บทที่ 194 – โลกพระจันทร์ (1)
ห้องเรียบง่ายเกินกว่าจะเรียกว่าห้องรับแขก
ห้องนี้ไม่มีหน้าต่างแยกตัวออกจากโลกภายนอกอย่างเด็ดขาด
มีเก้าอี้เพียงสองตัว ชายคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งนั้น
แกร็ก
คิมคังชุลเห็นประตูที่ปิดสนิทเปิดออก เขาลุกขึ้นเมื่อเห็นคังวูจินเดินเข้ามา
“ผมรอคุณอยู่”
วูจินยิ้มให้คำพูดเรื่อยๆของคิมคังชุล
“กล้าดีนี่”
เขาแพ้และหนีไปได้อย่างเฉียดฉิว แต่กลับมาเอง
วูจินนั่งลง คิมคังชุลนั่งตาม
“มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?”
วูจินเข้าเรื่องเร็วเสมอ โดยทั่วไปคนจะพูดอ้อมค้อมหรือถ่วงเวลาเพื่อหยั่งความคิดของอีกฝ่าย
แต่เขาไม่ทำ
“ผมมาส่งข้อความ”
“ข้อความของใคร? ท็อปเลอร์? บอกให้เขามาที่นี่เองสิ”
“ตอนนี้เขายังมาไม่ได้”
“หืม”
วูจินกอดอกและเอนหลังพิงเก้าอี้
เก้าอี้นั่งไม่สบายช่วยเขาเรียบเรียงความคิด
“ทำไม? เขาคิดว่าจะตายเหรอ?”
“คุณคิดจะฆ่าเขาเหรอ?”
“ฉันไม่ชอบคนที่เข้าหาฉันด้วยเจตนาแอบแฝง นายก็ด้วย”
วูจินขู่กลายๆ แต่คิมคังชุลยังมีทีท่าผ่อนคลาย ไม่ใช่
เหมือนเขายอมรับผลจากการพบกันครั้งนี้ เขาไม่กลัวตายเลย
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอคุณ”
“ฉันรู้”
“ไม่ใช่ ผมหมายถึงเจอคุณที่นี่”
วูจินขมวดคิ้ว
คิมคังชุลแสดงความกังวลใจออกมาอย่างเปิดเผย บรรยากาศเลวร้ายลง
“ผมไม่กลัวตายหรอกนะ”
“คนที่พูดไร้สาระแบบนั้นถูกฉันฆ่าไปหมด”
“ผมแค่กลัวว่าจะต้องมามีการพบกันครั้งนี้อีก”
“พูดให้ฉันเข้าใจหน่อย”
วูจินลุกขึ้น
เมื่อวูจินก้มมองลงมา คิมคังชุลยิ่งกังวลมากขึ้น
“ปฏิกิริยาของคุณเหมือนเดิมทุกที เหมือนที่พวกเขาทำนายไว้”
“ความอดทนของฉันจะหมดแล้วนะ”
วูจินกางมือออกเป็นการยืนยันคำพูดของตัวเอง
วิ้ง
บอลพลังเวทอยู่ในมือเขา คิมคังชุลกวาดตามองมันแต่สายตาเขาไม่หวั่นไหว
ถ้าบทบาทของเขาจบตรงนี้ เขาไม่สนว่าต้องตาย
ที่น่าเสียดายคือเขาไม่อาจเห็นโลกถูกช่วยเอาไว้
“ถ้าความตายของผมจำเป็นต่อการช่วยโลกผมก็ยินดี
แต่มีคำพูดที่ผมต้องส่งต่อให้คุณ”
คิมคังชุลพูดอย่างรวดเร็ว
“คุณกลับโลกช้ากว่าเวลาที่ตัดสินไว้ในชะตาชีวิตของคุณ”
“แล้วไง?”
“ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่อิเอลโลปรากฏตัวเร็วกว่าความคาดหมาย”
“อิเอลโล?”
“ทุกอย่างถูกเร่งเร็วขึ้น คุณจึงยังไม่ได้ความสามารถเต็มที่
น่าเสียดาย”
วูจินขมวดคิ้ว
เขาไม่ชอบแบบนี้
เหมือนคนพวกนี้กำลังเล่นอยู่เหนือเขา
ชะตา เทพยากรณ์ คำทำนาย เทพ...
ทุกอย่างที่เขาเกลียดพ่นออกมาเป็นชุด เขาอยากหุบปากคิมคังชุล
อะไรคือชะตา
เขาไม่ใช่คนที่จะเดินบนทางที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
“เมื่อคุณพร้อม ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์จะติดต่อคุณ
มีแต่คุณที่ช่วยโลกพระจันทร์กับโลก”
“ทำไมพวกนี้มันไม่ยอมเปิดเผยตัวเองกันเลยวะ?”
