วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 29

บทที่ 29 – โลกเดียวกัน (2)

“คาดไม่ถึงเลยแฮะ?”
วูจินขมวดคิ้วมองมอนสเตอร์ประมาณ 20 ตัว
นึกไม่ถึงว่าออร์คจะมาโผล่ที่โลกนี้ ด้วยประสาทสัมผัสของนักรบทำให้วูจินเห็นเลเวลของพวกมัน ซึ่งสูงทีเดียว และเขาต้องประเมินพลังต่อสู้ที่แท้จริงของพวกมันสูงกว่าเลเวล เพราะเจ้าพวกนี้คล้ายกับมนุษย์ เมื่ออยู่กันเป็นกลุ่มจะสามารถร่วมมือกัน
“ราเคอ ริ มาคทู ริ เค อัลเฟน”
ซุงกูประหลาดใจเมื่อได้ยินวูจินคำรามถ้อยคำประหลาด
“ลูกพี่?”
ไม่ใช่แค่ซุงกู พวกออร์คก็ประหลาดใจ มันหันไปคุยกันเอง
[มนุษย์จากโลกพูดภาษาออร์คได้ยังไง?]
วูจินหัวเราะ เป็นออร์คจากที่ๆเขารู้จัก พวกมันเป็นหนึ่งในเผ่าที่อยู่ในสังคมของอัลเฟน วูจินสงสัยว่าออร์คพวกนี้มาอยู่ในดันเจี้ยนได้อย่างไร
ดันเจี้ยนคือที่ๆทราห์เน็ทใช้เป็นเครื่องมือบุกโลกหรือ?
[ทำไมออร์คของอัลเฟนมาที่โลกนี่?]
เมื่อวูจินถาม ออร์คร่างใหญ่ตัวหนึ่งก็เดินออกมา
[แกเป็นใคร ทำไมมนุษย์จากโลกถึงรู้จักภาษาของออร์คจากอัลเฟน?]
[เรื่องนั้นไม่สำคัญ ฉันถามว่าทำไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่]
[เราเสียฐานของเราไป]
วูจินประหลาดใจ
[หมายความว่าอัลเฟนถูกทราห์เน็ตยึดได้แล้ว?]
ออร์คตัวนั้นนิ่ง ทำไมมนุษย์จากโลกถึงรู้เรื่องของอัลเฟนเยอะนัก?
[ใช่แล้ว ขุมพลังที่คานอำนาจกับทราห์เน็ตไว้หายสาบสูญ ทราห์เน็ตเข้าควบคุมทุกสิ่ง ที่พวกเรายังอยู่ได้เพราะได้ทำสัญญากับทราห์เน็ตไว้]
[สัญญา?]
[โลกนี้จะเป็นฐานใหม่ของพวกเรา]
บุกโลก
วูจินขมวดคิ้ว สัญญาไร้สาระ ตั้งแต่แรกโลกก็ไม่ใช่ของทราห์เน็ต
“หรือพวกมันอยากตาย กล้ามาถึงที่นี่?”
วูจินพูดด้วยภาษาเกาหลี ซุงกูถามอึ้งๆ
“ลูกพี่ สบายดีนะครับ?”
“อะไร?”
“ผมนึกว่าลูกพี่ละเมอ”
ซุงกูเป็นห่วงจริงๆ จู่ๆวูจินก็ส่งเสียงอ้อแอ้ วูจินกังวลด้วยความภักดีที่มีต่อวูจิน ช่วยปลุกให้วูจินได้สติ
[ความเกรี้ยวกราดของนักรบถูกใช้งาน]
โฮ่ ความโกรธเป็นอย่างนี้นี่เอง วูจินข่มความโกรธไว้แล้วหันไปทางออร์ค เขาต้องเอาความโกรธไปลงกับพวกออร์ค ไม่ใช่ซุงกู พอเสียบ้านเกิดก็แอบลอบเข้ามาในบ้านคนอื่น ไม่พอ ยังคิดจะแย่งอีก
“ถึงสู้เป็นทีมก็ไม่กลัวหรอกนะ”
รุมกันนี่ล่ะที่เขามั่นใจว่าไม่แพ้แน่
“ถล่มมัน”
นักเวทย์โครงกระดูกที่ยืนระวังอยู่จัดการร่ายเวทย์ถล่มใส่พวกออร์คตามคำสั่งวูจิน
ไฟ น้ำแข็ง สายฟ้าถูกโยนใส่ที่ๆออร์คยืนอยู่เหมือนห่าธนู ทำเอาฝุ่นควันลอยคลุ้ง เมื่อฝุ่นจางไป ซุงกูก็ตกตะลึง
“ไม่...ไม่เป็นอะไรเลยเหรอ?”
