บทที่ 24 - หาซื้อบ้าน
วูจินถึงซาดางตอนประมาณ 11 โมง
เขาโทรถามแม่ว่าจะเลิกงานเมื่อไหร่
“ครับแม่ ไว้เจอกัน”
หลังคุยเสร็จ วูจินมองซุงกู
“พวกเรามีเวลาจนถึงบ่าย 3 นายจะกินอะไรไหม?”
“เป็นเกียรติเลยครับลูกพี่”
“ไอ้หนุ่ม อย่าเว่อร์”
“แหะๆ ก็ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไปไหนดีครับ?”
“อืม...
อยากกินของที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าได้กลับมายังโลกนี้แล้วน่ะ”
“...”
งานเข้าซุงกูแล้ว เขานึกไม่ออกว่าจะตอบอย่างไรดี
สุดท้ายก็พูดว่า
“ฮะๆ งั้นไปภัตตาคารออร์แกนิกสไตล์เกาหลีดีไหมครับ ผมรู้จักอยู่ที่หนึ่ง”
“ไม่ล่ะ ไปนั่นเถอะ”
วูจินมองไปข้างนอกรถแล้วชี้ไปยังที่หนึ่ง
ซุงกูเห็นแล้วขยี้ตา
“ที่นั่นเหรอครับ?”
“อื้ม”
[คิมบับเวิลด์]
(TN-คิมบับ-ข้าวห่อสาหร่าย หน้าตาคล้ายๆมากิซูชิ)
ซุงกูด่าตัวเองในใจ
‘พอรวยเข้าหน่อยก็คิดจะใช้เงินเปลืองนะเรา
ลูกพี่ซะอีกที่ติดดิน’
พอจอดรถหน้าร้านคิมบับเวิลด์แล้ววูจินซุงกูก็สั่งอาหาร
วูจินสั่งคิมบับไส้ปลาทูน่ากับราเม็ง เขามีสีหน้าสดชื่นเมื่อได้ลิ้มรสชาติ
‘นี่
นี่ไงล่ะ’
เขาคิดถึงสมัยตัวเองยังเป็นนักเรียนม.ปลายปี
3
นี่เป็นอาหารที่เขากินเมื่อครั้งนั้น
ยี่สิบปีของการเป็นเนโครแมนเซอร์เลือนรางไป
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักเรียนม.ปลายบนโลกใบนี้
“ซู้ด ลูกพี่
คราวหน้าจะให้ผมหาดันเจี้ยนแบบไหนครับ?”
“อืม
มีของแบบแค็ตตาล็อกมอนสเตอร์ไหม
ถ้าให้ดีฉันอยากได้แบบที่แยกระดับดาวมอนสเตอร์ให้ด้วย”
“มีสิครับ”
“งั้นฉันดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ”
“ได้ครับ
เราไปนั่งที่ร้านกาแฟแล้วพอผมจัดข้อมูลเสร็จแล้วจะให้ลูกพี่ดูนะครับ”
วูจินซุงกูมุ่งหน้าไปทางร้านแองเจิล
แองเจิล ตอนจะสั่งกาแฟ ซุงกูเหลือบมองวูจินแล้วพูดกับบาริสต้า
“มีกาแฟที่สื่อถึงรสชาติของโลกไหม?”
บาริสต้าฟังแล้วขมวดคิ้วเหมือนเห็นคนเพี้ยน
ซุงกูหันไปมองวูจินและพบว่าวูจินก็กำลังมองเขาแปลกๆเช่นกัน
“ชอบของแปลกนะนาย
ฉันเอามอคค่า”
“...”
วูจินสั่งแล้วไปหาที่นั่ง
ซุงกูหน้าแดง
“ขออเมริกาโน่กับมอคค่าครับ”
“ครับ ทั้งหมด 10,000
วอนครับ”
ซุงกูรับเครื่องเตือนมารับอาหารแล้วมานั่งที่
วูจินบ่น
“กาแฟเดี๋ยวนี้ราคาไม่ใช่เล่นๆเลย”
ราคาแทบจะเท่ากับราคาอาหารหนึ่งมื้อ
วูจินมองภายในร้าน
ครั้งก่อนที่เขามาที่นี่ เขาออกไปโดยไม่สั่งอะไร
วูจินประหลาดใจที่ราคากาแฟแพงกว่าที่คิด
ข้าวกับซุปราคา 6,000
วอน แพงกว่ากาแฟนิดเดียว…
ในนี้ไม่มีคนเท่าไหร่
ร้านกาแฟอันใหญ่โตมีลูกค้านั่งอยู่ครึ่งร้าน วูจินถามลอยๆ
“ทำร้านแบบนี้ต้องใช้เงินเท่าไหร่?”
