ใครชอบเพลงแบบไหนบ้างคะ
ใครนั่งอยู่หน้าคอมแล้วต้องเสียบหูฟังเพื่อฟังเพลงบ้างคะ
แล้วพอจดจ่อกับเรื่องที่ทำมากๆเข้า ก็ลืมเสียงเพลงที่ฟังอยู่ไปเลย อันนี้เราเป็นบ่อยเลยใครเป็นแบบเราบ้าง
เพลง ประกอบด้วยจังหวะและทำนอง ส่วนเนื้อร้องนี่จะมีหรือไม่มีก็ได้
บางทีเราชอบเพลงโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาร้องว่าอะไร หมายความว่าอย่างไร
แต่ถ้าชอบมากๆเข้าก็อยากจะรู้แล้วล่ะว่าเพลงนี้เขาร้องว่าอะไร
หมายความว่าอย่างไร
พอได้รู้ก็จะเกิดความรู้สึกว่า “อ๋อ
ที่จริงมันเป็นเพลงอย่างนี้เหรอเนี่ย” แล้วก็ยิ่งชอบมันมากขึ้น (หรืออาจจะน้อยลง)
นี่เป็นเรื่องที่เราเป็นบ่อยๆ ที่ตลกคือ
บางครั้งก็รู้สึกอย่างนี้กับเพลงไทย ภาษาพ่อแม่ของเรานี่เองแหละ ถึงจะฟังเนื้อร้องแล้วเข้าใจ
แต่บางเพลงมันก็เป็นอะไรที่จำกัดนะ จำกัดเวลา จำกัดจังหวะ จำกัดด้านความสอดคล้องทางกวีด้วย
อันนี้เป็นข้อจำกัดของคนแต่งที่ต้องสรรหาคำมาสื่อความคิดของตนให้ได้มากที่สุด
ส่วนคนฟังก็มีข้อจำกัด จะตั้งใจฟังไหม บางทีคำยากไปก็ไม่เข้าใจความหมายนะ
ถึงคำง่ายๆแต่ถ้ามันลึกไปก็ต้องลุ้นกันแล้วล่ะว่าคนฟังมีประสบการณ์พอจะมาเข้าใจไหม
ดังนั้นเพลงๆหนึ่งก็เป็นไปได้ที่จะถูกตีความไปหลายๆทาง
ออกตัวไว้แล้วนะ ว่าเพลงที่จะแปลต่อไปนี้ อาจจะแปลไม่ถูกเสียทีเดียว :D
เพลงที่จะแปล คือ Luv(sic) /Nujabes feat. Shing02 ค่ะ
เพลงนี้เป็นเพลงแรก ของชุดนี้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 เพลง
อ้อ Luv(sic) Luv คือ Love ส่วน sic แปลว่าตั้งใจเขียนอย่างนี้ ดังนั้นชื่อเพลงแปลว่า
Luv (จงใจสะกดผิด) ค่ะ
ลิงค์เพลงจะรวมทั้งหกเพลงเลย
เนื้อเพลงก่อน เนื้อเพลงเอามาจากที่นี่ค่ะ
http://genius.com/258617
Luv(Sic)
(Intro : Bill Cosby)
I told you that story to tell you this one
(Verse 1 : Shing02)
Lovesick like a dog with canine sensitivity
Developing this new theory of relativity
Connecting our souls resting in captivity
Positive life sacrifice what it is to me
Our history, only a quarter of a century
Reality, sitting on the shoulder of our chemistry
See ain’t no mystery, the colors that we mix will set the
mind free
Let the blind see beyond harmony!
Breathe life into dead space blow away cloud of doubt
New territory we determine to be
Everything a safe haven it’s supposed to be
Now it might seem distant but the time is near
When our thoughts take off and split the atmosphere
Pure sound wave travel semi-infinitely
Plus I’ll see you there utmost definitely
(Hook)
Cause the beat plus the melody
Make me speak of L.O.V.E eloquently so evidently
Cause your beat plus the melody
Make me speak of L.O.V.E eloquently so evidently
(I mean that from my heart ‘cause you make me feel good as a
person)
(Verse 2 : Shing02)
Good gracious, every process has a genesis and ends with a
revelation
God bless this opportunity for me to find a voice
For some words that have waited for way too long
Low wages, small tips on the avenue
Never wages, all hits for a revenue
Haven’t you heard the news lately?
Seems we’ve been living for some time in a purgatory
But yo, I thought I knew what a love song sound like
But I felt a warmer tune in the sunlight
I could still hear it in my room past midnight
Gotta move, take a solo cruise in the moonlight
Sometimes I do forget, Oh how much we could ease the lives
we lead
If we learn to let go, the reins that we hold
Return to our souls, and the spirit let flow
So you see, upon everyday faced there’s a million shades to
express definition of grace
But the method I choose my prerogative
There’s so much love in me I got to give
(Hook)
(Verse 3 : Shing02)
Oh how I could write a book on how you make me feel
But how about this song that I wrote for you?
