วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 52

บทที่ 52 – ที่ราบสูงทาริวท์ (3)


“นี่คือวิหารยักษ์?”

วูจินเปรยขึ้น บิบิอ้าปากค้างมองภาพเบื้องหน้า

“ว้าว ถ้าบอกว่าเป็นสุสานก็เชื่อนะเนี่ย”

“เชี่ย ก็ว่างั้น”

วูจินกลืนน้ำลายมองรูปปั้นเรียงรายตั้งแต่หลายร้อยถึงพันตัว

“ไปที่นั่นก่อนดีกว่า”

วูจินเก็บชิงชิง จากนั้นออกเดินพร้อมกับบิบิ โดลเซที่ยังเป็นแสงกระพริบอยู่บนศีรษะของบิบิ

“พวกนี้ใช้ทำโกเลมได้หรือเปล่านะ?”

ถ้าอยากรู้ก็ต้องลอง วูจินชี้

โดลเซบินไปหารูปปั้นอันหนึ่งแล้วฝังตัวลงไป รูปปั้นสั่นนิดๆแล้วเริ่มขยับ

“โอ้ ได้ผล.. ไม่แฮะ”

โดลเซถูกกระแทกออกจากรูปปั้น วูจินขมวดคิ้ว

วิ้ง

บิบิกอดปลอบใจโดลเซ รูปปั้นถูกบางอย่างควบคุมไว้แล้ว ดังนั้นโดลเซจึงใช้พวกมันเป็นร่างของตัวเองไม่ได้

“งั้นก็ไปกินดินเถอะ”

วิ้ง

โดลเซฝังตัวลงพื้น จากนั้นก็ยกร่างขึ้นพร้อมกับฝุ่นดินหมุนรอบเขา

ถ้าโดลเซใช้ดินเป็นร่าง พละกำลังจะด้อยกว่าตอนเป็นหิน แต่ขนาดตัวจะใหญ่กว่าสองเท่า

“แบบนี้คงยากหน่อย”

กึง

โกเลมตื่นขึ้นทีละตัวๆ ไม่ได้ตื่นพร้อมกันหมด มีแต่โกเลมตัวที่ใกล้เขาที่สุดที่ตื่น ดูเหมือนเป็นกับดักที่จะทำงานทันทีเมื่อมีใครเข้าไปใกล้พอ

“แค่ 5 ตัวเหรอ?”

โกเลม 5 ตัวตื่นขึ้นเมื่อรับรู้ว่าวูจินบุกรุกเข้ามา รอบๆไม่มีศพหรือวิญญาณ ดังนั้นทักษะอาชีพเนโครแมนเซอร์ของเขาแทบทุกอันไร้ประโยชน์ แต่เขาไม่สนใจ

“ได้เวลาเพิ่มเลเวลให้สกิลอาชีพนักรบแล้วหรือนี่?”

วูจินเรียกอาวุธประจำอาชีพนักรบออกมา เปลี่ยนมันเป็นค้อน เดี๋ยวนี้เขาคุ้นกับน้ำหนักของอาวุธแบบนี้ดีทีเดียว

วูจินขยับค้อน แล้วพุ่งใส่พวกโกเลม

***

 ลียุนฮีกำลังซ่อนตัวในเงาๆหนึ่ง เธอประหลาดใจ

“พวกนี้คือโกเลมนี่เอง”

คิดถูกแล้วที่ถอยกลับมา เธอกับทีมจะสู้กับโกเลมมากขนาดนี้ได้หรือเปล่า? อาจจะได้ถ้าพุ่งตรงไปที่แท่นพลางรับมือกับโกเลมที่อยู่ใกล้ๆ

แต่ เมื่อเธอเอาหินรีเทิร์นมาได้  แล้วกลายเป็นว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้นเล่า? ถ้าโกเลมทุกตัวโจมตีมาพร้อมกัน ยังมียักษ์ที่อารักขาแท่นบูชาอีกที่เธอกับทีมต้องรับมือ

เหมือนคังวูจินกังวลเรื่องนั้นเช่นกัน เขาไม่ได้พุ่งตรงไปที่แท่นบูชาแต่ตั้งใจสังหารโกเลมให้หมดก่อน วูจินสังหารโกเลมพลางขยับไปยังใจกลางหอคอยช้าๆเหมือนหอยทาก

“มันเป็นเนโครแมนเซอร์ไม่ใช่เหรอ?”

