บทที่ 27 – ดันเจี้ยน 4 ดาว (2)
“อุโมงค์?”
สีไม่เหมือน
แต่อุโมงค์ที่สร้างโดยผู้พิทักษ์มิติมีรูปร่างแบบนี้... ไม่สิ ขนาดก็เล็กกว่า...
ทันใดนั้นซุงกูก็คุกเข่าลงตรงหน้าวูจิน
“ลูกพี่ ผมขอโทษ”
“ฮะ? ทำไม?”
“ผมผิดเอง เมื่อวานผมตื่นเต้นกับการซื้อรถมากเกินไป เลยไม่ได้สนใจหาข้อมูลของดันเจี้ยน”
วูจินหัวเราะหึ
“ไม่เป็นไรน่า ลุกขึ้น”
ซุงกูลุกขึ้นด้วยความซาบซึ้งในความใจกว้างของวูจิน
เขาโยนความตื่นเต้นในใจทิ้งไป ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้มั่นคงยิ่งขึ้น
‘เราลืมตัวไป’
ซุงกูมองย้อนไป
สองวันมานี้ต้องยอมรับว่าเขาตื่นเต้นเกินไป
ปกติเขาเข้าแต่ดันเจี้ยนหนึ่งดาว
ครั้งแรกที่เข้าดันเจี้ยนสองดาวเขาก็เกือบตาย แต่เขากลับลืมเรื่องนั้นไป
ถ้าไม่เพราะวูจินช่วยไว้ เขาก็ตายไปแล้ว
ลำพังตัวเขาไม่มีทางได้เข้าดันเจี้ยนสี่ดาวหรือแม้แต่สามดาว
สำหรับเขาแล้วดันเจี้ยนสี่ดาวก็คือที่ตายดีๆนี่เอง
เขามายังที่นี้แต่กลับไม่หาข้อมูลมาให้ละเอียดก่อน
มาตัวเปล่าเหมือนไปปิกนิก... บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วชัดๆ
ยิ่งกว่านั้น
ข้อมูลที่เขาหามาไม่มากก็เป็นข้อมูลของดันเจี้ยนอื่น
เมื่อพวกเขาเปลี่ยนมาเข้าดันเจี้ยนนี้แทนก็น่าจะหาข้อมูลใหม่ คิดแผนใหม่
เขาเลินเล่อไปจริงๆ
“คิดๆดูแล้วนี่มันแปลกไปหน่อยนะครับ
ถึงพวกนั้นจะบอกว่าตั้งใจดี แต่เหมือนบังคับให้พวกเราเข้ามาเลย”
“นั่นสิ”
วูจินนิ่งคิด
แต่แล้วก็เลิกสนใจเพราะมาคิดตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์
“ถ้าไม่ใช่ว่าอยากจะก่อกวนก็คงมองฉันในแง่บวกมาก”
วูจินเริ่มวางแผนรับมือเฉพาะหน้า
อุโมงค์
เข้าหรือไม่เข้าดี?
เขาหาจนทั่วแล้วแต่ไม่เจอรีเทิร์นสโตน ก็เหลือทางเดียว
เขาจะเลือกทางนี้อย่างไม่ลังเล
“เข้าไปกันเถอะ”
“ครับลูกพี่”
ซุงกูตัดสินใจ ต่อให้เป็นนรกเขาก็จะตามลูกพี่ไป
วูจินเป็นแสงนำทาง เป็นเชือกช่วยชีวิตของเขา
วูจินผ่านอุโมงค์เข้าไป เขาไม่รู้สึกเจ็บแบบที่รู้สึกตอนเปลี่ยนจากโลกอัลเฟนกลับมายังโลก
ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวไปครู่หนึ่งแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ความรู้สึกไม่เหมือนตอนเปลี่ยนโลก
ครั้งนี้เขารู้สึกเหมือนเดินผ่านน้ำเหนียวๆ
เป็นความรู้สึกไม่สบายและทำให้เขารู้สึกวิงเวียน แต่ร่างกายเขาไม่มีอะไรแปลกไป
“หืม?”
