บทที่ 54 – หัวข้อ (2)
โรงเรียนมัธยมปลายมิโด
เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะถึงการสอบ CSAT ทางเดินหน้าห้องเรียนของปีสามจึงเงียบยิ่งกว่าเคย
ลีซุลกิเดินเข้ามาใกล้โดเจมิน เขาดูกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที
“เฮ้ ซุลกิ หวัดดี”
“อื้ม หวัดดีเจมิน”
ซุลกิหัวเราะสดใสเมื่อเจมินโบกมืออย่างขัดเขิน เมื่อผ่านไป เจมินรู้สึกเหมือนก้อนหินหนักๆตกทับอกเขา
ไม่ใช่ เหมือนหัวใจเขากำลังหล่นวูบ
‘อ๊าก โดเจมิน แกมันโง่’
ต่อให้เตะตัวเองก็สายไปแล้ว หลังจากวันนั้นเขารู้สึกว่าซุลกิห่างไปมาก เธอน่ารักกว่าเดิม หัวเราะบ่อยกว่าเดิม แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป
เขาคิดถึงแต่เรื่องนี้จนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เขาผ่านแต่ละวันไปอย่างอ่อนล้า
ก่อนถึงเวลาเรียนพิเศษ เจมินเปิดมือถือ อ่านข่าวในเน็ตตามความเคยชิน จากนั้นส่ายหน้าเมื่ออ่านบทความที่ถูกโพสท์
“นึกไม่ถึงเลยว่าพี่เค้าจะเก่งขนาดนี้”
เมื่อก่อนพี่วูจินเหมือนคนจรจัด แต่ตอนนี้เหมือนเป็นทายาทเศรษฐีที่ไหน
[อุบัติการณ์ครั้งแรก ปาร์ตี้สองคนพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาว]
[การตายปริศนาของรองหัวหน้ากิลด์ฮวาราง ลียุนฮี]
[คังวูจิน A? AA?]
“เอ๊ะ เกิดเรื่องเหรอ?”
เจมินเสิร์ชหาบทความอีก และดูเหมือนในเน็ตจะเกิดเรื่องใหญ่ตั้งแต่เช้าของเมื่อวาน ก่อนดันเจี้ยนระเบิด วูจินกับลียุนฮีเข้าไปในดันเจี้ยนและเคลียร์ได้ ยิ่งกว่านั้นลียุนฮีตายในระหว่างเคลียร์ดันเจี้ยน
“ฮ้า”
คนทั้งสองหยุดดันเจี้ยนไม่ให้ระเบิดได้นับเป็นข่าวใหญ่ แต่ข่าวสะเทือนขวัญกว่านั้นคือการเสียชีวิตของเราส์ชื่อดัง ลียุนฮี
[ผู้หญิงของคังวูจิน?]
“อะไรนะ?”
เจมินประหลาดใจเมื่อเปิดบทความขึ้นมา
“ฮ้า? พี่เขามีแฟนด้วย? ว้าว สวยชะมัด”
รูปของคังวูจินจูบผู้หญิงคนหนึ่งถูกโพสท์เอาไว้ หน้าของเขามีแผลจากดันเจี้ยน
หัวข้อค้นหาอันดับหนึ่งในตอนนี้คือแฟนสาวของคังวูจิน
โดเจมินดูรูปถ่ายรูปแล้วรูปเล่า เขาส่ายหน้า
“หวา สวยจริงๆ”
หน้าตาคุ้นๆ แต่เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่โดเจมินเคยเห็นมา ในรูป ดวงตาของเธอคลอน้ำตา ยิ่งทำให้ดูสวย
“เอาล่ะ เริ่มเรียนกันเลย”
ติวเตอร์มาถึง เจมินเก็บโทรศัพท์แล้วตั้งใจเรียน
โทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อหมดเวลาเรียน เจมินรับสายอย่างดีใจ
“พี่”
[กำลังจะกลับบ้านเหรอ]
“อื้ม”
[พี่ก็กำลังจะไปที่บ้านเหมือนกัน...]
“เอ๋?”
[พี่ลาออกแล้วนะ]
“เอ๊ะ?”
[เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะเล่าให้ฟัง ใกล้จะถึงแล้วล่ะ เธอรอพี่ที่บ้านนะ]
“เอะ เอ๊ะ?”
ตื๊ดๆๆ
พี่สาวของเขาพูดจบก็ตัดสาย เจมินงง เมื่อถึงบ้านเขาโยนกระเป๋าแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง
ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีสมาธิเรียนหนังสือ คิดถึงแต่ซุลกิ
เจมินนอนเหม่ออยู่นานจนได้ยินเสียงประตูเปิด
“พี่มาแล้วเหรอ? ทำไมจู่ๆก็ลาออกล่ะ...”
