วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 189

บทที่ 189 – ลอร์ดแห่งน้ำแข็ง

“โชคร้ายจังนะ”
วูจินทำหน้าเฉยไม่เหมือนที่พูด นากามูระตากระตุก
“ผม...ผมขอโทษ ผมโลภมากไป...”
สายตาวูจินไม่เปลี่ยนแม้จะได้ยินนากามูระขอร้อง
“นายน่าจะตายไปซะ”
ทำไมต้องเปลืองหลักฐานมิติเพื่อเอาอาณานิคมของเขากลับมาด้วย?
วูจินกังวลแต่ศัตรูภายนอก เขาชะล่าใจกับศัตรูภายในเกินไป
ในประวัติศาสตร์ยาวนานของโลก อะไรสังหารมนุษย์มากที่สุด?
มอนสเตอร์?
หลังเกิดดันเจี้ยนเบรกครั้งแรก พวกมันสังหารมนุษย์จำนวนมากในเวลาอันสั้น ความกลัวมอนสเตอร์ทำให้มนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่มนุษย์ก็ยังเป็นสิ่งที่สังหารมนุษย์มากที่สุด
มนุษย์แบ่งเป็นกลุ่มเป็นพวกและเกิดการแก่งแย่งแข่งขันหลายครั้ง การแข่งขันที่มีมาตลอดเป็นผลให้เกิดการทำร้ายและเสียชีวิต
กลุ่มที่ว่าร่วมมือกันเพราะภัยภายนอกอยู่ครู่หนึ่ง แต่สัญญาณการเปลี่ยนแปลงเริ่มมีให้เห็นแล้ว
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างลอร์ดมิติและคนบนโลกอีกต่อไป ใครเป็นศัตรูใครเป็นพวกเดียวกันเริ่มไม่ชัดเจน สดท้าย แต่ละกลุ่มก็จะสู้กัน
นากามูระตรงหน้าเขาเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
“อ๊าก ห...หยุด”
นากามูระกรีดร้องแต่วูจินกำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ นากามูระรู้สึกปวดหัวเหมือนมันกำลังจะระเบิด
เขากำลังจะตาย เขาไม่เจอแบบนี้มาก่อน ความกลัวในสิ่งที่ไม่เคยเจอทำให้นากามูระอ่อนแอ
เขาไม่อาจเอาชนะวูจิน
เชี่ย เราไม่เหมือนกัน...
เขารู้แล้วว่าลอร์ดมิติไม่เท่าเทียมกัน
เขาไม่มีแม้แต่ชัยชนะอยู่แล้ว
กร๊อบ!
<คุณพิชิตอาณานิคมสำเร็จ>
<กรุณาเลือกระหว่างทำลายหรือยึด>
วูจินเลือกยึด ชิ้นส่วนมิติถูกใช้ไปหนึ่งชิ้น และตัวเลขรอเวลาก็โผล่ขึ้น
หนึ่งวัน
ถ้าเขาต้องการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆในอาณานิคม เขาต้องรอหนึ่งวัน
“วุ่นวายชะมัด”
เขาต้องเสียเวลาเพราะไอ้เวรนี่ทำเรื่องบ้าๆ วูจินมองรอบตัว
“แล้วนี่มันอะไรวะ... เฮ้อ”
วูจินขมวดคิ้วมองวังใหญ่หน้าต้นไม้โลก ดูเหมือนนากามูระจะใช้แต้มไปมาก
มันบอกว่ามาจากกิลด์ดาเคนใช่ไหม? ถ้ากลับถึงโลกเมื่อไหร่ เขาจะไปทวงคืนจากกิลด์ดาเคนทั้งต้นทั้งดอก
“พวกนายทำอะไรกันอยู่?”
“อะไร?”
