วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 25

บทที่ 25 – เหตุเกิดที่เมืองหลวง (2)


เฮสเทียกำลังช่วยเลชาจัดกระเป๋าเตรียมออกจากหมู่บ้านไปจับเดนเบอร์ก

“ไม่เห็นต้องใส่ขนาดนั้นเลย ใส่ในกระเป๋ามิติบ้างก็ได้”

เฮสเทียจัดกระเป๋าโดยไม่ให้เหลือช่องว่างท่ามกลางเสียงบ่นของเลชา

“อยู่ในป่าเจ้าใช้กระเป๋ามิติไม่ได้ นี่ยากันยุง นี่ยากันสัตว์ร้าย อาหารนี่ไว้ใส่ทีหลัง”

“ตอนไล่ตามเดนเบอร์กข้าไม่เห็นต้องใช้ของพวกนั้นเลย อย่างยากันสัตว์ร้ายนี่ไม่ต้องใส่หรอก”

“ตอนไล่ตามเดนเบอร์กเจ้าไปกันหลายร้อยคน คราวนี้พวกเจ้ามีกันแค่สามคน เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับอันตรายทุกอย่างที่อาจเจอ”

“แต่ พี่ชายรองแม่ทัพเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน ข้าจะเจออันตรายได้เหรอ?”

เฮสเทียส่ายหน้าและใส่ของเพิ่มอีก “เจ้าเป็นนักเวท ในป่าเจ้าแค่แข็งแรงกว่าเด็กสิบขวบนิดหน่อย”

“ฮึ่ม ข้าก็ยังแข็งแกร่งกว่าพี่อยู่ดี”

เฮสเทียตีมือเลชาที่พยายามดึงของในกระเป๋าออก “หยุด เชื่อฟังพี่สิ พอออกจากป่าเจ้าก็เอาของใส่กระเป๋ามิติได้แล้ว อีกอย่างก็ไม่ได้หนักสักหน่อย”

เลชายกกระเป๋าหนัก 50 กิโลกรัมด้วยมือข้างเดียว “เบา แต่กระเป๋ามันใหญ่เกินไป เกือบสามเท่าของตัวข้าเลยนะ”

“ช่วยไม่ได้ พวกเสื้อผ้ามันใช้พื้นที่มาก ข้างในมีเสื้อคลุมกันฝนกับผ้าเช็ดตัว เจ้าใส่เสื้อตัวเดิมไปสิบวันไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”

“ก็จริง แต่พี่ชายรองแม่ทัพกับคนของกระทรวงต่างประเทศน่าจะเอาคบไฟกับเชือกไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ถ้าเจ้าหวังให้คนอื่นเอาของไป สุดท้ายอาจพบว่าไม่มีใครเอาของนั้นไปเลย”

เลชาทำปากยื่นใส่คำพร่ำบ่นของเฮสเทีย “ก็เปิดกระเป๋าทุกคนก่อนออกเดินทางไม่ได้เหรอ?”

“เจ้าจะเปิดกระเป๋าที่มีชุดชั้นในให้ทุกคนดูเหรอ? ว่าแต่ ทำไมเจ้าไม่เอาหนังสือเล่มนี้ใส่กระเป๋ามิติ? ไหนดูซิ เขากับเขา...”

เลชารีบคว้าหนังสือคืนมาเมื่อเฮสเทียจะอ่านและตัดสินใจยอมแพ้

“อ๋า? อย่าอ่านนะ เข้าใจแล้ว ข้าแค่ต้องเอาของไปใช่ไหม”

หนังสืออยู่ในกระเป๋าสำหรับเลชาอ่านเวลาพักเพราะเวลาอยู่ในป่าเธอเปิดกระเป๋ามิติไม่ได้ มันคือนิยายที่เธอแอบขอให้คนของกระทรวงต่างประเทศหาให้

“เฮ้อ ข้าล่ะเป็นห่วงเจ้าเวลาอยู่ข้างนอก”

เฮสเทียถอนหายใจ เลชาทำแก้มป่อง

“เจ้าเป็นคนตัดสินใจเองนะ”

“ข้ารู้ ข้าน่าจะไปเอง”

“ฮ่าๆ หยุดคิดเลย เดนเบอร์กข้าไม่รู้ แต่ถ้าเจ้าออกจากหมู่บ้านแล้วหายตัวไป พ่อต้องออกไปตามเจ้าแน่”

เฮสเทียถอนหายใจ ถ้าเป็นเดนเบอร์กก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะถูกรังแกที่ไหน แต่เธอเป็นคนอ่อนแอที่สุดในหมู่บ้าน ยิ่งกว่านั้น เธอเป็นคนดูแลจัดการแทบทุกอย่างในหมู่บ้านจึงออกจากหมู่บ้านไม่ได้นอกจากจะจัดการส่วนนี้เสร็จ

