วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 171

บทที่ 171 – เทพยากรณ์ (2)



“ที่สุดแล้วเจ้าจะพบคำตอบ แต่เจ้าจะสูญสิ้นหนทาง จริงคือลวง ชีวิตและความตายคือทางเลือกเช่นกัน”

ซุงกูหันหน้าไปเมื่อได้ยินเสียงหวาน เขาถามเมโลดี้

“นั่นคือคำพูดที่เทพีอาเรียบอกกับลูกพี่เหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ”

“แล้วมันแย่ตรงไหนเหรอ?”

เมโลดี้ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามไร้เดียงสาของซุงกู เจมินก็ส่ายหน้า

“...มันฟังไม่ดี”

“งั้นเหรอ? หืม ลูกพี่พูดว่าไง?”

“เรื่องส่วนตัวขนาดนั้นผมก็...”

สายตาเจมินเปลี่ยนไปทางเมโลดี้ ซุงกูจึงมองไปทางเธอด้วย เธอเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์และเป็นคนส่งคำทำนายให้วูจิน เธอคงได้ยินคำตอบของเขาเช่นกัน

“ผู้ไม่ตาย...”

เมโลดี้ลังเลก่อนจะทวนคำพูดของเขา

“เลิกพูดเรื่องบ้าๆที่ไม่ได้ตอบอะไรเลยได้แล้ว รวบรวมสหพันธ์ให้ดีก็พอ...”

“...”

‘แหงล่ะ ลูกพี่ต้องพูดแบบนั้น’

ซุงกูลูบคาง

“ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา”

“...”

เมโลดี้ขบริมฝีปาก คาดไม่ถึงว่านอกจากคังวูจินแล้วเธอจะเจอคนอื่นที่ถือเทพยากรณ์ของเทพีเป็นหมายเหตุธรรมดา

“พี่ นี่เป็นถ้อยคำจากเทพีแห่งการทำนายนะ ระวังไว้ก็ดี เราต้องเตรียมพร้อมถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น”

เมโลดี้พยักหน้าไปกับคำพูดของเจมิน

อย่างน้อยก็มีคนรอบตัวผู้ไม่ตายที่คิดเหมือนคนปกติ

“เทพีเป็นคนพูด เราเลยต้องระวังตัวไว้เหรอ?”

“เราต้องศึกษาคำทำนาย ลดความเสียหายให้น้อยที่สุด...”

“เอ๋ ไม่รู้สิ มันยุ่งยากไป ฉันว่าฉันเชื่อลูกพี่มากกว่าเทพี”

“...”

ซุงกูโบกมือแล้วเดินไปทางอาณานิคมที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์

“ฉันก็นึกว่านายบอกว่าเทพยากรณ์มันสำคัญมาก”

ก็ใช่ไง...

“มันอาจพูดถึงความตายของพวกเรา พี่ไม่กังวลเหรอ?”

ซุงกูยักไหล่

“ถ้าฉันจะตาย ป่านนี้ฉันกลายเป็นถ่านไปแล้ว”

“พี่...”

เจมินพูดต่อไม่ออก เขามองเข้าไปในดวงตาของซุงกู แสงในนั้นมันบอกว่าซุงกูผ่านความตายมาแล้ว และเท่านั้นคือคำตอบที่ต้องการ

“วิธีรับมือกับเรื่องแบบนี้ที่ดีที่สุดคืออย่าไปคิดถึงมัน”

“ครับพี่”

นี่คือความต่างชั้นระหว่างพวกเขาในด้านเชื่อมั่นในคังวูจินเหรอ? โดเจมินพิจารณาตัวเองอย่างหนัก

‘พี่ซุงกูเชื่อเขามากกว่าคนอื่น’

“ถ้าเอาแต่คิดเรื่องนั้น ฉันก็มีแต่ปวดหัว”

“เอ๋?”

เหตุผลมันแปลกๆนะ

บนโลก ฮงซุงกูเป็นคนที่อยู่กับวูจินนานที่สุด ระหว่างที่เขายืนเคียงข้างวูจิน ดูเหมือนสิ่งที่เติบโตในตัวซุงกูจะไม่ใช่ความศรัทธาต่อวูจิน

หรือว่าจะถูกล้างสมองแล้ว?

อย่างน้อยที่สุด คำพูดของเขาทำให้สงสัยว่าอาจเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่มีเวลาว่างถกเรื่องนี้

“มันก็จะดีเอง คิดว่านะ”

เขาพยายามให้กำลังใจเธอเหรอ?

