โคลอสเซียมถูกยึด
ดันเจี้ยนที่อยู่รอบๆหลายแห่งระเบิดและมอนสเตอร์มารวมตัวกันรอบโคลอสเซียม มันเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รัฐบาลจึงลังเลที่จะส่งกำลังทหารติดอาวุธเข้ามา
ทีมเราส์ถูกตั้งขึ้น พวกเขาทำตามแผนล่อมอนสเตอร์ออกมากำจัด แผนการเป็นไปได้ดี
แต่ไม่ว่าแผนอะไร พวกเขาต้องทำสำเร็จก่อนอาณานิคมจะสมบูรณ์ หนึ่งวันผ่านไป ต้นไม้ใหญ่ที่งอกในโคลอสเซียมส่องแสง ถึงตอนนั้น มอนสเตอร์ที่มารวมตัวรอบๆอย่างสงบก็ออกอาละวาด
ไม่ใช่ ไม่ใช่การออกอาละวาดแต่เป็นการเดินทัพมากกว่า
เมืองถูกทำลาย กองทหารถอยทัพ โคลอสเซียมกลายเป็นฐานที่มั่นของพวกมอนสเตอร์และมนุษย์หลงเหลือแต่ซากศพ
*เสียงปืนกล*
มันเป็นการรบดุเดือด ปืนกลระดมยิงใส่พวกมอนสเตอร์ที่บุกเข้ามา
ผิวของมอนสเตอร์โอเกอร์แข็งจนกระสุนเจาะไม่เข้า
โอเกอร์วิ่งก้าวเท้ายาวๆ มันเกือบจะถึงค่ายทหารแล้ว
เครื่องยิงจรวดยิงจรวดติดต่อกันถูกเป้าหมาย ก้อนเนื้อฉีกออกจากร่าง แต่ขณะที่โอเกอร์กำลังล้มลง มันเขวี้ยงกระบองออกไป
กระบองอันใหญ่ลอยตรงมายังหน้าต่างบานหนึ่งที่ส่งกระสุนมาทางโอเกอร์ไม่หยุด
“อ๊าก!”
“ฟาบิโอ!”
ทหารที่ใช้ปืนกลเสียชีวิตทันที และฟาบิโอที่อยู่ข้างๆก็อาการร่อแร่ กระบองฉีกแขนเขาออกไปหนึ่งข้าง
เขาถูกตีที่ศีรษะด้วยจึงมีเลือดไหลอาบ ถ้าปล่อยไว้เขาจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป
“ลงไปข้างล่างกัน อยู่กับฉันอีกหน่อยเถอะ”
“อั่ก”
แอนโทนิโอพยุงฟาบิโอลงบันได มอนสเตอร์บุกเข้ามาไม่จบสิ้น ไม่มีท่าทีว่าจำนวนจะน้อยลงเลยไม่ว่าจะถูกฆ่าไปเท่าไหร่
การรบครั้งนี้ต่อเนื่องมานาน 5 วัน ทั้งเมืองโรมสูญเสีย ไม่มีแม้แต่การสำรวจว่าพลเมืองและทหารตายไปเท่าไหร่
มอนสเตอร์เดินทัพขึ้นหน้า มนุษย์ถอย อาณาเขตของมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อออกจากตึกแล้ว แอนโทนิโอหาแพทย์ทหารที่อยู่แนวหลัง
ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยทหารบาดเจ็บ
“โอย รีบรักษาฉันทีเถอะ”
“อ๊าก ช่วยด้วย”
คำสั่งสุดท้ายส่งมาท่ามกลางเสียงร้องโอดโอย
“พาคนเจ็บขึ้นรถ! เราจะถอย”
เมื่อมีคำสั่งลงมาแล้ว ระเบิดที่วางแนวรบสุดท้ายจะระเบิดในอีก 5 นาที
“อยู่กับฉันอีกหน่อย ฟาบิโอ”
“โอย”
ในรถบรรทุกไม่มีที่ว่างให้นอน แพทย์ทหารนั่งบนเก้าอี้พันผ้าพันแผลห้ามเลือดให้ฟาบิโออย่างรวดเร็ว
แต่เพื่อนของเขาปิดตาลง เหมือนใกล้จะตายแล้ว และนี่จะเป็นการจากลาครั้งสุดท้ายกับเพื่อนของเขา
“เชี่ย!”