ชาแมนของพวกออร์คใช้บาเรียป้องกันไว้ วูจินแสยะยิ้ม
ออร์คหรืออะไรก็ตามแต่ ถ้าเขาอยู่ที่นี่ เขาไม่ยอมให้ใครมารุกรานโลกแห่งนี้
“ไหนขอดูหน่อยว่าจะทนนี่ได้ไหม”
เวทย์ไม่แรงพอ ถ้าอย่างนั้นก็เพิ่มพลังให้มัน
วูจินเปิดหน้าต่างทักษะ เพิ่มเลเวลให้นักเวทย์โครงกระดูกรวดเดียวเป็นเลเวล 10
“เคะๆๆ”
รูปร่างของนักเวทย์โครงกระดูกเริ่มเปลี่ยนแปลง ไอสีดำล้อมรอบร่างเปราะของมันแล้วแปรเปลี่ยนเป็นผ้าคลุมสีดำ ถ้ายืนเฉยๆคงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนสวมเสื้อคลุมตัวคลุมศีรษะ
มือกระดูกสะบัดออกมาจากผ้าคลุม แล้วแสงที่ใหญ่กว่าเดิมสองเท่าก็ก่อตัวเป็นเวทย์
“ยิง”
เวทย์มนตร์คนละระดับกับเมื่อก่อนเริ่มกระหน่ำใส่พวกออร์ค
เมื่อลูกบอลไฟสัมผัสสิ่งใด มันระเบิด น้ำแข็งแช่แข็งทุกสิ่ง  สายฟ้ายิ่งมีพลังรุนแรงที่สุดเพราะพวกออร์คใช้อาวุธโลหะ
[นักรบกล้า ประจัญบาน!]
“ฆ่ามันก่อน”
นักเวทย์โครงกระดูกทำตามคำสั่งโดยร่ายเวทย์ไม่หยุด เมื่อเลเวลของพวกมันเพิ่มขึ้น ระยะทาง ความเร็วในการร่ายและความแรงก็เพิ่มขึ้นด้วย
พวกออร์คอยู่ห่างไปพอสมควร กว่าจะพุ่งมาถึงตัววูจินก็ตายไปเกือบครึ่ง เมื่อพวกออร์คเข้ามาใกล้ วูจินก็ยกเลิกทักษะเรียกนักเวทย์โครงกระดูกทั้ง 40 ตัวทันที
ร่างของพวกมันแตกกระจายกลายเป็นกองโครงกระดูก วูจินยิ้มแสยะ
“คราวนี้ก็มาต่อรอบสอง”
เขาใช้กองกระดูกพวกนั้นเรียกทหารโครงกระดูกออกมา
“เคะๆๆๆ!
ค่าเวทย์ (หมายถึง MP – TN) ของเขาหมดเกลี้ยง แต่วูจินไม่สนใจ เขาไม่ได้พึ่งพาแต่เวทย์ในการต่อสู้
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
“เคะๆๆ”
วูจินยกไม้เท้าเหล็กขึ้นมาแล้วพุ่งไป ทหารโครงกระดูกตามหลังเขามาอย่างรวดเร็ว พลังโจมตีของออร์คนั้นรุนแรงมาก พวกทหารโครงกระดูกไม่อึดนักดังนั้นโดนฟาดทีสองทีก็พังทลาย วูจินไม่สน
ถึงจะทหารโครงกระดูกจะถูกทำลายแต่ออร์คก็บาดเจ็บเช่นกัน หนึ่งครั้ง สองครั้ง ครั้งที่สามออร์คก็ทนไม่ไหว มันถูกดาบของทหารโครงกระดูกแทงตาย
ต่อให้พวกออร์คกล้าหาญเพียงใด ถูกรุมมากๆเข้าก็ตายอยู่ดี วูจินสังหารออร์คตัวสุดท้าย เขาฟาดกะโหลกชาแมนจนแหลกแล้วถอนหายใจ
“อีกหน่อยมนุษย์คงมาเกิดในดันเจี้ยนด้วย”
“ลูกพี่ ปล่อยมุกก็เก่งเหมือนกันนะครับ”
เสร็จศึกก็ถึงตาผู้เชี่ยวชาญซุงกู เขาเก็บไอเทมที่ตกจากออร์คอย่างว่องไว
***
หน้าสถานีศาลากลางเมืองกวาชุนทางออกที่ 11
คิมเฮมินเขี่ยแก้มตัวเอง
“หัวหน้า นี่มันเริ่มแย่แล้วหรือเปล่า?”
“นานแค่ไหนแล้ว?”
