บทที่ 38 – ดันเจี้ยน 5 ดาว
“คังวูจิน!”
ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น
จากนั้นแสงแฟลชจากกล้องก็สว่างวาบจากทุกทิศทาง
นักข่าวต้องทำหน้าที่น่าเบื่ออย่างการรออยู่แถวดันเจี้ยนเพื่อหาหัวข้อข่าว
คราวนี้พวกเขากรูเข้าหาวูจินกับซุงกูเหมือนฝูงผึ้ง
“อะ...พวกคุณจะทำอะไร?”
ซุงกูกางแขนออกกันนักข่าว เขาเรียกตัวเองเป็นผู้จัดการ
แต่ไม่เชี่ยวชาญในหน้าที่เหมือนผู้จัดการตัวจริง
“คุณคังวูจิน
จริงหรือไม่เรื่องคุณเป็นเราส์ที่กิลด์แฮมเมอร์ฝึกฝนมาลับๆ?”
“คุณเป็นเราส์แรงค์ A
หรือเปล่า?”
“แม่ของคุณทำงานในร้านอาหาร เพราะอะไร?”
ซุงกูตอบคำถามที่ทะลักเข้ามาไม่ถูก วูจินจึงก้าวออกมา
“ยืนเฉยทำไมน่ะ? ไปกันเถอะ”
“ครับ? ไปทั้งอย่างนี้เหรอครับ?”
“งั้นจะอยู่ตรงนี้เหรอ?”
“แต่ ยังไง...”
วูจินเดาะลิ้นอย่างรำคาญ
“หลีก ฉันจะตอบให้เสร็จๆไป นายจะตื่นเต้นทำไมนัก?”
ทะ...เท่มาก สมเป็นลูกพี่
นักข่าวพุ่งมาตรงหน้าวูจิน
“รีบถาม ผมยุ่ง”
“คุณคังวูจิน กรุณาตอบ... เอ๊ะ? อะไรนะ?”
“ผมบอกว่าให้รีบถาม”
นักข่าวอึ้ง
แต่แล้วความเป็นมืออาชีพก็ทำให้ตั้งคำถามอย่างรวดเร็ว
“คุณเกี่ยวข้องอะไรกับกิลด์แฮมเมอร์ครับ?”
“ผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา”
“แรงค์ของคุณจริงๆแล้วอยู่ที่ระดับไหน?”
“อีกไม่นานผมจะไปวัดระดับใหม่”
“แม่ของคุณทำงานที่ร้านอาหาร เพราะอะไร?”
“หมายความว่าไง เพราะอะไร? เค้าก็แค่ทำงานที่นั่น”
วูจินตอบคำถามจุกจิกไปสั้นๆ ไม่นานก็ผ่านไปห้านาที
“ผมจะเข้าดันเจี้ยน พวกคุณหลีกทางได้ไหม?”
“คำถามสุดท้ายครับ”
“พูด”
“คุณเกี่ยวพันกับกิลด์อะไร?”
“อลันดาล”
นักข่าวจดชื่ออย่างรวดเร็วพลางถาม
“ผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก
อลันดาลเป็นกิลด์แบบไหนครับ?”
เป็นกิลด์แบบไหน? เป็นกลยุทธ์หนีทหารของเขา
“ผมตอบเท่านี้ ไปเถอะซุงกู”
“ครับลูกพี่”
วูจินซุงกูแทรกตัวออกจากกลุ่มนักข่าว
จากนั้นมุ่งหน้าไปยังทางเข้าดันเจี้ยน นักข่าวบางคนตามมาถามต่อ
แต่วูจินไม่ตอบอีกเลย
ทางเข้ามีคนของกระทรวงบริหารเฝ้าอยู่
เพราะไม่ใช่ดันเจี้ยนที่กิลด์พิชิตได้ดังนั้นกระทรวงจึงเป็นผู้ดูแลให้แทน
มีผู้มาสอบถามเกี่ยวกับดันเจี้ยนแห่งนี้แล้วแต่ยังไม่มีใครจอง
นั่นคือดันเจี้ยนนี้ยังเก็บเงินค่าเข้าไม่ได้เลย
“เอ๊ะ? คุณคังวูจิน? คุณจะเข้ามาใช้ดันเจี้ยนหรือครับ?”