เจมินลุกขึ้นมองพี่สาวแล้วนิ่งไป จีวอนเห็นแล้วหัวเราะ
ขนาดเธอยังช็อก แล้วเจมินจะประหลาดใจขนาดไหน?
เจมินกระพริบตาปริบ
“ใคร?”
“คิดว่าใครล่ะ พี่เอง”
เจมินจำได้ว่าเคยเห็นคนตรงหน้าที่ไหน เมื่อนึกขึ้นได้เขาก็ประหลาดใจ
“ฟะ...แฟนพี่วูจิน?”
“อยากโดนตีเหรอ? จำหน้าพี่ตัวเองไม่ได้แล้วเหรอ?”
“ฮะ พะ...พี่?”
เจมินตกใจ หลังอุบัติเหตุนั้นพี่สาวก็ปิดหน้าตัวเองเสมอ... จริงๆด้วย นี่คือพี่สาวของเขา
เธอดูไม่ต่างจากตอนยังสวย
“พี่ พี่ ฮือ”
“ฮึก เจมิน”
พี่น้องกอดกัน ร้องไห้ด้วยกัน ทันใดนั้นเจมินก็ปาดน้ำตาแล้วมองพี่สาว
“พี่วูจินล่ะ?”
“เขายังอยู่ที่เดกู”
“พี่เค้าเป็นคนรักษาพี่เหรอ?”
จีวอนพยักหน้า
“ฮือ พี่เค้าให้พี่ตอบแทนด้วยการเป็นแฟนเหรอ?”
“เอ๊ะ? นั่นมัน...”
“ฮือ แง”
เขาซาบซึ้งที่ใบหน้าพี่สาวกลับเป็นเหมือนก่อน แต่รู้สึกว่าถูกแย่งชิงบางอย่างไป ทำให้เจมินร้องไห้ต่ออีกนาน
*****
โรงแรมใกล้สถานีจูกจุง
วูซุงฮุนขับรถไปส่งจีวอนที่โซล ส่วนจุงมินชานต้องเจรจาเรื่องแบ่งสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของดันเจี้ยนระหว่างกองทัพกับกิลด์ฮวารางจึงยังไม่ได้กลับโซล
การเจรจายืดเยื้อ วูจินจึงพักที่โรงแรม
“หือ หูฉันมันร้อนๆ?”
“มีใครนินทาลูกพี่อยู่หรือเปล่าครับ?”
วูจินยิ้มเหยียด
“หูฉันไม่ร้อนกับแค่โดนนินทาหรอก อาจมีใครสาปแช่งฉันอยู่”
“....”
“เข้าดันเจี้ยนกันเถอะ”
“ตอนนี้เหรอครับ? แต่การเจรจายังไม่เรียบร้อยเลย...”
“พอเคลียร์ดันเจี้ยนเสร็จค่อยให้บลัดสโตนพวกนั้นไม่ได้เหรอ?”
เขาไม่สนเรื่องสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ เขาไม่จำเป็นต้องหาของจิ๊บจ๊อยอย่างบลัดสโตน ที่จำเป็นสำหรับเขาคือค่าความสำเร็จกับค่าประสบการณ์
วูจินเก็บเลเวลได้ช้าลง แต่ก็ใกล้จะถึงเลเวล 60 แล้ว การเพิ่มเลเวลให้อสูรของเขาก็สำคัญพอๆกัน
‘ถึงยังไงเลเวลก็เพิ่มเร็วกว่าที่อัลเฟน...’