“ผ่านมา 6 ชั่วโมง 20 นาทีแล้ว”
เมื่อได้ยินคำตอบ สีหน้าของมินชานเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เวลาเคลียร์ดันเจี้ยน 4 ดาวปกติคือ 4 ชั่วโมง ถ้าในดันเจี้ยนก็คือ 20 ชั่วโมง
พวกวูจินอยู่ในดันเจี้ยนมากว่า 25 ชั่วโมงแล้ว
แปลว่าพวกเขาเอาตัวรอดในดันเจี้ยนเกิน 1 วัน...
“หะ หัวหน้าทีม บาเรียมัน”
จุงมินชานมองบาเรียสลายไปแล้วกลืนน้ำลาย
รอด รอดออกมาเถอะ
เขาตะโกนอยู่ในใจ แต่ไม่เห็นข้างล่างมีอะไรเปลี่ยนแปลง
“เฮ้อ...”
เขาถอนหายใจ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันไดมา
“เฮ้อ คราวหน้าเอารถเข็นมาเลยดีกว่า”
วูจินซุงกูบ่นพลางแบกอาวุธชุดเกราะที่ได้จากพวกออร์คขึ้นมา
“ยิน... ยินดีด้วยที่กลับมาอย่างปลอดภัย”
มินชานวิ่งลงบันไดมาจับมือวูจินอย่างตื่นเต้น วูจินมองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“จะตื่นเต้นไปทำไม?”
“ฮะ?”
“อ๊ะ ลงไปเอาของพวกนั้นขึ้นมาให้ที”
“อ่า...”
วูจินซุงกูรวบรวมของไอเทมมาเป็นจำนวนมาก บลัดสโตนเต็ม 2 ถุง ทั้งขนาดของบลัดสโตนก็ใหญ่กว่าดันเจี้ยนระดับต่ำอย่างเทียบไม่ติด
ยิ่งกว่านั้น อาวุธชุดเกราะของพวกออร์คก็มีค่าทีเดียว อาวุธเหล็ก หนังสัตว์ ผ้าดิบ พวกนี้เป็นของที่หาซื้อได้ทั่วไปก็จริง แต่ที่มันมีค่าก็เพราะสามารถเอาเข้าไปในดันเจี้ยนได้
ถ้าเป็นดันเจี้ยนระดับต่ำ เราส์สามารถนำอาวุธสมัยใหม่จากโลกเข้าไปได้ ดันเจี้ยนพวกนั้นพูดจริงๆแล้วนับเป็นเขตแดนที่ไม่หวงห้าม
แต่ดันเจี้ยนระดับสูงยอมให้เราส์เท่านั้นที่ผ่านไปได้ ของใช้สมัยใหม่จึงไม่มีประโยชน์  
เมื่อวูจินได้หินรีเทิร์นสโตนแล้วผ่านอุโมงค์มิติกลับมา เสื้อผ้า โทรศัพท์ และถุงใส่บลัดสโตนของเขาต่างกองอยู่บนพื้น
วูจินซุงกูจัดไอเทมที่ได้มาโดยมีมินชานคอยช่วย
“สรุปว่าเราควรขายบลัดสโตนที่ร้าน ส่วนไอเทมอื่นจะขายหรือไม่ขายก็ได้?”
“ใช่แล้ว เดี๋ยวนะ...”
มินชานเปิดเป้แล้วเอาเครื่องสแกนอันหนึ่งออกมา เขาสแกนไล่ไปเรื่อยๆ
“ฮืม เป็นไอเทมธรรมดาทั้งนั้นเลย ไม่ใช่อาร์ติแฟค แต่นี่เป็นของที่ได้มาจากดันเจี้ยน ก็มีค่าพอสมควร...”
“งั้นฉันต้องไปขายที่ไหน?”
“ปกติหน่วยสนับสนุนของกิลด์จะจัดการตรงส่วนนี้...”
มินชานหยุด เขามองปฏิกิริยาของวูจิน ถ้าพูดไปจะดีไหมนะ?
“เอ่อ ถ้าคุณเข้ากิลด์ หน่วยสนับสนุนจะจัดการธุระจุกจิกทั้งหลายให้...”
“สะดวกดีนะ”
“มาเข้ากิลด์ของพวกเราไหม? ผมสัญญาว่าจะดูแลพวกคุณอย่างดี”
“อ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก กิลด์ลุงก็ซื้อของพวกนี้สักหน่อยสิ จะแบกไปมาก็เกะกะ”
“...”
มินชานซื้อไอเทมไปทั้งหมด ให้ราคาดีด้วย
110,000,000 วอน
“กำไรไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะครับ”
“คงงั้น แต่สบายกว่าหน่อยใช่ไหมล่ะ?”