“ร้านกาแฟเหรอครับ?
ไม่รู้สิ สักร้อยล้านวอนหรือเปล่านะ?”
ไม่รู้ว่าค่าเช่าร้านนี้มากเท่าไหร่
แต่มันเป็นร้านที่ใหญ่มีถึง 3 ชั้น กับเรื่องแบบนี้ซุงกูมืดแปดด้าน
เขาจึงได้แต่เดา
‘ถ้าทำร้านให้แม่ได้ก็ดีสิ’
กาแฟราคาแพงเขาเลยคิดว่าธุรกิจนี้คงดี
และดูเหมือนจะเหนื่อยน้อยกว่าทำงานในร้านอาหาร วันนี้เขาทำเงินได้สามสิบล้านวอน
ถ้าตั้งใจทำงาน อีก 3 วันก็จะได้ร้อยล้านวอน
วูจินคิดอย่างไม่เร่งรีบ
ถ้าเขาซื้อบ้านแล้วก็ไม่มีอะไรที่อยากได้อีก
เขาจะเข้าดันเจี้ยนเพื่ออัพเลเวลต่อไปเรื่อยๆ และเก็บเงินไปพลาง
เงินเป็นเรื่องเล็ก
เขาแค่อยากเปิดร้านกาแฟให้แม่มีอะไรทำบ้างยามว่าง
ฟิ้ว ฟิ้ว กลุกๆๆ
วูจินจิบกาแฟม็อคค่ารสหวาน
กำลังตั้งใจเล่นเกมบนมือถือ แล้วซุงกูก็เรียกข้อมูลบางอย่างขึ้นมาบนแท็บเล็ตของเขา
“ลูกพี่ ได้แล้วครับ”
“ไหนดูหน่อย
เปลี่ยนหน้ายังไง?”
“ทำเหมือนสมาร์ทโฟนครับ”
วูจินลากหน้าต่างขึ้นมาแล้วมองที่แคตตาล็อกมอนสเตอร์
ราควิจากดันเจี้ยนสามดาวกับก็อบลินและโคบอลจากดันเจี้ยนสองดาวต่างมีอยู่ในนั้น
มอนสเตอระดับหนึ่งถึงสามดาวถูกจัดเป็นมอนสเตอร์ระดับต่ำ
สี่ดาวขึ้นไปจึงนับเป็นมอนสเตอร์ระดับสูง
ตัวอย่างของมอนสเตอร์ระดับสี่ดาวได้แก่
โทรล มันว่องไวและฉลาดพอจะใช้เครื่องมือ ยิ่งกว่านั้นยังฟื้นฟูร่างกายได้เร็วมาก
แต่ก็ยังจัดการไม่ยาก
“เห็นเขาว่าดันเจี้ยนตั้งแต่สี่ดาวขึ้นไปจะหน้าตาไม่เหมือนกัน
แน่ล่ะครับ ผมไม่เคยเห็นกับตา”
ดันเจี้ยนสามดาวลงมารักษาลักษณะของสถานีรถไฟใต้ดิน
แต่ดันเจี้ยนสี่ดาวขึ้นไปนั้นเหมือนกับเข้าไปยังโลกอื่นเลย
ทางเข้าสถานีเพียงเป็นประตูเข้าไปในมิตินั้น
“อืม
ไว้เข้าไปก็รู้เอง”
วูจินสำรวจมอนสเตอร์ระดับสี่ดาวทุกตัวเปรียบเทียบกับเลเวลของตัวเอง
‘ถ้าระดับนี้ก็พอไหว’
มอนสเตอร์ที่รับมือง่ายก็มี
มอนสเตอร์ที่รับมือยากก็มีเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้นวูจินก็คิดว่าเขาจัดการกับมอนสเตอร์สี่ดาวไหว
ถ้าอยากเพิ่มเลเวล
เข้าดันเจี้ยนดาวสูงตั้งแต่เนิ่นๆจะดีกว่า
“แล้วพวกดาวนี่ให้กันยังไง?”
“จัดด้วยการวัดระดับครับ”
“วัดยังไง?”
“พลังงานในดันเจี้ยนครับ”
“มีของอย่างนั้นด้วยเหรอ?”
