ห้องประชุมของกิลด์เซ็นเซย์
เมื่อมิโนทอร์ตาย ภาพก็ดับลง
ภาพเหตุการณ์ถูกบันทึกและฉายออกมาโดยหินอ่อนขนาดเท่ากำปั้นในมือของทากุจิ
มันไม่แพงขนาดอุโมงค์กลับ แต่เกือบครึ่งของราคานั้น มันคือหินสำหรับดูเหตุการณ์ย้อนหลังชื่อ ความทรงจำของฮาร์ริส ข้อมูลที่พวกเขาได้จากการใช้ไอเทมราคาแพงนี้น้อยมาก
“เฮ้อ”
ประธานกิลด์เซ็นเซย์ถอนหายใจทำลายความเงียบของห้องประชุม
“แค่นี้เรอะ?”
“...ครับ”
ทากุจิไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เขารู้สึกต้องรับผิดชอบเมื่อได้ยินคำพูดของประธาน ระหว่างเคลียร์ดันเจี้ยนเขาทำอยู่ 3 อย่าง
มอง ชื่นชมแล้วบันทึกภาพ
ในสี่คน มีซุงกูกับวูจินที่สู้ เบคจองโดกับทากุจิตามหลังเหมือนมาทัศนศึกษา
ฮงซุงกูเองก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญในการต่อสู้ขณะที่วูจินเป็นผู้นำ ไม่ใช่ อสูรของเขาต่างหากที่เป็นคนเปิดทาง พวกเขาแค่ขี่ม้าปีศาจตามหลัง
“ทำไมเขาเคลียร์ได้ง่ายนัก?”
“...ก็เห็นไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“ที่พูดก็เพราะขนาดเห็นกับตาแล้วผมยังไม่ค่อยอยากเชื่อไง”
“...”
เราส์เก่งๆของญี่ปุ่นมารวมทีมกันเพื่อพิชิตดันเจี้ยนนี้แล้ว 3 ครั้ง
พวกเขาขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลหลังจากล้มเหลวไป 3 ครั้ง พวกเขาไม่เชื่อว่าจะพิชิตดันเจี้ยนนี้ได้จึงอพยพประชากรใกล้ๆออกไปแล้ว กองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่นก็เตรียมตัวพร้อม
เมื่ออลันดาลขอส่วนแบ่ง 7:3 พวกเขาตกลงง่ายๆเพราะพวกเขาได้กำไร
ระเบิดเวลากลายเป็นขุมสมบัติ ต่อให้ได้ส่วนแบ่งแค่ 1 ส่วนก็ยังได้กำไร
แต่นั่นจะเป็นจริงก็ต่อเมื่อพวกเขาเคลียร์ดันเจี้ยนที่ถูกเปลี่ยนเป็นเหมืองได้
พวกเขาให้ทากุจิเข้าไปเพื่อดูวิธีที่วูจินใช้เคลียร์ดันเจี้ยน
พวกเขาลงทุนเงินไปจำนวนมากเพื่อใช้ ความทรงจำของฮาริส บันทึกเหตุการณ์ระหว่างเคลียร์ดันเจี้ยน
แต่มันมีปัญหา วูจินใช้วิธีง่ายๆแต่ทรงพลังมากในการเคลียร์ดันเจี้ยน นี่เป็นสไตล์ของวูจิน แล้วใครจะทำแบบเขาได้?
“ผมสงสัยว่าเราจะขุดเหมืองกันได้ไหม...”
โอกาสที่จะได้อาร์ติแฟคมีสูงเมื่อจำนวนครั้งที่เคลียร์ดันเจี้ยนต่ำ ไม่มีความเสี่ยงเรื่องดันเจี้ยนเบรก ดังนั้นพวกเขาสามารถค่อยๆเคลียร์ดันเจี้ยนได้ พวกเขาจะได้อาร์ติแฟคมากมาย ปัญหาคือพวกเขาไม่มั่นใจว่าจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้
ช่างเป็นวิธีเคลียร์ดันเจี้ยนที่แปลกประหลาด...
“เฮ้อ ช่วยไม่ได้ เราต้องลอง ตอนนี้คุณคังวูจินอยู่ไหนล่ะ?”