ซุงกูเข้าใจความหมายของวูจิน ที่ดันเจี้ยนราควิ ซุงกูแงะบลัดสโตนจนหัวหมุน ดังนั้นสำหรับเขาแล้วที่นี่จึงสบายกว่า แต่ถ้าเทียบกับเวลาที่ใช้ไป กำไรจากดันเจี้ยนสามดาวจะดีกว่า
“...”
จุงมินชานคำนวณรวดเร็ว จากท่าทางของวูจินและซุงกูแล้วดูเหมือนจะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกเขาในดันเจี้ยนเลย
หรือเขาจะเป็นแรงค์ A’
หัวใจมินชานเต้นโครมคราม ถ้าเป็นไปได้เขาอยากเข้าดันเจี้ยนกับวูจินดู เขาอยากเห็นวูจินสู้ด้วยตาตัวเอง
เราส์คนนี้เข้าดันเจี้ยนแค่ไม่กี่ครั้งก็ทำให้มินชานตะลึงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอย่างนี้
“ขอเบอร์ของคุณหน่อยเถอะ”
“ไม่”
“ขอเถอะนะ”
“ถ้าฉันให้นายก็มากวนไม่หยุดสิ”
“...”
ก็ใช่น่ะสิ
มินชานไม่คิดจะปล่อยเราส์ที่หมายตาไว้ไป แต่วูจินเคี้ยวยากทีเดียว มินชานช่วยวูจินและซุงกูมากมายทั้งๆที่ไม่ใช่สมาชิกกิลด์ แต่เขาไม่อยากทวงบุญคุณ
ดูเหมือนวูจินจะไม่เห็นเป็นบุญคุณเสียด้วย เหมือนวูจินเห็นว่าที่เขามาทำดีด้วยเป็นเรื่องธรรมดา
“เจอกันเมื่อชาติต้องการ”
“...”
เมื่อเงินถูกโอนเข้ามาแล้ว วูจินปัดๆกางเกงแล้วยืนขึ้น มินชานไม่มีเหตุผลมาหยุดเขาไว้
“ให้ผมไปส่งนะ”
“อ๊ะ ไม่เป็นไร”
“ฮะๆ ไม่ให้ก็จะไปล่ะ ไปกันเถอะครับ”
เฮมินตามทั้งสองคน มองส่งจนกระทั่งพวกเขาออกจากลานจอดรถ มินชานนั่งลงอย่างผิดหวัง เฮมินวิ่งแจ้นกลับมา
“หัวหน้าทีม ได้แล้ว”
“ได้อะไร?”
“เบอร์โทรเขาไง”
มินชานลืมตากว้าง และเห็นเบอร์โทรศัพท์ในมือของเฮมิน
[คังวูจิน 010-12xx-xxxx]
“แน่ใจนะว่าของจริง?”
“ของจริง ผมโทรดูแล้ว”
“หา ถ้าจะให้ง่ายๆแล้วทำไมตอนแรกถึงเล่นตัว?”
“ไม่รู้เหมือนกัน...”
มินชานขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจเลย ทีแรกวูจินแสดงทีท่าว่าไม่ต้องการเข้ากิลด์แต่ตอนนี้กลับทำเหมือนมีเยื่อใย ดูเหมือนเขาไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว
หรือเขาจะเชี่ยวเรื่องต่อรอง?
มินชานเคยคิดว่าวูจินเป็นคนหนุ่มที่ไม่มีประสบการณ์ในสังคมนัก ดูเหมือนเขาต้องคิดใหม่
หลังจากนิ่งไปนาน อยู่ๆมินชานก็ถาม
“นายบอกเขาว่ายังไงถึงได้เบอร์มา?”
“ผมก็แค่ชวนดื่มด้วยกันคราวหน้า”
“...”
เฮ้อ ไม่รู้จริงๆว่าวูจินคิดอะไร






วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล บทที่ 28

บทที่ 28 – โลกเดียวกัน

จะต้องกังวลใจไปอีกนานแค่ไหน?
เฮมินรู้สึกกังวลมา 30 นาที ส่วนมินชานก็รู้สึกมานานเกิน 40 นาที ทั้งสองรอให้บาเรียสลายไป อย่างน้อยที่สุด พวกเขาต้องการเห็นช่วงเวลาที่พวกวูจินตายเป็นการไว้อาลัย
“หัวหน้าทีม พวกนั้นอยู่ได้นานเหมือนกันนะ?”
“นั่นสิ”
“ถ้าอยู่ได้นานขนาดนี้ น่าจะแปลว่าพวกนั้นเอาตัวรอดในป่าได้หรือเปล่า?”
“นั่นสิ”
“...หรือบางทีอาจจะเคลียร์ได้ก็ได้?”
