วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 193


บทที่ 193 – มังกรโลหิต (2)

ร่างสีแดงมหึมาบินบนฟ้า
[ข้าชื่ออะไร?]
มันจำชื่อเดิมของมันไม่ได้ ก่อนมันจะได้ชื่อรงรง
เลือดถูกส่งออกมาจากหัวใจโกเลม สำหรับมังกรมันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย
เหมือนเลือดที่สูบฉีดทำให้มันได้สำนึกในตัวเองกลับมา
มังกรบินขึ้นฟ้าด้วยความเร็วสูง มันบินวนเข้าหากาที่กำลังบินเป็นวงกลม
[เจ้าเป็นสิ่งแปลก]
กากล่าวออกมาสั้นๆ รงรงตอบด้วยการอ้าปาก
กาตั้งใจจะหลบแต่ทำไม่ได้ หลังจากได้เลือดและปีก การเคลื่อนไหวของรงรงแตกต่างจากเดิมลิบลับ
และมันทรงพลังกว่าเดิม เขี้ยวของมันสามารถกัดทะลุปีก,ขนที่เหมือนมีดและหนังของไอบริท
มันเป็นท่ากัดง่ายๆ แต่ความเสียหายเกินจินตนาการ
รงรงจับร่างไอบริทด้วยกรงเล็บของมัน เขี้ยวของมันยังฝังในปีก รงรงบิดร่างของไอบริท
[กา!]
ไอบริทดิ้นกระเสือกกระสนขณะที่ปีกถูกฉีกออก
ปีกอันทรงพลังของรงรงทำให้พวกมันทั้งสองยังอยู่กลางอากาศไม่ร่วงลงพื้น
[เจ้าบ้าเลือด!]
รงรงถุยปีกออกแล้วกัดหัวของไอบริททันที
[เป็นไปไม่ได้]
ไอบริทได้กลิ่นฉุนจากมังกร กลิ่นเลือดทำให้มันปวดหัว
ปากรงรงหุ้มหัวไอบริทมิด ร่างกาเริ่มลุกไหม้
ร่างสีดำติดไฟและลามไปตามขนนก
ตอนนี้ปีกกลายเป็นไฟไปแล้ว
เมื่อไฟมอดลง ไอบริทจะสามารถฟื้นตัวใหม่
เกิดความร้อนระอุในปากรงรง แต่ภายในปากของมันไม่มีอะไรไหม้
กร๊วบ
รงรงกัดหัวกาขาดแล้วกลืนไปพร้อมกับความร้อนระอุ
ร่างไอบริทกลายเป็นแสงสีเทาหายไป มังกรโลหิตคำราม
[ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงแล้ว]
หลังจากทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จ รงรงบินลงมา
เหล่ามอนสเตอร์ที่สู้อย่างบ้าคลั่งก็ชะงักไป
พวกนี้พุ่งใส่เป้าหมายอย่างหน้ามืดตามัว แต่การต่อสู้จบลงเมื่อพวกมันเริ่มเป็นห่วงชีวิตตัวเอง
เมื่อวูจินเห็นมอนสเตอร์ที่กำลังสับสน ความเครียดเกร็งในร่างเขาก็คลายลง...
“ดูท่ารงรงจะฆ่ามันแล้ว”
เมื่อไอบริทถูกฆ่า มอนสเตอร์ก็ไม่ใช่กองทหารอีกต่อไป พวกมันได้แต่รอถูกกองทัพผีดิบสังหาร
มังกรโลหิตร่อนจอดลงข้างตัววูจินเหมือนยืนยันสิ่งที่เขาคิด
ซ่า
แม่น้ำฮันเกิดคลื่น ศพกองกันจนเหมือนเกาะในบางแห่งของแม่น้ำ
ถ้าสร้างเซ็ททราชครบ วูจินอาจคืนชีพศพทั้งหมดนี้ขึ้นมาเป็นผีดิบได้
มังกรโลหิตเหยียบย่ำซากศพ มันยื่นศีรษะมาทางวูจินแล้วถาม
[ความปรารถนาของเจ้าคืออะไร]
วูจินยิ้มพลางวางมือบนเขาของมัน
“ฉันอยากบินไปกับนาย”
เขากระโดดขึ้นหลังรงรง
มังกรถีบพื้นอย่างแรงแล้วบินขึ้นฟ้า
***
ที่หลบภัย
วูซุงฮุนและพนักงานคนอื่นๆได้แต่สังเกตการณ์สถานการณ์ด้านนอกผ่านจอภาพขนาดใหญ่และวิทยุ พวกเขาให้ความสนใจไปที่สถานีข่าวที่ยังออกข่าวได้
[ช่างมหัศจรรย์ นายกรัฐมนตรีของอลันดาลเคยกล่าวว่าพลังของประเทศอยู่ในตัวของพระราชา พวกเราเชื่อว่ามันเป็นคำโกหก แต่ก่อนสถานการณ์จะเลวร้ายถึงที่สุด เขาก็ช่วยโซลไว้ได้]
“ฮะ พูดไม่ออกเลยฉัน”
“เชี่ย ทำไมเขามาช้านัก?”