วูจินแปลกใจกับภาพเบื้องหน้า ป่าดงดิบที่มีพงไม้หนา
ต้นไม้ใหญ่โตปรากฏต่อหน้า
“ละ...ลูกพี่ครับ”
วูจินหันไปเห็นซุงกูที่ร่างกายเปลือยเปล่า
เห็นสีหน้าของซุงกูแล้ววูจินก็ยกมือขึ้นสำรวจตัวเอง เขาไม่ได้ใส่อะไรเช่นกัน
“แปลว่ามีแต่ร่างกายที่เคลื่อนผ่านมิติเข้ามาได้”
พวกเขาถูกโยนเข้ามาในป่าดงดิบด้วยตัวเปล่า
วูจินเปิดร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จแล้วมองหาเสื้อผ้า
โชคดีที่เสื้อผ้าธรรมดาไม่มีค่าสถานะพิเศษนั้นราคาถูกกว่า 4 แต้ม ถือว่าถูกทีเดียว
“อะแฮ่ม”
ซุงกูกระแอมด้วยความรู้สึกอาย เขาเหล่มองท่อนล่างของวูจิน
‘ลูกพี่สมเป็นลูกพี่จริงๆ’
เขารู้สึกว่าตัวเองแพ้ แต่ไม่สนใจ
ลูกพี่ที่เขานับถือต้องใหญ่อยู่แล้ว
“เอ้า ใส่ซะ”
“เอ๊ะ เอามาจากไหน...”
ชั่วขณะที่ซุงกูเผอลมองไปทางอื่น
วูจินก็โยนเสื้อผ้ามาให้ ซุงกูแปลกใจ
สมเป็นลูกพี่ ใหญ่ไม่พอ ยังหาเสื้อผ้ามาจากไหนก็ไม่รู้ได้อีก
วูจินใส่เสื้อแล้วมองรอบๆตัวอย่างระมัดระวัง
อุโมงค์ตั้งอยู่บนแท่นหิน รัศมีประมาณ 5 เมตรรอบมันเป็นที่ว่าง
เขามองเหนือใต้ออกตก แต่ที่เห็นมีแต่ต้นไม้กับต้นไม้
“สงสัยเราจะเข้ามาในดันเจี้ยนสี่ดาวของจริงแล้ว”
วูจินยิ้มกริ่ม
ซุงกูใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยก็มองวูจินอย่างกังวล
เขาต้องตั้งใจตามลูกพี่ให้ดี พลาดเพียงนิดเดียวอาจถึงตายได้
“ฉันจะเตรียมตัวก่อน เฝ้าให้ดี”
ซุงกูจับตามองรอบตัวตามคำสั่งทันที
วูจินเปิดร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จและซื้อของเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
เขาเลเวล 10
แต่มีโบนัสจากการเปลี่ยนเป็นอาชีพขั้นพัฒนาแล้วจึงมีความสามารถมากกว่าเลเวล 10
ธรรมดา อย่างไรก็ตาม นี่เป็นดันเจี้ยนสี่ดาวดังนั้นแม้แต่เขาก็อาจตกอยู่ในอันตราย
ลักษณะของอาชีพเนโครแมนเซอร์คือสู้กับมอนสเตอร์ระดับต่ำจำนวนมหาศาลได้สบาย
แต่จะมีปัญหากับการสู้กับมอนสเตอร์เก่งๆตัวเดียว
วูจินไม่รู้ว่าจะเจอกับมอนสเตอร์แบบไหน
เขาจึงต้องเตรียมตัวเอาไว้ โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาล่าราควิมาอย่างบ้าคลั่ง
