บทที่ 39 – ดันเจี้ยน 5 ดาว (2)
และแล้วก็ผ่านโอเอซิสแห่งที่ 5 ไป
ระหว่างทางพวกวูจินเจออาร์ติแฟค 3 ชิ้น บลัดสโตนจำนวนมาก
ทั้งหมดนั้นถูกนำไปใส่ไว้ในคลังของวูจิน
วูจินซุงกูมาถึงพื้นที่สุดท้าย
กำแพงที่กลายเป็นซากปรักหักพัง ถนนมีทรายปกคลุม
ต้นไม้ขึ้นอยู่บางตา ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต
“ละ...ลูกพี่คิดว่าไงกับที่นี่ครับ?”
“รีเกรเซีย”
“ครับ?”
“ชื่อของเมืองร้างนี่”
“เอ๊ะ ลูกพี่รู้จักชื่อเมืองนี้ด้วย?”
“มันเขียนไว้โน่น”
วูจินชี้ไปที่ประตูเมือง
ซุงกูมองตัวอักษรที่ดูไม่รู้เรื่องอย่างงงงวย
‘ลูกพี่อ่านออกได้ไงหว่า?’
ครั้งก่อนลูกพี่คุยกับออร์คได้
คราวนี้ก็อ่านตัวอักษรที่อยู่ในดันเจี้ยนได้
แต่ซุงกูไม่คิดจะถาม เขาแค่สงสัย
แต่ไม่อยากถูกตำหนิที่ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง
“จากนี้ไปนายต้องระวังตัวให้ดีๆล่ะ”
“ครับ!”
เห็นซุงกูตอบหนักแน่นวูจินก็เกาคางคิด
ถ้าระวังตัวแล้วจะไม่เกิดอันตรายอย่างนั้นคงไม่มีใครตายในดันเจี้ยนแล้ว
“ฮืม เดี๋ยวนะ”
วูจินค้นคลัง จากนั้นล้วงเกราะหนังชุดหนึ่งออกมา
“นี่ไม่เหมาะกับนักเวทย์แต่มีพลังป้องกันดีทีเดียว
ใส่สิ”
“ลูกพี่...”
ซุงกูแทบหลั่งน้ำตาเมื่อรับเกราะจากวูจินมาใส่
มันทำจากหนัง แต่บริเวณหน้าอกกับสีข้างแข็งเป็นพิเศษ
“หืม? รู้สึกตัวผมจะเบาขึ้น”
[พรจากรีเซีย]
เกราะของทหารแห่งรีเกรเซีย
เป็นเกราะที่ค่อนข้างหนักแต่เพิ่มค่าความเร็วขึ้น 5 แต้ม
เพิ่มทักษะ :
เร่งความเร็ว
วูจินพูดเมื่อซุงกูใส่เกราะเสร็จ
“มันเป็นอาร์ติแฟคที่ทำให้ใช้ทักษะได้
นายบอกว่าเราส์ใช้ได้ใช่ไหม?”
“ครับลูกพี่”
“ลองใช้สิ”
“อะไรนะครับ?”
ซุงกูแตะเกราะอย่างประหลาดใจ
“มันมีทักษะด้วยเหรอ?”
ราคาของอาร์ติแฟคขึ้นอยู่กับความสามารถที่มันมี
“ลองดู”
“ครับ”
ซุงกูส่งพลังเวทย์ไปที่เกราะแล้วร้องเสียงหลง
ความรู้สึกเหมือนร่างเขากำลังลอยทำให้เขาเวียนหัว ในหัวเจ็บจี๊ดเหมือนกินของเย็นเข้าไป
“วะ หวา?”
“ลองขยับตัวสิ”
ซุงกูขยับตัวตามคำของวูจิน เขาขยับไปซ้ายขวาจนล้ม
“ว้าว!”
ซุงกูลุกขึ้นแล้วเริ่มเร่งความเร็วไปรอบๆใหม่
เขาเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเดิมเป็นสองเท่า
แต่พลังเวทย์ของเขามีน้อยนิดไม่นานความเร็วของเขาก็ลดลง
“อ่า ดูเหมือนผมจะคงความเร็วไว้ได้แค่ 30 วิ”
“แล้วใช้บอลไฟของนายไปด้วยได้หรือเปล่า?”
