บทที่ 37 – การสอบเข้า (1)
ภูเขาเอเวอเรสท์เป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับสามของทวีป มันสูงเกือบ 9,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและปกคลุมด้วยหิมะ ในเทือกเขาแอลพ์ที่เป็นหนึ่งในสิบดินแดนต้องห้ามหรือที่รู้จักกันว่าเป็นสวรรค์ของสัตว์ประหลาดนั้น ภูเขาเอเวอเรสท์อันตรายเป็นพิเศษ
เด็กสาวผมเงินในชุดขาวถือร่มขาว ยืนเหนือยอดเขาและมองทิวทัศน์เบื้องล่างเหมือนพยายามเก็บภาพนั้นไว้
“ยูเรีย?”
ใต้ยอดเขา เด็กหนุ่มผมขาวในชุดดำล้วนถือร่มสีดำกำลังโบกมือวิ่งมาพลางเรียกชื่อเด็กสาว
ยูเรียมองแล้วถอนหายใจเบาๆ
“อัลฟอนโซ ถ้าล้มไปจะทำยังไง?”
พูดจบไม่ทันไรเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งก็สะดุดกองหิมะล้ม ยูเรียตกใจแล้ววิ่งไปทางฝาแฝดของเธอ โชคดีที่หิมะมีอยู่ทุกทีช่วยรับร่างเขาไว้
“อา...เจ็บ” อัลฟอนโซร้อง มองฝ่ามือที่เป็นแผลถลอก
ยูเรียถอนหายใจเบาๆและจับมือที่เป็นแผลของอัลฟอนโซ “ฮีล”
มือของเธอเรืองแสงและรอยถลอกหายไป
อัลฟอนโซกำแล้วแบมือเพื่อให้แน่ใจว่าแผลหายดี “ฮิๆ ขอบคุณ” ยิ้มอย่างไร้เดียงสาและขอบคุณ ขณะยูเรียยิ้มและลูบศีรษะเขา
“อัลฟอนโซ เจ้าฝันอยากเป็นอัศวิน แผลแค่นี้ก็ร้องไห้แล้วจะเป็นอัศวินได้เหรอ?”
อัลฟอนโซหน้าแดง
“ข้าเป็นได้!”
ยูเรียหัวเราะเมื่อน้องชายของเธอหันหน้าไปทางอื่น
“จ้าๆ เป็นได้ เพราะอย่างนี้เจ้าถึงจะไปเมืองหลวง”
อัลฟอนโซลุกขึ้นตะโกน “ใช่แล้ว! ข้าจะเป็นอัศวินและสู้กับเขตแดนปีศาจเหมือนลุงของข้า บลัดดี้ เบลด!”
ยูเรียยิ้มแต่ในใจทอดถอน
เหตุผลที่อัลฟอนโซอยากเป็นอัศวิน และใส่เสื้อสีดำแทนที่จะเป็นสีขาวซึ่งเป็นสีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าก็เพราะชายที่ชื่อ บลัดดี้ เบลด เผ่าผีเสื้อของฝาแฝดได้ส่งคนไปประจำในเมืองหลวงมารุ่นต่อรุ่นเพื่อรักษาอิทธิพลของเผ่า
วิลเลียมที่ถูกส่งไปประจำในเมืองหลวงเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งของเผ่าและเป็นลุงของพวกเธอ
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน วิลเลียมได้ชวนเพื่อนของเขา บลัดดี้ มาที่หมู่บ้านเผ่าผีเสื้อ
***
สี่ปีก่อน – ในหมู่บ้านเผ่าผีเสื้อ
วิลเลียมและบลัดดี้ออกมาจากประตูวาร์ปที่เชื่อมต่อกับเมืองหลวง
“โอ้? แบบนี้สะดวกดีนะ เจ้าไปติดประตูให้หมู่บ้านข้าด้วยได้ไหม?”
เมื่อบลัดดี้ถามวิลเลียม คนถูกถามก็ส่ายหน้าและตะโกน “ล้อข้าเล่นเรอะ? โอลิมปัสจะติดประตูวาร์ปได้ยังไง? ต่อให้ข้าติดได้ ตอนใช้ก็ไม่พ้นหลงทางในมิติอยู่ดี”
“อ้อเหรอ?”
