วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 142

บทที่ 142 – อุกกาบาต (2)


โทรทัศน์ขนาดใหญ่ในห้องประชุมกำลังแสดงข่าว

-ก่อนมังกรที่ยึดนัมซานตาย มีทฤษฎีว่ามันเรียกอุกกาบาตลงมา เหตุการณ์นั้นผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ในภาพพวกคุณจะเห็นหลุมขนาดใหญ่และไม่เหลือร่องรอยของหอคอยแห่งเดิมเลย-

หอคอยนัมซานถูกเผาราบ ตึกนับไม่ถ้วนถูกทำลาย ถนนสายต่างๆถูกทำลายไม่เหลือซาก ยากจะเชื่อว่าที่นี่คือโซล แต่พลเมืองไม่ได้ตื่นตระหนกนัก

อาจเป็นเพราะพวกเขาเจอมหันตภัยชื่อว่าดันเจี้ยนช็อกมาแล้ว โซลกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
แทนที่จะวิตกกังวล พลเมืองกลับรู้สึกภูมิใจ

-คุณคังวูจินของอลันดาลคาดการณ์เรื่องอุกกาบาตได้ พลเมืองสามารถอพยพอย่างรวดเร็วเพราะข้อมูลจากเขา ดันเจี้ยนระเบิดติดต่อกันทั่วโลกแต่เมืองที่เตรียมพร้อมที่สุดคือโซล อสูรของคุณวังวูจินมีบทบาทสำคัญในการกำจัดมอนสเตอร์ตั้งแต่แรก...-

วิดีโอสั้นๆที่ชาวเมืองส่งมาถูกนำมาฉายใหม่ มีวิดีโอโกเลมเหล็กสู้กับพวกมอนสเตอร์ วิดีโอทหารโครงกระดูกและอัศวินมรณะกำลังสังหารพวกมอนสเตอร์

-คลื่นกระแทกทำให้เกิดแผ่นดินไหวทั้งชอนัน แต่พื้นที่ส่วนบุคคลของกิลด์อลันดาลไม่ได้รับความเสียหายจากแรงปะทะของอุกกาบาตเลย...-

จอโทรทัศน์แสดงภาพจากเฮลิคอปเตอร์

หอคอยนัมซานถูกถล่ม ตึกรอบๆถูกทำลาย ซากปรักหักพังมากมายจนมองไม่เห็นถนน

ไกลออกไปจากพื้นที่ที่ถูกอุกกาบาตหล่นใส่จะเห็นตึกรามบ้านช่องที่ค่อนข้างสมบูรณ์เว้นแต่กระจกหน้าต่างหายไป

แต่อลันดาลอยู่ในเมืองส่วนที่ถูกทำลาย

เหมือนพายุคลาดจากพื้นที่และอาคารที่เป็นของอลันดาลไปเลย ภาพที่เห็นเหมือนเกาะโดดเดี่ยวเหนือฝุ่นควัน เหมือนฝุ่นที่ตกลงมาไม่เกาะบนอลันดาล มีแต่อลันดาลที่สะอาด

-ผู้คุ้มครองของอลันดาลก็คือประธานคังวูจิน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่ได้อยู่ในโซล? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าถัดจากสถานีโซลไม่ใช่อลันดาล? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาย้ายไปโตเกียวหรือ LA?-

จอโทรทัศน์ฉายผู้ประกาศข่าวที่มีสีหน้าเคร่งเครียด

-เกิดดันเจี้ยนเบรกทุกวัน มอนสเตอร์หลุดออกมาไม่ขาดสาย บางประเทศใช้ระเบิดนิวเคลียร์กับมอนสเตอร์เหล่านั้น ถึงผู้ชมทุกคน การลงประชามติเหลืออีก 1 วัน เกาหลีจะอยู่ในร่มเงาของอลันดาลหรือพวกเขาจะจากประเทศนี้ไป ทางเลือกขึ้นอยู่กับพวกคุณ ผมปาร์คซุนยุง สำนักข่าวMBS รายงาน-