ถ้ามีเป้าหมายเดียวกับเขา ก็ควรออกมาคุยกันตรงๆแบบเมโลดี้ไม่ใช่เหรอ?
โลกพระจันทร์เป็นที่ๆวูจินไม่รู้จัก
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์มาจากที่นั่น เขาเป็นมนุษย์คนแรกที่วูจินพบ
ที่ไม่สามารถดูวิญญาณของเขาได้
เมื่อคนเจอสิ่งที่ไม่เข้าใจจะรู้สึกกลัวและต่อต้าน
ถ้าพวกนั้นต้องการร่วมมือด้วยจริงๆ...
ถ้ามีเป้าหมายเดียวกับวูจินจริงๆก็ควรอธิบายให้เขาเข้าใจ
ท็อปเลอร์ควรมาเองไม่ใช่ส่งคนส่งสาส์นแบบคิมคังชุลมา
วิ้ง
ลูกบอลเวทในมือวูจินแข็งขึ้น หมัดเดียวสามารถบดขยี้ศีรษะคิมคังชุล
“นี่เป็นข้อความสุดท้ายที่ผมมีหน้าที่ส่งให้”
คิมคังชุลเลียปากแห้ง เขายอมรับชะตากรรมที่จะมาถึง
“คุณเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมถึงเพิ่มเลเวลได้?”
คิมคังชุลปิดตา เขาทำหน้าที่เสร็จแล้ว
เขาเชื่อคำทำนายเหมือนเป็นคัมภีร์... เขาเชื่อสิ่งที่เหมือนพระเจ้า
เขาไม่ลังเลถ้าสามารถช่วยโลกได้ และตอนนี้บทบาทของเขาจบแล้ว
บอลเวทสลายไป
คิมคังชุลลืมตาขึ้น
เขาเห็นคังวูจินกำลังทำหน้างุนงง เหมือนถูกใครทุบศีรษะ
คิมคังชุลถาม แต่คังวูจินไม่ตอบ
เขาตัดสินใจรอ
เวลาผ่านไปนาน
ดวงตาคังวูจินเลื่อนลอย
‘ทำไมฉันไม่เคยสงสัยเลย’
มันไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่สิ มันไม่น่าเชื่อ
เพิ่มเลเวล...
นี่ไม่ใช่เกม
เมื่อสงสัยหนึ่งอย่าง คำถามมากมายก็ตามมา
ทำไมเขาถูกอัญเชิญไปที่อัลเฟน?
อัลเฟนกับโลกเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
“ท็อปเลอร์... ฉันจะได้เจอเขาเมื่อไหร่?”
“เขาบอกว่าจะมาคุณเมื่อคุณพร้อม”
“พร้อม...”
หมายถึงเลเวลเหรอ? หรือหมายถึงกุญแจที่เรียกว่าผู้ประหารของทราช?
เขาได้สมบัติในอัลเฟนมาสร้างเครื่องป้องกัน
เขาต้องได้อะไรบนโลกมาสร้างเครื่องประหาร?
โลกกับอัลเฟน...
ความกังวลของวูจินไม่จบ ความคิดเขาพัวพันกันยุ่งเหยิง
เขาไม่มีทางได้คำตอบ และเวลาเหลือน้อยลงทุกที
ถ้าเขาต้องเลือกอย่างหนึ่งในสองอย่าง ไม่เลือกดีกว่า
เขาต้องการได้ทั้งสอง
“นายอยู่ที่นี่ อย่าทำอะไรล่ะ”
สีหน้าถอดใจของคิมคังชุลเปลี่ยนไป
“ทำไมคุณไม่ฆ่าผม?”
“ฉัน?ทำไม?”
ฆาตกรไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลในการฆ่าเสมอไป
“ถ้าข้อมูลที่นายให้กลายเป็นขยะ ฉันจะฆ่านายตอนนั้น”
คิมคังชุลคิดว่าถ้าเขาไม่ชอบใครก็ฆ่าอย่างนั้นเหรอ?
ถ้าคิมคังชุลไม่คิดร้าย ก็ไม่มีเหตุผลต้องเป็นศัตรูกัน
เขาเป็นแค่คนส่งข้อความที่โลกพระจันทร์ส่งมา
คังวูจินออกไปจากห้อง คิมคังชุลยืนขึ้นอย่างตกใจ
“...เขาเปลี่ยนไป”
บทบาทในสมุดชะตาของเขาจบแล้ว แต่เรื่องของเขายังไม่จบ
เขาไม่เคยวางแผนชีวิตผ่านจุดนี้ไปเลย
น้ำตาไหลลงมา
เขาจะได้เห็นผู้ช่วย ที่จะเปิดโลกใหม่
***
จุงมินชานที่รออย่างกระวนกระวายถามวูจิน
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“หมายถึงอะไร”
คังวูจินกดขมับเหมือนปวดศีรษะ
“ขังคิมคังชุลไว้ก่อน”
“ถ้าเขาคิดหนีคงทำได้สำเร็จ แน่ใจนะครับ?”
คิมคังชุลเป็นเราส์แรงค์สูง ถ้าเขาอยากไปใครจะหยุดได้?
“ถ้าเขาอยากไปก็ไป อยากอยู่ก็อยู่”
วูจินไม่สนใจว่าคิมคังชุลจะอยู่หรือไป
อย่างน้อยเขาสามารถอ่านความคิดของโลกพระจันทร์ที่ซ่อนความจริงจากเขา
เขาไม่สนว่าคิมคังชุลจะเลือกอยู่เป็นตัวประกันหรือไปตามแผนใด
“เมื่อไหร่พวกเราจะถึงกรีก?”
“สามชั่วโมงครับ”
“อืม”
เขาใกล้จะเลเวล 99 เต็มทีแล้ว
จะเก็บเลเวลดี?
หรือเก็บแต้มเพื่อสร้างไอเทมในเซ็ททราชอีกสองอย่างที่เหลือ?
“ทำทั้งคู่”
“ครับ?”
“บอกให้เจมินมาหาฉัน แล้วนายไปทำธุระของนายได้”
พูดจบแล้ววูจินเดินขึ้นดาดฟ้า จุงมินชานเดินตามเขาต่อ
“ฉันบอกให้ไปทำงานของนาย”
“งานของผมคือช่วยประธานครับ”
“ก็คือไม่มีอะไรทำสินะ”
เขาเป็นนายกรัฐมนตรี จะงานยุ่งขนาดไหน?
ปราการลอยฟ้าไปยังสถานที่ๆเกิดดันเจี้ยนเบรกขนาดใหญ่
แต่บิบิรับผิดชอบการต่อสู้
งานของเขาก็คือเปลี่ยนกำหนดการเมื่อได้คำขอความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ
แต่กระทั่งเรื่องนี้ก็เป็นลูกน้องของเขาทำ
“งานนายสบายดีนะ ว่าแต่ฉันเห็นบางคนมีวิญญาณมืดมาก
นายควรตรวจสอบพนักงานของนายดีๆ”
“ครับ?”
ขณะวูจินเดินไปมาในเรือ
เขาผ่านพนักงานที่มีวิญญาณสกปรกจนส่งกลิ่นเหม็นออกมา
“ดูเหมือนนายจะไม่เคร่งครัดเรื่องเลือกจ้างคนเท่าไหร่”
“...ผมจะตรวจสอบทันที”
จุงมินชานตอบอย่างเคร่งขรึม
เขาเป็นคนเลือกพนักงานทั่วไปที่ไม่ใช่เราส์มากับมือ เขาตรวจประวัติพนักงาน 1000
คนอย่างดี แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถคัดคนไม่ดีออกได้หมด
มินชานตรงไปที่ห้องทำงานทันที วูจินไปที่มุมดาดฟ้าเรือ
เขาไปหารงรงที่กำลังยึดรังไวเวิร์นไว้
[ความปรารถนาของเจ้าคืออะไร?]
วูจินยิ้มแล้วเรียกโดลเซกับบิบิออกมา
“อ๊ะ เจ้านาย”
บิบิกำลังเล่นในห้องควบคุมและถูกเรียกมาตรงหน้าวูจินอย่างกะทันหัน
“บิบิ ฉันมีอย่างอื่นต้องทำ ฉันอยากให้เธอกับโดลเซ รงรง
ฆ่าลอร์ดมิติให้หมด”
“โอโฮะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเถอะ”
จากนั้น วูจินเรียกอัศวินมรณะและเจนิสออกมา
พวกมันถูกเรียกออกมาและพาความรู้สึกอันตรายมาด้วย
พวกมันมองวูจินอย่างเชื่อใจ
“ฉันอยากให้พวกนายฆ่าศัตรูที่เห็นให้หมด”
[รับบัญชา...]
พวกมันล่า ค่าประสบการณ์ของเขาจะเพิ่มขึ้น
“พี่เรียกผมเหรอ?”
โดเจมินมาถึงพอดี วูจินพาเขาไปที่อุโมงค์
“นายไปกับฉัน”
“ไปอัลเฟนเหรอครับ? เราจะไปรับหัวหน้าทีมฮีซอลกับพี่ซุงกูเหรอ?”
“พวกนั้นไม่ใช่เด็กแล้ว ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็มาเอง”
“งั้นเราจะไปไหนกัน?”
“เราจะไปเพิ่มแต้ม”
“ครับ?”
เจมินที่เต็มไปด้วยคำถามถูกพาตัวไปที่อาณาเขตมิติอลันดาล
[ราชาของข้า...]
คิบะที่เฝ้าปราสาทไม่มีเจ้าของคุกเข่าลงตรงหน้าวูจิน
“เอ่อ คราวหน้าฉันจะพานายไปสู้ จริงๆ”
[ข้าจะรอคำสั่งจากท่าน]
เขาต้องเปลี่ยนคนอื่นมาแทนคิบะ
อัศวินมรณะออกอาละวาดอย่างเต็มที่ข้างนอก คิบะได้แค่สู้กับนักผจญภัยที่นานๆจะผ่านดันเจี้ยนเข้ามาในอาณาเขตมิติ
“เจมิน”
“ครับพี่”
“ฉันต้องการแต้ม”
“อืม... ให้ผมช่วยอะไรครับ?”
“เราจะทำสงครามมิติแบบมาราธอน”
เจมินยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของวูจิน
เขารับโลหิตเคาท์กลายเป็นลอร์ดแห่งแวมไพร์
เขาหลุดพ้นจากคำสาปพระอาทิตย์และตอนนี้เขามีพลังควบคุมความกระหายเลือดได้
ถ้าเอาความแข็งแกร่ง ปฏิกิริยาตอบโต้ สายตาและอื่นๆออก
เขาก็เป็นแค่มนุษย์...
เขาเลยความเป็นมนุษย์ไปนานแล้ว
“ไว้ใจผมได้เลยครับ”
เขาจะได้อวดความสามารถของเขาผ่านการทำสงครามมิติแล้ว
โดเจมินนั่งบนที่นั่งนักกลยุทธ์
วูจินไม่แม้แต่นั่งบนบัลลังก์เพื่ออ่านข้อมูลศัตรู
เขาเลือกศัตรูแบบสุ่ม
เขาต้องการแต้มจำนวนมากเพื่อสร้างเซ็ทไอเทมสองอย่างที่เหลือ
[คุณได้ขอทำสงครามมิติกับคุณลีอาห์]
วูจินเลือกสุ่มเลือกศัตรู แต่เมื่อเห็นชื่อเขาก็หลุดยิ้ม
“เธออีกแล้ว”
สงครามระหว่างวูจินกับมิติต่างๆเริ่มขึ้น
***
เสียงโลหะกระทบกันดังก้องไปรอบๆ
“ท่านท็อปเลอร์ อาหารค่ะ”
ท็อปเลอร์หยุดตอกแผ่นเหล็ก เขายิ้มให้เด็กที่ถือตะกร้าเล็กๆมาหา
“ขอบใจ โซโซ”
เด็กหญิงชื่อโซโซค้อมศีรษะลาและถือตะกร้าจากไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ”
ท็อปเลอร์ถอนหายใจหลังจากหยุดงานหนัก เขาเปิดดูอาหารที่เอามาให้
มีกระติกใส่น้ำและชามใส่สิ่งที่เหมือนข้าวต้ม
“อืม”
เขากลืนข้าวต้มรสจืดลงคอโดยไม่มีอะไรให้เคี้ยว
มื้ออาหารง่ายๆไม่นานก็จบ แต่เขารู้สึกขอบคุณที่มีอาหารกิน
ท็อปเลอร์ดื่มน้ำที่ได้มาจนหมด จากนั้นมองออกไปทางหน้าต่าง
เขามองท้องฟ้ามืด
ขณะมองดาวพราวระยับ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังและกังวล
“เฮ้อ คราวนี้พวกเราต้อง...”
ที่นี่มาถึงขีดจำกัดแล้ว
ถ้าเกิดรีเซ็ทอีกครั้ง โลกพระจันทร์อาจไม่มีอนาคตอีกต่อไป
กุญแจทั้งหมดอยู่ในมือชายคนนั้น
ยัยลีอานี่เหมือนแมลงวันจิงๆ ปัดไล่ไปเท่าไหร่ก็ยังกลับมาตอมเหมือนเดิม
ตอบลบ