“ครับ นี่”
วูจินแสดงบัตรประจำตัวเราส์
จากนั้นเขียนชื่อในบันทึกการเข้าออกดันเจี้ยน
“จะ...จะเข้าไปแค่สองคนเหรอครับ?”
“สองคนก็พอแล้ว”
วูจินซังกูเข้าดันเจี้ยนท่ามกลางแสงแฟลชจากกล้อง
เมื่อผ่านเข้าดันเจี้ยนไปบาเรียก็กางออก
ปิดกั้นทุกอย่างที่อยู่นอกบาเรียโดยสมบูรณ์
ซุงกูพูดอย่างตื่นเต้น
“ว้าว ลูกพี่เหมือนดาราเลย”
“หยุดพูดเหลวไหล ตั้งใจหน่อย”
“ครับ”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ ถ้านายโดนโจมตีจังๆเข้าทีเดียวอาจถึงตาย”
“เอื๊อก ครับ”
ซุงกูตั้งสติเตรียมสู้
ขี้หมูขี้หมาเขาก็เป็นเราส์มาหลายเดือนแล้ว ดังนั้นจึงตั้งสติได้ทันที
“จะมีแต่ลีแรทไปจนถึงชั้นสุดท้าย”
ลีแรทเป็นมอนสเตอร์คล้ายค้างคาวตัวใหญ่
พวกมันจะอยู่บนเพดานของสถานีใต้ดินและโจมตีเมื่อได้โอกาส เป็นมอนสเตอร์ที่น่ารำคาญ
ถ้าไม่สามารถโจมตีพวกมันจากระยะไกลได้จะยุ่งยากมาก
แต่วูจินและซุงกูมีเวทย์มนตร์โจมตีระยะไกล
“อ้อใช่ เอานี่ไปใช้สิ”
วูจินเปิดคลังหยิบไม้เท้าอันสั้นออกมา ซุงกูรับไปงงๆ
จากนั้นก็ทึ่ง
มันเป็นคทาเวทฝังทับทิมเม็ดใหญ่
เพิ่มประสิทธิภาพเวทย์มนตร์ไฟอีกเท่าตัว
“ฉันเก็บได้ นายน่าจะใช้มัน”
“ลูก...ลูกพี่”
ซุงกูซาบซึ้ง ราคาเครื่องมือเวทย์มนตร์นั้นไม่ธรรมดา
และไม่ใช่ว่ามีความสามารถอย่างเดียวแล้วจะได้มา นึกไม่ถึงว่าวูจินจะมอบของล้ำค่าให้เขาอย่างไม่คิดมาก
นี่แสดงให้เห็นว่าลูกพี่ของเขายิ่งใหญ่ขนาดไหน
‘ถึงของเลเวลต่ำแต่ก็น่าจะใช้ได้สักพัก’
ซุงกูไม่รู้ว่าสำหรับวูจินแล้วไอเทมที่เพิ่งให้ไปเป็นของธรรมดา
ตอนพิชิตดันเจี้ยนนี้วูจินได้อาร์ติแฟคมาอีกหลายชิ้น
อาร์ติแฟคที่เจอในดันเจี้ยนกับอาร์ติแฟคที่ซื้อจากร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จมีข้อแตกต่างที่ชัดเจนมากอยู่ข้อหนึ่ง
นั่นคืออย่างแรกเขาเอาให้คนอื่นใช้ได้ อย่างที่สองเขาเอาให้คนอื่นใช้ไม่ได้
ของจากร้านแลกเปลี่ยนความสำเร็จเอาออกมาใช้ได้
ให้คนอื่นใช้ก็ได้ แต่คนอื่นจะใช้ความสามารถพิเศษของของชิ้นนั้นไม่ได้
เช่นถ้าเป็นอาหารหรือเสื้อผ้าวูจินให้คนอื่นใช้ได้
แต่ตำราคาถากับอาร์ติแฟคนั้นถึงเขาจะให้คนอื่นไปมันก็จะกลายเป็นของที่ไม่มีเวทย์มนตร์
ตำราคาถากลายเป็นสมุดเปล่า เช่นนั้นก็ไม่ต่างจากของใช้ธรรมดา
‘ต้องลองกับไอเทมพวกยาด้วย’
ถ้าเขาให้คนอื่นใช้ไอเทมประเภทใช้แล้วหมดไปได้เขาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องซื้อยาเพิ่มพลัง
ดันเจี้ยน 5 ดาวให้ค่าความสำเร็จมากกว่าดันเจี้ยน 4 ดาว
ที่นี่เขายังเพิ่มเลเวลได้เร็วกว่าด้วย
“โอเค ลองยิงดูสิ”
“ครับลูกพี่”
ซุงกูสร้างบอลไฟขึ้นมา สีหน้าเขาตื่นตะลึงเมื่อเห็นลูกไฟใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เขาโยนบอลไฟใส่ลีแรทตัวหนึ่งที่กำลังห้อยตัวอยู่บนเพดาน
เมื่อลูกบอลไฟกระทบลีแรท
มันแตกเป็นสะเก็ดไฟกระจายไปทั่ว
ลีแรทกระพือปีกบินเพียงครู่เดียวก็ร่วงลงพื้น
“จัดการซะ...”