“เขาจัดการดันเจี้ยนที่ใกล้เบรกในโตเกียวเสร็จแล้วครับ ตอนนี้เขาไปที่จีน”
“ไปแล้ว?”
“ครับ”
“...”
ธุรกิจดันเจี้ยนในญี่ปุ่นพัฒนาไปมากเพราะมีสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง
ถ้าเทียบจำนวนเราส์ในญี่ปุ่นกับที่อื่นๆในโลก จำนวนเราส์ในญี่ปุ่นถือว่าสูงมาก ญี่ปุ่นมีเราส์แรงค์ A มากกว่าเกาหลี 3 เท่า เราส์ที่เก่งที่สุดของพวกเขารวมทีมกันเพื่อจะพิชิตดันเจี้ยนนี้แต่ล้มเหลว วูจินกลับพิชิตได้ด้วยตัวคนเดียว
ยิ่งกว่านั้นเขายังทำเสร็จในเวลารวดเร็ว
“นี่มันไม่ขายหน้าไปหน่อยเหรอ? แบบนี้เท่ากับคนๆเดียวเก่งกว่าเราส์ทั้งประเทศ...”
คังวูจินทำสิ่งที่ทุกคนทำไม่ได้ เขายังแสดงความโหดร้ายตอนอยู่ตะวันออกกลางออกมาอย่างสบายและทำให้คนทั้งโลกตกตะลึง
คนๆเดียวมีพลังที่เหนือกว่าประเทศส่วนมาก
มีเราส์นับไม่ถ้วนในโลกที่ถูกมองเป็นบุคคลพิเศษ แต่เราส์ระดับพิเศษอย่างวูจินไม่เคยมีมาก่อน
หนำซ้ำวูจินไม่ใช่คนญี่ปุ่น เขาเป็นคนเกาหลี...
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมอิจฉาเกาหลี”
ถ้าเขาเป็นคนญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจะกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดอีกครั้ง...
“ผมคิดว่าเขาไม่ใช่คนเกาหลีแล้วนี่ครับ?”
“คุณหมายถึงอลันดาล? พวกเขาไม่ได้ทำข้อตกลงกันนี่ รัฐบาลเกาหลียังไม่ยอมรับเป็นประเทศ”
“ใครยอมรับใครกันแน่ครับ? ฝ่ายอ่อนแอกว่ายอมรับฝ่ายแข็งแรงกว่าเหรอ?”
ประธานเบิกตาโตกับคำพูดของพนักงาน
เป็นความคิดที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ ประเทศยอมให้กิลด์ๆเดียว? แต่นี่ไม่ใช่เรื่องพูดเล่น นี่เป็นเรื่องที่ประชุมกันในรัฐสภาของเกาหลี
เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไร?
ง่ายๆ อลันดาลมีอำนาจทำให้มันเกิดขึ้น
ระหว่างที่มีดันเจี้ยนอยู่ อลันดาลอาจเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งกว่าเกาหลี
“ถ้าเราทำดีๆ เราอาจเชิญอลันดาลมาที่ประเทศเราได้”
ตอนนี้สถานการณ์ของเกาหลีไม่สงบเพราะการสังหารคนรวยและนักการเมือง ถ้าเกาหลีปฏิเสธอลันดาล ญี่ปุ่นอาจดึงอลันดาลมาที่ประเทศพวกเขาได้
ถ้าคิดถึงความสามารถด้านการต่อสู้ของอลันดาลแล้วเทียบพวกเขากับอะไรสักอย่างก็คงเป็นร่ม ถ้าอลันดาลอยู่ฝ่ายญี่ปุ่น พวกเขาจะสามารถหลบฝนที่เรียกว่ามอนสเตอร์
“ผมต้องไปพบนายกฯ”
ตอนนี้กำไรของกิลด์ไม่ใช่เรื่องสำคัญ นี่เป็นโอกาสดีของพวกเขาเพราะเกาหลีกับอลันดาลมีความสัมพันธ์ไม่แน่นอน
สวรรค์กำลังดูแลประเทศญี่ปุ่นของเรา นี่เป็นโอกาสที่ฟ้าประทานให้