เฮมินพูดอย่างเต็มไปด้วยความหวัง มินชานฟังแล้วหน้าชื่นขึ้นครู่หนึ่ง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมองเหมือนเดิม
“เขาเป็นเนโครแมนเซอร์ แปลว่าต้องเรียกผีออกมาช่วยสู้ ต่อให้สู้กับครอคโคไดล์ได้ แต่คงไม่รอดจากบึง”
“อ่า พูดถึงบึงแล้ว...”
ในป่ามีบึงกว้างหลายแห่ง บึงเหล่านั้นก็เหมือนกับดักของนักสู้ระยะใกล้ บึงทำให้ขยับตัวยาก นอกจากนั้นยังมีมอนสเตอร์สองชนิดเกิดที่นั่น
ลิงฟูโก้ กับงูเหลือมบึง
ลิงฟูโก้จะขว้างลูกฟูโก้ ผลไม้ชนิดหนึ่งใส่คู่ต่อสู้ ซึ่งแข็งมากและสร้างความเสียหายสูงมาก ถ้าโดนเข้าไปดีไม่ดีอาจถึงตาย
เมื่อขยับตัวในบึงยาก วิธีต่อสู้อย่างเดียวก็คือใช้เวทย์ระยะไกล
มินชานมีข้อมูลของพวกวูจินน้อยนัก เขารู้ว่าเราส์ที่ชื่อ ฮงซุงกูมีความสามารถด้านไฟ แต่ลิงฟูโก้จะรวมตัวกันเป็นฝูงอย่างน้อยสิบตัว ไม่ใช่อะไรที่คนๆเดียวจะสู้ไหว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่กำลังยุ่งกับฝูงลิง งูยักษ์ก็จะเลื้อยเงียบๆเข้ามาโจมตี
“หวา ฟังดูยากจัง”
“ยากสิ”
ในการเข้าดันเจี้ยนสี่ดาว ความสามารถหลายๆอย่างเป็นเรื่องจำเป็น ด้วยเหตุนี้จึงเกิดทีมขึ้น มินชานกับเฮมินกลับไปเฝ้าบาเรียด้วยสีหน้าอึมครึมเหมือนเดิม
***
ฟู่วๆ บึม!
บอลไฟลูกแล้วลูกเล่าพุ่งใส่กิ่งไม้
“อุกี๊ๆ”
ฝูงลิงหลบลูกบอลไฟกันจ้าละหวั่น ระหว่างนั้นก็มีห่าธนูน้ำแข็งสาดใส่ ปักโดนร่างของพวกลิงทำให้มันขยับตัวช้าลง
ซี่ๆ ตูม!
“กี๊ๆๆ”
ขณะที่ป่าติดไฟลุกโพลง สายฟ้าก็พุ่งใส่ฝูงลิงอีก
“กี๊ก!
วูจินมองฝูงลิงร่วงหล่นเหมือนใบไม้ร่วง เขาหัวเราะร่า
“คึ ฮ่าๆๆๆ ฆ่าให้หมด”
“...”
ซุงกูมองภาพทารุณจิตใจตรงหน้าอย่างหวาดกลัว
ไฟป่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดบนโลกแทนที่จะเป็นในดันเจี้ยนคงไม่พ้นขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์
วูจินเรียกนักเวทย์โครงกระดูกมา 40 ตัวแล้ว
พวกมันบ้างยิงลูกบอลไฟ บ้างยิงศรน้ำแข็ง ยังมีเวทย์สายฟ้า
แต่ซุงกูยังพอจะปลอบใจตัวเองได้หน่อยที่ลูกบอลไฟของเขาแรงกว่าของนักเวทย์โครงกระดูกเล็กน้อย
เขาไม่เคยเห็นการล่าที่บ้าเลือดขนาดนี้มาก่อน
วูจินมีนักเวทย์โครงกระดูกห้อมล้อม พวกมันเผาทำลายป่าทั้งป่า เป็นการฆ่าฟันที่ไม่อาจบรรยายได้
เหมือนงานรวมมิตรเวทย์มนตร์
ฟู่วๆ เปรี๊ยะๆๆ
“หึๆๆ เลเวลอัพอีกแล้ว หึๆ ฮ่าๆๆๆ”
“....”
ซุงกูเริ่มไม่แน่ใจว่าประสาทวูจินยังดีอยู่หรือเปล่า ท่าทางวูจินจะอารมณ์ดีเอามากๆ ไม่เข้ากับที่กำลังเผาป่าเลย
ซุงกูไม่เคยเห็นวูจินอารมณ์ดีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่วูจินดูตื่นเต้น
วูจินเลเวลอัพ เขาเอาค่าโบนัสไปเพิ่มเวทย์กับบงการอย่างละ 5 แต้ม
“เอาล่ะ ออกมาใหม่!