“ครับ”
ซุงกูตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
เวทย์มนตร์ของเขาใช้ในดันเจี้ยน 5 ดาวได้ ไม่สิ ดันเจี้ยน 5
ดาวของจริงอยู่อีกฟากของอุโมงค์ แต่แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมแล้วหรือไม่ใช่?
ซุงกูช่วยเคลียร์ดันเจี้ยน 5 ดาวได้
วูจินทึ่งเมื่อเห็นวิธีใช้เวทย์มนตร์ของซุงกู
‘หมอนี่ใช้ร่างตัวเองเป็นสื่อกลางเรียกเวทย์มนตร์ออกมาเหรอ?’
เราส์เป็นการคงอยู่ที่น่าทึ่ง
พวกเขาเรียนรู้การใช้เวทย์มนตร์แตกต่างไปจากนักเวทย์ในอัลเฟน
พวกเขามีระบบเลเวลเหมือนวูจินหรือเปล่า
แต่ละคนมีทักษะแค่ทักษะเดียวหรือ?
วูจินไม่รู้ว่าจะต้องสู้กับทราห์เน็ตเมื่อไหร่
แต่เขารู้ว่าสู้คนเดียวอาจเป็นไปไม่ได้ เขาคงต้องการคนมาร่วมสู้ไปกับเขา
ดังนั้นจึงต้องรู้จักเราส์ให้มากขึ้น
ซุงกูข้างๆนี่ล่ะคือตัวทดลองอย่างดี
“ลูกพี่ มันตายแล้ว! ผมทำได้!”
ซุงกูสังหารลีแรทไปหนึ่งตัว มันแปรสภาพเป็นลีแรทย่าง
เนื้อของมันเหมือนค้างคาวจึงไม่อร่อย ต่อให้พยายามปรุงสุกดี
การกินมันเข้าไปก็ช่วยแค่แก้หิว
“ทำได้ดี”
วูจินใช้ศพลีแรทเรียกนักเวทย์โครงกระดูกออกมา
นักเวทย์โครงกระดูกเพิ่มเลเวลถึง 13
พวกมันก็มีคทาเหมือนกัน จึงเข้ามาแทนที่ซุงกู
เมื่อนักเวทย์โครงกระดูกถูกเรียกออกมามากขึ้น
ความเร็วในการล่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น บีบบังคับให้ซุงกูวางคทาไปคว้ามีดมาใช้แทน
“เฮ้อ กลายเป็นว่าแงะบลัดสโตนชินกว่าใช้คทาซะงั้นล่ะ”
วูบเดียววูจินซุงกูก็จัดการมอนสเตอร์ในสถานีใต้ดินหมด
พวกเขากลับขึ้นไปยังชั้นหนึ่งและพบกับอุโมงค์
“จากนี้ไปคือของจริง...”
เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบคราวก่อนอีก
ซุงกูวูจินจึงเปลี่ยนเสื้อ
“เอ๊ะ ลูกพี่ครับ ชุดของลูกพี่...”
เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้ววูจินก็ดึงของออกมาจากคลัง
เขาใส่มันทีละชิ้นๆ โดยมีซุงกูคอยมองตาค้าง
วูจินสวมเกราะสีน้ำเงิน หมวกหนัง
แม้แต่ถุงมือและรองเท้าก็ดูพิเศษ
“ฉันปรับชุดนิดหน่อย”
เขาซื้อรองเท้ากับถุงมือจากร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ
ชุดเกราะกับหมวกเขาได้จากการพิชิตดันเจี้ยน
มันมีความสามารถเพิ่มพลังเวทย์และฟื้นเวทย์ เขาคงใส่มันไปสักพัก
‘ถ้าได้ชุดเดิมก็ดี
ชุดนี้มันขาดอะไรไปหลายอย่าง’
วูจินเป็นเนโครแมนเซอร์ระดับสูงสุด ถ้าเขาได้ชุดที่เคยใช้ตอนอยู่โลกอัลเฟนย่อมแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า
ช่วยไม่ได้ วิธีเดียวคือเขาค่อยๆเปลี่ยนไปทีละชิ้นเมื่อได้ของที่ดีกว่ามา
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
“ครับ”
“อย่าคิดเรื่องสู้ล่ะ นายแค่เขียนไกด์อย่างเดียวพอ”
ถ้าซุงกูเข้ามาสู้ด้วย ไม่ใช่แค่จะช่วยเขาไม่ได้ ยังอาจเป็นตัวเกะกะด้วย
ดังนั้นวูจินจึงตัดสินใจสู้คนเดียว
แม้แต่ที่โลกอัลเฟนเขาก็สู้กับอสูรที่เขาเรียกมา
ร่วมสู้กับคนอื่นไม่ใช่นิสัยของเขา
‘ขาดอีก 6 เลเวล’
ตอนนี้วูจินเลเวล 24
การเข้าดันเจี้ยนครั้งที่แล้วเพิ่มเลเวลให้เขาอีก 10 เลเวล ซึ่งหมายถึงดันเจี้ยน 5
ดาวให้ค่าประสบการณ์เยอะมาก และระดับความยากก็สูงมากแม้แต่สำหรับวูจินเอง
ทุกๆสิบเลเวล ทักษะหลักของวูจินจะถูกปลดผนึก
ตอนเลเวล 20 วูจินได้ทักษะหลักที่ใช้ตอนต่อสู้คืนมา
อีกเพียง 6 เลเวลเขาจะได้ทักษะที่ใช้เรียกอสูรของเขาอีกตัวออกมา
เข้าดันเจี้ยนครั้งที่แล้ววูจินเพิ่มเลเวลไป 10 เลเวล
ครั้งนี้ต้องการเพิ่มอีกเพียง 6 เลเวล วูจินคิดว่าน่าจะเป็นไปได้
‘เอาเถอะ ถ้าไม่พอก็แค่ลงดันอีกรอบ’
ดันเจี้ยนไม่หนีไปไหน
วูจินก็เป็นเจ้าของจะลงเมื่อไหร่ก็ได้ นี่เป็นแหล่งฝึกฝนชั้นดี
วูจินซุงกูเข้าไปในอุโมงค์
***
ภาพทะเลทรายปรากฏต่อหน้าพวกเขาเมื่อผ่านอุโมงค์เข้ามา
ดวงอาทิตย์ร้อนระอุ ความร้อนทำให้หายใจลำบาก
“ใน 10 วินาทีจะมีการโจมตี ระวังตัว”
เพิ่งขาดคำการโจมตีก็เกิดขึ้นทันที
ผืนทรายระเบิด หนวดพุ่งออกมาจากใต้ผืนทราย หนวดยักษ์ทั้งหลายนั้นคือตัวหนอนทะเลทรายนั่นเอง
มันยาว 2 เมตร ปากใหญ่โตมีฟันคมเหมือนเลื่อย
มันสามารถเคลื่อนที่ไปมาใต้ผืนทรายได้อย่างอิสระและกระโจนออกมากัดศัตรู
การโจมตีของหนอนทรายนั้นน่ากลัว
ดูเหมือนวูจินจะเป็นเป้าหมายของหนอนทราย
เขาจงใจกระโดดขึ้นสูง
“เปลี่ยน”
ไม้เท้าเหล็กในมือเปลี่ยนรูปร่างทันที
หัวทู่ๆของไม้เท้าหายไปกลายเป็นหอกปลายแหลม
อาวุธของนักรบพัฒนาไปพร้อมกับเจ้าของ
เมื่อวูจินเลเวล 20
เขาสามารถเปลี่ยนรูปร่างของมันเป็นหอก
หนอนทรายพยายามกระโจนหาวูจินแต่พวกมันกระโจนได้ไม่สูงพอ
วูจินใช้หอกโจมตี
หนอนทรายมีร่างกายอ่อนนุ่มทนทานต่ออาวุธไม่มีคมประเภทหวดทุบ
แต่แพ้ทางอาวุธฟันแทงมาก
พริบตาเดียววูจินจัดการหนอนทราย 5 ตัวที่จู่โจมเขาจนหมด
สุดยอด!