แอนโทนิโอสบถพลางคว้าปืน
เขาจะแก้แค้นให้เพื่อน!
พวกเราต้องการยัดกระสุนใส่พวกมอนสเตอร์นี่จนถึงที่สุด
ทหารยิงปืนสกัดครั้งสุดท้ายขณะที่กองทหารเริ่มถอย
“แอนโทนิโอ! ขึ้นมาเร็ว”
ยานพาหนะติดปืนกลบนหลังคาจอดข้างเขา แอนโทนิโอขึ้นไป พวกเขาถอยอย่างรวดเร็ว แอนโทนิโอพูดกับทหารที่ใช้ปืนกล
“เราเหลือเวลาอีก 4 นาที”
ระเบิดติดไว้ในหลายที่ มันจะสร้างความเสียหายอย่างหนักกับมอนสเตอร์ที่บุกเข้ามา พวกเขาต้องไปให้ห่างก่อนมันจะระเบิด
“เชี่ย”
อาณาเขตที่พวกมอนสเตอร์ครอบครองขยายออกไปช้าๆ
พวกมอนสเตอร์เคลื่อนไหวตามคำสั่ง พวกมันไม่ใช่สัตว์ป่า มันคือกองทัพต่างดาวบุกดีๆนี่เอง
นี่ไม่ใช่การล่ามอนสเตอร์อีกแล้ว แต่เป็นสงครามระหว่างมอนสเตอร์กับมนุษย์
“เราต้องจับลอร์ดของพวกมัน”
มอนสเตอร์ลอร์ด
พวกมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าบอสของดันเจี้ยน
พวกมันเป็นสิ่งเร้นลับ ไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับมันนัก พวกมันทำให้รู้สึกอันตรายเปรียบได้กับดันเจี้ยนช็อก
“แล้วก็ กำลังเสริมจากเกาหลีกำลังมา”
“อะไรนะ?”
แอนโทนิโอได้ยินข่าวนี้เป็นครั้งแรกจึงหันไปมองสหายร่วมรบ สีหน้าเพื่อนคนนั้นเต็มไปด้วยความหวัง เป็นภาพแปลกตาเพราะกองทหารกำลังถอยและต้องหดแนวรบเข้ามาเรื่อยๆ
“เกาหลีอยู่ที่ไหนนะ?”
แอนโทนิโอไม่คุ้นชื่อเกาหลี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน
“พูดให้ถูกคือคังวูจินกำลังมา ฉันหมายถึงราชาของอลันดาล”
แอนโทนิโอเป็นคนตกข่าวมาก แต่แม้แต่เขายังรู้จักอลันดาล เขาลืมตาโต
“เมสสิอาห์ของตะวันออกกลาง!”
ทุกคนในโลกรู้สงครามระหว่างเขากับผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะพวกทหาร แอนโทนิโอสนใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง เขาเข้าใจเรื่องนี้ยิ่งกว่าพลเมืองส่วนใหญ่
เอี๊ยด!
ยานพาหนะหยุดอย่างรุนแรง คนด้านหลังล้มกลิ้ง
“เชี่ย! อะไรวะ?”
“ชิบหาย มอนสเตอร์!”
“เตรียมยิง!”
มอนสเตอร์บินได้ปรากฏตัวกลางอากาศอย่างกะทันหัน เครื่องกีดขวางบนพื้นหยุดมอนสเตอร์ที่เคลื่อนไหวบนดินไว้ชั่วคราว ตอนนี้จึงเป็นมอนสเตอร์โจมตีจากบนฟ้า
ยานพาหนะสำหรับหลบหนีหยุด ทหารเตรียมยิง
แต่ใครบางคนยิงมอนสเตอร์ร่วงลงตัดหน้าพวกเขา
เวทไฟหลายสายลอยมาในอากาศ
“หน่วยเราส์เหรอ?”