“ครับ
ทุกครั้งที่ดันเจี้ยนรีเซ็ทจะวัดพลังงานในดันเจี้ยนได้
ทีมต่างๆจะเอารายงานคร่าวๆพวกนี้มาตัดสินใจว่าพวกเขาจะลองพิชิตดันเจี้ยนไหม”
วูจินพยักหน้า
ดาวใช้เพื่อบอกระดับดันเจี้ยน ไม่ใช่มอนสเตอร์
พวกมอนสเตอร์ที่ถูกจัดดาวนั้นดูจากพวกมันถูกเรียกมามากที่สุดในดันเจี้ยนดาวไหน
จึงไม่แปลกที่จะเห็นฮอบก็อบลิน
มอนสเตอร์ระดับสามดาว ในดันเจี้ยนสองดาว
“ฉันอยากลองเข้าดูก่อน
หาข้อมูลของดันเจี้ยนสี่ดาวมา”
“ดันเจี้ยนระดับนี้พวกเราไม่ต้องต่อคิวแต่ต้องจอง
ผมจะหาว่ามีที่ไหนว่างนะครับ”
วูจินใช้เวลาที่เหลือฟังซุงกูอธิบายถึงเรื่องต่างๆ
เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็ออกจากร้านกาแฟ
“ลูกพี่
เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ผมทำแทนได้นะครับ”
“ไม่
บ้านนี้แม่ฉันจะเป็นคนอยู่ ให้เขาเลือกเองดีกว่า”
“เข้าใจแล้วครับ
ถ้ามีอะไรโทรหาผมนะครับ”
ซุงกูโค้งแล้วเดินจากไป
วูจินมองแล้วพยักหน้ากับตัวเอง
“เป็นทาสที่ดีใช้ได้”
ถึงบางครั้งจะทำอะไรใหญ่โตเกินไปบ้าง
แต่วูจินชอบซุงกูที่ความเข้ากับคนง่าย เขาเดินไปทางร้านอาหารซุงมีอย่างสบายใจ
ซุงมีกำลังนั่งตรงเคาน์เตอร์เก็บเงิน
ตั้งอกตั้งใจกับเกมในมือถือ
แต่ถึงจะอยู่ระหว่างทำสถิติใหม่ซุงมีก็วางมือถือลงทันทีแล้วลุกขึ้น
“อ๊ะ พี่มาหรือคะ?
กินอะไรมาหรือยังคะ?”
“กินมาแล้ว”
“เอากาแฟสักแก้วไหมคะ?”
“ไม่ล่ะ
ฉันจะออกไปแล้ว แม่ฉันล่ะ”
“รอเดี๋ยวนะคะ ฉันเรียกให้”
ซุงมีเข้าไปในครัว
เธอเจอลีซูกยุงกับแม่ครัวคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่เพราะเป็นเวลาเที่ยง
ลีซูกยุงกำลังล้างจานกองพะเนิน
“อ๊ะ คุณแม่
พี่วูจินมาหาค่ะ รีบออกไปเถอะ”
“ด...ได้ยินแล้วค่ะ
ขอฉันทำตรงนี้ให้เสร็จก่อนนะคะ”
หลังลีซูกยุงตอบไป แม่ครัวคนอื่นๆก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
“เฮ้อ
คุณนายลีคงมีความสุขน่าดู ลูกชายคุณหาเงินมาให้คุณซื้อบ้าน”
“คุณลูกชายรวยเหมือนคุณชายคนนั้นเลยนะ
นิล เกต” (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะ-TN)
“ไอ้หยา ใช่ๆ
ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ชื่อนิลหรืออะไรนี่ใช่ไหม ได้ยินว่าเขารวยมาก วูจินของคุณเหมือนเขาเลยนะคะ”
“ฉันล่ะอิจช้าอิจฉา
ถ้าลูกฉันเหมือนวูจินนะ ฉันลาออกไปนานแล้ว”
“รีบไปเถอะคุณลี
ลูกชายรออยู่นะ”
“ฉันจะทำงานให้เสร็จก่อนค่อยไปค่ะ”
ลีซูกยุงยิ้มฟังคำพูดของเพื่อนร่วมงานอย่างเขินอายพลางล้างจานจนเสร็จ
งานในร้านอาหารไม่ลำบากอีกแล้วเมื่อเธอได้ลูกชายที่พึ่งพาได้คืนมา
“พอทำงานที่ค้างอยู่เสร็จแล้วคุณแม่จะออกมาค่ะ
