับถ้าคุกเข่าแล้วก้มหัวยังพอว่า แต่นี่เล่นกราบเท้าแล้วจูบเลยแม่งโหดจริง
ตอบลบ