“อา ดงมินอา ลูก... ฮือๆ”
บางคนตะโกนอย่างดีใจ บางคนตะโกนอย่างสิ้นหวังและบ่นว่า
วูซุงฮุนและพนักงานออกจากที่หลบภัยไปเงียบๆ รอบเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทหารและเราส์ลาดตระเวนถนนสายต่างๆจัดการกับมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่รวมทั้งช่วยคนบาดเจ็บ
“เฮ้อ พระราชาของเราเก่งจริงๆ”
“มันทำให้ฉันภูมิใจที่เป็นคนของอลันดาล”
พวกพนักงานระวังตัวเมื่ออยู่ในที่หลบภัยกับคนนอก แต่เมื่อออกมาแล้วพวกเขาเริ่มพูดตามที่คิด
ตอนที่คังวูจินไปอัลเฟน อลันดาลถูกกดดันจากประเทศต่างๆ
ยิ่งกว่านั้น คนเกาหลีเป็นคนที่ด่าพวกเขามากที่สุด
ทรยศ,ทิ้งแผ่นดิน กระทั่งคำว่าคนขี้ขลาดถูกโยนใส่คนของอลันดาล
พวกเขาพยายามทำให้อลันดาลเสียชื่อเสียง นักข่าวทำให้เรื่องแย่ลงอีกด้วยการเผยแพร่คำวิพากษ์วิจารณ์นั้น มันทำให้คนของอลันดาลรู้สึกเบื่อหน่ายกับพวกเขา
“เอ๊ะ? หัวหน้า ดู...ดูนั่น!
“หือ?”
วูซุงฮุนมองตามที่พนักงานชี้ เขาเห็นมอนสเตอร์ตัวใหญ่บินมาทางพวกเขา
ครืน
สิ่งนั้นทำให้ถนน 10 เลนดูแคบไปเลย
มอนสเตอร์ลงพื้นและฝ่ารถบนถนนมา ทุกคนมองแล้วกลืนน้ำลาย
เหมือนตึกอพาร์ทเมนท์กำลังคลานมาหาพวกเราเลย
พวกเขาตัวแข็งทื่อเพราะแรงกดดันมหาศาลและขนาดตัวของมอนสเตอร์
เมื่อมังกรโลหิตมาถึง มันลดหัวลง
วูจินไถลลงจากคอมาหยุดที่หัวมังกร ความกลัวบนหน้าพนักงานหายไป
“พระราชา!
“ขึ้นมา ไปกันเถอะ”
วูจินพูดสั้นๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วูซุงฮุนตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ขึ้นไปยังไงครับ?”
“อ่า...”
แค่กรงเล็บก็ใหญ่กว่าคนแล้ว คนธรรมดาต้องปีนขึ้นมาเหมือนปีนหน้าผา
วูจินยกมือขึ้น พลังเวทบางๆคลุมพนักงานแล้วยกพวกเขามาบนหลังรงรง
“หา”
“อุ๊บ”
พวกเขาคาดไว้แล้ว กลิ่นเลือดเข้มข้น พนักงานบางคนเกิดอาการคลื่นไส้
วูจินหันไปมองอย่างงง
“เรายังไม่ทันบินเลย เมาเครื่องบินกันแล้วเรอะ?”
“ฮะๆ นั่น...นั่นสิครับ”
วูซุงฮุนก็หน้าซีดเช่นกัน แต่เขาหัวเราะแหะๆคล้อยตาม วูจินกางบาเรียล้อมรอบพวกเขา
มังกรโลหิตถีบพื้น และเมื่ออยู่บนฟ้า พนักงานไม่มีเวลาสนใจเรื่องกลิ่นอีก บาเรียป้องกันกระแสอากาศ แต่พวกเขายังต้องเกาะมังกรให้แน่น
มังกรโลหิตจากโซลไปอย่างรวดเร็ว
***
เฮลิคอปเตอร์รายงานข่าวบินเหนือสนามรบขณะที่เสียงการต่อสู้เบาลงแล้ว
“พระราชาคังวูจินแห่งอลันดาลไม่ให้ความเห็นอะไรก่อนจากไป กองทัพและกิลด์ต่างๆกำลังเก็บกวาด...”
กล้องซูมภาพออกให้เห็นรอบๆ สามารถเห็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนมนุษย์อยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์
มีคนที่เหมือนมนุษย์มากจนแยกเป็นเผ่าอื่นไม่ได้ กล้องยังเก็บภาพสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ ดูเหมือนไม่ใช่ความจริงที่เรียกว่าต้นไม้หนาม
“หรือนี่จะเป็นช่วงเวลาที่สิ่งมีชีวิตต่างดาวบุกโลก? เกาหลีอาจต้องทิ้งโซลไป”
ในโซลมีดันเจี้ยนมากเกินไป
***
เขาจะกลายเป็นผู้ปกครอง
พื้นใกล้อิเอลโลแข็งเป็นน้ำแข็ง เสาน้ำแข็งงอกจากพื้นไปทางต้นไม้หนาม...
ระหว่างถนนน้ำแข็งก่อตัว ลีซังโฮสำรวจรอบๆ
ที่นี่เงียบเกินไปหรือเปล่า?
นี่ควรจะมีการต่อสู้ดุเดือด แต่เขารู้สึกถึงความขัดแย้งน่าประหลาด เขามองซากศพและอาคารเสียหาย ทุกอย่างแสดงถึงการต่อสู้แต่มันเงียบเกินไป
ไม่มีเสียงระเบิดหรือเสียงตะโกน
กริ๊งๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือส่งเสียงเตือน ลีซังโฮหน้าแข็งทื่อเมื่อเห็นข้อความจากคนของเขา
[คังวูจินขโมยที่นั่นแล้ว แนะนำให้ถอย]
เขารีบค้นหาในอินเตอร์เน็ต
ข่าวด่วนรายงานถึงความตายของไอบริท และการดูแลความสงบจากดันเจี้ยนระเบิดในโซล ยังมีวิดีโอฉายภาพมังกรแดงต่อสู้กับไอบริท
“เชี่ย เราช้าเกินไป”  
เขาวางแผนป้องกันไว้แล้ว แต่คังวูจินยังกลับมาจากอัลเฟนได้
“ไอ้ญี่ปุ่นพวกนั้น”
เขาไม่หวังมาก แค่อยากให้พวกนั้นถ่วงเวลาวูจินไว้สักหลายวัน แต่พวกมันทำได้วันเดียว
“ท่านอิเอลโล ตอนนี้...”
เสาน้ำแข็งยาวออกไปเหมือนน้ำจากน้ำพุ... มันงอกไปเรื่อยๆ เข้าไปใกล้ต้นไม้หนาม
มนุษย์น้ำแข็งคนหนึ่งแสดงตัวบนสนามรบที่สงบลงแล้ว...
“เวร!
เขาจะไม่ถูกมองเป็นผู้ช่วย เขาจะถูกมองเป็นผู้บุกรุกคนใหม่
***
ปราการลอยฟ้าโคลงเคลง ไวเวิร์นรวมตัวกันตรงลานว่างบนดาดฟ้า แต่พวกมันถูกไล่ไปเมื่อมังกรโลหิตลงมา การปรากฏตัวของมังกรโลหิตสร้างความวุ่นวายในปราสาทบิบิ
“เอื๊อก”
พวกเขาไม่เหลือแรงอาเจียน แต่เมื่อความเครียดเกร็งไปจากร่าง พวกเขารู้สึกอยากสำรอกแม้จะไม่มีอะไรออกมา วูจินทิ้งพนักงานไว้แล้วกระโดดลงจากหลังมังกร
“เจ้านาย!
ซัคคิวบัสกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนเขา
วูจินหน้าเกร็งเมื่อถูกบิบิกอด
เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเสื้อผ้าล่อแหลมที่บิบิใส่
บิบิไม่ใช่ปีศาจน้อยแล้ว เธออยู่ในร่างที่เขาคุ้นตาบนอัลเฟน และมีเหตุผลเดียวที่เธออยู่ในร่างนี้ได้
“การประสานเสร็จแล้วจริงๆ”
“ค่ะ เราใช้พลังของเราได้หมดแล้ว”
บิบิพูดอย่างภูมิใจแต่ไม่ได้ดูดีใจนัก แม่มดมายาแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็หมายความว่าศัตรูของพวกเขามีพลังเต็มร้อยเช่นกัน
ลอร์ดมิติทั้งหมดจะสามารถใช้พลังของพวกมันได้เหมือนโลกเป็นดาวบ้านเกิดของพวกมัน
“พวกเรารอท่านอยู่”
จุงมินชานออกมาต้อนรับ โซอาและแม่ยืนถัดจากมินชาน และโดเจมินยืนข้างหลังพวกเขาเหมือนเป็นบอดี้การ์ดที่น่าเชื่อถือ ยังมีโดจีวอน...
“ลูกทำได้ดี”
วูจินยิ้มให้แม่ โซอาจับมือแม่ เธอดูเขินๆเพราะไม่ได้เห็นพี่ชายมาหลายวันแล้ว
“แม่จะคุยกับลูกทีหลัง ไปทำธุระของลูกเถอะ”
แม่ของเขารู้ว่าเขายุ่ง พอได้เห็นหน้าก็ขอตัว
“พระราชา ท่านจะไม่ไปพบ...”
วูจินตัดบท
“นายส่งกิลด์ดาเคนไปทำไม?”
“อะไรนะ? พวกเขาอาสา...”
ดูเหมือนมินชานยังไม่รู้ว่าพวกมันทรยศ
วูจินพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
“ไว้คุยเรื่องนั้นทีหลัง มีกี่ที่ที่เกิดดันเจี้ยนเบรกแบบโซล?”
“เหมือนกันหมดครับ ยังมีอีกหลายเมืองที่ยังฟื้นฟูไม่ได้”
โชคดี อังกฤษอยู่ในช่วงสุดท้ายของการทำให้สถานการณ์สงบ ประชากรส่วนใหญ่ถูกย้ายไปยังพื้นที่อพยพขนาดใหญ่ห่างจากสถานีใต้ดินตั้งแต่แรก
เมื่อไม่ต้องห่วงพลเมืองได้รับบาดเจ็บ กองทัพก็ใช้อาวุธได้เต็มที่
“สถานการณ์ในอังกฤษคงที่มากที่สุดเพราะคุณบิบิ”
พอวูจินหันไปมองบิบิก็ยิ้มกว้าง
“เราฆ่าลอร์ดมิติไปคนหนึ่งด้วยตัวเองเลย”
“ทำได้ดี แล้วประเทศที่ใกล้ที่สุดที่กำลังจะระเบิดล่ะ?”
“กรีกครับ พวกเรากำลังจะไปที่นั่น แต่มีคนที่ท่านควรพบก่อน”
ปราสาทบิบิกำลังบินไป ที่หมายของพวกเขาคือกรีก
“ใคร?”
จุงมินชานตอบอย่างระวัง หลังจากแก้ปัญหาดันเจี้ยนเบรกในอังกฤษ คนๆหนึ่งมาที่ปราสาทบิบิเพื่อพบคังวูจิน
“คิมคังชุลครับ”
“โฮ่”
วูจินเลิกคิ้ว
เขาสมัครใจมาเองเลยเหรอ?

สารบัญ                                           บทที่ 194



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น