ดูท่าคังวูจินจะมีความลับมากมาย ข้อมูลเดียวที่รู้เกี่ยวกับเขาคือเป็นเนโครแมนเซอร์ แต่เมื่อลียุนฮีเห็นคังวูจินสู้เธอกลับไม่แน่ใจ

เธอเป็นนักล่าในเงา เป็นเราส์แรงค์ A มา 2 ปี แต่กลับแพ้ด้านพลัง ไม่สมเหตุสมผลเลย...

“เรียกโครงกระดูกอะไรนั่นต้องเป็นของบังหน้าแน่ มันต้องเป็นนักรบ แล้วก็ต้องเพิ่มพลังสูงมาก”

ท่าทางของวูจินเข้ากับความคิดนั้น เขาถือค้อนใหญ่เทอะทะตามทุบโกเลมยักษ์ระหว่างที่โกเลมดินของเขาจับมันไว้

อีกอย่าง เขาสู้อย่างเรียบง่ายมาก ทุบอย่างเดียว

“เอ๊ะ?อะไร?”

หลังจัดการโกเลมไปสองสามร้อย คังวูจินเปลี่ยนวิธีสู้ เขาใช้ค้อนทุบพื้นรัวๆ

“อะไรวะ? มันเป็นคนงานก่อสร้างเหรอ...”

เมื่อวูจินห่างไปไกล ลียุนฮีก็ขยับไปข้างหน้าทีละนิดแล้วพรางตัว

คังวูจินกำลังล่าอย่างเมามัน ส่วนลียุนฮีคืบคลานไปเรื่อยๆ

***

“ฮู่ว พวกเวรตรงนั้นเริ่มน่ารำคาญแฮะ”

แท่นบูชาที่มีหินรีเทิร์นลอยอยู่ห่างจากเขาไปไม่ไกลนัก

เหลือโกเลมยักษ์ไม่ถึง 50 ตัว แต่ยักษ์ที่ยืนอารักขาแท่นบูชาไม่มีแม้แต่สัญญาณบอกว่าจะขยับ พวกมันยืนนิ่ง หันหลังให้หินรีเทิร์นสโตน

ตรงกลางหน้าผากของพวกมัน มีตาดวงหนึ่งขยับไปมา แสดงว่าพวกมันกำลังมองวูจินอยู่

ระหว่างจัดการกับโกเลมยักษ์วูจินไม่สนใจพวกประหลาดตาเดียว เหมือนเขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการสู้กับพวกนี้ ตอนนี้หินรีเทิร์นส่งแสงสีเขียวจ้าเหมือนจะระเบิด เป็นไปได้ว่าใกล้จะเกิดดันเจี้ยนเบรกเต็มทีแล้ว

เลเวลของทักษะอาชีพนักรบของวูจินเพิ่มพรวดพราด การใช้ท่าเดิมซ้ำๆเป็นเวลานานทำให้ค่าสถานะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้นเลเวลของเขายังเพิ่มเป็น 49 วูจินสังหารโกเลมหมดทุกตัวแล้ว...