***
หลังจากปิดดันเจี้ยนในโอซาก้ากับโตเกียว วูจินปิดอีก 3 ดันเจี้ยนในจีน เขาเคลียร์ดันเจี้ยนไป 5 แห่ง แต่ใช้เวลาไปแค่วันเดียว
“พวกจีนนี่ยุ่งยากจริงๆ”
พวกเขามีความเห็นเรื่องส่วนแบ่งจากดันเจี้ยนไม่ตรงกัน แต่วูจินตัดสินใจทำตามความเห็นของอีกฝ่าย เขาไม่หวังความพยายามในการแบ่งผลประโยชน์ให้ตรงกับที่ตกลงกันไว้
ดันเจี้ยนเหล่านี้ใกล้จะระเบิดเต็มที
ในนั้นอาจมีลอร์ดมิติอยู่ เป้าหมายของวูจินคือหยุดไม่ให้ลอร์ดมิติเชื่อมต่อกับโลก
ผลประโยชน์ที่ได้จากการปิดดันเจี้ยนเป็นแค่เรื่องรอง
“ไม่ต้องกังวลกับมันมาก ตอนนี้เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
“เฮ้อ ประธาน ขอบคุณที่ทำงานหนักครับ”
วูซุงฮุนบอกกับวูจินจากใจจริง
ตอนนี้ซุงฮุนพูดได้ 3 ภาษาแล้ว เขาเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นและจีน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเขาอาจได้รู้อีกอย่างน้อย 10 ภาษาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
‘แหม ไม่นึกเลยว่าจะได้เรียนภาษาอังกฤษด้วยการกินยา’
มีอาร์ติแฟคประหลาดมากมายออกมาจากดันเจี้ยน เขาเคยได้ยินเรื่องไอเทมที่แปลภาษาได้ แต่ไม่เคยนึกว่าจะได้เรียนภาษาเหมือนเรียนทักษะ
“เหลืออีกกี่ที่?”
“7 ที่ครับ”
“อืม ที่ต่อไปคือที่ไหนล่ะ?”
“เดลีครับ มีที่ดูไบหนึ่งที่แต่ที่ปารีสเร่งกว่า เพราะงั้นเส้นทางของพวกเราจะวกหน่อยนะครับ”
หลังจบดันเจี้ยนในเดลี อินเดีย ดันเจี้ยนที่ใกล้ที่สุดอยู่ในดูไบ แต่ยังมีเวลาอีกหน่อยก่อนดันเจี้ยนแห่งนั้นจะระเบิด พวกเขาจึงต้องเดินทางไปที่ปารีสซึ่งเหลือเวลาเพียงวันเดียวก่อนจะระเบิด ทหารที่นั่นถูกส่งมากำจัดมอนสเตอร์แล้ว
มันเป็นสถานการณ์ที่พวกเขาจะดีใจมากถ้าคังวูจินมาถึงเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“น้องคัง นายคิดยังไงกับข้อเสนอ?”
“หา? ข้อเสนออะไรครับ?”
เบคจองโดตอบอย่างกังวล
“ฉันพูดถึงที่ญี่ปุ่นกับจีนเสนอให้นายอพยพมาน่ะ”
“อ้อ นั่น...”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากรัฐบาลญี่ปุ่นนั่งเครื่องบินมาหาคังวูจินที่จีน วูจินยังอยู่ระหว่างเคลียร์ดันเจี้ยนแต่พวกเขามามอบแผ่นป้ายแสดงความขอบคุณและรางวัลมากมาย พวกเขายังยื่นข้อเสนอ
รัฐบาลญี่ปุ่นเต็มใจมอบที่ดินให้ พวกเขาอยากให้ประเทศอลันดาลย้ายมาที่ญี่ปุ่น
ไม่ใช่แค่นั้น ญี่ปุ่นเต็มใจเซ็นสัญญาที่เกาหลียืดเยื้อ และญี่ปุ่นจะถืออลันดาลเป็นประเทศที่มีฐานะเท่าเทียมกัน
“สำหรับนายญี่ปุ่นดีกว่าไม่ใช่เหรอ?”