ได้บลัดสโตนมาเท่าไหร่ไม่รู้แน่ แต่ค่าความสำเร็จนั้นมีเหลือใช้ทีเดียว
วูจินซื้อคาถาระดับต่ำที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จากนั้นเขาซื้อทักษะของอาชีพนักรบ
[ประสาทสัมผัสของนักรบ] – หยั่งคาดความแข็งแกร่งของศัตรูได้
[ความเกรี้ยวกราดของนักรบ] – อย่าทำให้นักรบโกรธ ความเกรี้ยวกราดของนักรบจะเปลี่ยนเป็นพลังมหาศาล
ศัตรูจะถูกทำลาย
ค่าสถานะ กำลัง,ความเร็ว,ความอึด เพิ่มขึ้น 50%
ระยะเวลา 30 วินาที,คูลดาวน์ 60 นาที
[กระโดด] – นักรบมีพลังกระโดดสูงเหลือเชื่อ
ใช้ค่าพลัง :
1
[พุ่งชน] – การพุ่งชนของนักรบนั้นบ้าบิ่น
เมื่ออยากพุ่งไปที่ใดเขาก็ไปในทันใด
ใช้ค่าพลัง :
1
[ฟาด] – การฟาดฟันอันทรงพลังของนักรบ
บวกดาเมจพื้นฐาน 100%
ใช้ค่าพลัง :
1
ประสาทสัมผัสของนักรบกับความเกรี้ยวกราดของนักรับเป็นทักษะติดตัว
และเขายังซื้อกระโดด พุ่งชน และฟาด ซึ่งเป็นทักษะเรียกใช้
ทั้งหมดเป็นทักษะเฉพาะของอาชีพนักรบที่สามารถเรียนได้ตอนเลเวล 10
‘เอาล่ะ เท่านี้คงพอ
ต่อไปก็เพิ่มสเตตัส...’
[ค่าสถานะ]
โจมตี 30 ความเร็ว 30 ความอึด 30 ความรู้ 30
เวทย์ 25 กาย 0 ฟื้นฟูเวทย์ 10 ฟื้นฟูกาย 10
บงการ 34
แต้มที่เหลืออยู่ 0
วูจินมีแต้มเพิ่มค่าสถานะที่เก็บไว้จนถึงเลเวล 10 อยู่
20 แต้ม เขาเอาไปเพิ่มเวทย์กับบงการ
เสร็จแล้วก็ซื้อยาเพิ่มพลังต่างๆจากร้านเผื่อเวทย์หมดระหว่างต่อสู้
‘ถ้าจะเน้นเพิ่มสถานะก็ต้องขยายคลัง’
วูจินตั้งใจจะเพิ่มค่าสถานะด้วยการกินยา
ซึ่งต้องการส่วนผสมหลายอย่าง ช่องเก็บของในคลังมีเพียง 3 ชั้น
เขาซื้อกระเป๋ามิติเพิ่มอีก 3 อัน แต่ละอันให้ช่องเก็บของเพิ่มอีก 3 ชั้น
ทำให้ตอนนี้คลังเขามีช่องเก็บของ 12 ชั้น
[ไม่สามารถซื้อได้อีก]
ดูเหมือนกระเป๋าแบบเดียวกันจะซื้อซ้ำได้แค่ 3 อัน
เขาต้องซื้อกระเป๋าแบบอื่น
‘กระเป๋าแบบ 6 ชั้นราคา 10,000 แต้ม’
ราคาแพงเกินไปสำหรับเขาในตอนนี้
จากนั้นเขาซื้อสูตรยาที่ราคาไม่แพงทั้งหมดเพื่อดูว่าต้องหาส่วนผสมอะไรบ้าง
‘เท่านี้น่าจะพอแล้วมั้ง?’