การเก็บเลเวลใช้เวลาไม่มากเท่าตอนเขาอยู่ที่อัลเฟน ถึงอย่างนั้นวูจินก็ไม่สบายใจนักเพราะไม่รู้ว่ากองทัพหลักของทราห์เน็ตจะบุกมาเมื่อไหร่
ที่โลกยังไม่มีมอนสเตอร์ออกมาเพ่นพ่านนอกดันเจี้ยนเหมือนที่อัลเฟน แต่สุดท้ายมอนสเตอร์จะออกมาอยู่ดี ตอนนั้นความโกลาหลจะเริ่มขึ้น
วูจินไม่รีบร้อน แต่ก็ไม่ชะล่าใจ เขาเตรียมตัวเงียบๆ
“ฉันจะออกไปบอกเฮมิน เราจะเข้าดันเจี้ยน เตรียมตัวด้วย ฉันจะบอกให้กรรมการจุงเจรจาแบ่งผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม ฉันยินดีแบ่งเงิน”
เขายอมแบ่งเงิน แต่ไม่ยอมแบ่งค่าประสบการณ์
“ครับ”
วูจินออกมาข้างนอก ซุงกูเตรียมตัวเข้าดันเจี้ยน วูจินใช้ค่าความสำเร็จที่ได้มาเหลือเฟือซื้อกระเป๋าเพิ่มช่องเก็บของและซื้อหินเพิ่มพลังเพิ่มค่าสถานะให้ตัวเอง
ไม่นานเฮมินก็มาหา
“ท่านประธาน ท่านประธานต้องไปที่นั่นแล้วล่ะครับ”
“ฉันยกสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่างให้มินชานแล้วนี่”
เขาไม่อยากคุยเรื่องน่าเบื่อกับพวกสกปรก นั่นเป็นสาเหตุที่เขาเอามินชานกับเฮมินเข้ามา ให้สองคนจัดการงานจุกจิกไป
“อ้า การเจรจาใกล้เสร็จแล้วครับ กองทัพจะเอา 20% กิลด์ฮวาราง 30% ส่วนแบ่งของเราคือ 50%”
“ส่วนแบ่งของกองทัพไม่ใช่น้อยๆเลยนะ”
“ก็ คิดว่าเป็นค่าไม่ต้องเกณฑ์ทหารแล้วกันนะครับ”
ถึงอย่างไรที่พวกเขาเข้าร่วมแผนนี้ก็เพราะทางกองทัพขอมา
“อีกอย่าง กิลด์ฮวารางอยากเข้ามาเก็บอาร์ติแฟค ท่าทางอยากจะร่วมปาร์ตี้กับอลันดาล แต่ท่านประธานอยากเข้าดันเจี้ยนคนเดียว กรรมการจุงเลยต่อรองใหม่ สรุปว่า ทุกครั้งที่เราใช้ดันเจี้ยนสองครั้ง กิลด์ฮวารางจะใช้ดันเจี้ยนหนึ่งครั้งครับ”
“หืม”
วูจินลูบคาง
“ฉันอยากให้เปลี่ยนเป็นระยะเวลาแทนจำนวนครั้ง เราใช้ 2 วัน แล้วให้ไอ้พวกนั้นใช้ 1 วัน”
ดันเจี้ยน 6 ดาวถูกพิชิต ข้อมูลรายละเอียดเผยแพร่ออกมา เวลาในการเคลียร์ดันเจี้ยนคือ 12 ชั่วโมงของเวลาจริง หรือ 2 วันในดันเจี้ยน
อลันดาลจะได้เข้าดันเจี้ยน 4 ครั้ง และฮวารางจะได้เข้า 2 ครั้ง
เท่ากับเป็นสัดส่วน 2:1 เช่นกัน วูจินจะเก็บค่าประสบการณ์ในช่วงนั้นให้ได้มากที่สุด ถ้าเร่งมือหน่อยเขาจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้มากกว่า 4 ครั้ง อาจเพิ่มได้เป็นสองเท่า
วูจินไม่รู้ว่าจะได้เป็นเจ้าของดันเจี้ยน 6 ดาวอีกครั้งเมื่อไหร่ ดังนั้นเขาตัดสินใจจะเพิ่มเลเวลให้เต็มที่
“บอกมินชานตามนี้”
“เข้าใจแล้วครับ แต่ว่านี่ไม่เกี่ยวกับการเจรจานะครับ ท่านประธานต้องไปที่งานแถลงข่าว”
วูจินเลิกคิ้ว
“งานแถลงข่าว?”
***
ในงานมีกล้องโทรทัศน์จำนวนมาก นักข่าวยิ่งมากกว่า วูจินเข้าไปในห้องโถงของโรงแรมที่มีคนอยู่เต็ม จุงมินชานนั่งอยู่แล้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตัวแทนของกิลด์ฮวาราง ลีซังโฮ และคนอื่นๆก็นั่งประจำที่
วูจินนั่งถัดจากจุงมินชาน
“ขอโทษ ผมห้ามการสัมภาษณ์ไม่ได้ ถ้าใครถามอะไรที่ท่านประธานไม่ถูกใจก็ไม่จำเป็นต้องตอบนะ”
วูจินฟังคำมินชานผ่านๆมองไปรอบตัว เขาเห็นลีซังโฮยิ้มให้วูบหนึ่ง คงวางแผนอะไรบางอย่าง
‘คิดจะทำอะไรสิท่า’
วูจินนั่งเฉยๆพลางสังเกตการณ์
“กิลด์ฮวารางกับกิลด์อลันดาลปรึกษากันมาก่อนหรือเปล่า? ได้มีการตกลงอะไรกันหรือเปล่าเกี่ยวกับการเข้าดันเจี้ยนอย่างไม่มีเหตุผลในครั้งนี้? ประธานลีซังโฮสั่งการอะไรหรือเปล่า?”
“ผมไม่ได้สั่งอะไรเธอ รองประธานลียุนฮีเป็นผู้รับผิดชอบแผนนี้ ผมบอกให้เธอร่วมมือกับคุณคังวูจิน บุคคลสำคัญในเวลานี้ อย่างเต็มที่”
ลีซังโฮตอบคำถามนักข่าวรวดเร็วเหมือนซ้อมมาก่อน
“ถ้าอย่างนั้นก็คาดเดาได้ว่ารองประธานลียุนฮีเข้าดันเจี้ยนเพื่อช่วยประธานกิลด์อลันดาล คังวูจิน เป็นไปได้มากใช่ไหมคะ?”
“อืม เกี่ยวกับเรื่องนี้... ผมยังไม่เชื่อว่าน้องสาวของผมไม่อาจกลับมา...”
ลีซังโฮทำสีหน้าเจ็บปวดแล้วยกมือปิดหน้า สายตานักข่าวทุกคู่มองไปทางคังวูจิน
“ขอถามคุณคังวูจิน คุณได้ปรึกษาคุณลียุนฮีก่อนตัดสินใจเข้าดันเจี้ยนหรือไม่ครับ?”
“...”
นักข่าวถามต่อเมื่อเห็นวูจินนั่งนิ่งไม่ตอบ
“ขณะที่สู้ในดันเจี้ยน ทีมเวิร์คของคุณกับคุณลียุนฮีเป็นอย่างไร?”
“กรุณาบอกรายละเอียดว่าเธอเสียชีวิตอย่างไรด้วย”
“เธอเสียชีวิตได้อย่างไร ผู้เป็นอมตะคือศัตรูตัวสุดท้ายเหรอ? คุณคังวูจินพยายามเต็มที่เพื่อช่วยเธอหรือเปล่า?”
“...”
วูจินยังนิ่ง
คนที่ตอบเป็นจุงมินชาน
“พวกคุณเอาแต่ถามๆๆ ประธานของเราเพิ่งเคลียร์ดันเจี้ยนเสร็จแค่ไม่กี่ชั่วโมง”
นักข่าวคนหนึ่งโต้กลับ
“เท่าที่ผมรู้มา เขาขอเข้าดันเจี้ยนอีกไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ๆ ถ้าเขาแข็งแรงดีพร้อมเข้าดันเจี้ยนอีกก็แสดงว่าเขาไม่รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์นี้นัก”
“หรือคุณพยายามหลีกเลี่ยงคำถาม หรือว่าเกิดข้อขัดแย้งอะไรกับคุณลียุนฮีระหว่างอยู่ในดันเจี้ยน?”
ลีซังโฮแอบยิ้ม
นั่นแหละ ต้อนมันให้มากๆ เราส์เป็นบุคคลสาธารณะ
คังวูจินไม่ใช่แค่เราส์แรงค์ A อาจเป็นแรงค์ AA ข้อนี้กลายเป็นเรื่องที่ถูกเล่าต่อๆกันในเกาหลีและเริ่มขยายต่อไปยังต่างประเทศ
ทุกอย่างจะถูกสื่อมวลชนเผยแพร่ไป ทุกคนจะรู้ทุกการกระทำของเขา ทั้งโลกจะสนใจเขา ลีซังโฮอยากให้คังวูจินใช้ชีวิตอย่างระวังตัวทุกฝีก้าวแบบนี้แหละ วูจินอาจนึกภาพไม่ออกว่าชีวิตที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนมันยากลำบากขนาดไหน
‘เชื่อได้เลยว่าไอ้เวรนี่ไม่เคยเจอชีวิตแบบนี้มาก่อน’
ลีซังโฮอยากให้ความใจร้อนของวูจินพาตัวเองให้ตกต่ำ
ถ้าทั้งโลกสนใจวูจิน สื่อมวลชนจะตอกย้ำทุกครั้งที่วูจินทำผิดพลาดแม้แต่เล็กน้อย มันจะนำเขาไปสู่หายนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความสามารถของเราส์ แต่เป็นปัญหาด้านความแข็งแกร่งของจิตใจ
“คุณคังวูจิน คนของประเทศนี้มีสิทธิ์จะรู้ กรุณาตอบคำถามด้วย”
“...”