วูจินยิ้ม
“ผมจะไปทำไม?”
“หา? ว่าแล้วว่าน้องคังคงไม่อยากเข้ากับญี่ปุ่น”
เบคจองโดค่อนข้างแอนตี้ญี่ปุ่น เขาจึงดีใจ ไม่นานก็ถามอีกอย่างระมัดระวัง
“งั้นใจนายก็ไปทางจีน...”
สัญญาจากจีนพิเศษมาก
รัฐบาลจีนไม่ต้องมีการลงมติกับเรื่องนี้ ถ้าวูจินตกลง พวกเขาจะให้ที่ดินขนาดเป็นสองเท่าของเกาหลี พวกเขาจะยอมรับเขตแดนของอลันดาลและปฏิบัติต่ออลันดาลเหมือนประเทศๆหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีผลประโยชน์ชวนดึงดูดใจอีกมาก
“ผมก็ไม่ไปที่นั่นเหมือนกัน”
วูจินตอบอย่างไม่ลังเล ทำให้ดวงตาเบคจองโดเป็นประกาย
“สมเป็นน้องคัง ฉันไม่รู้เลยว่านายจะเป็นคนรักชาติ”
รักชาติ... ถ้าสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ยินจะว่ายังไงนะ?
วูจินยิ้มพลางพูด
“ผมไม่ได้รักชาติ แต่ย้ายไปมามันยุ่งยาก อีกอย่างสถานีโซลอยู่ในเกาหลี”
ถ้าเขาอยากได้ดันเจี้ยนอื่น เขาต้องมีชิ้นส่วนมิติ
ใช่ ถ้าเขามีดันเจี้ยนบนโลกหลายแห่งก็ไม่ต้องเดินทางโดยเครื่องบิน เขาจะไปยังที่ต่างๆได้อย่างอิสระโดยใช้ดันเจี้ยน แต่เขาไม่ควรใช้ชิ้นส่วนมิติไปกับเหตุผลสิ้นเปลืองแบบนั้น
“หา? สรุปว่าเพราะสถานีโซลเหรอ?”
“แน่นอน”
เบคจองโดคิดหนักก่อนถาม
“มีอะไรในสถานีทางออกที่ 1 เหรอ? อ๊ะ ถ้านายไม่อยากตอบก็ไม่ต้องนะ”
ทางออกที่ 1 คือที่ๆคังวูจินเข้าไปกับลีซังโฮ
ลักษณะพิเศษของดันเจี้ยนทำให้ไม่รู้ว่าลีซังโฮถูกฆ่าจริงหรือไม่ แต่คนเฝ้าทางออกที่ 1 เป็นคนของกิลด์ KH ในฐานะประธานกิลด์ เขารู้เรื่องที่คนเฝ้ารู้
ตอนนั้นเบคจองโดคิดว่าวูจินอยากจะยึดดันเจี้ยนที่เขาเคลียร์ไว้ใช้คนเดียว เขาไม่คิดมากเมื่อเราส์คนอื่นถูกห้ามไม่ให้เข้าดันเจี้ยน ตอนนี้มาคิดดูเขารู้สึกว่าวูจินจะปกป้องดันเจี้ยนนั้นมาก
มีอะไรพิเศษในดันเจี้ยนนั้นเหรอ?
“มันเป็นอาณาเขตมิติ”
วูจินตั้งใจจะเปิดเผยทั้งหมดเมื่อตัวแทนกิลด์ต่างๆมาประชุมกัน เขาไม่มีเหตุผลจะปิดเรื่องนี้ไว้ วูจินจึงบอกเบคจองโดทั้งหมด
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด เบคจองโดมีสีหน้าช็อกหน่อยๆ ตอนเปิดกล่องแพนโดร่ามันคือความรู้สึกแบบนี้? หรือต่างไป? เหมือนเขาเพิ่งได้เห็นตัวจริงของซานต้า เขาเหมือนเด็กที่เพิ่งรู้ว่าทารกมาจากไหน
เขาได้รู้ว่าดันเจี้ยนคือสัญญาณสิ้นโลก เหตุผลนี้ทำให้ช็อก
“น้องคัง นายรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?”