ศพลิง 5 ศพระเบิดออก นักเวทย์โครงกระดูก 5 ตัวปรากฏขึ้นตามเสียงเรียกของวูจิน
มีสองอาชีพนี่โคตรดีเลย!’
เมื่อขยับจากเลเวล 10 ไปเป็นเลเวล 11 วูจินก็ได้รับความรู้ใหม่ เมื่อเขาเลเวลอัพจะได้โบนัสเพิ่ม 2 เท่า จากค่าสถานะ 5 เป็น 10 แต้ม ส่วนโบนัสค่าทักษะก็เพิ่มจาก 1 เป็น 2 แต้ม
เขาคิดว่าระบบเป็นแบบนี้เพื่อให้เขาเอาไปพัฒนาอาชีพนักรบกับเนโครแมนเซอร์พร้อมๆกัน แต่วูจินไม่สนใจสถานะหรือทักษะของอาชีพนักรบแม้แต่น้อย เขาเอาแต้มทั้งหมดไปเพิ่มค่าบงการและเวทย์
ตอนนี้เขาเลเวล 14 ได้โบนัสค่าสถานะมา 40 แต้ม ส่วนใหญ่เขาเอาไปเพิ่มบงการกับเวทย์ นอกจากนั้นก็เพิ่มการฟื้นฟูเวทย์
เวทย์ 40 ฟื้นฟูเวทย์ 14 บงการ 55
นักเวทย์โครงกระดูกถูกเรียกเพิ่มมากเท่าไหร่ ป่าก็ถูกทำลายมากเท่านั้น พวกมอนสเตอร์เอาแต่หนีกันจ้าละหวั่น
วูจินฆ่าลิงฟูโก้ได้หนึ่งตัวก็กู่ร้องยินดีหนึ่งครั้งที่ได้ค่าความสำเร็จเพิ่มขึ้น ตอนอยู่ดันเจี้ยนสามดาวเขาฆ่าราควิได้ตัวละ 3 แต้ม ไม่เหมาะกับความสามารถเขา
ตอนนี้วูจินเลเวล 14 แต่โบนัสกับทักษะที่ได้จากการมีสองอาชีพทำให้เขาไม่ต่างจากเลเวล 40
วูจินก้าวไปข้างหน้า กวาดล้างทุกอย่างที่ขวางทาง ด้านหลังเขา เวทย์มนตร์ถูกปล่อยออกมาเหมือนจรวดพุ่งตรงสู่ผืนป่า สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงป่าที่มอดไหม้
***
“ใครสั่งจาจังเมียน!” (ผัดซอสถั่วดำหมักราดบะหมี่-TN)
“อ๊ะ ทางนี้ๆ”
เฮมินรับถ้วยใส่จาจังสองถ้วยจากคนส่งอาหารแล้วเดินมาหามินชานที่กำลังนั่งตรงขั้นบันไดของสถานี พนักงานคนอื่นออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ
“หัวหน้าทีม ข้าวเย็นมาแล้ว”
“ฉันสั่งกานจาจังไปนี่” (จาจังเมียนแบบหนึ่ง เห็นว่า-ไม่ชัวร์นะคะ-จะมีเครื่องมากกว่า ซอสเข้มกว่า เสิร์ฟแยกซอสกับบะหมี่-TN)
“ร้านนี้จาจังอร่อยกว่านา”
“หอก นายเพิ่งสั่งข้าวจากร้านนี้ครั้งแรกไม่ใช่เรอะ”
“...”
“เฮ้อ ช่างเถอะ มากินๆ”
มินชานเอาถ้วยจาจังเมียนมาถือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน คีบบะหมี่ขึ้นมาเคี้ยวคำโตพลางถาม
“นานแค่ไหนแล้ว?”
“สี่ชั่วโมงแล้ว”
“ฮืม งั้นก็ 16 ชั่วโมง...”
นอกจากโครงสร้างของดันเจี้ยน 4 ดาวจะแปลกแล้ว เวลาในนั้นก็เร็วกว่าเวลาข้างนอก 4 เท่า
มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนจะรู้ทันทีว่ามีคนบุกเข้ามา พวกมันจะเข้ามากลุ้มรุมผู้บุกรุก ดังนั้นจึงไม่อาจซ่อนตัวได้
ถ้าไม่นานนักก็พอจะซ่อนตัวได้อยู่ แต่ไม่มีทางซ่อนตัวได้นานถึง 16 ชั่วโมงแน่
“พวกนั้นน่าจะเจอบึงแล้ว เราไม่มีข้อมูลความสามารถของพวกนั้นจริงๆ”
“นั่นสิ เอ่อ งั้นเราก็ต้องกลัวพวกนั้นรอดกลับมาแล้วสิหัวหน้า? ก็พวกเราเป็นคนทำให้พวกนั้นตกอยู่ในอันตราย...”