“ไปทำงาน”
ทัวริคและคนอื่นเพิ่งถูกขังมาจึงงงกับคำพูดของวูจิน วูจินพยักหน้าไปทางนอกกำแพงปราสาท
พวกก็อบลินกำลังสู้กับกองกำลังสหพันธ์ พวกมันร่วมมือกันและผลักเข้ามาด้านในกำแพง
สถานการณ์ปกติ เละตุ้มเป๊ะ
วูจินทำเพียงฝ่าผ่านการป้องกันเข้ามาถึงยอดเขาเซารุสเท่านั้น
“พวกนายจะปล่อยให้พวกเขาตายหมดเหรอ?”
“อา!
ผู้กล้าสหพันธ์ผละไปคลี่คลายสถานการณ์ เหลือแต่เมโลดี้กับหน่วยแฟนธ่อม
“เฮ้ ฮีซอล”
วูจินเขย่าเชฮีซอลที่ยังสลบ แต่เธอไม่ขยับ วูจินเอามือไปรอใต้จมูกฮีซอล เธอยังหายใจแต่ไม่ตื่น
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
“คนจากโลกฉีดบางอย่างใส่เธอค่ะ”
“หืม”
ไม่รู้ว่าเป็นยาสลบหรือยานอนหลับ
“เมโลดี้ ปลุกเธอ”
“ฉันทำไม่ได้ค่ะ”
“หา?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์สามารถทำสิ่งที่การแพทย์สมัยใหม่ถือว่าเป็นไปไม่ได้
“ไม่ได้ขอให้เธอคืนชีพคนตายสักหน่อย ทำไมทำไม่ได้?”
“ฉันถูกเทพีทอดทิ้ง”
“หา?”
เมโลดี้อธิบาย เธอทรุดนั่งแล้วร้องไห้
“...เรื่องกลายเป็นเลวร้ายขนาดนี้เพราะฉันไม่ทำตามเทพยากรณ์ ฮือ”
“อืม”
หลังฟังคำอธิบายติดๆขัดๆของเมโลดี้ วูจินลูบคาง
“งั้นเธอจะเผาต้นไม้หรือเปล่าก็ไม่เห็นต่างเลยถ้าพวกเวรนี่ข้ามมาอัลเฟน จะทางไหนฉันต้องเสียอาณานิคมอยู่ดี”
“คะ?”
“จะทางไหนฉันก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันสำหรับการประสาน...”
“อา...”
วูจินเสียเวลาน้อยมากในการกำจัดนากามูระ หนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างมาก
“ยังไงก็เถอะ เธอทำดีแล้ว”
“อะไรกัน?”
“ถ้าเธอเผามัน ฉันจะโกรธมาก”
“...”
ใช่ เขาโกรธแน่
เมโลดี้ไม่อาจรับผลที่ตามมาได้ถ้าทำให้ผู้ไม่ตายโกรธ เธอจึงไม่ทำตามคำของเทพี ผลคือเธอสูญเสียทุกอย่าง
เลี่ยงความโกรธของผู้ไม่ตายได้ แต่พวกเขาเสียเวลา
“ฮีซอลล่ะ ประธาน? เธอจะตายเหรอ?”
วูจินยักไหล่เมื่อบลังกาถาม
“พอหมดฤทธิ์ยาก็คงจะตื่นนะ”
เขาไม่รู้ว่ามันเป็นยาอะไร ในเมื่อจนตอนนี้เธอยังไม่ตาย เขาคิดว่ามันคงไม่มีอันตรายถึงชีวิต
“ถ้าเจอไอ้พวกจากกิลด์ดาเคนพามันมาให้ฉัน ฉันต้องรู้ว่ามันเป็นยาอะไรถึงจะรักษาได้”
เมื่ออาณานิคมประสานเสร็จ เขาจะกลับโลกได้ บนโลกมีทั้งยาแก้และยากระตุ้น
“ขอโทษค่ะ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะฉัน....”
วูจินยักไหล่
“ไม่เป็นไร”
“...”
เมโลดี้คอตก ผู้ไม่ตายแสดงความใจกว้างขนาดนี้...
“ตกลงเธอเสียความสามารถไปตลอดเลยเหรอ?”
“...ค่ะ”
วูจินหยิบรัดเกล้าของอาเรียแล้วยื่นไปทางเมโลดี้ เธอรับมาอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วเงยหน้ามองเขา
“ขนาดแตะมันแล้วก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?”