“ไม่เลยครับ”
“อ่า ฉันไม่...”
นี่เป็นเรื่องใหญ่จนเขาพูดไม่ถูก
เรื่องแบบนี้ใครจะไปรู้?
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมจึงมีดันเจี้ยน ไม่รู้ว่ามอนสเตอร์มาจากไหน ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็เกิดเราส์ขึ้นมา มีการค้นคว้าเรื่องนี้มากมาย แต่ไม่มีคำตอบนัก
แต่วูจินมีคำตอบให้กับปริศนาพวกนี้
“งั้นนายรู้ไหมว่าจะกำจัดดันเจี้ยนพวกนี้ไปแบบถาวรได้ยังไง?”
“เรื่องนั้นผมไม่รู้”
วูจินจะไปรู้ทุกอย่างได้อย่างไร?
เบคจองโดเม้มปาก ถ้าจะช่วยโลก ก่อนอื่นต้องปิดดันเจี้ยนพวกนี้
“อ้อใช่ เคยได้ยินว่ามีผู้เชี่ยวชาญด้านดันเจี้ยนชื่อ...”
“ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์หรือเปล่าครับ?”
ซุงกูที่ฟังอยู่ข้างๆพูดแทรก วูจินพยักหน้า
“ใช่”
“เฮะๆ ผมเคยเห็นเขาในทีวี ดังมากเลยครับ”
เขาก็สมควรมีชื่อเสียงจริงๆ วูจินอยากคุยกับท็อปเลอร์ถึงการวิจัยของเขา แค่การสันนิษฐานหรือการคาดเดาก็ได้
วูจินสามารถพิสูจน์ได้ว่าสมมุติฐานเขาถูกหรือไม่
“เขาคนที่ไหนนะ?”
“คนอังกฤษครับ”
“มีดันเจี้ยนในอังกฤษที่เราต้องแวะหรือเปล่า?”
“อืม ไม่มีครับ”
โชคไม่ดี ตารางเดินทางไม่มีประเทศอังกฤษเป็นเป้าหมาย วูจินบอกซุงฮุน
“เชิญเขาที บอกว่าฉันอยากเจอ”
“ได้ครับ”
การพบปะกันต้องเป็นครั้งหน้า
วูจินมีธุระด่วนคือปิดดันเจี้ยนที่ใกล้จะระเบิด เขาต้องทำให้เสร็จก่อนช่วงคุ้มครองอาณาเขตมิติจะหมด
สถานีรถไฟใต้ดินของเดลี
ที่นี่สถานีรถไฟส่วนใหญ่อยู่บนดิน มีสถานีรถไฟใต้ดินน้อยมาก จำนวนดันเจี้ยนเทียบกับจำนวนประชากรแล้วน้อย อินเดียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากต่างประเทศในการจัดการกับดันเจี้ยนเบรกที่เกิดขึ้นนานๆครั้ง
ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากจำนวนประชากรสูงมากจึงมีเราส์แรงค์สูงท่วมท้น นี่หมายถึงดันเจี้ยนที่ถูกขอให้มาช่วยเคลียร์ต้องยากมากจนเราส์ของอินเดียเคลียร์ไม่ได้
ความยากของดันเจี้ยนหมายถึงพลังงานดันเจี้ยนสูงมาก
‘เป็นไปได้ว่าที่นี่จะเป็นอาณาเขตมิติ’
ด้วยมีเวลาไม่มาก วูจิน ซุงกูและเบคจองโดจึงขี่ม้าปีศาจไปยังดันเจี้ยนเป้าหมาย
บลังกาจากกิลด์วิษณุกำลังรอพวกเขาอยู่ที่สถานี เขาเข้าดันเจี้ยนไปด้วยทันที
<คุณได้เข้าสู่ชายหาดของเดรด>
อย่างที่คาด ในนี้มีลอร์ดมิติ วูจินเอียงคออย่างงงเมื่อได้ยินชื่อคุ้นเคยของดันเจี้ยน
“เอ๋?”
สารบัญ รอใส่บทที่ 127
ได้เวลากินผัดปลาหมึก :3