มินชานส่ายศีรษะ
“16 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว พวกนั้นคงหิวกันแล้ว นายคิดว่าพวกนั้นรู้จักระบบนิเวศน์ในดันเจี้ยนดีเหรอ? พืชเอย สัตว์เอย แมลงอีก ไม่เหมือนกับที่เราเห็นบนโลกสักนิด”
“ง่ะ ถ้าเผลอไปกินพืชมีพิษเข้า...”
“ไม่รอด”
อาจเป็นเพราะความกังวลก็ได้ รสชาติของจาจังเมียนที่มินชานกินกร่อยลง
“ต่อไปไม่ต้องสั่งอาหารจากที่นี่ล่ะ”
“...ครับ”
***
ป่าถูกเผาราบ... ท่ามกลางพื้นที่ว่างโล่ง วูจินกำลังย่างบางอย่างบนกองไฟ
รอบๆ ซุงกูเก็บผลไม้และเห็นที่รอดจากไฟป่า
“ลูกพี่ ผมเก็บนี่มาครับ”
“อ๊ะ ดี”
วูจินหยิบผลไม้ขึ้นมาทีละลูก
“อันนี้ปอกเปลือกกินได้ อันนี้มีพิษกินไม่ได้ อันนี้ก็มีพิษแต่ถ้าเอาไปปรุงให้สุกก็กินได้อยู่”
วูจินอธิบาย ซุงกูฟังอย่างตั้งใจเหมือนนักเรียนเตรียมสอบ เรื่องเดียวที่ซุงกูเสียดายคือเขาไม่มีสมุดบันทึก เขาอยากจดเรื่องที่วูจินอธิบายให้หมด
“ลูกพี่ ทำไมถึงรู้ละเอียดขนาดนี้ครับ?”
“อ่า เพราะ...”
แน่อยู่แล้ว ที่แห่งนี้มีระบบนิเวศน์เดียวกับที่ๆเขาอยู่มา 20 ปี
“เหอะ ฟังแบบไม่ถามได้ไหม?”
“ขอโทษครับลูกพี่ ผมจะไม่ถามแล้ว”
“ไปตัดหญ้าตรงโน้นมา เราเอามาบดเป็นเครื่องแกง ทาเนื้ออร่อยเลยล่ะ”
“ครับ คราวนี้มีอะไรกินครับ?”
“เนื้องู อร่อยนะ แล้วฉันก็กินแต่เนื้อจนเบื่อแล้ว ว่าจะย่างเห็ดด้วย”
“อ๊าย น้ำลายผมหกแล้วเนี่ย”
น่าแปลกใจจริงๆ แต่อาหารที่วูจินทำอร่อยมาก ซุงกูตั้งความหวังไว้กับเมนูต่อไป
***
มินชานเป็นฝ่ายกันจาจัง ถึงอย่างนั้นก็กินจาจังเมียนจนหมด
ตอนนี้เป็นเวลา 19:45
วูจินซุงกูเข้าดันเจี้ยนได้ 4 ชั่วโมง 20 นาทีแล้ว
เฮมินไปหาผ้าห่มมาให้มินชาน
“หัวหน้าทีม อากาศเย็นแล้ว”
“อืม ขอบใจ”
“หัวหน้าทีม ถ้าเราดึงตัวคุณวูจินกับคุณซุงกูเข้ากิลด์ไม่ได้ล่ะ?”
“ทำไมล่ะ? ก็ได้แต่กัดผ้าเช็ดหน้ามองพวกเขาจากไปสิ”
“ไม่ต้องรายงานประธานเหรอ?”
“รายงานไปแล้ว เขาไม่สน”
“เอ๋?”
เฮมินตาโต ถ้าไม่ใช่คำสั่งของประธานแล้วทำไมถึงต้องทำขนาดนี้?