“ฉัน...ว่าเขามาแล้ว”
แอนโทนิโอลงจากรถมาพูดพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนเขากำลังอยู่ในภวังค์
มันเกิดขึ้นไม่ไกลนัก เหมือนจรวดหลายลูกถูกปล่อยออกมา พวกมอนสเตอร์ต้านเวทมนตร์ที่ลอยใส่ไม่ไหว มันร่วงลงพื้นหรือไม่ก็บินหนีไป
ฮี้
ม้าปีศาจตัวหนึ่งวิ่งมาตามถนน
“พระเจ้าช่วย!”
แอนโทนิโอกำหมัด รู้สึกเหมือนไม่อยากเชื่อ
นั่นคือคังวูจิน นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอตัวจริง!
วูจินหยุดตรงหน้าขบวนยานพาหนะ เขาส่งผู้หญิงที่นั่งข้างหลังเขาลงมา
“รักษาพวกเขา ฉันไปแล้ว”
“ระวังตัวด้วยนะคะ”
วูจินกระตุกยิ้มเมื่อได้ยินคำลาของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากเธอ
ฮี้
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งตัวมีกลิ่นพลังศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเธอลงจากชิงชิง มันทำหน้าเหมือนได้ปล่อยของเสียที่อั้นไว้มา 10 ปี
วูจินกำลังจะควบม้ากลับไปที่เครื่องกีดขวาง แต่แอนโทนิโอขวางทางเขา
“อ๊ะ ไปไม่ได้นะ! เครื่องกั้นขึงระเบิดไว้”
“อะไรนะ? มันระเบิดแล้วเหรอ?”
‘พระเจ้า!’
แอนโทนิโอประหลาดใจเมื่อได้ยินภาษาอิตาเลียนไร้ที่ติจากปากวูจิน
“ยัง แต่ใกล้จะระเบิดแล้ว”
เขาดูนาฬิกาแล้วพูดต่อ
“เหลือ 59 วินาที คุณรอให้มันระเบิดเสร็จค่อยเข้าไปดีกว่า”
พวกมอนสเตอร์มาออกันตรงที่กีดขวาง ถ้าระเบิดที่ขึงไว้ระเบิดมันจะพามอนสเตอร์จำนวนมากไปด้วย ถ้าเข้าไปหลังจากนั้นจะดีกว่า
“ชิ! ไว้เจอกัน เมโลดี้”
“ค่ะ ท่านจ้าว”
วูจินขมวดคิ้วพลางกระตุ้นชิงชิงให้วิ่ง
“ระเบิดมันจะ...”
ขณะที่แอนโทนิโอคร่ำครวญกับความบุ่มบ่ามของวีรบุรุษของเขา วูจินก็คำนวณระยะทางเสร็จแล้ว
“ไม่ทันแน่”
ระเบิดจะระเบิดก่อนเขาจะไปถึง มันอาจสังหารมอนสเตอร์ทั้งหมด
“EXP ฉัน”
มอนสเตอร์ที่เกาะกลุ่มกันอยู่ที่เดียวกำลังจะถูกระเบิด...
โชคดี วูจินมีอสูรที่เชี่ยวชาญด้านล่ามอนสเตอร์ที่อยู่เป็นกลุ่มเป็นพิเศษ
“เจนิส!”
ควันดำมารวมตัวกัน ลิชมาปรากฏข้างกายวูจิน
[นายข้า]
“ฆ่าพวกมันให้หมดใน 30 วิ”
เจนิสมองซากเมืองรอบๆ ไม่ใช่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เจนิสค่อนข้างชอบใจในสิ่งที่เห็น
[การได้ทำลายเมืองสักเมืองเป็นเรื่องสนุกสนานเสมอ]
ไฟพลุ่งออกมาจากไม้เท้าเจนิส มันไปเผาเครื่องกีดขวาง อาคารและทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ตูม ตูม!