เนโครแมนเซอร์เรียกวิญญาณมาสู้
ไม่ให้ความสำคัญกับเครื่องสวมใส่ ทักษะต่างหากที่สำคัญกว่า
วูจินยังมีแต้มโบนัสเหลือ
(น่าจะหมายถึงแต้มที่ใช้เพิ่มเลเวลสกิล-TN) แต่เขาตัดสินใจเก็บไว้ก่อน ถ้าการต่อสู้ยากเกินไป แต้มโบนัสจะสำคัญมาก
เป็นไพ่ตายของวูจิน
วูจินใช้ค่าความสำเร็จที่เหลือทั้งหมดซื้อไปไอเทมทั่วๆไป
เก็บมันไว้ในคลัง จากนั้นก็ยืนขึ้น
วูจินคิดเรียกไม้เท้าเหล็กออกมาแล้วมันก็โผล่มาใกล้มือคว้าทันที
“ไปเถอะ”
“ครับลูกพี่ ว่าแต่...”
“อะไร?”
“ลูกพี่ใช้มิติทับซ้อนได้ด้วยหรือครับ?”
จู่ๆวูจินก็เสกเสื้อผ้าออกมา แล้วยังมีไม้เท้าอีก
ซุงกูเลยถามเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมิติทับซ้อนเขาก็ไม่รู้แล้วว่าวูจินทำได้อย่างไร
“ได้”
“เฮือก!”
อาร์ติแฟคเกี่ยวกับการควบคุมมิตินั้นแพงมาก
วูจินไม่ได้ใช้อาร์ติแฟค ดังนั้นจึงหมายความว่าเขาใช้เวทมนตร์
แค่ใช้เวทย์ขั้นนี้ได้ก็ถือว่าเป็นระดับเราส์แรงค์ B
แล้ว
ในเกาหลีมีเราส์แรงค์ B
อยู่ไม่กี่คนหรอก
“ลูกพี่... ลูกพี่สุดยอดจริงๆ ผมนับถือ”
“เลิกเล่นได้แล้ว ลบกระแสจิตซะ”
“ครับ!”
วูจินก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ต่อไปนี้พวกเขาจะอยู่ในดันเจี้ยนสี่ดาวของจริงแล้ว ทักษะตรวจจับของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงเลเวล
3 ตอนนี้เขาสามารถตรวจจับสัญญาณชีวิตของมอนสเตอร์ได้จากระยะไกล
“มีมอนสเตอร์สามตัวข้างหน้า ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร”
“เรา...เราทำยังไงดีครับ?”
“นายโจมตี พอพวกมันจะสู้กลับก็หนีมาทางฉัน
ระวังอย่าพลาดจนฉันต้องเรียกนายกลับมาเป็นทหารโครงกระดูกล่ะ”
“เฮือก”
ซุงกูเห็นภาพศพตัวเองระเบิดกลายเป็นทหารโครงกระดูกได้ชัดเจน
ถึงเขาตาย เขาก็ไม่อยากตายแบบนั้นนะ”
“ไอ้หนู ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น
ฉันแค่บอกให้นายระวังให้มากไว้”
ในการต่อสู้ ความประหม่ากลัวไม่ต่างจากยาพิษ แต่ว่า
วันใดที่เราไม่รู้สึกกลัวยามอยู่ในสนามรบอาจเป็นวันที่เรากำลังจะตาย
นี่ยิ่งจริงเมื่อเป็นการต่อสู้กับมอนสเตอร์
จะล่าหรือถูกล่า จะอ่อนเป็นน้ำหรือจะแข็งเป็นน้ำแข็ง...
มองภายนอกวูจินดูสบายอารมณ์เสมอ
แต่ที่จริงประสาทสัมผัสของเขาตื่นตัวเต็มที่
“โยนไฟ”
ฟู่ว
ซุงกูขว้างบอลไฟตามคำสั่ง พลังของเขาไม่ใช่ชั่ว ถ้าเทียบกับเวทย์ระยะไกลอื่นๆ
บอลไฟของซุงกูรุนแรงกว่าเวทย์ระยะไกลที่วูจินมี
ปึก!