“ฉันรู้สึกถึงพลัง แต่...มันไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยค่ะ”
“อืม แปลว่าเธอรู้สึกถึงพลังเวทได้”
วูจินมองเมโลดี้ เลเวลของเธอยังเท่าเดิม
เธอเหมือนเราส์แรงค์ S ที่เสียทักษะไป
“เจ๊เค้างกชะมัด”
เขาไม่รู้ว่าควรจะเรียกอาเรียว่าพี่สาวหรือเครื่องจักรขนาดใหญ่ดี
“เธอตกงานแล้ว มาทำงานให้ฉันสิ”
“คะ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เสียพลังศักดิ์สิทธิ์ไป นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะมองผ่านไปง่ายๆ...
“พออาณานิคมประสานเสร็จ เธอปกป้องมันที่นี่ก็ได้”
วูจินทำพลาดด้วยการไม่ตั้งผู้ดูแลของอาณานิคม ถ้าวูจินต้องถูกล่ามอยู่กับอาณานิคมเพื่อแก้ปัญหาภายในภายนอกที่เกิดขึ้นที่นี่ เขาขอตั้งผู้ดูแลดีกว่า
“ฉันจะไปโลก”
“...”
“ทำไมไม่ตอบล่ะ?”
“...”
เมโลดี้มองวูจินด้วยสายตาสั่นไหว
เขาให้เธอรับผิดชอบอาณานิคม? ทำไมเขาจึงเชื่อใจเธอ?
“คุณเชื่อใจฉันเหรอคะ?”
“ฮะ”
วูจินหัวเราะอย่างแปลกใจ
“เธอพูดอะไร?”
“ถ้าฉันทรยศผู้ไม่ตายอีกล่ะ? มันเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ?”
“เธอจะทำไปทำไม?”
“อะไร?”
วูจินเข้าใกล้เมโลดี้และยื่นหน้าจนเกือบชิดหน้าเธอ
“เธอขอให้ฉันช่วยอัลเฟนไม่ใช่เหรอ?”
“...ค่ะ”
เมโลดี้รู้สึกเขินอย่างไม่มีสาเหตุ
“ถ้าเธอทรยศฉัน ฉันจะทิ้งอัลเฟน ถึงตอนนั้นก็ไม่สนแล้วว่าประตูจะเปิดหรือเปล่า”
“อา...”
เขาหมายความว่าอย่างนั้น
เมโลดี้เข้าใจ แต่ในใจเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“เธอทำสิ่งที่ต้องทำ”
“...ค่ะ”
วูจินเดินไปข้างกำแพงวัง
เขาเดินไปใกล้เปลวไฟที่ลุกไหม้อย่างอดทน
“หมอนี่ยังไม่ตื่นอีก”
ฟู่วๆ
เหมือนเปลวไฟเข้าใจ มันส่ายทั้งๆที่ไม่มีลม
“โลภมากไปแล้ว นายรู้สึกพอเมื่อไหร่ก็ตื่นแล้วมาที่โลก ฉันไปที่นั่นก่อนล่ะ”
ฟู่วๆ
วูจินยิ้มแล้วหันหลัง
ซุงกูย่อยหัวใจมังกรเสร็จได้สักพักแล้ว เขาไม่ตื่นเพราะโลภมาก
ซุงกูใจเย็นเพราะมันทำให้เขาเกิดใหม่อย่างแข็งแกร่งขึ้น สมบูรณ์แบบมากขึ้น
อาณานิคมของวูจินอยู่ในช่วงจำกัดเขาจึงใช้ร้านค้ามิติไม่ได้ วูจินจึงเปิดร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ เขามีแต้มเก็บไว้มาก
กระทั่งตอนนี้กองทัพผีดิบของเขายังทำสงคราม พวกมันส่งแต้มมาให้เรื่อยๆ
“เอาเครื่องสวมใส่กลับได้แล้วสินะ?”