เขาไปเลื่อนแรงค์ของคังวูจินขึ้นเป็นแรงค์ C ฮงซุงกูเป็นแรงค์ D แล้ว บัตรประจำตัวของเราส์อันใหม่ก็ถูกส่งมาถึงมือมินชานเรียบร้อย
พูดตรงๆ ถ้าทั้งสองตายไปงานของพวกเขาจะง่ายกว่า พวกเขาคงเสียใจแต่มันก็จบเท่านั้น แต่ถ้าทั้งสองรอดกลับมา ถ้าพวกวูจินเอาเรื่องขึ้นมาจะยุ่งยากมาก
“เฮ้ย เฮมิน”
“ครับหัวหน้าทีม”
“นายก็รู้จักฉันนี่ ห้าปีมานี้ ฉันไม่เคยมองผิด”
“ครับ หัวหน้าประเมินคนถูกเสมอ”
มินชานทำงานเกี่ยวกับดันเจี้ยนมาตั้งแต่เหตุการณ์ดันเจี้ยนระเบิด เขาเป็นมือเก่า ถึงจะไม่ใช่สมาชิกร่วมก่อตั้งของกิลด์แฮมเมอร์แต่ผลงานที่เขาทำให้กิลด์นั้นโด่งดังทีเดียว
“ก็หัวหน้าไม่ใช่เหรอที่เป็นคนเจอปาร์กจินวู?”
กิลด์แฮมเมอร์มีเราส์แรงค์ A 2 คน หนึ่งในนั้นคือปาร์กจินวู จุงมินชานเป็นคนเห็นศักยภาพของเขาและดึงเขาเข้ากิลด์
“ไอ้เวรนั่น วูจิน ลางสังหรณ์ฉันบอกว่ามันใช่แน่”
“จะบอกว่าเขาจะโตได้พอๆกับปาร์กจินวูเหรอครับ?”
ถ้าเราส์คนหนึ่งมีศักยภาพ กิลด์จะทุ่มเทสุดตัวเพื่อให้เราส์คนนั้นพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ฟังคำถามของเฮมินแล้วมินชานก็ส่ายหน้า
“น่าจะไปได้ไกลกว่า”
“...!
“ฉันเลยไม่อยากปล่อยเขาไปไง”
จุงมินชานไม่โกหก เขาเกิดความรู้สึกรุนแรงต่อวูจิน ไม่ใช่ไม้จันทน์ส่งกลิ่นหอมตั้งแต่เป็นหน่ออ่อน มันมากกว่านั้น มันเหมือนเขาเห็นไม้ใหญ่
“ฉันถึงอยากให้เขารอดกลับมา เขาเข้ากิลด์หรือไม่ฉันไม่สน ถ้าเราเสียเราส์แบบนั้นไปก็ไม่ต่างจากความสูญเสียของมนุษยชาติ”
“หัวหน้าทีม...”
เฮมินต้องมองหัวหน้าของเขาใหม่ ปกติเขาทำตัวงี่เง่า แต่ทำไมวันนี้ทำเท่จัง? ไม่สิ เขาเท่จริงๆ
“มาภาวนากันเถอะหัวหน้า ผมว่าพวกเขาต้องรอดกลับมาแน่”
“ยาก”
“...?”
“ไอ้พวกหอกที่เฝ้ารีเทิร์นสโตนมันเก่งสัด”
“...!
ก็ใช่ไงล่ะ เขาก็รู้ ถึงได้บอกให้มาภาวนาให้พวกเขารอดกลับมา...
“ไงๆก็ตายอยู่ดี...”
“...”
ไหนบอกว่าอยากเห็นพวกนั้นรอดกลับมา?
เฮมินเลิกเห็นใจ
ถ้ามินชานไม่ใช่หัวหน้าทีมของเขา เฮมินต่อยไปแล้ว เขาด่าตัวเองที่คิดไปว่าหัวหน้าทีมเขาเท่
***
“ลูกพี่! รีเทิร์นสโตนอยู่ตรงนั้นครับ”
หลังจากเผาป่าจนราบ วูจินใช้เวทย์หาของ หินรีเทิร์นสโตนกำลังลอยบนแท่นบูชาแห่งหนึ่ง ตรงกลางพื้นที่ว่างขนาดใหญ่
ด้วยความคิดว่าจะรอดจากดันเจี้ยนแสนอันตรายนี้ไปเสียที ซุงกูกำลังจะวิ่งไปหามัน แต่วูจินคว้าคอเขาไว้แล้วเหวี่ยงกลับมา
“แอ๊ก”
ซุงกูถูกเหวี่ยงล้ม ก่อนที่จะทันได้ถามว่าทำไม พื้นที่เขาเหยียบไปเมื่อครู่ก็ถล่มลงไป
ฝุ่นลอยคละคลุ้ง แล้วเขาก็เห็นกับดักไม้ไผ่แหลมด้านล่าง
“เฮือก”
ถ้าเขาวิ่งต่อไปอีกก้าวคงไม่รอด ขณะที่ซุงกูจะพูดขอบคุณ กลับเห็นวูจินจ้องบางสิ่งอย่างเคร่งเครียด
เมื่อซุงกูเห็นสิ่งนั้น เขาลืมเอ่ยคำขอบคุณไปสนิท






อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้รู้ว่าอาหารเกาหลีไม่ได้มีแต่กิมจิ