“ว้า น่าเสียดายอ่ะ ฆ่าโกเลมอีกตัวเดียวเจ้านายก็จะเลเวล 50 แล้ว แบบนั้นเจ้านายจะได้เล่นกับตุ๊กตาของเจ้านาย”

“งั้นก็แค่ต้องฆ่าพวกตรงโน้น”

วูจินมุ่งหน้าไปทางพวกไซคลอปที่ไม่ขยับห่างจากแท่นบูชา

กึงๆ

ข้างหลังวูจิน โดลเซสร้างร่างของตัวเองจากชิ้นส่วนของโกเลมยักษ์ บิบิก็นั่งบนหัวของโดลเซตามเคย

“บิบิ ลงมา ข้างหน้ามันอันตราย”

“รับทราบ”

พวกไซคลอปเป็นสิ่งอันตราย

พวกมันเป็นเผ่าที่สืบทอดจากเผ่ายักษ์เช่นกัน แต่หากใครคิดว่าพวกมันเท่าเทียมกับโอเกอร์ต้องเจอปัญหาแน่ โอเกอร์รับความป่าเถื่อนดุดันมาจากเผ่ายักษ์ ไซคลอปมีร่างกายใหญ่โตกว่าและรับสืบทอดปัญญามาจากเผ่ายักษ์ผู้สร้างอารยธรรมอันยิ่งใหญ่

[ข้ารู้จักเจ้า]

วูจินหยุดตรงหน้าพวกไซคลอป

“รู้จักเหรอ?”

[ถูกต้อง ไททันแห่งการบุกทำลาย]

ไซคลอปจ้องนิ่งไปที่โดลเซ จากนั้นมองบิบิที่อยู่ข้างกัน

[แม่มดมายา]

ดวงตาดวงใหญ่ของไซคลอปหันมาทางวูจิน เขากำลังหัวเราะ

[ข้ายังรู้จักเหล่าอัศวินดำของเจ้า...]

“ฉันคงพอดังอยู่บ้างสินะ?”

พวกไซคลอปขยับตัวเมื่อได้ยินวูจินพูดเล่น

[ข้าจะไม่รู้จักเจ้าได้อย่างไร? เนโครแมนเซอร์แห่งการสังหารหมู่]

พวกไซคลอปขยับมือ

[ความหวาดกลัวของสิ่งมีชีวิต]

กระบองสีทองถูกเรียกมาที่มือของไซคลอป

[ราชาของผู้สิ้นชีพ]

ไซคลอปแต่ละตัวเรียกกระบองออกมาพร้อม เดินเข้าหาวูจินพลางจ้องเขา

[จ้าวแห่งอลันดาล]

ไซคลอปทั้งสามตัวยกกระบองขึ้น ขยับเข้ามาอีกก้าว

[ผู้ไม่ตาย!]

กระบองของไซคลอปฟาดใส่วูจิน แต่โดลเซพุ่งเข้ามาเร็วกว่า

กึงๆ

โดลเซยืดตัวออกรับการโจมตีจากไซคลอป

บางส่วนของโดลเซหลุดไป ฝุ่นหินกระจายคลุ้ง

วูจินขยับถอยออกมาไม่ห่างนัก ยิ้มมุมปาก

“ทราห์เน็ทก็ส่งพวกนายมาเหรอ?”

[เจ้าไม่มีทางหยุดยั้งกองทัพหลักของทราห์เน็ทได้]

“ไร้สาระ”

[ทันทีที่เจ้าหนีมาก็ถือว่าเจ้าแพ้แน่นอนแล้ว]

วูจินขมวดคิ้ว เขาไม่ได้หนี

“อยากตายเรอะ?”

[ความโกรธของเจ้าเป็นหลักฐานยืนยันว่าเจ้าแพ้...]

วูจินเปลี่ยนอาวุธเป็นหอก

“เลิกพล่ามได้แล้ว”

วูจินพุ่งใส่ดวงตาของไซคลอปเหมือนจรวด

หอกปักเข้าไปในดวงตาของไซคลอป แต่มันไม่หลบกลับคว้าตัววูจินไว้ วูจินพลิกตัวหนีจากเงื้อมมือของมัน เขาหลบหลีกการกระหน่ำโจมตีของไซคลอปแล้วสวนกลับ กระบองที่ฟาดใส่มีอันตรายถึงตาย ให้เลือกเขาอยากเจอกับโอเกอร์ 100 ตัวมากกว่าสู้กับไซคลอป 3 ตัวนี้

“ฮู่ว ฉันจะบ้า...”

เขาต้องหลบอย่างยากเย็น และการโจมตีประปรายของเขาไม่ทำความเสียหายให้พวกมันนัก ไซคลอปที่ถูกหอกปักตาได้รับการเยียวยาทันทีจากแสงที่แท่นบูชาส่องมา

ถ้าใช้ท่าจู่โจมในดาบเดียวของดาบใหญ่เขาคงตัดนิ้วเท้าพวกมันได้สักนิ้วสองนิ้ว เสียแรงเปล่ามาก

บิบิแทบช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่วูจินกับโดลเซที่สู้อยู่ เขามีพวกน้อยกว่า เวลาก็ใกล้จะหมด

พลังประหลาดจากแท่นบูชาคอยเติมพลังให้พวกไซคลอป แบบนี้วูจินคงไม่พ้นเป็นฝ่ายหมดแรงก่อน

ตอนนั้นเอง ลียุนฮีโผล่ออกมาจากเงาหินกองหนึ่งแล้วฉวยหินรีเทิร์นสโตนจากแท่นบูชา หินส่องแสงจ้าเหมือนจะระเบิดแต่เมื่อลียุนฮีถือมันแสงก็จางลง

ในเวลาเดียวกัน แสงจากแท่นบูชาที่คอยเติมพลังให้พวกไซคลอปก็ดับไป

“เฮ้ย นายน่ะ จะคิดว่าฉันเป็นพวกปลาซิวปลาสร้อยก็เชิญ ฉันจะกลับบ้านแล้ว ส่วนนายตายไปซะได้ก็ดี”

วูจินยิ้มเมื่อเห็นลียุนฮี ขยะนี่ก็มีประโยชน์ถ้ารู้จักใช้นะ

“โดลเซ ถ่วงเวลาให้หน่อย”

“โก”

วูจินผละจากสนามรบพุ่งไปทางลียุนฮี

“คะ...คิดจะทำอะไรน่ะ?”

ลียุนฮีเพิ่งเห็นคังวูจินต้องสู้อย่างลำบากเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าดันเจี้ยน เขาอาจจะตัดสินใจเลิกและคิดจะแย่งหินรีเทิร์นสโตนไปจากเธอ

หรือเขาคิดจะหนีไปกับเธอ?

ดูไม่เหมือนอย่างนั้น หอกในมือคังวูจินทำให้ลียุนฮีกลัว

“อ...อย่าเข้ามานะ”

“ขอบใจนะ”

คังวูจินโจมตีด้วยหอก

ลียุนฮีกันไว้ได้หวุดหวิด ข้อมือเธอเจ็บแปลบ พลังอะไรขนาดนี้

“เธอจะเป็นค่าประสบการณ์ให้ฉัน”

“อะไร?”

วูจินเล็งหอกไปที่หัวใจลียุนฮี

เราส์แรงค์ A ลียุนฮี เอี้ยวตัวหลบด้วยร่างกายคล่องแคล่วเพื่อใช้ท่าโจมตีพิเศษ วูจินไม่หลบ เขาพุ่งเข้าไปเร็วขึ้นอีกและปักหอกเข้าไปในหัวใจของลียุนฮี

“อะ...ไอ้เวรเอ๊ย...”

ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึงแล้วหม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว ดาบของเธอกรีดใส่วูจินแต่ไม่ลึกพอตัดคอเขา

มนุษย์ที่มีแต่เลือดเนื้อกระดูกจัดการง่ายกว่าพวกโกเลมมาก

วูจินเรียนทักษะเลเวล 50 ทันที

[บงการศพ]
ศพที่ถูกบงการมีพลัง 50% จากเดิม สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆได้
ใช้เวทย์ 1

[ศพระเบิด]
สามารถระเบิดศพที่อยู่ในรัศมี 10 เมตรของผู้ใช้ทักษะหรือศพที่ผู้ใช้ทักษะบงการ ความรุนแรงเพิ่มขึ้นตามเวทย์ที่ใช้

พลังเวทย์จากวูจินทำให้ลียุนฮียืนขึ้นทันที ดวงตาเธอเหลือกขาว ศพของลียุนฮีวิ่งไปทางพวกยักษ์อย่างบ้าคลั่ง

ระหว่างวูจินวิ่งตามไป เขาเพิ่มทักษะศพระเบิดเป็นเลเวล 10

ศพลียุนฮีกระโดดเกาะหัวของไซคลอปตัวหนึ่ง พลังเวทย์จำนวนมากไหลออกจากร่างวูจินแล้วศพก็ระเบิดตูม

แรงระเบิดเป่าหัวไซคลอปกระเด็น จากนั้นซากศพของไซคลอปก็ลุกขึ้นกอดไซคลอปอีกตัว

ตูม!

ใช้ทักษะเพียงสองครั้ง แต่วูจินใช้เวทย์ไปจนหมด

ไซคลอปตัวสุดท้ายพยายามหนี แต่โดลเซจับมันไว้

พริบตาเดียววูจินก็มาถึงไซคลอป เขาหัวเราะ

“นายบอกว่าฉันหนี?”

[…]

“ถ้าพวกนายมั่นใจมาก ก็เรียกพวกมาโจมตีฉันให้หมด”

[...]

วูจินปักหอกเข้าไปที่ดวงตาไซคลอป

“เจ้านาย ไม่เล่นกับตุ๊กตาเหรอ”

เมื่อวูจินเห็นรอยยิ้มสดใสของบิบิก็นึกได้ว่าที่จริงแล้วเธอเป็นปีศาจ เขาหัวเราะ

“ฉันก็เป็นเหมือนกัน”

วูจินปาดเลือดจากรอยแผลบนหน้า เขาใช้สกัดวิญญาณรักษาแผลให้ตัวเอง

“ซี้ด คงต้องทายาหน่อย”

ดาบของยุนฮีสร้างแผลบาดลึก เขาทายาฟื้นฟูสภาพบนแผลที่เจ็บตุบๆ รอยแผลจะหายสนิทเมื่อผ่านไปหนึ่งคืน

วูจินหยิบหินรีเทิร์นสโตนจากพื้นแล้วเก็บอาร์ติแฟคอย่างว่องไว




สารบัญ                           บทที่ 53





5 ความคิดเห็น:

  1. แอบซุ่มอ่านมานานขอคอมเม้นหน่อยละกัน วูจินนี่มันวูจินจริงๆนึกว่าจะทำไร เอาแบบนี้เลยเรอะ 555 ปล.ตามที่คุณแปลคนเดียวนี้ละเจ้าอื่นรู้สึกสำนวนแปลกๆ

    ตอบลบ
  2. ถ้าไม่ฆ่า วูจินก็ไม่รอดน่ะค่ะ ดันเจี้ยนเบรก เมืองพัง พวกคนวางแผนดีใจ ทราเน็ตบุกโลก นิยายจบเห่ สรุปยัยปากเสียต้องตายค่า บทบาทสำคัญมาก XD / ขอบคุณที่ตามอ่านค่ะ

    ตอบลบ
  3. เอ้านึกว่าจะเป็นเมียอีกคนสะอีก เฮ้อออ

    ตอบลบ
  4. โหดดไม่คิดว่าจะโหดขนาดนี้แจ่มมากก ไอพวกข้างนอกไม่รุ้เรื่องสินะว่าถ้าเบรกไปเยอะๆแล้วจะเกิดอะไรขึ้นเห็นแก่ได้จริงๆ

    ตอบลบ
  5. เนโครแทนเซอร์ แห่งการสังหารหมู่ เปลี่ยนเป็นจ้าวแห่งความตายดีกว่ามั้ง

    ตอบลบ