บอลไฟกระแทกกับบางสิ่ง จากนั้นปล่อยประกายไฟไปเกาะรอบๆ
“เหอ?”
เกิดปัญหาที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเมื่อตอนอยู่ในสถานีใต้ดิน
ไฟป่าเริ่มไหม้ลาม พร้อมๆกับ...
“โฮก!”
เสียงร้องน่าหวั่น มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายจระเข้ปรากฏตัว
มันพุ่งใส่พวกเขา
ปึงๆ
มันขยับตีนสั้นๆพลางสะบัดตัวไปมา
ต้นไม้เล็กๆถูกกำลังมหาศาลของมันโค่นล้มเป็นทาง
มันใหญ่เท่ากระทิง
มันมีฟันหยักเหมือนเลื่อยแวววับเหมือนมีดทำครัว
‘ซวยแล้วกู’
ซุงกูไม่แม้แต่คิดหนี ตอนนั้นเองวูจินก้าวมายืนตรงหน้าเขา
[ครอคโคไดล์ เลเวล 31]
‘ประสาทสัมผัสของนักรบสินะ’
ฟู่ม!
พริบตาเดียววูจินก็พุ่งฝ่าพงไม้ไป
มองเหมือนนักวิ่งระยะสั้นในกีฬาโอลิมปิกตอนปล่อยตัว ไม่ใช่สิ
เทคนิคก้าวพริบตาในนิยายกำลังภายในคงเป็นแบบนี้
จระเข้อ้าปากขู่ วูจินกระโดดสูงสามเมตรหลบ ซุงกูอ้าปากค้าง
คนเราเคลื่อนไหวแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?
ขณะร่วงลงมา วูจินกระชับไม้เท้าเหล็กด้วยสองมือ
แล้วปักลงบนหัวจระเข้อย่างแม่นยำ
การเคลื่อนไหวต่อๆกันไร้ที่ติจนซุงกูได้แต่นับถือ
ถ้าวูจินแข่งยิมนาสติกต้องได้คะแนนเต็มแน่
ซุงกูมองความเคลื่อนไหวของวูจิน มันงดงาม
แล้วก็...
“เฮอะ หนังเหนียวนักใช่ไหม”
ปึก ปึก!
“โฮก!”
ก้าวร้าว รุนแรง
****
บริเวณหน้าสถานีศาลากลางเมืองกวาชุน ทางออกที่ 11
มินชานและเฮมินยังจ้องบาเรียของดันเจี้ยนตาค้าง
บาเรียยังไม่สลายไปแสดงว่าคนข้างในยังไม่ตาย
“พวกนั้นจะรอดได้นานแค่ไหน?”
“อย่างน้อยก็น่าจะฆ่าครอคโคไดล์ได้สักตัวหรือเปล่า?”
“น่าจะไหวนะ”
“ถ้าเจอพร้อมกันสามตัวล่ะ? มันจะยากไปไหม?”
“...”
ครอคโคไดล์เป็นมอนสเตอร์ที่ฆ่ายาก
การโจมตีกายภาพส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีผลเพราะมันมีหนังเหนียว แถมมันยังต้านทานเวทย์ได้ดีเสียด้วย
ถ้ามีของอย่างหอกคมๆก็อาจแทงใส่ข้างในปากซึ่งเป็นจุดอ่อนของมัน
แต่ดันเจี้ยนสี่ดาวไม่ยอมให้ของจากโลกภายนอกผ่านเข้าไป
มีแต่เราส์กับไอเทมที่ได้จากดันเจี้ยนต่างๆจึงจะผ่านอุโมงค์เข้าไปได้
ของในชุดเอาตัวรอดในดันเจี้ยนล้วนแต่ทำจากของที่ได้มาจากดันเจี้ยน
“ฮืม พวกนั้นสู้มือเปล่าๆ ครอคโคไดล์ตัวเดียวก็ยากแล้ว”
“ต่อให้ฆ่ามอนได้ ยังมีปัญหาเรื่องอาหารกับน้ำอีก”
ในดันเจี้ยนไม่ได้มีแต่มอนสเตอร์อย่างเดียวที่เป็นปัญหา
ต่อให้ไม่มีมอนสเตอร์ ใครที่ถูกทิ้งไว้กลางป่าดงดิบตัวเปล่าๆก็แทบไม่เหลือโอกาสรอด
“เฮ้อ”
มินชานกับเฮมินทอดถอนใจด้วยความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้คนบริสุทธิ์ตายไป
***
ฉ่าๆ
ซุงกูกินเนื้อเสียบไม้ย่างแล้วก็เบิกตาโต
“ลูกพี่ อร่อยสุดยอด!”