เมโลดี้พยักหน้าเงียบๆ เทพยากรณ์ของเทพีอาเรียไม่เคยผิด

ความหมายในคำทำนายที่เธอส่งต่อมันชัดเจน

ถ้าวูจินได้สมบัติที่เขาตามหามานาน เขาจะหลงทาง เขาอาจสูญเสียทางกลับบ้าน

‘มันเป็นสิ่งเลวร้าย’

สตรีศักดิ์สิทธิ์เมโลดี้เคยเจอมาแล้ว

เธอรวบรวมชิ้นส่วนมิติและกลายเป็นลอร์ดมิติเพื่อขอความช่วยเหลือ

เธอเสียแต้มทั้งหมดไปเมื่อถูกลอร์ดคนอื่นโจมตีและเสียดันเจี้ยน สุดท้ายเธอไม่รู้ว่าจะกลับอัลเฟนดาวบ้านเกิดได้อย่างไร

เธอทิ้งอาณาเขตมิติไปอย่างเฉียดฉิวก่อนมุ่งหน้ามาที่โลก

เธอได้กลับมาที่อัลเฟนอีกครั้งหลังจากผ่านไปนาน

เธอวิเคราะห์คำทำนายให้วูจิน

แน่นอน คำตอบของเขาไม่ได้สุภาพอย่างนั้น

“เธอจะให้ฉันทำห่าอะไร?”

ผู้ไม่ตายมีข้อสรุปของเขาเอง และเลือกทางของเขาเอง คำพูดของเมโลดี้ไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เขาจะทำได้

‘แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะแค่ฟังแล้วผ่านไป’

ปัญหาคือพวกเขาเห็นเทพยากรณ์ไม่ต่างจากคำพูดของหมอดู แต่เทพยากรณ์ของอาเรียไม่ใช่ของที่จะละเลยได้ง่ายดาย คำทำนายของอาเรียไม่เคยผิด

‘ข้าอาจอวดดีเกินไปที่เป็นห่วงเขา’

เจ้าตัวไม่กังวลเรื่องนี้ การที่เมโลดี้เป็นห่วงเขาเป็นเรื่องตลก เธอประหลาดใจเมื่อพบว่าเธอถือสันติภาพของอัลเฟนเป็นสิ่งเดียวกับสวัสดิภาพของคังวูจิน

“ที่กำลังมาทางนี้คือลูกพี่หรือเปล่า?”

ทุกคนเงยหน้ามองฟ้าเมื่อได้ยินคำพูดของซุงกู ม้าปีศาจกำลังวิ่งมา พวกเขาเห็นซุงกูนั่งบนมัน มีลาตาชาติดมาด้วย

เมื่อใกล้ถึงที่หมาย ลาตาชากระโดดลงมาเอง วูจินลงจากหลังม้าแล้วมองสัญลักษณ์ของอาณานิคม

“ฉันมาได้เวลาพอดี”

เขาจะมีประตูสองบานบนอัลเฟน ดันเจี้ยนจะได้รับการปกป้องโดยกำลังรบของอาณาเขตมิติ และอาณานิคมจะมีสหพันธ์คอยป้องกัน

เขาไม่มีทางเสียทางกลับบ้านแน่

“เรื่องที่คุณไปทำ ทำสำเร็จไหมคะ?”

วูจินยักคิ้วกับคำถามของเมโลดี้

“ได้มาเรียบร้อย”

“อา...”

เป็นไปตามที่เธอคาด เขาไปขโมยไอเทมศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

วูจินหยิบถุงมือมาแกว่งเล่น เมโลดี้หลับตาลง ผู้กล้าคนอื่นก็ขมวดคิ้ว พระทัวริคผู้นับถือเทพสเกียอดใจไม่อยู่ เขาตะโกนใส่วูจิน

“พวกเราควรจะต้องรวบรวมสหพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำไมเจ้าถึงรวบรวมไอเทมศักดิ์สิทธิ์”

“ฉันต้องใช้มัน”

“...”

ผู้ไม่ตายก่อเหตุปล้นชิง แต่เขาพูดอย่างสง่างาม ทัวริคเจ็บจี๊ดขึ้นมา

“เจ้าหวังในสมบัติของเทพสเกียด้วยหรือไม่?”

“ฉันมีแล้ว”

“...”

“ถ้าไม่มีฉันถึงจะเอา”

ฟังจากน้ำเสียงแล้วเหมือนผู้ไม่ตายกำลังทวงของที่เขาให้ยืมไปคืน

“พอพูดถึงเรื่องนี้...”

คังวูจินมองเมโลดี้ ดวงตาเธอสั่นอย่างระแวง

“ทำไมฉันไม่เคยเห็นไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของอาเรียบนตัวเธอเลย?”

เขามีการปกป้องของทราชซึ่งเป็นส่วนหน้าอกของเกราะอยู่แล้ว แค่ต้องซ่อมมัน นอกจากนั้นเขายังได้ไอเทมวัตถุดิบสำหรับถุงมือและรองเท้า ที่เหลือคือหมวกกับเข็มขัด

เขาจำเป็นต้องได้สมบัติของอาเรีย เทพีแห่งการทำนาย และเฮเรส เทพแห่งเวลา เขาสงสัยว่าทำไมเมโลดี้ไม่ถือไอเทมศักดิ์สิทธิ์

เมโลดี้พูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง

“หลังจากที่คุณเอาไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของท่านรุ่นก่อนไป...”

ไอเทมศักดิ์สิทธิ์มอบให้ข้ารับใช้ใกล้ชิดกับเทพที่สุด มันคือสัญลักษณ์ของอำนาจที่มอบให้คนที่เป็นตัวแทนของเทพ

ครั้งที่สตรีศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนถูกขโมยไอเทมไป เมโลดี้เป็นผู้ช่วยนักบวช ตอนนี้เธอกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แต่ยังไม่สมบูรณ์...

“วิหารหลักอยู่ในเขตของศัตรู ฉันทำพิธีสืบทอดได้ไม่สมบูรณ์ค่ะ จึงยังไม่มีไอเทมศักดิ์สิทธิ์”

เธอไม่ได้สูญเสียไอเทมแสดงสถานะของตัวเอง เธอไม่มีมันมาตั้งแต่แรก

“อ้อ ฉันจะไปเอาเอง”

“...”

เขาจะไปยึดวิหารคืนแล้วเอาไอเทมจากเธอ

คังวูจินอารมณ์ดี เมโลดี้จะรู้สึกอย่างไรก็ไม่เป็นไร เขาต้องการไอเทมทำชุดเซ็ทของทราช เขากำลังรวบรวมไอเทมอย่างราบรื่น และตอนนี้ก็สร้างอาณานิคมเสร็จแล้ว

เมื่อได้ประตูมาแล้ว เขาจะตั้งใจกอบกู้อัลเฟนอย่างจริงจัง และสร้างเซ็ททราชให้เสร็จ

ปัญหาคือปริศนาเรื่องผู้ประหารของทราช แต่เขาจะได้รู้คำตอบอยู่ดี

“มาทำเรื่องที่ค้างไว้ให้เสร็จดีกว่า”

วูจินเปิดร้านค้ามิติ เมื่ออาณานิคมเสร็จสมบูรณ์ ภูเขาเซารุสใต้ต้นไม้โลกถือเป็นอาณาเขตของเขา

“อย่างแรก กำแพง...”

วูจินซื้อกำแพงปราสาทและวางล้อมรอบเขตแดน

กำแพงปราสาทโผล่ขึ้นจากพื้นเหมือนถูกเสกขึ้นมา ทุกคนมองอย่างไม่เชื่อสายตา

“สร้างถนน...”

แต้มลดลงอย่างรวดเร็ว แต่วูจินเก็บสะสมไว้มากอยู่แล้ว อีกอย่าง บลัดสโตนจะถูกเก็บเป็นภาษีและการขายไอเทมในร้าน นี่ถือเป็นการลงทุน

เขาต้องให้สหพันธ์มีฐานทัพที่มั่นคงเพื่อพวกเขาจะได้ปกป้องที่นี่ และเขาจะได้เก็บภาษีด้วย

การให้ความสำคัญกับความมั่นคงของอาณานิคมเป็นอย่างแรกถือว่ามีเหตุผล

เมื่อกำแพงปราสาทตั้งรอบอาณานิคมเสร็จ พื้นดินในหลายๆที่ถูกปรับให้เรียบ ที่ว่างนี้สามารถใช้เป็นลานฝึก จากนั้นลานจัตุรัสแห่งหนึ่งก็เกิดขึ้นแล้วถนนก็เริ่มขยายออกไป

ต้นไม้หายไป ก้อนหินใหญ่ถูกย้ายออก บ้านเรือนถูกสร้างขึ้น สิ่งก่อสร้างหลายอย่างถูกสร้าง เมืองแห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นภายในเวลาไม่นาน จากนั้นเมืองอีกหลายเมืองก็เกิดขึ้น หอสังเกตการณ์ตั้งอยู่ตามที่ต่างๆในภูเขาที่ซึ่งกองกำลังจะไปประจำตรงนั้น วูจินยังสร้างรังไวเวิร์นขึ้น 4 รังเพื่อปกป้องน่านฟ้า

เขาใช้แต้มไปจำนวนมหาศาล แต่เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของที่เก็บสะสม

“ฉันสร้างของจำเป็นครบหมดแล้วยัง?”