What I feel like… I wanna put my trusts in these simple
words
For you to feel what I’m saying, what you feel like?
Reminisce about the little episodes that we shared together
Remember the time that you told me in the cold night, to
relax when all I knew was to hold tight
Remember the time that I spoke to the crowd in a full house
and realized that you was my ace?
I was the joker on the stage singing the blues
All eyes on me and had nothing to prove
But yo, I thought I knew what a diamond shine like
But I felt a sharper love in the limelight
From the queen of hearts watching me quietly from the upper
deck balcony
Sometimes I do suspect, I’m an actor in a well-scripted live
divine comedy
When I look back, that frozen slice of time and try to
defrost the senses lost
Now enough with the metaphors, the motivation that I wrote
this letter for
For you to know that the music helps carry on
Like you say a new day will bring us tomorrow…
(Hook)
Cause my beat plus your melody
Makes me speak of L.O.V.E eloquently so evidently
Cause your beat plus my melody
Makes me speak of L.O.V.E eloquently so evidently
Cause my beat plus your melody
Makes me speak of L.O.V.E eloquently so evidently
Cause your beat plus my melody
Makes me speak of L.O.V.E eloquently so evidently
(I mean that from my heart ‘cause you make me feel good as a
person you know what I mean.
Make me say “Well,that shit wasn’t that bad”)
ต่อไปเป็นแปล
(อินโทร : ด้วยประโยคของนักแสดง,ดาราตลก บิล คอสบี้)
ผมเล่าเรื่องเมื่อกี๊ไปเพื่อจะเล่าเรื่องนี้
( ท่อน1 : Shing02)
ไข้ใจก็เหมือนหมาที่เขี้ยวมีปัญหาเสียวฟัน
(ผม)กำลังพัฒนาบทใหม่ของทฤษฎีสัมพันธภาพ
เชื่อมวิญญาณที่อยู่ในกรงขังของเราไว้ด้วยกัน
ชีวิตที่มั่นคงสำหรับผมไม่มีความหมาย
เรื่องราวของเรา เป็นเพียงหนึ่งในสี่ของหนึ่งร้อยปี
ความเป็นจริง เกิดขึ้นเพราะความสัมพันธ์ของเรา
เห็นไหมว่ามันไม่ได้ลึกลับอะไรเลย
เมื่อเรื่องของเราหลอมรวมเข้าด้วยกัน ความคิดก็เป็นอิสระ
มาสร้างท่วงทำนองที่มองเห็นได้โดยไม่ต้องใช้ตามองกัน!
คืนลมหายใจให้พื้นที่ที่นิ่งนอนตาย ปัดเป่าเมฆแห่งความสงสัย
เราตั้งใจจะสร้างดินแดนใหม่ที่ทุกแห่งหนสุขสงบ
ตอนนี้มันอาจจะยังห่างไกลแต่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว
เมื่อความคิดของเราโลดแล่นและฝ่าชั้นบรรยากาศ
คลื่นเสียงบริสุทธิ์เดินทางกึ่งไร้ขีดจำกัด
ส่วนผมจะไปเจอกับคุณที่นั่นอย่างแน่นอน
(ฮุค)
เพราะจังหวะบวกทำนอง
ทำให้ผมพูดถึง L.O.V.E อันคมคายได้ชัดเจน
เพราะจังหวะบวกทำนอง
ทำให้ผมพูดถึง L.O.V.E อันคมคายได้ชัดเจน
(ผมคิดอย่างนั้นจากใจจริง เพราะคุณทำให้ผมรู้สึกดีในฐานะคนๆหนึ่ง)
(ท่อน2)
งดงามนัก พัฒนาการทุกอย่างมีจุดเริ่มและจบลงที่การเผยความจริง
พระเจ้ายื่นโอกาสนี้ให้ผมเพื่อค้นหาเสียง
เพื่อเอ่ยคำหนึ่งซึ่งรอมานานเกินนาน
งานค่าแรงต่ำ ทิปน้อยตามรายทาง
ไม่มีงาน ถูกบีบคั้นเสียภาษี
ช่วงนี้คุณไม่ได้ฟังข่าวเลยเหรอ?