จุงมินชานปิดโทรทัศน์เมื่อผู้ประกาศข่าวพูดจบ

สมาชิกหลักของอลันดาลกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุม เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“สถานการณ์เอียงมาด้านเรา แต่เราก็ต้องเตรียมตัวเผื่อผลโหวตจะต่อต้านพวกเราด้วย”

ทนายความลีคังจินลาออกจากตำแหน่งอัยการและเปลี่ยนสัญชาติเป็นอลันดาล เขาถามอย่างจริงจัง

“ถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ เราก็ต้องออกจากเกาหลี”

เนื้อหาคือยอมรับให้มีนครรัฐในเกาหลี มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องการการยอมรับจากประชาชน และสนธิสัญญาจะเป็นผลก็ต้องให้เรื่องนี้สำเร็จก่อน

ความคิดของลีคังจินมีเหตุผล แต่สมาชิกแรกก่อตั้งทุกคนส่ายศีรษะ

“อลันดาลไม่ไปไหนทั้งนั้น ที่ดินที่เรายึดถืออยู่จะเป็นอาณาเขตของเรา”

“อะไร? ถ้าผลโหวตไม่เห็นด้วย เราก็ต้องจากไปอยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ?”

ถ้าเกาหลีไม่ยอมรับอลันดาล พวกเขาจะขอให้อลันดาลย้ายไปประเทศอื่น แต่...

“ประธานไม่ไปหรอก ถ้าผลโหวตไม่เห็นด้วย อลันดาลจะกลายเป็นองค์กรต่อต้านรัฐบาล”

“...”

ลีคังจินอึ้ง วูซุงฮุนพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ประธานบอกว่าจะไม่ไปจากสถานีโซลเด็ดขาด เราไม่มีทางเลือก”

“หา แต่ว่า...”

“เฮ้อ คุณต้องทำตัวให้ชินเข้าไว้นะ คุณทนายความ ยอมรับซะเถอะ ถ้าประธานบอกว่าไม่ไปก็ไม่ไป”

“...”

ลีคังจินมองหน้าทุกคนในห้องประชุม

จุงมินชาน รองประธานอลันดาล คิมเฮมิน กรรมการฝ่ายสนับสนุน วูซุงฮุน หัวหน้าแผนกเลขานุการ และฮงซุงกู กรรมการฝ่ายเบ็ดเตล็ดหรือเป็นที่รู้จักในชื่อคุณชายไฟ

ทุกคนยอมรับง่ายเกินไปแล้ว

“อย่างแย่ที่สุด อาจมีการปะทะกัน”

ด้านหนึ่งคือประเทศที่ไม่ยอมรับให้มีประเทศอื่นอยู่ในอาณาเขต อีกด้านคือนครรัฐเล็กๆที่แสดงสิทธิในฐานะประเทศอธิปไตย หากสองฝ่ายปะทะกันผลจะออกมาชัดเจน

นครรัฐเล็กๆจะชนะ

“ประธานอาจอยากยึดอำนาจรัฐบาลเกาหลีด้วยก็ได้ เราต้องวางแผนให้ดี”

ทุกคนผงะไปเมื่อได้ยินคำพูดของคิมเฮมิน

“นายหมายถึงปฏิวัติเรอะ?”

“ผมหมายถึงพยายามหยุดไม่ให้เรื่องนั้นเกิด”

“แค่โน้มน้าวประธานก็ได้แล้วนี่?”

“ผมว่ายึดประเทศจะง่ายกว่าโน้มน้าวลูกพี่นะ”

“...”

ทั้งห้องเงียบกริบเมื่อฟังคำพูดของซุงกู

“ท่านประธานจะกลับมาเมื่อไหร่?”

“เขาบอกว่าพรุ่งนี้แต่อาจจะเร็วกว่าที่บอกก็ได้”

“เขาจะกลับมาจากอังกฤษได้ภายในวันเดียวจริงๆเหรอ เขายังไปไม่ถึงที่นั่นเลยด้วยซ้ำ...”