บลัดดี้แค่ถามไปอย่างนั้นไม่ได้เอาจริง เขาหันไปมองรอบๆห้องวาร์ป
“แต่ไม่มีใครอยู่เลย ข้านึกว่าจะมีคนมาต้อนรับเจ้าเสียอีก”
“แน่นอน การย้ายมวลสารระยะไกลเป็นเวทมนตร์ที่ละเอียดอ่อน เป็นไปได้ก็ต่อเมื่อกำจัดความคลาดเคลื่อนออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น ถ้ามีใครไปแตะอะไรผิดในห้องหรือใช้เวทมนตร์ คนที่กำลังผ่านประตูวาร์ปก็จบกัน”
บลัดดี้คิดตามคำอธิบายของวิลเลียมสามวินาที จากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึมเหมือนได้ฟังว่าเซนเซอร์ตรวจจับการสะท้อนแสงด้วยอินฟราเรดทำงานอย่างไร
“ข้าว่าเว้นรายละเอียดที่เหลือไว้ดีกว่านะ”
“นั่นสิ เฮ้อ! ถึงอธิบายไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ”
วิลเลียมส่ายหน้าและเปิดประตู ข้างนอกปกคลุมไปด้วยหิมะ
บลัดดี้ตามหลังวิลเลียม ชื่นชมทิวทัศน์พลางให้ความเห็น
“สีขาวทั้งนั้น”
ไม่แค่หิมะ ผนังบ้าน หลังคา กระทั่งควันที่ลอยจากหลังคาก็เป็นสีขาว
“ไม่ใช่ นั่นมันไอน้ำ ที่นี่เราจะหาฟืนได้ยังไง? เรื่องทุกอย่างต้องใช้เวทมนตร์จัดการ”
เผ่าผีเสื้อตั้งอยู่ห่างจากยอดเขาเอเวอเรสท์ประมาณหนึ่งกิโลเมตร
“อ้อ ข้าก็นึกว่าพวกเจ้าเปลี่ยนควันเป็นสีขาวให้เข้ากับวิว”
“ทำเพื่อ... ไม่สิ จะเป็นไปได้ไหมนะ...?”
วิลเลียมจะปฏิเสธแต่เมื่อคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าถ้าพวกเขาใช้ฟืนอาจจะเปลี่ยนควันเป็นสีขาวจริง
“ลุงวิลเลียม?”
เด็กชายคนหนึ่งวิ่งมาพลางโบกมือ เขามีผมสีขาว เสื้อและผ้าพันคอสีขาว
“อัลฟอนโซ?”
วิลเลียมอ้าแขนรอกอดหลาน แต่ร่างที่วิ่งมากลับล้มโครม
“อัลฟอนโซ?”
วิลเลียมเปลี่ยนเสียงและวิ่งไปหาเขา จากนั้นเช็ดน้ำตาให้อัลฟอนโซและร่ายเวทมนตร์รักษา
“เป็นยังไง? ยังเจ็บอยู่ไหม?”
“ไม่ครับ!”
อัลฟอนโซยิ้มสดใส วิลเลียมหัวเราะไปด้วย ที่ด้านหลังวิลเลียม บลัดดี้กำลังอ้าปากค้างเหมือนช็อกกับความต่างทางวัฒนธรรม
“มีอะไรเหรอ?”
“นั่นเขาเจ็บเพราะแค่ล้มเหรอ ร้องไห้ด้วย?”
วิลเลียมตำหนิบลัดดี้ที่ตกใจกับเรื่องธรรมดาแค่นี้และพูด “เวลาล้มแล้วเข่าถลอกไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่าง เด็กเพิ่งสิบสองขวบ ถ้าเจ็บก็ร้องได้”
บลัดดี้สวนคำวิลเลียม “หลานๆข้าถูกโยนใส่มังกรตอนอายุสิบสอง พอคิดว่าเด็กแค่ล้มก็ร้องนี่...”
“อะไรนะ?”
วิลเลียมนึกว่าตัวเองหูฝาด การเปลี่ยนระดับที่สูงอย่างกะทันหันมักทำให้เกิดปัญหาการฟังเพราะความกดอากาศภายในร่างกับข้างนอกต่างกัน แม้ความกดอากาศในหมู่บ้านจะถูกควบคุมไว้ด้วยเวทมนตร์ แต่ความผิดพลาดของระบบยังดูน่าเชื่อกว่าที่บลัดดี้เพิ่งกล่าวไป
“หือ? อะไร?”
“เมื่อกี๊เจ้าพูดว่าอะไร!”
“โยนเด็กๆใส่มังกรตอนอายุสิบสอง?”
วิลเลียมได้ยินแล้วอดหวาดกลัวไม่ได้
“ใช้มนุษย์บูชายัญเหรอ? ขนาดเผ่ามังกรที่นับถือมังกรยังไม่ทำแบบนั้น!”
“ใครพูดว่าบูชายัญ? เราแค่ให้เด็กๆได้มีประสบการณ์กับมังกรไว้ก่อนตามปรัชญาการเรียนการสอนแบบเฉพาะของพี่ข้า แค่ทำให้พวกเขากลัวแล้วพาตัวกลับทันที”
“มหัศจรรย์แล้วที่พวกเขาไม่มีอาการ PTSD” วิลเลียมตำหนิพลางกอดอัลฟอนโซไว้
“พีอะไรนะ?”
“PTSD บาดแผลทางจิตใจ เหมือนที่บางทีเจ้าฝันร้ายเรื่องสู้กับพี่ชายของเจ้า”
บลัดดี้พอเข้าใจ จากนั้นก็บอกอัลฟอนโซที่อยู่ในอ้อมแขนของวิลเลียม
“เอาเถอะ เจ้าหนู ผู้ชายไม่ร้องไห้หรอก”
ดวงตาเปียกน้ำตาของอัลฟอนโซกว้างขึ้น “เอ๋? ทำไมล่ะ?”
“ก็...ข้าจะอธิบายยังไงดี... แบบว่า... อ้อ! ถ้าเจ้าร้องแบบนั้นจะเป็นอัศวินไม่ได้นะ”
บลัดดี้พยายามหาคำตอบเมื่อถูกถามอย่างไม่ทันตั้งตัวและพูดสิ่งแรกที่คิดออก
“อัศวินคืออะไรครับ?”
บลัดดี้หัวเราะให้อัลฟอนโซที่มีดวงตาไร้เดียงสาเต็มไปด้วยน้ำตา
“อัศวินคือคนที่อยู่ฝ่ายคุณธรรม ปกป้องคนจากสัตว์ประหลาดและปีศาจที่ชั่วร้าย”
“ว้าว! ลุงก็เป็นอัศวินเหรอครับ?”
อัลฟอนโซมองวิลเลียมด้วยตาเป็นประกาย
“ฮ่าๆ ใช่ ข้าเป็นอัศวิน”
บอกว่าวิลเลียมเป็นอัศวินออกจะผิดไปหน่อย แต่งานที่เขาทำไม่ต่างกันมาก
“ว้าว?”
อัลฟอนโซดีใจและปรบมือ
“เด็กคนนี้นี่”
ทั้งวิลเลียมและบลัดดี้ไม่รู้เลยว่าคำพูดธรรมดาของพวกเขากลายเป็นความฝันใฝ่ของเด็ก
วิลเลียมอุ้มอัลฟอนโซและพยักหน้าไปทางกลางหมู่บ้าน
“มาถึงหมู่บ้านแล้ว ควรไปทักทายที่สภาหมู่บ้านสักหน่อย”
บลัดดี้พยักหน้า
“คุณลุง? เล่าเรื่องอัศวินให้ผมฟังหน่อยครับ!”
อัลฟอนโซที่ถูกวิลเลียมอุ้มถามบลัดดี้ บลัดดี้บอกเรื่องแรกที่เขานึกได้ตอนทำงาน
“อย่างแรก พวกเราใส่ชุดเกราะ”
“โอ้?”
อัลฟอนโซจินตนาการถึงชุดเกราะที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในจินตนาการของเขา ชุดเกราะคือชุดที่เปล่งแสงเจิดจ้า
“และเราใช้ดาบ”
“ดาบ?”
อัลฟอนโซไม่เคยเห็นดาบ
“ลุงครับ ดาบคืออะไร?”
วิลเลียมอายกับคำถามของอัลฟอนโซ เผ่าผีเสื้อไม่มีแม้แต่มีดทำครัว อย่าว่าแต่ดาบ เพราะพวกเขาใช้เวทมนตร์จัดการเรื่องทุกอย่าง ของธรรมดาบางอย่างข้างนอกจึงไม่มีในหมู่บ้าน
“มันคือแท่งเหล็กที่มีด้านคม”
บลัดดี้หยิบดาบจากถุงผ้าเวทมนตร์ที่แขวนไว้ข้างเอว
“นี่คือดาบ”
“ว้าว!”
บลัดดี้ให้อัลฟอนโซลองถือดาบ
“เจ้า ข้าบอกแล้วว่าอย่าพกอาวุธมา”
บลัดดี้ยิ้มเมื่อวิลเลียมเริ่มตกใจ
“ไม่เป็นไรน่า ร่างกายข้าก็คืออาวุธอยู่แล้ว”
“เจ้านี่มัน”
บลัดดี้ตัดบทวิลเลียมที่กำลังจะบ่นใส่เขา
“และ ถ้าผู้นำเผ่าผีเสื้อคิดจะฆ่าข้า อย่างน้อยข้าควรขัดขืน”
วิลเลียมถอนหายใจหลังจากที่บลัดดี้ขยิบตาให้เขา
“ไม่ต้องกังวล พ่อข้าเป็นสุภาพบุรุษ”
“จริงเหรอ? ไม่เหมือนที่ข้าได้ยินมานะ”
“หา? ใครพูด?”
บลัดดี้ไม่ตอบคำถาม เขาเปิดประตูอาคารสภาหมู่บ้าน
“ข้าเก็บแล้วนะ”
บลัดดี้หยิบดาบจากมืออัลฟอนโซและเก็บใส่ถุงผ้าเวทมนตร์
“อา” อัลฟอนโซจ้องถุงผ้าอย่างเสียดาย บลัดดี้ลูบศีรษะอัลฟอนโซ
“เฮ้ ข้าถามว่าใครพูด?”
บลัดดี้ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ข้าได้ยินจากนักเวทที่ข้ารู้จัก รีบไปทักทายแล้วพักผ่อนเถอะ ตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงข้าก็ไม่ได้พักเลย เหนื่อยแล้ว”
“เจ้าไปรู้จักนักเวทที่ไหน?”
วิลเลียมเลิกถามบลัดดี้และวางอัลฟอนโซลง
“เจ้ากลับบ้านไปก่อนไหม?”
อัลฟอนโซคิดแล้วส่ายหน้า
“ปู่บอกให้ข้าพาลุงมาด้วย”
“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นไปด้วยกันไหม?”
วิลเลียมจูงมืออัลฟอนโซไปที่ห้องทำงานของพ่อเขา
“คุณวิลเลียม?”
เลขานุการคนหนึ่งที่นั่งตรงโต๊ะหน้าห้องทำงานลุกขึ้นต้อนรับทันที
“ไม่เจอกันนาน เป็นยังไงบ้าง?”
เลขานุการเขย่ามือกับวิลเลียมและยิ้มดีใจ
“ฮ่าๆๆ ข้าก็เหมือนเดิม คุณวิลเลียมต่างหากที่ลำบาก ได้ยินว่ากำลังจะไปที่อาณาเขตปีศาจเร็วๆนี้”
“ใช่ ไว้จะส่งเลือดปีศาจที่หาได้แต่ในอาณาเขตปีศาจมาให้นะ”
เลขานุการเริ่มน้ำลายไหล “จริงเหรอ?”
เลือดปีศาจที่เอามาทำดีๆจะสามารถใช้เป็นวัตถุเวทมนตร์ที่มีค่า ในเทือกเขาแอลพ์ พวกปีศาจล่าได้ยากเพราะมีจำนวนน้อยทั้งๆที่พวกสัตว์ประหลาดมีจำนวนมาก
“อืม เจ้าอุตส่าห์มายืนรอข้า”
เลขานุการเคาะประตูพลางดีใจที่จะได้เลือดปีศาจ
“ผู้อาวุโสสูงสุดคะ คุณวิลเลียมที่ถูกส่งไปเมืองหลวงมาค่ะ”
“เข้ามาได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น วิลเลียมและบลัดดี้ก็เปิดประตูเข้าไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น