“จัดของเสร็จแล้วเจ้าก็ควรไปได้แล้ว รองแม่ทัพรออยู่”

“จ้ะ อย่าห่วงนักเลยพี่สาว ข้าอาจอ่อนแอตอนอยู่ในป่า แต่พอออกจากป่าข้าอาจแข็งแกร่งกว่าพวกพี่ๆ”

“อือฮึ”

เฮสเทียไม่ถือคำพูดของเลชาเป็นจริงเป็นจังนัก

“ข้าพูดจริงนะ”

เลชาแลบลิ้นใส่และทำเป็นงอน

เลชาพูดไม่ผิด นอกป่าโอลิมปัส พลังเวทเสถียรถึงขั้นสร้างความแตกต่างอย่างมากจากพลังเวทในหมู่บ้าน ถ้าเธออยู่นอกป่าโอลิมปัส เธอสามารถใช้เวทที่ทรงพลังพอจะหยุดยั้งนักรบเผ่ากาที่เรียนวรยุทธ์ วิชาที่พัฒนาเพื่อให้ใช้พลังเวทได้อย่างปลอดภัยในป่า

เฮสเทียไม่รู้เรื่องนี้เพราะเธอเรียนแต่เวทที่ใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันและไม่เคยออกจากหมู่บ้านเลย ไม่ต้องพูดถึงป่า

เมื่อเลชาแบกกระเป๋าไปถึงทางเข้าหมู่บ้าน แมคที่รออยู่ก็เอ่ยทัก “ท่านเลชา ไปกันเถอะครับ”

“พี่ชาย อย่าพูดแบบนั้นได้ไหมแล้วก็เลิกเรียกข้าว่าท่านด้วย?” เลชาตวัดเสียงใส่

แมคยักไหล่ “เสียงแบบนี้เหมาะกับหนวดของข้า แล้วข้าจะเรียกท่านว่าอย่างไรถ้าไม่เรียกท่าน? ใช่ไหมครับ ผู้บัญชาการ?”

เฮสเทียยิ้มแล้วพูด “โกนหนวดสิ”

“ข้าคิดว่าอย่างน้อยผู้บัญชาการคงเข้าใจข้า ข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ”

“ฮ่าๆ ไปกันเถอะ พี่สาว ข้าไปล่ะนะ”

เฮสเทียกอดลาน้องสาวแน่นๆ

“อย่าโกรธล่ะที่ทุกคนไม่มาส่ง พ่อมีเรื่องด่วนต้องไปทำที่เขาโอลิมปัส กาเวนกับกัลลาฮาดก็ไปกับท่าน”

แม้แต่เฮสเทียก็ไม่รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอแค่จำได้ว่าพ่อของเธอพูดว่าช่วงนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอได้แต่สงสัยว่าเหตุผลที่เขาเลือกผู้สืบทอดไว้แล้วอาจเป็นเพราะความกังวลนี้

“ข้ารู้ คิดว่าข้าเป็นเด็กหรือไง? ข้าเป็นผู้ใหญ่เหมือนกันนะ” เลชาบ่น

เฮสเทียใช้น้ำเสียงแบบที่พูดกับเด็กถาม “โอ้ เป็นผู้ใหญ่เหรอ?”

“แน่นอน!”

เฮสเทียหัวเราะมองน้องสาวยืดอกอย่างภูมิใจ

“โฮะๆ เข้าใจแล้ว รองแม่ทัพ ข้าฝากเลชาด้วยนะ”

แมคพยักหน้ารับ

แล้วกลุ่มคนที่ออกจากหมู่บ้านเพื่อตามเดนเบอร์กกลับก็จากไปเช่นนี้เอง

***

ผมอ่านแผนที่จากร้านขายข่าวและตรงไปยังที่ๆเหมือนบริษัทอสังหาริมทรัพย์

“เอ”

แผนที่ๆผมถืออยู่เป็นอันที่ผมลอกอย่างหยาบๆ มันอ่านยากแต่ช่วยไม่ได้เพราะผมถือแผนที่ตัวจริงเดินร่อนไปมาไม่ได้ ระหว่างทำการลอกผมจำเส้นทางต่างๆเอาไว้แล้วจึงน่าจะไปถูกเหมือนตอนเดินหาธนาคาร

ระหว่างตั้งใจอ่านแผนที่ผมได้ยินเสียงล้อรถจากข้างหลัง เมื่อผมเงยหน้าเพื่อมองไปยังต้นเสียง รถม้าก็วิ่งผ่านอย่างรวดเร็วและทำให้น้ำโคลนที่เกิดจากฝนเมื่อคืนสาดทั่วตัวผม 

คนขับรถรู้ตัวก็หยุดรถม้าและมองกลับมาที่ผม

เสียงตวาดดังจากข้างในรถ “ทำอะไรของเจ้า? รีบไปสิ!”