ระเบิดขนาดใหญ่!
จากนั้นเปลวไฟก็ลุกท่วมสนามรบ
ถ้าซุงกูมาเห็นกำแพงไฟนี้เขาคงตกใจ
กำแพงไฟเผาพวกมอนสเตอร์ มันกระทั่งจุดระเบิดที่ยังไม่ถึงเวลาระเบิด
ตูม ตูม!
ระเบิดระลอกต่อมาเผาผลาญทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว วูจินเรียกอัศวินมรณะออกมา
[โอ้ สงคราม!]
[ข้าคิดถึงนัก กลิ่นของความตาย!]
[ความตายเป็นสิ่งสูงส่งเสมอ]
วูจินยิ้มเมื่อได้ยินอัศวินมรณะคุยกันอย่างตื่นเต้น พวกมันโดยพื้นฐานแล้วอิจฉาและเกลียดสิ่งมีชีวิต
มีเหตุผลอยู่ว่าทำไมพวกมันถึงเข้ากับเขาได้ตลอด 20 ปี...
เขาหัวเราะ
“คุ้นเคยดีใช่ไหมล่ะ?”
วูจินยิ้ม
ทุกคนหัวเราะด้วยความตื่นเต้นกับสงครามที่จะมาถึง
วูจินเรียกไม้เท้าเหล็กออกมา
เขาเปลี่ยนมันเป็นขวาน วูจินดึงบังเหียนชิงชิง
“เด็กๆ ไปกันเถอะ”
<คำรามปลุกใจ เพิ่มความคิดต่อสู้ให้สหายร่วมรบ>
<คำรามปลุกใจ เพิ่มพลังต่อสู้ให้สหายร่วมรบ>
อัศวินมรณะขี่ม้าปีศาจตามวูจินไป
เว้นแต่คิบะ วูจินให้คิบะเป็นผู้บัญชาการกองทัพปกป้องอาณาเขตมิติ น่าเสียดาย แต่เขาต้องให้คิบะอยู่เฝ้าอาณาเขตเป็นการป้องกันไว้ก่อน
[โอ โอ!]
[ถึงเทศกาลเลือดแล้ว!]
อัศวินมรณะที่ตื่นเต้นควบม้าพลางเรียกทหารโครงกระดูกออกมาตลอดทาง ทหารโครงกระดูกวิ่งตามหลังเป็นแถวด้วยความบ้าคลั่ง
เคะๆๆ
ขณะกองทัพผีดิบพุ่งโจมตี เจนิสหัวเราะพลางใช้เวทลอยไปบนฟ้า
[ได้ยินว่าท่านกลายเป็นนักรบ]
เมื่อวูจินมองมา ดวงตาสีแดงของเจนิสส่องประกาย
[นานแล้วจริงๆ]
เจนิสมือข้างหนึ่งชูไม้เท้าขึ้น มืออีกข้างลูบพลอยตรงหัวคทา
เปรี๊ยะๆ
พลังงานสีดำไม่น่าไว้ใจส่องแสงออกมา เจนิสกางแขนสองข้างออก
พลังงานสีดำพุ่งขึ้นฟ้าเหมือนงู มันหายไปเหมือนสลายไปในอากาศ
<คำสาปของลิชลงมายังสนามรบ>
<พลังต่อสู้ของศัตรูลดลง>
<การเคลื่อนไหวของศัตรูช้าลง>
[ก๊ากฮ่าๆ นายข้าแสดงความสามารถต่อสู้ให้ข้าเห็นหน่อยได้หรือไม่?]
สองอาชีพอย่างนั้นหรือ?
โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ เขาอาจเป็นกุญแจสำหรับความปรารถนาสูงสุดของเจนิสก็ได้
[โก!]