พี่นั่งตรงนี้ก่อนนะคะ ไม่นานหรอก”
“อืม”
ซุงมีลากเก้าอี้มาให้เขา
วูจินนั่งลง เมื่อเห็นว่าซุงมีนั่งลงตรงข้าม เขาจึงถาม
“ทำอะไร”
“ฮิๆ
กำลังมองหน้าพี่อยู่ค่ะ”
“เหอะ
โดนของน่าเกลียดมองแล้วฉันรู้สึกไม่ดี”
ใบหน้าของซุงมียังอ่อนหวานเหมือนเดิมทั้งๆที่ได้ยินคำพูดตรงๆของวูจิน
“แหม
พี่ยังใจร้ายเหมือนเดิม”
“เฮ้อ ไปชงกาแฟไป”
“ค่า
พี่อึดอัดที่ฉันมองตรงๆล่ะสิ”
วูจินจำได้แล้ว
เมื่อก่อนซุงมีตามเขาแจทั้งๆที่เขาก็บอกแล้วว่าไม่ชอบเธอ
แม่ของวูจินออกมาตอนที่วูจินกำลังดื่มกาแฟที่ซุงมีชงให้
“ลูกอยู่นี่เอง”
ด้านหลังคุณนายลีซูกยุงคือแม่ครัวคนอื่นๆที่ตามมาด้วย
แต่ละคนมองมาเหมือนกำลังมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ทำเอาวูจินกระแอมอย่างอึดอัด
“อะแฮ่ม
ไปกันเถอะแม่”
“อืม
ว่าแต่เราจะไปดูบ้านทำไมหรือลูก เราไม่มีเงินนะ”
แม่ถามอย่างไม่ค่อยกระตือรือร้น
วูจินพยายามไม่แค่นหัวเราะ มองแม่ตาละห้อย
“ไม่มีเงินอะไรของแม่
นี่เงินที่เข้าวันนี้”
วูจินยื่นมือถือให้ดู
ถึงจะคิดไว้แล้วแต่ลีซูกยุงก็ยังแปลกใจ
ตอนที่ลูกของนางบอกว่าอยากจะย้ายบ้านนางก็คิดว่าเขาน่าจะมีเงินอยู่ประมาณห้าล้านวอน
“สาม...สามร้อยล้านวอน?”
พอได้ยินแล้วซุงมีก็เบิกตาโต
เธอเข้ามาดูบ้างเพื่อให้แน่ใจว่าคุณนายลีซูกยุงดูไม่ผิด
“ว้าว
สามร้อยแปดสิบล้านวอน เราส์สุดยอด!”
พวกนางได้ยินมาบ้างว่าอาชีพเราส์ทำเงินได้มาก
แต่พอมาได้เห็นกับตาจริงๆก็ได้แต่ตกใจ แม่ของวูจินตกใจจนพูดไม่ออก
“โอ้
คุณนายลีมีลูกดีจริงๆ แค่วันเดียวก็หาเงินได้เป็นร้อยล้าน”
“ไอ้หยา
นิลยังชิดซ้าย ขนาดมานซุกยังเทียบไม่ติด”
“มานซุก ใครอีกล่ะ”
“อ้อ นี่ไง
คนที่มีปั๊มน้ำมันตรงย่านคนรวย”
“อื้ม ฉันก็รู้จัก
คุณคิมรู้ดีจังนะ”
“โฮะๆๆ
คุณนายลีถ่อมตัวจริงๆ ไหนบอกว่าลูกชายคุณกลับมาหลังจากไปเล่นเกมตั้งนาน
กลุ้มเรื่องเขามากไงคะ”
“แบบนี้ลาออกยังน้อยไป
เปิดร้านใหม่เลย”
“ถ้าคุณนายลีเปิดร้านก็เชื่อใจฉันได้เลย
ฉันจะไปทำงานกับคุณ”
ลีซูกยุงได้สติเมื่อได้ยินเพื่อนร่วมงานคุย
“วู...จิน?”
“ไปหาบ้านกันได้ยังแม่?”
วูจินหัวเราะ
***
วูจินพาแม่ไปดูบ้านหลายหลังพร้อมกับนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์
แม่ของวูจินมีสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนอยู่ในฝัน นางชอบบ้านทุกหลังที่พวกเขาไปจนเลือกไม่ถูก
บ้านพวกนี้ดีกว่าห้องแคบที่พวกเขาอยู่ตอนนี้
ยังดีกว่าอพาร์ทเม้นท์ที่ครอบครัวเขาเคยอยู่กันพร้อมหน้าเสียอีก ตอนนั้น
เงินสามร้อยล้านวอนยังซื้อบ้านพวกนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
ปัญหาที่คาดไม่ถึงคือ...