“ประธานบอกว่าจะใช้ดันเจี้ยน”

ลีคังจินเลิกคิ้ว

“ดันเจี้ยนนี่เป็นประตูสารพัดมิติเหรอ?”

“ประธานใช้มันแบบนั้น”

“...”

ลีคังจินพูดไม่ออก มีหลายเรื่องเกินไปเกี่ยวกับคังวูจินที่เขาไม่รู้ ลีคังจินนึกได้แล้วถาม

“ที่เขาไม่ไปจากเกาหลีเพราะสถานีโซลเหรอครับ?”

“ถูกต้อง”

ลีคังจินเอนหลังพิงเก้าอี้ สุดท้ายพวกเขาก็ต้องภาวนาให้ผลโหวตเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“ความเห็นทั่วไปเห็นด้วยกับเรา ผมทำโพยล่วงหน้า ผลส่วนมากยอมรับการแก้ไขกฎหมาย มีบางคนกระทั่งอยากเลือกเขาให้เป็นประธานาธิบดีของเกาหลี”

ลีคังจินอ่านข้อมูลอย่างสงบ

“ถ้าเราไม่ไปจากโซล อลันดาลก็แค่อยู่ไปอย่างนี้”

“ถ้ารัฐบาลเกาหลีกดดันเราล่ะ?”

ลีคังจินกระตุกยิ้ม

“ใครเป็นคนตัดหัวสมาชิกสภา? ตอนนี้มีหมายจับพวกเขา เดี๋ยวนี้ความเห็นของประชาชนต่อสมาชิกรัฐสภาไม่ดีนัก”

เขาพูดถูก เกาหลีใต้ปิดกั้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกรัฐสภาที่ตายไปแล้วไม่ให้มาวุ่นวายกับคังวูจิน นี่เป็นการทำเพื่อปกป้องเขา

“จนกว่าอันตรายจากดันเจี้ยนเบรกจะหมดไป ไม่มีใครมาวุ่นวายกับประธานของเราได้”

“อืม”

จุงมินชานพยักหน้าเมื่อฟังลีคังจินพูด

ลีคังจินเคยเป็นอัยการจึงเป็นคนรู้เรื่องพวกนี้ดีที่สุดในทุกคนในนี้ ถ้าผ่าน อลันดาลกับเกาหลีใต้ก็จะมีข้อตกลงร่วมกัน ถ้าไม่ผ่าน ก็อยู่ไปอย่างนี้

ถ้าเจอปัญหาอะไรถึงตอนนั้นพวกเขาก็จัดการไป มีดอยู่ในมืออลันดาล

“ที่เราทำได้ก็คือรอ”

พรุ่งนี้ทุกอย่างจะเปิดเผย ปัญหาหลักตอนนี้คือคังวูจินไปอังกฤษ ตอนเขาไปเขาแค่บอกว่า “แค่จัดการทุกอย่างให้เหมาะสมก็พอ”

จุงมินชานเหลือบมองลีคังจินที่ยังไม่รู้สถานการณ์ของอลันดาล

‘ถ้ารู้ว่าประธานเป็นคนเรียกอุกกาบาตนั้นมาทุกคนคงผวาแน่’

เขามองสมาชิกแรกก่อตั้ง ดูเหมือนทุกคนจะพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ข่าวที่ออกไปเป็นผลดีต่ออลันดาล มันบอกว่ามังกรเป็นคนเรียกอุกกาบาต คังวูจินรู้แผนและเตือนประชาชนให้อพยพ

“เฮ้อ ผมหวังให้ท่านประธานกลับมาเร็วๆ”

จุงมินชานมีหน้าที่ตั้งประเทศ เขาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ประธานอยู่กับไม่อยู่ให้ความรู้สึกต่างกันคนละโลก

“เอ่อ ผมไม่ว่าเลยครับถ้าลูกพี่จะกลับมาช้าหน่อย”

ถ้าวูจินกลับมา ซุงกูต้องเรียนเวทมนตร์จากลิช เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