ขณะที่กองทัพผีดิบโจมตี โดลเซสร้างตัวเองจากกองคอนกรีต โกเลมยักษ์เริ่มออกอาละวาด
ไททันแห่งการทำลายรับหน้าที่เป็นหัวหอกเช่นเคย กองทัพผีดิบเดินหน้า
พวกมันมุ่งหน้าหาลอร์ดมิติที่กล้ามาสร้างอาณานิคมในโคลอสเซียม
***
“พระเจ้า นี่ต้องเป็นความฝันแน่”
แอนโทนิโอสับสนจนต้องยกมือกุมศีรษะ
เขาตกใจจนพูดไม่ถูก
เขาได้พบยอดวีรบุรุษคังวูจิน! แถมยังได้คุยกับเขาด้วย!
“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีเหตุผลเลย”
“เฮ้ แอนโทนิโอ ตั้งสติหน่อย เรายังอยู่ในสนามรบนะ”
“อา โทษที... ฉันตกใจมากไปหน่อย”
แอนโทนิโอยอมรับความผิด เขาปรับสีหน้าให้ขึงขัง เขาเป็นทหารมีเกียรติ แต่กลับทำเหมือนแฟนเกิร์ลคลั่งไคล้ดารา แถมยังทำในสนามรบที่เสี่ยงต่อความเป็นความตาย
“ทุกคนช่วยฟังฉันด้วยค่ะ...”
เมื่อได้ยินสตรีศักดิ์สิทธิ์พูด ทหารลงจากรถแล้วหันไปสนใจเธอ เธอเป็นสาวงามที่ร่วมทางกับคังวูจิน หน้าตาเธอดูคุ้นๆ...
“ฉันชื่อเมโลดี้ รับใช้เทพีอาเรีย พลังของฉันมีผลต่อพวกคุณก็ต่อเมื่อพวกคุณเชื่อในการมีอยู่ขององค์เทพี”
ไม่ได้ขอให้พวกเขากลายเป็นผู้นับถือนิกายอาเรีย แต่ต้องยอมรับรู้ว่ามีเทพีอาเรียอยู่ นี่จะทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอไหลเข้าไปในตัวพวกเขาได้ นี่คือข้อจำกัดของเธอ
“นี่เพื่อพวกคุณทุกคน ฉันหวังว่าหัวใจของฉันจะส่งผ่านไปถึงทุกคนได้”
เมโลดี้กุมมือหลับตา
แสงระเบิดออกจากตัวเธอ มันทำให้รอบๆสว่างไสว
“อา...”
แสงจากตัวเธอไม่ได้ทำให้เคืองตา พลังงานล้อมตัวทุกคนอย่างอ่อนโยนและทำให้พลังงานในร่างของพวกเขาบริสุทธิ์
เหมือนความเครียดจากการรบ บาดแผล และความเหนื่อยล้าหายไปหมด
ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่แค่ความรู้สึก มันเกิดขึ้นจริงๆ
แสงจากร่างเมโลดี้ล้อมรอบทหารบาดเจ็บในรถ
เมื่อแสงจางลง คนบาดเจ็บในรถก็ลงมา หนึ่งในนั้นคือฟาบิโอ เขากำลังมองหาเพื่อนสนิทของเขา
“แอนโทนิโอ!”
“ฟาบิโอ! พระเจ้า!”
แอนโทนิโอลืมตาโตเมื่อเห็นฟาบิโอ แขนของฟาบิโอขาดไปแต่แขนใหม่งอกมาแทนที่ และเขาไม่เห็นบาดแผลบนตัวเพื่อนเลย...
“พระเจ้า! ปาฏิหาริย์ชัดๆ”
แอนโทนิโอและฟาบิโอมองเมโลดี้อย่างเหม่อลอย
ในที่สุดเขาก็จำเธอได้แล้ว
มนุษย์คนแรกที่ถูกพบในดันเจี้ยน เราส์แรงค์ SS จากอเมริกา
เธอคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ เมโลดี้
เมโลดี้...บทเยอะกว่านางเอกจริงๆด้วย 55+