ตอนแรกที่วูจินตัดสินใจทำภูเขาเซารุสให้เป็นอาณานิคมของเขา ทุกคนห่วงเรื่องอาหารที่สุด แต่มันไม่ใช่ปัญหา พวกเขาจะซื้อทุกอย่างได้จากร้านต่างๆในอาณานิคมโดยใช้บลัดสโตน

เขาจะไม่ทำให้ที่นี่เป็นที่หลบภัย

วูจินไม่ได้วางแผนจะช่วยกองกำลังต่อต้านหลบหนี ที่นี่จะเป็นฐานสำหรับการตอบโต้ พวกเขาจะถูกศัตรูเห็นก็ไม่เป็นไร การต่อสู้จะไม่เกิดที่นี่ พวกเขาจะไปสู้กับศัตรูถึงที่ของพวกมัน

หลังจากปิดร้านค้ามิติ วูจินมองรอบตัว ทุกคนกำลังคุกเข่า

เจมินกับซุงกูก็มองวูจินอย่างอึ้งสนิทเช่นกัน

“ล...ลูกพี่”

ภายในเวลาสั้นเท่านี้ ภูเขาเซารุสเปลี่ยนไปอย่างมาก

“พระเจ้า...”

วูจินกระตุกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงงึมงำของเจมิน

พระเจ้าถ้ามีจริงคงเป็นผู้สร้างร้านค้ามิติขึ้นมา เขาแค่ใช้มัน

แต่ดูเหมือนชาวอัลเฟนจะไม่คิดแบบเขา

“พวกนายทำอะไร?”

วูจินอึ้งเมื่อเห็นคนคุกเข่าก้มศีรษะลง

เขาเข้ากับการทำลายล้างที่สุด แต่สาวกของเหล่าเทพแห่งการสร้างกำลังคารวะเขา

“เฮ้ ลุก”

ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้น วูจินพูดเสียงต่ำ

“ถ้าพวกนายไม่อยากถูกอัดก็ลุกขึ้น”

“ครับ”

เหล่าผู้กล้าลุกขึ้น ทัวริคที่เคยโกรธใส่วูจินถึงกับทำตัวไม่ถูก

“พวกนายทำฉันสยองนะ ทำไมอยู่ๆทำตัวเหนียมอายขึ้นมา?”

“ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะได้เห็นปาฏิหาริย์ของเทพ...”

วูจินเดาะลิ้น

“พวกนายจะไปรู้อะไรเรื่องปาฏิหาริย์”

ถ้านี่คือปาฏิหาริย์ ไม่แปลว่าลอร์ดมิติของทราห์เน็ตทุกคนคือเทพเหรอ? วูจินสามารถทำตัวเหมือนพระเจ้าได้ก็แต่ในอาณาเขตของเขา

“หืม?”

วูจินกำลังดูสถานะของเมืองอาณานิคมผ่านทางหน้าต่างข้อมูล จู่ๆแต้มก้อนใหญ่ของเขาก็หายไปเกือบครึ่ง

นอกจากวูจิน มีเพียงสองคนที่สามารถใช้แต้มได้

บิบิที่ดูแลอาณานิคมบนโลก และคิบะที่ปกป้องอาณาเขตมิติ

แต้มก้อนใหญ่ถูกใช้ไปกะทันหัน หมายความว่ากองกำลังของเขาถูกเติมใหม่

วิ้ง

อุโมงค์สองแห่งเปิดตรงหน้าต้นไม้โลก

หนึ่งพาไปสู่อาณาเขตมิติของเขา อีกหนึ่งพาไปสู่อาณานิคมบนโลก

ขณะวูจินกำลังตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนดี คนๆหนึ่งก็ออกมาจากอุโมงค์

“อ๊ะ? พระราชา”

คนเรียงแถวออกมาจากอุโมงค์ เป็นเชฮีซอล บลังกาและหน่วยแฟนธ่อมนั่นเอง

“มีอะไรผิดปกติไหม? บนโลกเป็นไง?”

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ เรามาที่นี่ทันทีที่อุโมงค์เปิด”

ถ้าอาณานิคมบนโลกปลอดภัย แสดงว่าแต้มถูกใช้ที่อาณาเขตมิติ?

“ดี พวกนายทักทายทุกคนที่นี่แล้วเตรียมตัวให้พร้อม”

“รับทราบ”

วูจินมองเมโลดี้

“ฉันจะไปเยี่ยมอาณาเขตมิติสักหน่อย เธอให้คนของฉันไปอยู่ที่ใกล้ๆ และฉันอยากให้เธอเป็นคนรวบรวมสหพันธ์”

“อา...”

เมื่อวูจินเข้าอุโมงค์ไป เมโลดี้ใจเต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล

‘ขอให้ปลอดภัยกลับมา’

สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ว่าความเป็นห่วงนี้สำหรับอัลเฟนหรือคังวูจิน

สารบัญ                                                    บทที่ 172

3 ความคิดเห็น:

  1. อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สนุกมากครับ ขอบคุณที่แปลให้อ่านครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

    ตอบลบ
  2. เมโลดี้เธอมาเป็นนางเอกเถอะ

    ตอบลบ