***

ครั้งนี้เกิดดันเจี้ยนเบรก 212 แห่ง

ที่ต่างไปจากอดีตคือมีลอร์ดมิติ 19 ตนมาที่โลก

มอนสเตอร์โดยตัวมันเองก็อันตรายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันเคลื่อนไหวเหมือนถูกใครสั่งการ แรงกดดันยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม บางคนยังรู้สึกกลัว

ลอร์ดมิติที่บุกรัสเซียสร้างอาณานิคมในป่าในไซบีเรีย ที่เกาหลีเหนือ ลอร์ดมิติสร้างอาณานิคมในทำเนียบประธานาธิบดี

ทั้งสองประเทศใช้ระเบิดนิวเคลียร์ มันจัดการมอนสเตอร์เรียบร้อยแต่ความเสียหายมหาศาล

ลอร์ดมิติ 9 ตนปรากฏในโซล แต่โซลได้รับความเสียหายน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับที่อื่น

ในโซลมีลอร์ดมิติ 7 ตน ในปูซานมี 2 ตน

วูจินลงมือรวดเร็ว สังหารลอร์ดมิติทั้งหมดก่อนพวกมันจะสร้างอาณานิคมสำเร็จ เขายังกำจัดลอร์ดมิติในปูซาน

มีเพียง 4 ประเทศที่สังหารลอร์ดมิติด้วยกำลังของตนเอง

สหรัฐอเมริกาสังหารไป 2 ญี่ปุ่นและจีนอย่างละ 1 เราส์และกองทัพร่วมมือกัน พวกเขาจัดการเป้าหมายสำเร็จและทำลายอาณานิคมไปได้

ปัญหาคือลอร์ดมิติในยุโรป

มีลอร์ดมิติในกรีก เยอรมันและอังกฤษ

มอนสเตอร์รวมตัวกันรอบอาณานิคม พวกมันไม่ทำอะไรนอกจากปกป้องฐานของตัวเอง เมื่อมอนสเตอร์ไม่ทำอะไร ประเทศเหล่านี้จึงคิดว่าพวกเขายังไม่มีอันตรายเร่งด่วน พวกเขาตัดสินใจกระทำการอย่างระมัดระวังเต็มที่

พวกเขารวบรวมกองกำลังอย่างช้ามาก กว่าเราส์และกองทัพจะเริ่มกวาดล้างก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว

พวกมอนสเตอร์รอจนฐานสร้างเสร็จแล้วพวกมันและลอร์ดมิติจึงออกอาละวาด ยุโรปจึงตกอยู่ในความโกลาหลทันที

การรบดุเดือดแต่จำนวนมอนสเตอร์ไม่ลดลง พวกมันหลั่งไหลออกมาจากอาณานิคมที่สร้างเสร็จสมบูรณ์เรื่อยๆ...

ลอร์ดมิติแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ทั่วไปมาก การสังหารไม่ใช่เรื่องง่าย ความเสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เมื่ออาณานิคมเสร็จสมบูรณ์ สถานการณ์ก็ไม่อาจควบคุมได้อีกแล้ว ประเทศเหล่านี้ยังเสียหายกว่ารัสเซียและเกาหลีเหนือที่ใช้ระเบิดนิวเคลียร์เสียอีก

ด้วยเหตุนี้วูจินกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จึงนั่งด้วยกันในเครื่องบินมุ่งหน้าไปยุโรป พื้นที่ 30 เปอร์เซ็นต์ของคาบสมุทรอิตาลีถูกมอนสเตอร์ยึดครอง เครื่องบินจะไปถึงที่นั่นในอีก 1 ชั่วโมง

“เอานี่ไป”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ตาโตเมื่อเห็นวูจินส่งพลอยสีม่วงให้

มันคือชิ้นส่วนมิติ ไอเทมที่หายากและล้ำค่ามาก

“ทำไมถึงให้ของสำคัญขนาดนี้กับฉันคะ...”

“คราวก่อนฉันยืมไป ก็คืนให้ไง”

“...”