ซุงกูลองใช้บอลไฟ เขาสร้างมันได้ช้ากว่าเดิมมาก
‘เราส์ต้องใส่มานาลงไปถึงจะใช้ได้
ไม่ว่าจะเป็นสกิลที่ได้จากอาร์ติแฟคหรือสกิลประจำตัวของเราส์เอง’
ซุงกูไม่มีเรื่องให้ต้องใช้บอลไฟ
เกราะจะเพิ่มความเร็วให้เขา ส่วนทักษะเร่งความเร็วเอาไว้ใช้หลบ
น่าจะเอาตัวรอดได้ไม่มีปัญหา
“ถ้านายหลบดีๆโอกาสตายก็น้อยลง แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้”
“ครับ”
“ถ้าเจออันตราย อย่าหวังกับฉัน ชีวิตตัวเองปกป้องเอง
อย่ารอให้คนอื่นปกป้อง...”
“...ครับ ผมจะจำไว้”
วูจินไม่ใช่พ่อแม่ซุงกู ตอนสู้ยุ่งๆเขาดูแลซุงกูไม่ได้
ถ้าตายก็ถือเป็นชะตากรรมของเขา
วูจินจะหาลูกน้องคนใหม่เมื่อไหร่ก็ได้
แต่เขาค่อนข้างชอบซุงกู วูจินตัดสินใจช่วยซุงกูเตรียมตัวเท่าที่จะทำได้
จากนั้นก็หวังว่าซุงกูจะอยู่ได้นาน
แต่ไม่ว่าวูจินจะรู้สึกอย่างไร
สุดท้ายตนก็เป็นที่พึ่งแห่งตน ทางรอดเดียวของซุงกูคือระวังตัว
“มอนตัวต่อไปอยู่ในเผ่ารูปร่างเหมือนมนุษย์ เรียกว่านาค
ฉันไม่รู้ว่ามีกี่ตัว แต่อาวุธพวกมันเคลือบพิษเอาไว้ ระวังล่ะ”
“ครับ”
รีเกรเซียเป็นเมืองร้าง
ซากบ้าน
อาคารไม่มีหลังคาปกคลุมกลายเป็นทางวงกตอย่างหนึ่ง
หนูทะเลทรายซ่อนอยู่ในทุกซอกมุมโจมตีเข้ามาไม่หยุดหย่อน
วูจินส่งทหารโครงกระดูกขึ้นหน้าทำหน้าที่ดูลาดเลาและเคลียร์เส้นทาง
พวกมันทำหน้าที่ได้ดี
“เคี้ยะ!”
เสียงกรีดแหลมมาพร้อมกับหอกพุ่งใส่ทหารโครงกระดูกที่เดินนำหน้า
ปักเข้าไปในกะโหลก ทหารโครงกระดูกทรุดกองกับพื้น
วูจินวิ่งออกมาจากตรอก เห็นทหารนาค 3 ตัว
ครึ่งล่างที่เป็นงูต่อกับร่างท่อนบนของคน นาคดูแข็งแกร่งและพวกมันใช้อาวุธเคลือบพิษ
น่าเสียดายที่ทหารโครงกระดูกไม่มีทางติดพิษ
“เคะๆๆ”
ทหารโครงกระดูกวิ่งเข้าหาทหารนาค
แต่ดาบกระดูกแทงผ่านเกราะที่ทหารนาคใส่ไม่ได้ ทำลายเกล็ดงูที่ปกป้องร่างกายท่อนล่างของพวกมันก็ไม่ได้
หอกของทหารนาครวดเร็วแม่นยำ ฟาดเพียงครั้งเดียวกะโหลกของทหารโครงกระดูกก็แตก
ขนาดทหารโครงกระดูกมีเลเวล 17 แล้วยังสู้ทหารนาคไม่ได้
นักเวทย์โครงกระดูกอาจเป็นอันตรายกับมันมากกว่า แต่พวกทหารนาคหลบหลังที่กำบังอย่างว่องไว
ดังนั้นการโจมตีของนักเวทย์โครงกระดูกจึงไม่มีผลนัก
วูจินเตะโครงกระดูกที่เคยเป็นทหารโครงกระดูกมาก่อนกระจายว่อน
วูจินเล็งหอกกระดูกไปที่พวกทหารนาคแล้วเขวี้ยงออกไป
หอกกระดูกพุ่งเป็นเกลียวด้วยความเร็วสูง
รุนแรงขนาดเรียกความสนใจจากทหารนาคได้
หอกของทหารนาคด้ามหนึ่งถูกยกขึ้นมากันหอกกระดูกของวูจิน
[ถอย!]