เซ็ทไอเทมของทราช
วัตถุดิบหลักที่ไม่มีขายในร้านมีครบแล้ว วัตถุดิบที่เหลือถูกซื้อผ่านร้าน
วูจินซื้อไอเทมอย่างไม่หวงแต้ม ไอเทมถูกซื้อกองเป็นภูเขาและทยอยลงเครื่องหลอม ไอเทมของเขากำลังสร้างเสร็จสมบูรณ์
***
หนึ่งวันผ่านไป
ข่าวลือที่ว่าผู้ไม่ตายหักหลังทุกคนสงบลง สหพันธ์กลับมาสามัคคีกันใหม่
โชคร้ายที่สมาชิกกิลด์ดาเคนที่ถูกจับตัวได้บอกว่ายาที่ฉีดใส่ฮีซอลไม่มียาแก้
แต่ยาจะหมดฤทธิ์เมื่อเวลาผ่านไป เธอจะตื่นขึ้นมา แต่ตอนนี้พวกเขาต้องแบกฮีซอลไปไหนมาไหนก่อน
“พวกนายไม่เสียใจทีหลังนะ?”
“ครับผม เราจะกลับไปเมื่อหัวหน้าทีมตื่น”
หน่วยแฟนธ่อมทั้งหน่วยตัดสินใจรอฮีซอล วูจินยอมอย่างไม่คัดค้านมาก โลกไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงจึงยังไม่ต้องการพวกเขานัก
วูจินรู้ว่าผู้ประหารของทราชอยู่ที่โลกและเขาต้องไปหาเงื่อนงำที่นั่น เรื่องนี้เขาทำได้ด้วยตัวคนเดียว
“ป้องกันประตูให้ดี”
“คุณจะไม่เสียเส้นทางอีกค่ะ”
วูจินยิ้มเมื่อเมโลดี้รับรองอย่างกล้าหาญ เขาตบไหล่เธอ
“ถ้าฮีซอลตื่นแล้ว บอกให้เธอข้ามมา ถ้าซุงกูตื่น บอกให้มาที่โลกทันที”
“ค่ะ”
“กลับกันเลยไหม?”
ระหว่างวูจินผ่านเหตุการณ์ต่างๆ กองทัพผีดิบกวาดล้างผ่านดินแดนไปเป็นส่วนใหญ่
ลอร์ดมิติและมอนสเตอร์รอบบริเวณนี้ถูกกำจัดหมด...
วูจินเรียกกองทัพผีดิบของเขากลับมา
เมื่อเขาเก็บพวกมัน มันเปลี่ยนเป็นควันดำรอบตัววูจินก่อนจะหายไป
เขารู้สึกถึงพลังของอสูรของเขาไปอยู่ที่ห้องอัญเชิญ เขากับพวกมันมีสายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด
“เดี๋ยวฉันกลับมา รอด้วยล่ะ”
“ค่ะ”
วูจินก้าวผ่านประตูโดยมีเหล่าผู้กล้าของอัลเฟนมองส่ง
***
ปราสาทบิบิ ปราการลอยฟ้าของอลันดาล
มินชานนั่งในห้องทำงานนายกรัฐมนตรี เขาถอนหายใจยาว
“ฉันจะบ้าแล้ว”
คังวูจินแผ่อิทธิพลจากอลันดาลไปมากขนาดไหน?
จะบอกว่าอลันดาลมีความหมายเท่าคังวูจินก็ไม่เกินไป เมื่อไม่มีเขาทำให้เกิดปัญหามากมาย
ลอร์ดมิติและมอนสเตอร์กำลังข่มขู่คนบนโลก พวกเขาคาดหวังให้อลันดาลทำอะไรสักอย่างแต่อลันดาลไม่สามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้
พวกเขาใช้แต้มผ่านทางป้อมปราการเคลื่อนที่เพื่อกำจัดมอนสเตอร์ แต่ขอบเขตการโจมตีทำได้แค่เท่าที่กิลด์ทั่วไปทำได้
การล้มลอร์ดมิติที่กำลังสร้างอาณานิคมเป็นเรื่องเกินกำลังของพวกเขา
เมื่ออลันดาลแก้ปัญหาไม่ได้ ข่าวด้านลบเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
มันกลับมาเพิ่มความเครียดให้จุงมินชาน
ปี๊บ
[ท่านนายกฯ คุณบิบิมาหา]
เมื่อได้ยินเสียงจากอินเตอร์คอม มินชานขยี้ศีรษะตัวเอง
“บอกให้เข้ามาได้”
ประตูเปิด บิบิก้าวสั้นๆเร็วๆเข้ามาในห้องทำงาน เธอไม่ได้มาคนเดียว
โซอา น้องสาวของคังวูจินตามบิบิไปทุกที่เหมือนเป็นเพื่อนสนิท และมีโดเจมินที่ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด
วูซุงฮุนตามหลังพวกเขามาด้วย
“เอ่อ มีอะไรให้ช่วยไหม?”