“ฮึ หนูไม่ชอบหลังนี้”
โรงเรียนอนุบาลถึงเวลาเลิกเรียน
โซอาเลยมาเลือกบ้านด้วย แต่หนูน้อยโวยวายไม่ชอบใจกับบ้านทุกหลังที่พวกเขาไปดู
“ทำไมน้องไม่ชอบล่ะ”
“เพราะเลี้ยงหมาไม่ได้
แม่สัญญากับหนูไว้ว่าถ้าเรามีบ้านใหม่จะให้หนูเลี้ยงหมา”
“แหม เจ้าลูกคนนี้”
ประมาณครึ่งปีก่อน
โซอาอยากเลี้ยงสุนัขแต่ที่อยู่ของพวกเขานั้นเล็กเกินไป ลีซูกยุงจึงสัญญากับลูกว่าถ้าย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่จะให้โซอาเลี้ยงสุนัข
ผ่านไปนานแล้วโซอายังจำสัญญาได้
ลีซูกยุงมองสีหน้าดื้อดึงของโซอา
ท่าทางของโซอาดูน่ารักในสายตาวูจิน
เขาหัวเราะ แล้วถามนายหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เอาอพาร์ทเมนท์
ขอดูแต่บ้านได้ไหม?”
“แน่นอนครับ
แต่ว่าราคาจะค่อนข้าง...ฮะๆ”
“อืม ขอดูก่อนแล้วกัน”
ท่ามกลางบ้านที่มีขาย
พวกเขาเจอบ้านที่ทุกคนชอบจนได้
“ว้าว! หลังนี้สวยจังเลย”
โซอากระโดดโหยงเหยง
มันเป็นบ้านสองชั้นที่มีสวนเล็กๆอยู่ด้านหลัง หลังจากเหตุการณ์ดันเจี้ยนระเบิด บ้านเดี่ยวก็ถูกสร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของอพาร์ทเมนท์มากมายใกล้สถานี
“ฉันซื้อหลังนี้”
วูจินตัดสินใจอย่างรวบรัด
แต่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ทำหน้ายุ่งยากใจ
“บ้านหลังนี้เจ้าของร้อนเงินเลยตั้งราคาไว้ต่ำกว่าราคาตลาดครับ
แต่มันก็ยังราคาหกร้อยสามล้านวอน ค่อนข้างจะเกินราคาที่คุณกำหนดไว้มากทีเดียว...”
“ไม่เป็นไร
เซ็นสัญญาเลย”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญกลับสำนักงานด้วยกันครับ”
นายหน้าโทรหาเจ้าของบ้านเพื่อให้ไปเจอกันที่สำนักงาน
วูจินโทรหาซุงกู
“เฮ้ ซุงกู
ฉันจะซื้อบ้านแต่เงินไม่พอ ขอยืมเงินนายหน่อย”
[…]
บาปที่เลวร้ายที่สุดคือการให้ของเขาแล้วตามไปเอาคืน...
[เอ่อ
ลูกพี่ครับ ผมกำลังจะซื้อของ กำลังจะเซ็นสัญญา...]
“แปลว่านายไม่ให้ยืม?”
[เปล่าครับ
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ลูกพี่มายืมเงินผม]
วูจินหัวเราะหึ
“ไว้เคลียร์ดันเจี้ยนครั้งต่อไปฉันจะคืนพร้อมดอกเบี้ย”
[ขอบคุณครับลูกพี่]
ด้วยประการฉะนี้ปัญหาเรื่องเงินไม่พอจึงหมดไปอย่างง่ายดาย
วูจินมุ่งหน้าไปทางสำนักงานขายอสังหาริมทรัพย์
------------------
คำถามแฟนพันธุ์แท้ข้อที่หนึ่ง วูจินติดเกมอะไรอยู่ค้า XD
ขอบคุณมากครับ ค้างอ่า
ตอบลบโอ๊ย ซุงกูนายเป็นบุรุษที่น่าสงสารที่สุดในสามโลก ฮ่าๆ
ตอบลบ#ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณผมรักเรื่องนี้
ตอบลบรีดไถโคตรๆ
ตอบลบติดเกมไรอะครับ
ตอบลบ