ทหารนาคผละจากทหารโครงกระดูกอย่างรวดเร็ว
พวกมันพยายามยืดระยะห่างจากศัตรู แต่ทันใดวูจินก็เรียกกำแพงกระดูกออกมา
กระดูกพุ่งขึ้นมาจากทุกทิศทาง และทหารนาคตัวหนึ่งก็ถูกเสียบไป
ทหารนาคตกใจกับกำแพงที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้น จากนั้นหอกเหล็กก็พุ่งมาทางพวกมัน
ตูม!
ทหารนาคไม่ทันป้องกัน ต่อให้ป้องกันผลก็ยังเหมือนเดิม
วูจินขว้างหอกโดยใช้ทักษะเลเวล 20 ของนักรบ [ขว้าง] มันรุนแรงพอสังหารนาคได้ทีเดียว
“เก็บ เรียก”
หอกที่เสียบหัวใจทหารนาคสลายไปแล้วถูกเรียกออกมาใหม่ตามคำสั่งของวูจิน
อาวุธของนักรบเติบโตไปพร้อมกับเจ้าของ
พลิกแพลงใช้ได้ไม่สิ้นสุด
เมื่อขว้างอาวุธออกไป นั่นคือการโจมตีครั้งสุดท้าย
หากปล่อยมือจากอาวุธคือเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับการโจมตีนั้น
เพิ่มความเร็วตามพลังโจมตีของผู้ใช้ เพิ่มความแม่นยำตามความความเร็วของผู้ใช้
อาชีพนักรบมีทักษะติดตัวมากมาย ทักษะพื้นฐานเช่นประสาทสัมผัสของนักรบ
ขว้าง ชำนาญเพลงหอก
ยิ่งกว่านั้นการเก็บแล้วเรียกอาวุธออกมาใหม่ได้เรื่อยๆเหมาะกับการขว้างอาวุธดีทีเดียว
หน้าที่ของทหารโครงกระดูกคือดึงความสนใจของทหารนาค
พวกมันทำหน้าที่ได้ดีแล้ว
วูจินเอนตัวแล้วเด้งตัวกลับพลางปล่อยหอก
หอกพุ่งทะลุหัวใจทหารนาคอย่างแม่นยำ
ทหารนาคตัวสุดท้ายสิ้นหวัง วูจินมองแล้วเอ่ยปาก
“เรีย นิ ลี รูท ทา รีโอนา ราเคท”
“ริเคท ลา? รีโอนา ราเคตา เนีย”
อีกครั้งที่วูจินพูดภาษาที่ซุงกูไม่รู้จัก
คราวนี้เขาไม่ประหลาดใจ
‘แม่เจ้า ลูกพี่พูดได้กี่ภาษานี่?’
ซุงกูนับถือวูจิน ไม่ว่าวูจินจะทำอะไรก็ทำให้เขาประหลาดใจไปทุกครั้ง
ซุงกูจึงเห็นความเก่งกล้าสามารถของลูกพี่เป็นเรื่องธรรมดา
[ถ้านายอยากรักษาวิหารนาคไว้ก็ไปรวบรวมนักรบทั้งหมดแล้วรอฉัน]
[เจ้าเป็นใคร
บอกเหตุผลที่เจ้าพยายามบุกรุกวิหารนาคมาซะ]
[เหตุผลของฉันไม่ต่างจากของพวกนาย
ฉันแค่อยากปกป้องโลกเหมือนเผ่านาคปกป้องวิหาร]
[ผู้พิทักษ์วิหารจะรวมตัวกันเพื่อขจัดเจ้า]
ระหว่างพูดคุยโต้ตอบกัน วูจินปล่อยกำแพงกระดูก
ซุงกูทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นวูจินปล่อยนาคตัวสุดท้ายไป
“ลูกพี่ ทำไมถึงปล่อยไปล่ะครับ
เมื่อกี๊ลูกพี่พูดว่าอะไรครับ...”
“ฉันบอกมันไปว่าให้ขนพวกมาเยอะๆ”
“...”
มันอันตรายไม่ใช่เหรอ? พวกมันท่าทางเก่งออก
“เท่ไหมล่ะ?”
“...”
เอ๋? อะไรเท่? คิดสิ ซุงกู คิด คำตอบมีอยู่แล้ว
หาคำตอบที่ลูกพี่ต้องการ
“เก่งอย่างฉัน...”
“ครับลูกพี่”
“...แค่พูดก็ลากมอนได้แล้ว”
“...”