อ๊ะ ที่บอกว่าจะคืนให้ไม่ได้โกหกสินะ

เธอไม่รู้เลยว่าผู้ไม่ตายซื่อสัตย์แบบนี้

“ฉันไม่ต้องการมันแล้วค่ะ ท่านจ้าวรับไปเถอะ”

วูจินยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบถ่อมตัวของสตรีศักดิ์สิทธิ์ เขาเก็บชิ้นส่วนมิติกลับเข้าคลัง

“ได้ ฉันจะใช้มันให้ดี”

“...”

นี่ไม่ใช่การหลอกกันใช่ไหม ยอมรับคืนเร็วไปหน่อยหรือเปล่า...

“ว่าแต่เธอคิดยังไงกับทั้งหมดนี้?”

“หมายถึงอะไรคะ?”

“ฉันพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ เหมือนที่เกิดในอัลเฟนเลยไม่ใช่เหรอ?”

อาณานิคมสร้างเสร็จ

มอนสเตอร์มาจากอาณานิคมเหล่านั้น

ลูกน้องของทราห์เน็ตมีไม่หมดสิ้นไม่ว่าจะถูกฆ่าไปเท่าไหร่

“ทำให้นึกถึงฝันร้ายครั้งนั้นจริงๆค่ะ”

“ใช่ไหม? ยืดเยื้อสุดๆ”

เมื่อได้ยิน สตรีศักดิ์สิทธิ์มองวูจินด้วยสายตาแปลกๆ

ทวีปอัลเฟนถูกลูกน้องของทราห์เน็ตยึดไปทีละน้อย กำลังของพวกมันมีเสริมเข้ามาเสมอจึงเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ประเทศที่เหลือรอดร่วมมือกันตั้งเป็นสมาพันธ์แต่อิทธิพลของมันก็ลดลงเรื่อยๆ คนเดียวที่สามารถปกป้องพื้นที่กว้างใหญ่ไว้ได้คือผู้ไม่ตาย เขาคุ้มครองอลันดาล

“มาคิดดู พวกมันไม่ได้มีกองกำลังมาเสริมแบบไม่มีขีดจำกัด”

ที่อัลเฟน เขาแค่ฆ่าพวกที่เข้ามาในอาณาเขตของเขา แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างไป เขาต้องถอนรากถอนโคนศัตรูให้หมดก่อนพวกมันจะยึดพื้นที่ไปมากกว่านี้

อาณานิคมคือกุญแจหลัก มันทำให้ลอร์ดมิติสามารถใช้พลังได้

ถ้าพวกมันมีพลังงานก็จะเอาไปซื้อมอนสเตอร์เท่าที่จะซื้อได้ มอนสเตอร์จะออกมาล่ามนุษย์ทำให้ได้พลังงานเพิ่มขึ้น แล้วพวกมันก็จะเอาไปซื้อมอนสเตอร์มาเสริมอีก...

“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง?”

“ยังไงคะ?”

วูจินมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน ข้างนอกมืดสนิททำให้เห็นแต่ใบหน้าเขาสะท้อนออกมาเหมือนกระจก วูจินกำลังยิ้มกว้าง

“รู้สึกเหมือนฉันได้พื้นที่ล่าที่ไม่มีวันหมดเป็นของขวัญ”

พวกมันสามารถใช้พลังงานเรียกมอนสเตอร์ทั้งหมดมาโจมตีเขา

เขาจะฆ่าให้หมด, EXP ทั้งนั้น


สารบัญ                                                     บทที่ 143

3 ความคิดเห็น:

  1. ดำดิ่งสู่ความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดลงในช่องปากและฟันให้แข็งแรงทนทานต่อการใช้งานได้ดีกว่าครับเพราะว่ามันจะไม่มีใครรู้จักกันดีกว่าครับเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้จักกันดีกว่าครับเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้จักกันดีกว่าครับ

    ตอบลบ
  2. รู้สึกฮาตรงที่เนื้อเรื่องมันบอกว่า "หากสองฝ่ายปะทะกันผลจะออกมาชัดเจน นครรัฐเล็กๆจะชนะ" หาความสมเหตุสมผลกับเค้าไม่ได้จริงๆ555

    ตอบลบ