คนขับรถม้าพูดอย่างกระอักกระอ่วน “ท่านมาร์ควิส มีคนถูกน้ำโคลนสาดเพราะรถ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”

“เราน่าจะจ่ายค่าซักล้างให้เขา...”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรถึงต้องหยุดรถ? เจ้าอยากถูกไล่ออกหรือไง?”

“ไม่ ข้าขออภัย”

คนขับรถมองผมอย่างขอโทษแล้วขับรถต่อไป

ผมปัดโคลนบนชุดแล้วมองตราขนาดใหญ่ข้างตัวรถ – หมาป่าเงินกับใบลอเรล

ผมจะจำไว้ พูดจริงนะ ความรำคาญสุดๆที่ผมรู้สึกอยู่นี้อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลย ผมตัดสินใจจะอ่านข้อมูลเกี่ยวกับขุนนางที่ซื้อจากนายหน้าขายข่าว

ผมเข้าไปในตรอกไร้ผู้คนเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าเปียก ผมเสกน้ำเพื่อซักน้ำโคลนออก แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ดี

“ฮึ่ม!”

ผมจำตราหมาป่าเงินกับใบลอเรลเอาไว้อีกครั้ง จากนั้นก็เดินหาบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันเป็นที่หมายตั้งแต่ต้น

“ขอโทษครับ”

ผมเปิดประตูเข้าไปและเห็นแผนที่ส่วนหนึ่งของเมืองหลวงแขวนบนผนัง และชุดโต๊ะโซฟาตั้งตรงกลางห้อง

“ยินดีต้อนรับค่ะ มาหาบ้านหรือคะ?”

“ครับ”

ผู้หญิงดูน่าคบหาคนหนึ่งทักทายผม ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของร้านหรือพนักงาน

เมื่อผมนั่งบนโซลาตามคำชวน เธอก็กางแผนที่แบบเดียวกับแผนที่บนผนังลงบนโต๊ะและนั่งลงริมสุดของโซฟา

“นี่แยกครอบครัวมาอยู่เอง หรือมาทั้งครอบครัวคะ? มาจากที่อื่นเหรอ? อยู่คนเดียวหรือมีครอบครัวคะ? ครอบครัวกี่คนคะ?”

เมื่อเห็นผมอ้ำอึ้งกับคำถามที่โยนใส่ คุณป้ายิ้มแล้วชงชาให้

“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ ข้าถามเร็วไปสินะ? ดื่มชาไปแล้วค่อยๆตอบก็ได้”

ผมจิบชาแล้วตอบ “ข้ามาจากที่อื่นและมาคนเดียว”

“อ๋อ ถ้ามาคนเดียว มาหางานหรือคะ? ได้แล้วยัง?”

“เปล่า ข้าตั้งใจจะสอบรับราชการ”

“สอบรับราชการ... ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยหนึ่งเดือน ถ้าสอบผ่านก็ต้องเรียนต่ออีกหกเดือน”

“อะไรนะ?”

เห็นผมแปลกใจ คุณป้าก็อธิบาย

“เจ้าไม่รู้สินะ ข้าสังเกตว่าคนที่มาจากที่อื่นไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ รู้ใช่ไหมคะว่าสอบรับราชการมีในเดือนมกรากับกรกฎา?”

“ครับ”

“ถ้าสอบผ่าน เจ้าจะถูกฝึกครึ่งปี ฝึกเสร็จเจ้าจะถูกส่งไปรับตำแหน่งตามที่ต่างๆโดยยึดตามเกรดที่ได้ระหว่างฝึก ตำแหน่งศูนย์กลางในพระราชวัง  ส่วนนอกในเมืองหลวง หรือส่วนท้องถิ่นตามเขตต่างๆ ที่จริงลูกชายข้าสอบผ่านช่วงหน้าหนาวและตอนนี้กำลังเรียนอยู่ เฮ้อ โรงเรียนฝึกไปกับโรงเรียนฝึกอัศวินกับโรงเรียนเวทมนตร์ นักเรียนส่วนใหญ่เลยมาจากตระกูลขุนนาง ข้าหวังว่าลูกชายข้าจะไหวนะ แต่ลำบากไปครึ่งปีก็จะได้งานดีๆทำ โอ๊ะ ขอโทษค่ะ ข้าพูดแต่เรื่องตัวเองไปเสียแล้ว”