บิบิยิ้มนิดๆ
“เรากำลังไปปักกิ่งเหรอ?”
“ใช่ เราจะร่วมมือกับรัฐบาลจีนจัดการกับอาณานิคม”
“ไม่ไปนะ”
“อะไร?”
“อาณานิคมนั่นสร้างโดยเกรทลอร์ดของทราห์เน็ต มันเสี่ยงเกินไป”
“แต่เราสัญญาไว้แล้วว่าจะช่วย ถ้าอลันดาลไม่ออกหน้า เราจะเลี่ยงภัยของประเทศไม่ได้”
ทุกคนโวยวายกันใหญ่เพราะช่วงนี้อลันดาลเก็บตัวเงียบ ถ้าพวกเขาไม่ออกหน้าอีก อลันดาลที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ปกป้องโลกจะล่มจมภายในวันเดียว
แต่บิบิคิดไม่เหมือนมินชาน
“ปฎิเสธ”
โดเจมินอธิบายต่อจากบิบิ
“นายกจุง ผมก็คิดเหมือนกันว่าเราไม่ควรไป มันอันตรายเกินไป”
“เฮ้อ”
โดเจมินกลับมาจากอัลเฟนก่อน
เขาไม่รู้ว่าโดเจมินประสบกับอะไรบนอัลเฟน แต่เขากลับมาอย่างวัยรุ่นที่ระวังรอบคอบมาก เขาไม่ยอมทำอะไรที่อันตรายและอยู่ข้างคังโซอาตลอดเวลา
“นี่เป็นปัญหาที่ส่งผลกับการคงอยู่ของอลันดาล เราหนีตลอดไม่ได้”
จุงมินชานพูดอย่างจริงจัง บิบิส่ายศีรษะอย่างขี้เล่น
“อื้อ อื้อ เราไม่สน เราฟังคำของเจ้านายมากกว่าปกป้องโลก”
“แต่...”
วูซุงฮุนพยายามหว่านล้อมมินชานที่มีสีหน้าซับซ้อน
“ท่านนายก เราไม่ควรลืมจุดประสงค์แรกเริ่มของเรา...”
“หา?”
“เหตุผลที่ตั้งประเทศอลันดาลขึ้นมาคืออะไร?”
“เอ่อ เพื่อสันติภาพของโลกและปกป้องดาวดวงนี้...”
“หึ นั่นมันที่คนอื่นเดา”
มินชานขมวดคิ้ว หลายเรื่องมากมายเกินไปเกิดขึ้น เขาต้องขุดความทรงจำเก่าๆขึ้นมา ที่เขาจำได้คือคำพูดของคังวูจิน
“ฉันไม่อยากเกณฑ์ทหาร ฉันอยากเคลียร์ดันเจี้ยนเงียบๆ”
เหมือนเขาได้ยินเสียงวูจินเลย ตั้งแต่แรกแล้วอลันดาลไม่ได้ตั้งขึ้นโดยมีจุดหมายยิ่งใหญ่ มันคงอยู่เพื่อรับใช้คังวูจิน มันถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดการงานเบ็ดเตล็ดทั้งหลาย
“ฮ่าๆ”
มินชานหัวเราะร่า ความเครียดของเขาลดลงไปหน่อย


สารบัญ                                                     บทที่ 190


2 ความคิดเห็น: