บทที่ 62 – เสียงตะโกนจากพย็องยัง (2)
การรอคอยอย่างไร้ประโยชน์ทำให้วูจินโกรธจัด
“หมูนี่ใคร?”
นี่คือสิ่งแรกที่วูจินคิดเมื่อเห็นคิมจองอึน ผู้สืบทอดของคิมจองอิล เผด็จการหนุ่มทรงผมประหลาด เขายื่นมือมาทางวูจินที่อายุน้อยกว่า
“ยินดีที่ได้รู้จัก สหาย ผมได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะเลย”
“อืม ยินดีที่ได้รู้จัก”
วูจินจับมือกับคิมจองอึน ทหารเกาหลีเหนือที่มาด้วยขมวดคิ้วด้วยความโกรธ
“สหาย ท่านผู้นี้เป็นประธาน ระวังคำพูดด้วย...”
วูจินจึงยกมือขึ้นปิดปาก
“ยินดีที่ได้รู้จัก จองอึนอา”
“...”
คิมจองอึน เจ้าตัวอึ้ง ทหารเกาหลีเหนือที่มากับเขาและเชฮีซอลที่มากับวูจินก็อึ้ง
‘พลาด พลาดแล้ว’
เชฮีซอลเสียใจอย่างยิ่ง ตอนวูจินตบหน้าหัวหน้ากิลด์ฮวารางเขาไม่สนใจที่ถูกถ่ายภาพเลย เธอไม่ได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์แบบนี้
เธอผิดที่คิดว่าต่อหน้าผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ วูจินน่าจะรู้จักมารยาทบ้าง
ไม่ เธอไม่ผิด
เธอคิดว่าเรื่องแบบนี้คนมีสามัญสำนึกคงรู้อะไรควรไม่ควรได้เอง เชฮีซอลพลาดอย่างเดียวที่ลืมไปว่าวูจินเป็นคนที่ก้าวข้ามสามัญสำนึกของคนธรรมดาไปแล้ว
สีหน้าของทหารเกาหลีเหนือแต่ละคนโกรธจัด
“ไอ้ทุเรศ คิดว่าที่นี่ที่ไหน กล้าล้อพวกเราเล่นเรอะ?”
วูจินแทนที่จะกลัวกลับยิ้ม
ก็บอกให้ระวังก็ยกมือปิดปากให้แล้ว ทำไมยังโกรธอีก? (TN-คำที่ทหารใช้มีสองความหมาย แปลว่าให้เลือกอย่างระวังก็ได้ แปลว่าให้ปิดหรือซ่อนก็ได้)
สีหน้ายิ้มแย้มของวูจินทำให้พวกทหารโกรธ คิมจองอึนหัวเราะ
“ฮะๆ สมแล้ว ช่างกล้าจริงๆ นั่งเถอะ”
เมื่อวูจินนั่งที่ เขาพูดขึ้นตรงๆ
“คุยแต่ธุระนะ ผมจะลงดันเจี้ยนแล้ว...”
ทหารเกาหลีเหนือฟังคำห้วนๆของวูจินอย่างเดือดดาล ถ้าทำได้พวกเขาคงลุกมาตบหน้าวูจินแล้ว นักข่าวต่างประเทศกดชัตเตอร์กล้องไม่หยุด
“ฮะๆ คุณเป็นคนตรงมาก สมเป็นนักรบผู้เก่งกล้าของเกาหลีใต้ หึๆ”
คิมจองอึนหัวเราะ
แต่แรกวูจินก็ไม่มีข้อเรียกร้องมากอยู่แล้ว
หลังจากเคลียร์ดันเจี้ยนเสร็จ เขาจะได้เข้าดันเจี้ยนอีก 15 วัน ไอเทมที่เก็บได้จะเป็นของเขาทั้งหมด
วูจินแค่ต้องการคำยืนยันยอมรับเงื่อนไขนี้
“ถ้าคุณจัดการได้เรียบร้อยจริงๆ ผมก็รับปาก”
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ผมไปล่ะ”
“ฮะๆ มาถ่ายรูปกันสักรูปก่อนเถอะ”
วูจินกับคิมจองอึนยืนตรงหน้าบรรดานักข่าวให้พวกเขาถ่ายรูป คิมจองอึนสั่งให้นักข่าวเกาหลีเหนือถ่ายไว้เยอะๆ
“สหาย ผมขอให้คุณปลอดภัยกลับมา”
เขาห่วงวูจินหรืออาจอยากให้วูจินรอดกลับมาเพราะนั่นแปลว่าป้องกันการเกิดดันเจี้ยนเบรกเอาไว้ได้
“เท่านี้ผมก็ได้ยินทุกอย่างแล้ว”
งานประชุมจบไปในเวลาไม่ถึง 30 นาที เวลาครึ่งหนึ่งใช้ไปกับการถ่ายรูป การประชุมจริงๆจบเร็วมาก
เชฮีซอลอึดอัดยิ่งกว่าใครในห้อง เธอนั่งหน้าซีดเหงื่อแตกพลั่ก
“จริงๆเลย นึกว่าจะหัวใจวายตายซะแล้วค่ะ ที่นี่คือพย็องยัง คุณวูจินควรจะระวังคำพูดสักหน่อย...”
วูจินยิ้มแล้วตบบ่าเธอเบาๆ
“เธอก็เห็นฉันระวังคำพูดแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“อะไรนะคะ?”
“งั้นไปก่อนนะ อีกสองสามวันเจอกัน”
“ขอให้ปลอดภัยกลับมานะคะ”
วูจินโบกมือรับพลางมุ่งหน้าไปทางดันเจี้ยน
ไม่มีอุโมงค์ที่เกิดจากการใช้หินเปิดมิติ
เราส์ชาวเกาหลีเหนือที่เข้าดันเจี้ยนเลือกตายมากกว่าหนีออกมา ไม่รู้ว่าถูกสั่งมาอย่างนั้นหรือเป็นพวกเขาตัดสินใจเอง แต่นั่นหมายถึงไม่มีข้อมูลในดันเจี้ยนเลย
“เฮ้อ จริงๆเลย...”
ฮีซอลส่ายหน้า อย่างน้อยเรื่องความมั่นใจวูจินก็เป็นที่หนึ่งของโลก ขนาดในเกาหลีเหนือที่ปกครองอย่างเผด็จการไร้เหตุผลเขายังกล้าพูดไม่ถนอมน้ำใจ
เมื่อวูจินเข้าดันเจี้ยนไป บาเรียก็ก่อตัวขึ้นตรงทางเข้าสถานีกวางมย็อง เขามีเวลา 8 วันก่อนดันเจี้ยนเบรก ถ้าไม่ออกมาก่อนเวลานั้นก็จะไม่สามารถเข้าใหม่ได้อีก
เกาหลีเหนือพยายามรวบรวมเราส์จากทั่วโลก แต่ไม่มีทีมไหนรับข้อเสนอ
คิมจองอึนมองวูจินเข้าดันเจี้ยนจากอีกที่ห่างไปจากเชฮีซอล เขายิ้มอย่างพอใจ
“เขาเป็นคนตรงมากเลยทีเดียวนะ?”
“ครับ”
“ถ้าคนของฉันมีเราส์แบบเขาบ้างคงดี”
“โชคร้ายทีเดียวครับ ผมได้ยินว่าวีรบุรุษล้วนชอบหญิงงาม เราเตรียมผู้หญิงไว้หลายคนแต่ดูท่าคงไม่ได้ใช้”
“ไม่เป็นไร”
ทหารถามเขาอย่างระมัดระวัง
“ท่านประธานคิดว่าคนๆนั้นจะทำสำเร็จไหมครับ?”
“สำเร็จสิ เขาทำได้”
คิมจองอึนมองวูจินหายเข้าไปในดันเจี้ยน สายตาน้ำเสียงบ่งบอกว่ามั่นใจว่าวูจินจะทำสำเร็จ
‘เต็มที่เลย’
คิมจองอึนเชียร์วูจินในใจ ใบหน้าปรากฎรอยอิจฉาขึ้นมานิดๆ ถ้าคนของเขาเก่งกาจขนาดนี้บ้างจะดีแค่ไหนนะ?
***
“เฮ้อ ยุ่งยากชะมัด”
วูจินต้องเข้าดันเจี้ยนตั้งแต่จุดแรก ต้องจัดการมอนสเตอร์ที่อยู่ส่วนนอกก่อน นี่เป็นปัญหาเพราะสถานีใต้ดินอยู่ลึกลงไปมาก
บันไดเลื่อนไม่ทำงาน ดังนั้นวูจินต้องเดินลงบันไดเอง และมอนสเตอร์เอาแต่โจมตีเขาซึ่งทำให้ยิ่งช้าลง
เมื่อจัดการมอนสเตอร์จนหมด วูจินใส่วิญญาณเข้าไปเพื่อเพิ่มเลเวลให้เกราะผี เสร็จแล้วเขาลอดผ่านอุโมงค์ที่ปรากฏใกล้ๆทางเข้าสถานี
มิติบิดเบี้ยว ภาพที่แผ่ตรงเบื้องหน้าทำให้วูจินรู้สึกถึงอันตราย
ต้นไม้และแผ่นดินตาย ทุกแห่งหนมีของคล้ายๆมอสขึ้นปกคลุม
“นี่มันอาณานิคมไม่ใช่เหรอ?”
นี่เป็นที่แรก
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาจากอัลเฟน ดูเหมือนกำลังหลักของทราห์เน็ตจะปรากฏตัวแล้ว
“ครุก ครุก”
ตั๊กแตนตัวอ้วนเผยตัวเหนือสันเขาพร้อมเสียงประหลาด มันสูงประมาณ 1 เมตร กว้าง 1.5 ขาคู่หน้าคมเหมือนดาบ เป็นอาวุธร้าย
ที่ยุ่งยากที่สุดคือพวกมันไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มใหญ่
เบจิก พวกมันเป็นมอนสเตอร์ระดับต่ำใต้อาณัติของทราห์เน็ตที่เจอง่ายที่สุดและน่ารำคาญที่สุด
“ไม่ได้สู้กับมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่มานานแล้ว”
วูจินเรียกโกเลมโดลเซกับซัคคิวบัสบิบิออกมา
“เฮ้อ ในที่สุดก็หนีออกมาจนได้เมี้ยว!”
วูจินต้องหลอกล่อโซอาอยู่นานกว่าจะพาบิบิมากับเขาได้ บิบิบีบจมูกเมื่อได้กลิ่นสนามรบ
“แหงะ อาณานิคมของใครเนี่ย?”
“ยังไม่รู้”
ผู้บัญชาการทั้ง 72 ของทราห์เน็ต
เขาไม่รู้ว่าที่นี่เป็นอาณานิคมของใคร ไม่สิ จะเป็นของใครก็ช่าง
เขาจะทำลายมันทุกผู้ที่เหยียบย่างมาบนโลก
“โดลเซ ไป”
โดลเซดูดฝุ่นดินเข้ามา ร่างกลายเป็นดินเน่า กลิ่นเหม็นกระจายจากตัวเขา
พวกเบจิกพุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตายแม้จะเห็นร่างใหญ่โตของโดลเซ
การต่อสู้กับกองทหารไม่รู้จักความกลัวของทราห์เน็ตเริ่มขึ้น
***
วูจินให้โดลเซอยู่ข้างหน้า หลังจัดการพวกเบจิกจนหมดแล้วเขาใช้ศพพวกมันเรียกทหารโครงกระดูกออกมาทีเดียว 50 ตัว ซากศพมีมากมายขนาดนี้
ของคล้ายๆมอสเหนียวขึ้นคลุมป่า ถนน ที่ราบ ภูเขาและเมืองร้าง มันปกคลุมไปทั่ว ที่นี่เป็นดินแดนร้าง มีมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วน
กลยุทธ์ที่ทราห์เน็ตชอบใช้คือใช้จำนวนทหารที่เหนือกว่ามากโจมตี
พวกเบจิกเมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ก็กรูเข้ามาอีก วูจินยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกรีดแสบหู
“พวกเราไม่ง่ายหรอกนะ”
เลเวล 50
ชื่อ คัง-วูจิน
อาชีพ เนโครแมนเซอร์ (พัฒนา), วอริเออร์
ระดับ กลาง
ค่าความสำเร็จ 273,219
เวทย์ 201/250 พลัง 34/60
โจมตี 49 ความเร็ว 39 แข็งแกร่ง 51 ความรู้ 32
แต้มเวทย์ 250 แต้มพลัง 60 ฟื้นฟูเวทย์ 42 ฟื้นฟูพลัง 40
บงการ 250
แต้มสถานะที่ยังไม่ได้ใช้ 0
ช่วงดีเลย์ไทม์ในการดูดซับหินเพิ่มพลัง
โจมตี 19 ความเร็ว 31 แข็งแกร่ง 7 ความรู้ 450
แต้มเวทย์ 27 แต้มพลัง 6 ฟื้นฟูเวทย์ 11 ฟื้นฟูพลัง 5
บงการ 3
วูจินใช้แต้มสถานะที่ได้มาไปกับค่าบงการและเวทย์ เขาเพิ่มค่าสถานะด้วยหินเพิ่มพลัง แต่ยิ่งกินเข้าไปมากเวลาที่ใช้ในการดูดซับหินเพิ่มพลังยิ่งนาน
แต่ละสถานะใช้เวลาในการดูดซับไม่เท่ากัน อย่างค่าความรู้ เวลาที่ใช้ในการดูดซับของเขาเพิ่มถึงขีดจำกัดแล้ว เขากินหินเพิ่มพลังเข้าไปหลายวันแต่ก็ยังดูดซับไม่สมบูรณ์เสียที
ตอนนี้วูจินสามารถบงการอสูรที่เขาเรียกมาได้ 250 ตัว
ถ้ารวมทหารโครงกระดูกกับจอมเวทย์โครงกระดูก เขาจะมีกองทหารขนาดใหญ่
ถ้าวูจินอยากใช้ทหารโครงกระดูกให้เต็มความสามารถของพวกมันเขาก็ต้องมีผู้บัญชาการ ซึ่งก็ต้องใช้เดธไนท์ แต่วูจินเองก็บัญชาการทหารโครงกระดูกได้ดีเหมือนกัน
ความหลากหลายไม่ใช่จุดแข็งของกองทัพของวูจิน
พวกเบจิกวิ่งเข้ามาทางเขาพลางส่งเสียงกรีดแหลม สัตว์ประหลาดที่เหมือนแมงมุมผสมมดยกหัวขึ้นจากด้านหลังพวกเบจิก
“พวกจอมยิงเรอะ”
พวกนี้จะพ่นหนามที่เป็นรยางค์ของพวกมันออกมา มันยิงระยะไกล พลังขนาดกระสุนปืนยังอาย การสู้กับพวกมันเป็นเรื่องยุ่งยากทีเดียว
“มีพวกรันโตด้วย”
ตอนนี้เท่าที่เห็นมีเพียงตัวเดียว มันใหญ่พอกับช้าง มีกระดองอันใหญ่ มันต้านเวทย์ได้ดีและกระดองก็มีพลังป้องกันสูงลิ่ว ดาบของทหารโครงกระดูกและเวทย์ของจอมเวทย์โครงกระดูกทำอะไรมันไม่ได้ ต้องเป็นระดับเดธไนท์หรือลิชถึงจะสู้ได้ วูจินยังเรียกอสูรระดับนั้นออกมาไม่ได้ เขาจึงต้องใช้การโจมตีรุนแรงของอาชีพวอริเออร์
“โดลเซ เปิดทางให้หน่อย”
โดลเซวิ่งตึงๆเข้าไปในใจกลางฝูงศัตรู
ทหารโครงกระดูกยืนเป็นแถวพร้อมโจมตี แนวหลัง จอมเวทย์โครงกระดูกยกมือร่ายเวทย์พร้อมยิง
วูจินเรียกม้าปีศาจออกมา ขึ้นม้าแล้วเปลี่ยนอาวุธให้เป็นรูปแบบขวาน
นี่เป็นทักษะของอาชีพวอริเออร์ที่เขาเรียนได้ตอนเลเวล 50
เมื่อเปลี่ยนอาวุธเป็นขวาน เขาสามารถใช้ “ทำลาย” กับ “หมุน” มีพลังทำลายเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
“เด็กๆ ลุย!”
“เคะๆๆๆ”
วูจินกระตุ้นม้าปีศาจให้ออกวิ่ง โดลเซตามเขาจนทัน เขาเรียกหอกกระดูกขว้างไปทางโน้นทางนี้ รอจังหวะเปลี่ยนเป็นกำแพงกระดูกฉุดการเคลื่อนไหวของศัตรู
“ก๊า!”
เลือดกระจายว่อน วูจินพุ่งผ่านศัตรู ฟันพวกเบจิกด้วยขวาน เมื่อศัตรูถูกฟันขาดทหารโครงกระดูกตัวใหม่ก็ถูกเรียกขึ้นมา
ทหารโครงกระดูกของวูจินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่จำนวนมอนสเตอร์ของทราห์เน็ตที่มารวมตัวกันมีเยอะกว่ามาก
วูจินหัวเราะลั่นเมื่อเห็นศัตรูกรูเข้ามาหา
“แบบนี้เลเวลเพิ่มขึ้นพรวดๆแน่”
ทราห์เน็ตจะบุกโลกในไม่ช้าก็เร็ว เขาแค่ต้องรีบเก่งขึ้นเพื่อสู้กับมัน
เขามองแต้มความสำเร็จที่เพิ่มไม่หยุด ขวานของวูจินร่ายรำ
***
ตรงจุดศูนย์กลางของอาณานิคม
วูจินมองบรรดาสิ่งแปลกประหลาดที่กำลังบิดตัว สร้างร่างต่างๆออกมา
“สงสัยจังว่าเจ้าบ้าที่ไหนมาเมี้ยว”
“สำหรับฉันจะตัวไหนก็เหมือนกันหมด”
“หืม ท่าทางโลกจะเริ่มได้เจอกับลูกน้องของทราห์เน็ตแล้วล่ะเมี้ยว”
“ก็น่าจะถึงเวลานั่นแล้ว”
วูจินขยับไปยังจุดศูนย์กลางของอาณานิคมพลางมองรอบๆอย่างเฉยชา ถ้าเป็นแบบนี้ไปจนเสร็จสมบูรณ์ผู้บัญชาการของทราห์เน็ตจะออกมาได้
กระทั่งตอนนี้พวกเบจิกและจอมยิงก็ยังเกิดออกมาจากสิ่งประหลาดที่ทำหน้าที่เป็นที่ฟักไข่เรื่อยๆ
“จัดการให้จบแล้วออกไปจากที่นี่เถอะ”
ใช้เวลา 12 วันไปกับการเก็บกวาดทั้งอาณานิคม ข้างนอกคงผ่านไป 3 วันแล้ว สมควรแก่เวลาที่วูจินจะออกไป
“เหมียว อยากเที่ยวเกาหลีเหนือบ้างจังเลย เสียดายจังเลยเมี้ยว”
วูจินยิ้ม จากนั้นเขาบังคับฝูงซากศพเบจิกและจอมยิงให้เข้าไปยังจุดศูนย์กลาง
เลเวลบงการศพยังต่ำอยู่ ซากศพจึงมีความสามารถเพียง 50% จากตอนยังมีชีวิต แต่เขาไม่ได้ปลุกพวกมันขึ้นมาเพื่อสู้
พวกศพพุ่งไปเกาะตรงจุดศูนย์กลางและที่ฟักไข่ทั้งหลาย เมื่อเรียบร้อยแล้ววูจินปล่อยพลังเวทย์ออกมาในรวดเดียว
ตูม!
ศพระเบิดเป็นพายุเลือด วูจินยกมือปิดหน้ากันแรงระเบิด
“โฮ่ ขึ้นมา 2 เลเวลเหรอนี่”
ล่ามา 12 วัน เลเวลของวูจินเพิ่มขึ้น 2 ครั้ง ยังมีเวลาอีก 15 วันสำหรับใช้ดันเจี้ยนนี้อย่างเต็มที่ เลเวลของวูจินน่าจะถึง 60 ได้
แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้าง หินรีเทิร์นสโตนลอยอยู่ตรงกลางหลุม แต่ข้างๆหินรีเทิร์นสโตนสีเขียวยังมีหินสีม่วงที่ดูคล้ายกันอยู่ด้วย
“มีรีเทิร์นสโตนสองก้อนเหรอ?”
วูจินหยิบหินทั้งสองก้อนขึ้นมา
“หือ?”
วูจินงง เขาจึงใช้ทักษะตรวจสอบดู
ขอบคุณครับ
ตอบลบ