ดูเหมือนพวกเราอยู่ในแดนมิคสัญญีมาสักพักแล้ว
แต่ว่าโย่ ผมก็คิดไปว่ารู้ว่าเพลงรักควรจะเป็นยังไง
จนมาเจอเสียงที่อบอุ่นกว่าในแสงแดด
ยังดังในหูไม่หายแม้จะกลับห้องและผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว
ผมต้องไป ขึ้นเรือความฝันกลางแสงจันทร์
บางครั้งผมก็ลืมไป โอ้ ชีวิตที่เราเฝ้าจูงจะง่ายกว่าขนาดไหน
ถ้าเรียนรู้ที่จะปล่อย สายจูงที่เราจับไว้
หวนกลับสู่วิญญาณ ปล่อยให้จิตใจล่องลอย
ดังนั้น เรื่องเป็นอย่างนี้ แต่ละวันได้เจอกับวิธีนับล้านที่แสดงถึงเมตตาหาที่สุดไม่ได้
แต่วิธีที่ผมเลือกแสดงอภิสิทธิ์ของตน
คือรักมากมายที่ผมอยากจะมอบให้
(ฮุค)
(ท่อน3)
โอ้ ผมบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพราะคุณได้เป็นเล่ม
แต่แล้วเพลงบทนี้ที่ผมเขียนขึ้นเพื่อคุณล่ะ?
ที่ผมคิดคือ... อยากสื่อศรัทธาของผมไปในคำง่ายๆเหล่านี้
ให้คุณเข้าใจว่าผมคิดอย่างไร,คุณเล่าคิดอย่างไร
หวนหาฉากสั้นๆที่พวกเรามีร่วมกัน
ระลึกถึงตอนที่คุณบอกผมในคืนหนาว ให้ปล่อยวางในตอนที่ผมรู้จักเพียงยึดมั่น
จำตอนที่ผมคุยกับคนเต็มห้องแล้วพบว่าคุณเป็นคนสำคัญของผมได้ไหม?
ตอนนั้นผมเป็นตัวตลกร้องเพลงบลูส์บนเวที
สายตาทุกคนจับจ้องมาและผมไม่มีอะไรมายืนยันคำนั้น
แต่ว่าโย่ ผมก็คิดไปว่ารู้แล้วว่าแสงเพชรส่องประกายอย่างไร
แต่ก็มาเจอกับรักที่เจิดจ้ากว่าเมื่อมายืนอาบแสงไฟ
จากราชินีแห่งหัวใจผู้เฝ้ามองผมเงียบๆจากระเบียงชั้นบน
บางครั้งผมสงสัย ตัวผมคงเป็นตัวแสดงในละครตลกที่พระเจ้าลิขิตอย่างตั้งใจ
เมื่อผมหันกลับไปมอง ยังช่วงเวลาที่ถูกแช่แข็งและพยายามจะปลดปล่อยความรู้สึกที่แน่นิ่งนั้น
ขอหยุดการเปรียบเปรยไว้เท่านี้ ที่ผมตั้งใจจะเขียนเพลงนี้ขึ้นมา
เพื่อจะบอกคุณว่าเพลงเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดัน
เหมือนที่คุณบอกว่าวันพรุ่งนี้จะนำวันใหม่ที่ดีกว่ามา
เพราะจังหวะของผมบวกทำนองของคุณ
ทำให้ผมพูดถึง L.O.V.E อันคมคายได้ชัดเจน
เพราะจังหวะของคุณบวกทำนองของผม
ทำให้ผมพูดถึง L.O.V.E อันคมคายได้ชัดเจน
(ผมคิดอย่างนั้นจากใจจริง เพราะคุณทำให้ผมรู้สึกดีในฐานะคนๆหนึ่ง
รู้ใช่ไหมว่าผมหมายถึงอะไร คุณทำให้ผมพูดได้ว่า “เออ
เรื่องห่วยๆนั่นก็ไม่ได้แย่เกินไปนะ”)
----------------------------------
....แปลแล้วก็ยังงงใช่ไหม (555)
อย่างที่เพลงก็บอกไว้ในท่อนสุดท้าย ว่าเพลงนี้คำเปรียบเปรยเพียบ
แต่เป็นเพลงที่เพราะมากเลยนะ
ในความคิดส่วนตัว คิดว่าท่อนที่สามเป็นท่อนที่เล่นคำได้สนุกมากเลย
ขอ copy +paste ท่อนที่อยากพูดถึงอีกที
Remember the time that I spoke to the crowd in a full house
and realized that you was my ace?
I was the joker on the stage singing the blues
All eyes on me and had nothing to prove
But yo, I thought I knew what a diamond shine like
But I felt a sharper love in the limelight
From the queen of hearts watching me quietly from the upper
deck balcony
full house, ace, joker, diamond, hearts, deck
ทั้งหมดเป็นชุดคำที่มาจากไพ่ค่ะ แต่พอแปลก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับไพ่หลุดออกมาเลย
(แง) ทำเอาอยากให้ภาษาไทยมีฟุริงะนะแบบญี่ปุ่นเลยจะได้ชี้บอกได้ว่านี่เล่นคำน้า
เอาล่ะ หวังว่าทุกท่านจะได้อ่านได้ฟังเพลงกันเพลินนะคะ มีอะไรติชมก็เม้นท์ไว้นะ ไว้เจอกันโอกาสหน้าค่ะ ^^//
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น