วูจินนิ่ง จุงมินชานหน้าเคร่งเมื่อเห็นบรรยากาศเปลี่ยนไปในทางแปลกๆเหมือนถูกใครชักจูง
ถ้ารู้ว่างานแถลงข่าวจะกลายเป็นแบบนี้ จุงมินชานจะทำทุกอย่างไม่ให้มันถูกจัดขึ้น ลีซังโฮได้เปรียบเขาในการเจรจาทำให้เขายอมรับการจัดงานแถลงข่าว เขารู้อยู่แล้วว่าลีซังโฮต้องโกรธที่สูญเสียน้องสาว แต่...
แน่นอน ประธานของเขาไม่ผิด แต่คนที่เสียสมาชิกครอบครัวไปจะคิดแบบนั้นเหรอ? คงต้องโทษใครสักคน ต้องเอาความโกรธไปลงที่ใครสักคน
‘เขาโทษท่านประธานโดยไม่มีเหตุผล...’
แม้จุงมินชานจะเข้าใจความเสียใจของลีซังโฮ แต่ไม่ยุติธรรมเลย งานแถลงข่าวเป็นการถ่ายทอดสด ตอนนี้ท่านประธานไม่อาจตอบคำถามของลีซังโฮ
“คุณคังวูจิน กรุณาตอบ...”
ท่ามกลางเสียงโวยวายของนักข่าว วูจินยกมือขึ้นเหมือนบอกให้หยุด เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วมองบรรดานักข่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“พวกนายอยากได้อะไร?”
“มวลชนมีสิทธิ์รู้ความจริง พวกเรา...”
“หยุดพูดไร้สาระ”
“...”
วูจินลุกขึ้นยืน
เขาเดินผ่านจุงมินชานไปทางลีซังโฮ ลีซังโฮเงยหน้าเศร้าสร้อยของตัวเองขึ้น คังวูจินเตะลีซังโฮ
‘หา?’
ลีซังโฮตกเก้าอี้ งงกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
“นายทำอะไร?”
“ไอ้ทุเรศ”
วูจินยิ้ม เมื่อลีซังโฮพยายามจะลุกขึ้น วูจินก็เตะที่หน้าอกเขาอีก
“เฮ้ย นายบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันถ่ายทอดสดนะ”
“แล้วไง?”
เมื่อลีซังโฮลุกขึ้นได้ก็ถูกวูจินคว้าคอไว้ วูจินลากลีซังโฮเข้ามาจ้องตาใกล้ๆ ดวงตานิ่งเฉยของคังวูจินเหมือนมองทะลุเขา ลีซังโฮหลบตา
“ถ้านายอยากทำเรื่องทุเรศแบบนี้ก็ทำตรงๆ อย่ามาวางแผนลับๆล่อๆเหมือนไอ้ขี้ขลาด”
“ฮะๆ นายพลาดไปแล้ว นี่เป็นถ่ายทอดสดไปทั้งประเทศนะ”
ลีซังโฮหัวเราะทั้งๆถูกบีบคอ เขารู้ว่าหมอนี่ต้องระงับอารมณ์ไม่อยู่แน่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะเร็วแบบนี้
มันจบแล้ว
“ก็แล้วไงเล่า?”
ถ่ายทอดสดทั่วประเทศ? ประชากรของเกาหลีมีสัก 50 ล้านคนได้ไหม?
ที่อัลเฟนมีคนเท่าไหร่? หนึ่งพันล้าน? สองพันล้าน? เขาฆ่าไปเยอะจนไม่แน่ใจแล้วว่ายังเหลืออีกเท่าไหร่แน่ ทั้งอัลเฟนจับตาดูเขาทุกฝีก้าว ต่อให้คนบนโลกทั้ง 6 พันล้านเฝ้ามองเขา คิดว่าวูจินจะเปลี่ยนท่าที?
“นายชอบโดนอัดต่อหน้ากล้องไหม?”
“หา?”
คังวูจินตบหน้าลีซังโฮ
ตากล้องบันทึกภาพต่อไปด้วยสีหน้าตะลึงงัน นักข่าวคนอื่นต่างพูดไม่ออกได้แต่กลืนน้ำลาย
ต่ออีกบทเลยครับ
ตอบลบ"แล้วไงใครแคร์" by วูจิน
ตอบลบตอนนี้ค้างมากกกก อยากดูตาวูจินประกาศศักดาแล้ววว