“เนื้อจระเข้จะอร่อยมากถ้าทุบเนื้อให้นุ่ม”
“ลูกพี่เทพสุดๆ!”
ในสายตาซุงกู วูจินไม่ต่างจากเทพเซียน
ไม่รู้วูจินไปเอาเวลาเตรียมของมาจากไหน แต่เขาล้วงมีดทำครัวออกมาจากมิติทับซ้อน
ล้วงหม้อไหจานชามช้อนส้อมออกมา วูจินเฉือนเนื้อ เสียบเข้ากับไม้เสียบ
โรยเกลือเล็กน้อยแล้วเอาไปย่างไฟ แล้วรสชาติก็ออกมาเลิศล้ำ
ความสามารถของวูจินนั้นไม่มีที่สิ้นสุด
แล้วเขาก็ล้วงเหยือกไม้ออกมา
เทเบียร์ลงไปด้วยอีกต่างหาก
ลูกพี่เอาเหล้ามาดื่มในดันเจี้ยน!
“ไอ้หนู ลองนี่ด้วย
ครอคโคไดล์ย่างกินแกล้มกับเบียร์ได้ดีเลย”
“ฮ้า อร่อย”
ซุงกูยกนิ้วหัวแม่โป้งทั้งสองมือ เบียร์นี่มีรสชาติเข้มข้นกว่าเบียร์นำเข้า
ขนาดซุงกูที่ไม่ค่อยชอบเหล้านักยังอดหลงรักมันไม่ได้
วูจินอารมณ์ดีที่ได้ดื่มเบียร์ของโลกอัลเฟนซึ่งเขาซื้อมาจากร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ
นึกว่าจะไม่ได้ดื่มอีกแล้วเสียอีก
“กินเยอะๆ ที่นี่กว้างแล้วเราต้องเดินหาให้ทั่ว”
“ครับลูกพี่”
พวกเขาไม่มีข้อมูลว่าหินรีเทิร์นสโตนอยู่ที่ไหนดังนั้นจึงต้องหาไปเรื่อยๆ
แต่วูจินอารมณ์ดีเพราะครอคโคไดล์หนึ่งตัวให้ค่าความสำเร็จ 30 แต้ม
สิบเท่าของราควิทีเดียว
‘น่าจะได้เพิ่มเลเวลอีกหน่อย’
วูจินยิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงป่ากว้าง
อิๆ โดดโอทีมาแปลนิยาย พนักงานดีเด่นคร่า / ช่วงนี้งานเยอะมาก
(กไก่พันตัว) ลงช้าหน่อยนะคะ (ถ้าวันไหนลงแปลว่าเราโดดโอที XD)
สุดยอดถึงกับโดดอีทีมาแปลเลยชอยมาเลยเรื่องนี่
ตอบลบกินจระเข้ 5555
ตอบลบ#โหโดดโอทีมาแปลให้ขอบคุณค่ะ
เปิบพิสดารค่ะ หุๆ /เราจะประกาศทำไมเนี่ยว่าโดดโอที อ่านเมนท์แล้วอ๊ายอาย XD
ลบ