เอางั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าลากนี่เอาไว้ใช้กับมอนสเตอร์ที่ฆ่าง่ายๆเหรอ?
มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าทหารโครงกระดูกเทียบพวกนี้ไม่ติด...
แต่ถ้าเป็นลูกพี่ต้องคิดต่างอยู่แล้ว
“ครับ ลูกพี่เท่สุดๆ”
“โฮ่ๆ ไปเถอะ ถ้าให้ฉันหาเองคงต้องครึ่งวันกว่าจะจัดการพวกนาคหมด”
วูจินตื่นเต้นที่จะได้จัดการพวกนาคในทีเดียว
ซุงกูตามไปอย่างค่อนข้างกังวล
‘เลเวลก็ 30 แล้ว น่าจะล่าทั้งกลุ่มได้’
วูจินได้ทักษะหลักทุกครั้งที่เพิ่มเลเวลไป 10 เลเวล
เขาได้ทักษะเรียกโกเลมมาแล้ว นอกจากนั้นยังได้ท่าโจมตีสำคัญมาด้วย
ถ้ายังไม่ถึงเลเวล 30 วูจินคงไม่คิดล่าฝูงนาค
แต่ตอนนี้เขาเลเวล 30 แล้ว
จุดใจกลางเมืองมีหอคอยขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน
ทหารนาคเกาะกลุ่มกันรอบๆหอคอย
มีจำนวนหย่อนร้อยไปไม่กี่ตัว
ซุงกูกลืนน้ำลาย
“ละ...ลูกพี่ ไม่เยอะไปเหรอครับ?”
“มันอันตราย นายรอตรงนี้”
“ครับลูกพี่”
วูจินเดินนำทหารโครงกระดูกไปอย่างมั่นใจ
[เจ้าคือมนุษย์โง่เขลาที่คิดจะแย่งวิหารหรือ?]
[ช่วยอย่าคุยยาวได้ไหม?]
[เราจะปกป้องวิหารด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี]
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของทหารนาคท่วมท้น
ด้านหลังวูจินมีทหารโครงกระดูก 80 ตัว เขายังมีค่าบงการเหลือเรียกได้อีก
แต่วูจินไม่ต้องการเรียกออกมาเต็มอัตรา
ในดันเจี้ยนนี้ ทหารโครงกระดูกมีหน้าที่สำคัญ
แต่สิ่งที่เขาตั้งใจจะทำได้ห้ามไม่ให้เรียกทหารโครงกระดูกออกมามากเกินไป
“โจมตี!”
“เคะๆๆ”
ทหารโครงกระดูกกู่ร้องด้วยเสียงเฉพาะตัวของพวกมันแล้วพุ่งไปข้างหน้า
พวกมันตายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ลังเลเพราะความกลัวตาย
วูจินไม่จำเป็นต้องส่งเสียงสั่งการ
พวกมันอยู่ใต้บงการของเขา
ถ้าต้องการให้พวกมันทำอะไรเขาเพียงคิดแล้วพวกมันจะขยับตามความคิดของเขาเหมือนเป็นแขนขา
“เคะๆๆ!”
ทหารโครงกระดูกวิ่งเข้าไปด้วยกำลังแรง แต่ถูกหอกของทหารนาคลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
แต่วูจินดูไม่กังวล
เมื่อทหารโครงกระดูกตัวสุดท้ายถูกทำลาย
นักรบนาคร่างสูงใหญ่ก็ก้าวออกมา
‘สงสัยบอสจะออกมาแค่ครั้งแรกครั้งเดียว’
[ผู้นำเผ่านาค] ที่ออกมาตอนที่เขาเข้าดันเจี้ยนครั้งแรกไม่อยู่
หนึ่งใน 5 ขุนพลที่อยู่ข้างผู้นำเผ่านาคในตอนนั้นกลายเป็นบอสแทน
ระดับความยากเทียบกับตอนเข้าดันเจี้ยนครั้งแรกก็ลดลงมาก
[กองทัพผีดิบระดับต่ำเพียงนี้เจ้ายังกล้าบุกรุกวิหารหรือ?]
วูจินรออยู่ด้านหลังจนทหารโครงกระดูกถูกทำลายหมด
วูจินหัวเราะ
[กองทัพผีดิบ?]