คุณป้าพูดอย่างเร็วแล้วขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าข้าสอบผ่านก็จะเจอแบบนั้นด้วย”

“ใช่ๆ ฟังไว้ก็มีประโยชน์กับเจ้านะ นี่เป็นเรื่องที่ข้าได้ยินมาจากลูกชาย แต่-”

คุณป้าพูดต่อไป สรุปจากที่นางพูด ได้ความว่า ถ้าผมสอบผ่านก็ต้องเข้าโรงเรียนและอยู่ในหอพักเป็นเวลาครึ่งปี

คนที่สอบส่วนใหญ่เป็นบุตรคนที่สามหรือสี่ของขุนนางระดับไวส์เคานท์ลงไป แต่สามัญชนก็สอบได้เหมือนกัน ไม่มีการเกี่ยงชนชั้นเพราะการสอบจัดโดยกระทรวงการคลังซึ่งนำโดยดยุค ซึ่งในจักรวรรดิมีตำแหน่งดยุคแค่สองคน

กระทรวงการคลังเป็นกระทรวงหนึ่งที่เข้มแข็งที่สุดของจักรวรรดิ ข่าวลือว่าหากจะติดสินบนคนของกระทรวงนี้ ต้องใช้เงินขนาดทำให้ที่ดินเล็กๆถึงขั้นล้มละลายได้ พูดอีกอย่างคือ รับประกันได้ว่าการสอบยุติธรรมเพราะขุนนางระดับไวส์เคานท์ไม่มีเงินขนาดนั้นให้ลูกชายคนที่สามหรือสี่หรอก

ถ้ารู้อย่างนี้ผมไม่ต้องปลอมบัตรประชาชนด้วยกระดูกโอเกอร์ก็ได้

อีกอย่าง การสอบราชการมีการแข่งขันสูงเพราะถ้าสอบผ่านและฝึกผ่าน ก็จะได้ตำแหน่งเท่าอัศวิน แม้ตำแหน่งจะไม่สืบทอดถึงลูกหลาน แต่สามัญชนที่หัวดีต่างเข้าสอบเพื่อโอกาสได้เป็นขุนนาง

อย่างไรก็ตาม การที่กระทรวงการคลังรับหน้าที่จัดสอบถือเป็นข่าวดี

ตอนนี้ผมแค่ต้องลอบเข้าไปในกระทรวงการคลังแล้วดูข้อสอบ จากนั้นผมก็จะได้เป็นข้าราชการไม่ว่าการสอบจะดุเดือดแค่ไหนก็ตาม

เหตุที่ผมคิดจะขโมยข้อสอบไม่ใช่เพราะไม่แน่มั่นใจว่าจะสอบผ่านนะ ผมมั่นใจว่าสอบผ่านแน่

เหตุผลคือผมกลัวว่าจะสอบได้ที่ดีเกินไปแล้วต้องไปทำงานในราชวังที่ลุงของผมไปบ่อยๆ ถ้าผมทำงานในเมืองหลวง นั่นเรียกว่าซ่อนแสงไฟใต้ตะเกียง แต่ถ้าทำงานในราชวัง นั่นคือผมส่องแสงเหนือตะเกียงแล้ว

“เวลาผ่านไปนานขนาดแล้วหรือนี่? ข้าทำให้เจ้าเสียเวลาเสียแล้ว”

จริง คุณป้าพูดเป็นชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก ถ้าผมไม่ได้ข้อมูลสำคัญระหว่างฟังนางพูดผมหนีไปแล้ว



สารบัญ                               บทที่ 26



 

เวลาฝนตก น้ำจะชอบท่วมข้างถนน ตรงศาลาที่คนแปลยืนรอรถนี่น้ำนองเลย รถบางคันเห็นคนยืนข้างทางจะเลี่ยงไปเลนกลาง หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จะขับช้าๆ บางคันไม่สนจ้าวิ่งมาเต็มที่... เวลาฝนตกที่คนแปลกลับบ้านเสื้อกางเกงเปียกซ่กนี่ไม่ใช่เพราะน้ำฝนนะ น้ำข้างทางที่รถเหยียบกระเซ็นใส่มากกว่า ฮึ่ม ป้าฝากด้วยนะเดน 

เอ่อ... เจ้าข้ากับครับค่ะนี่มาใช้รวมกันแล้วแปล๊ก แปลก...

ต่างโลกก็ยังมีบอยเลิฟ 55+



1 ความคิดเห็น:

  1. ผมลุ้นให้พระเอกได้กระทืบคนจากตระกูลนั้น 5555

    ตอบลบ