กองทัพผีดิบที่ต่อกรกับทราห์เน็ตอย่างเท่าเทียม
[ถ้าเสียงของนายไปถึงทราห์เน็ตได้ มีบางอย่างที่นายควรจะบอกมัน]
วูจินเรียกหอกกระดูกสองด้ามจากสองมือแล้วเริ่มเดิน
หนึ่งก้าว สองก้าว
[ฉัน จ้าวแห่งอลันดาล อยู่บนโลกนี้]
สามก้าว สี่ก้าว
ยิ่งก้าวความเร็วของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ถึงก้าวสุดท้ายเขากระโดดขึ้นสูง
ก้มมองจากบนฟ้า วูจินเห็นทุกอย่าง วูจินมองเศษกระดูกที่กองรายรอบทหารนาค
มนตราจำนวนมากไหลออกจากร่างของวูจิน
เศษกระดูกเรืองแสงแล้วรวมตัวกันกลายเป็นกำแพงกระดูกขนาดมหึมา
ไม่ใช่ มันคือคุกกระดูก เหล่านาคถูกขังไว้ในกำแพง
วูจินหล่นลงมาใจกลางฝูงนาคพอดี
โพละ!
ศีรษะของทหารนาคเคราะห์ร้ายตัวหนึ่งโดนเข่าของวูจิน
กะโหลกแตกกระจาย
วูจินเสือกหอกเข้าไปในศีรษะของทหารนาค
ทหารนาคที่เหลือพุ่งล้อมวูจิน
หอกกระดูกส่งคลื่นกระแทกสีเขียวออกมา
ปัก!
เหล่าทหารนาคถูกผลักกลับไปแต่พลังทำลายจากคลื่นกระแทกไม่รุนแรง
ควันสีเขียวเริ่มแพร่กระจาย มันบดบังทัศนวิสัยของพวกนาค
เมื่อพิษสีเขียวกระจาย พวกนาคสูญเสียความควบคุมประสาทสัมผัสของตัวเอง
พิษแทรกเข้าไปในเลือดของพวกมัน บังคับให้พวกมันหยุดหายใจ
“คึก เคี้ยะ!”
“ริเก็น เคหตา!”
ทหารนาคตายไปพร้อมเสียงกรีดร้องทรมาน
วูจินมองพวกมันแล้วหัวเราะก้อง
“ฉันก็พอใช้พิษเป็นอยู่บ้าง”
พิษงูของนาคเทียบกับพิษของวูจินไม่ได้แม้แต่น้อย
----
สรุปนิดนึง วูจินเลเวล 20 ได้ท่าหลัก 2 ท่า เพราะมีอาชีพ
2 อาชีพ / อาชีพเนโครแมนเซอร์ได้ท่าเรียกหอกกระดูกและสามารถใช้กระดูกสร้างกำแพงได้
/ อาชีพนักรบได้ขว้าง / อาวุธของอาชีพนักรบก็พัฒนาตามไปด้วย
ตอนนี้คือนอกจากเป็นไม้เท้าแป๊บเหล็กแล้วก็เปลี่ยนเป็นหอกเหล็กได้ด้วย /
วูจินเลเวล 30 ได้ท่าเพิ่มอีก คือควันพิษที่น่าจะเป็นอาชีพของเนโครแมนเซอร์ /
ท่าของนักรบยังไม่เปิดเผย / ศิลากักอสูรอาวุธของเนโครแมนเซอร์พัฒนา เรียกโกเลมได้
/ ทีนี้ชำนาญเพลงหอกได้มาตอนไหน... น่าจะเป็นท่าที่ซื้อมามั้งคะ
ผ่านช่วงงานยุ่งแล้ว นี่เป็นของที่กะจะทำเพิ่มค่ะ
1.เปิดระบบ regular
chapter กับ sponsor chapter – ง่ายๆคือ เราอัพนิยายชิลๆอาทิตย์ละตอน
ถ้าใครอยากให้อัพเร็วหน่อยก็ลงขันซื้อชานมให้คนแปล อาทิตย์นั้นก็จะมีอัพเพิ่มค่ะ
2.เพิ่ม teaser
project – ช่วงงานยุ่งแปลเรื่องเดียวก็ไม่ทันแล้ว ช่วงงานว่างแปลเรื่องเดียวมันก็เบื่อ
วันนี้รีบอัพก่อน วันเสาร์อาทิตย์กะจะงมๆกับสองข้อนี้ล่ะ
จ๊ะ วูจินฮยองเท่ที่สู๊ดดดด 555^^
ตอบลบขอบคุณมากครับ
ตอบลบ