ต่อหน้าสิ่งที่เห็นซุงกูนึกออกเพียงคำนี้
วูจินไม่เหมือนนักเวทย์เลย เขาดูเหมือนนักสู้มากกว่า
“จดไว้หรือเปล่า?”
“ครับ?อ๋อ ผมจดไว้หมดแล้ว”
ซุงกูจดลงในสมุดอย่างรวดเร็ว ‘หนอนทราย 5 ตัวจะจู่โจมพร้อมกันทันทีที่เข้าอุโมงค์มา ให้ใช้ดาบแทนกระบอง’
“นายเห็นตรงนั้นไหม?”
วูจินชี้ไปทางฝุ่นที่ลอยคลุ้งมุ่งมาทางพวกเขา
“...เห็นครับ มันคือ?”
“หนอนแคปซูลทะเลทรายกำลังกลิ้งมาทางพวกเรา
มีประมาณโหลนึง”
“เราจะฆ่ามันได้ยังไงครับ?”
“ไอ้พวกนั้นมันโจมตีเป็นอยู่ท่าเดียว
กลิ้งมาทางศัตรูและระเบิดตัวเอง”
“หา?”
“พอระเบิด มันจะปล่อยแก๊สพิษออกมา พิษนั่นยุ่งยากเลยล่ะ
เพราะงั้นถ้าจัดการพวกมันก่อนเข้าถึงตัวได้จะดีที่สุด”
“ใช้... ใช้นักเวทย์โครงกระดูกได้ไหมครับ?”
“ระยะยิงของพวกนักเวทย์โครงกระดูกมันใกล้ไป ต้องอยู่ในระยะแก๊สพิษถึงจะยิงเวทย์ใส่พวกมันได้
ฉันน่ะไม่เป็นไร แต่นายถูกพิษตายแน่”
“งั้นทำไงกันดีครับ?”
“ต้องมียาถอนพิษ หรือไม่ก็ในปาร์ตี้มีนักธนูหรือนักเวทย์ที่มีระยะยิงไกลๆ”
“พวกเราล่ะครับ?”
ซุงกูกลัวเรื่องแก๊สพิษ เขาถามวูจินเสียงสั่นๆ
วูจินยิ้ม น่ารักแฮะ
วูจินยกมือข้างหนึ่งขึ้น หอกกระดูกก่อตัวบนมือของเขา
นี่เป็นเวทย์พลังทำลายล้างสูงที่เขาได้มาตอนถึงเลเวล 20
วูจินเอนไปข้างหลัง แล้วเขวี้ยงหอกไป ท่วงท่าสวยงามเหมือนนักกีฬาซัดหอก
วูจินมองอ้าปากค้าง
หอกปักพื้นห่างไป 800 เมตร
ยังห่างจากหนอนแคปซูลทะเลทราย
พวกมันมุ่งหน้ามาทางวูจินซุงกูเร็วขึ้นๆ
ตอนนี้ซุงกูเห็นพวกมันแล้ว ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากตายทรมานเพราะพิษ
วูจินไม่หวั่นไหวเมื่อเห็นหนอนแคปซูลเข้ามาใกล้ เขาเริ่มร่ายคาถา
“ออกมา กำแพงกระดูก!”
พลังเวทย์ถูกปล่อยออกไปตามคาถา
จากนั้นหอกกระดูกที่ถูกทิ้งไว้กลางทะเลทรายก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
ฉึกๆๆ!
ทันใดโครงกระดูกก็งอกออกมาเหมือนเถาวัลย์ มันงอกรวดเร็วแล้วขยายออกเหมือนเป็นกำแพง
กำแพงกระดูกปรากฏขวางหนอนแคปซูลและเมื่อพวกมันถูกกำแพงก็ระเบิดตัวออก
ควันพิษกระจายออกแต่วูจินกับซุงกูอยู่ห่างไปมาก ควันพิษจางลงอย่างรวดเร็ว
“จุดหมายแรกคือโอเอซิสตรงนั้น
คราวที่แล้วก่อนฉันจะไปถึง ฉันถูกหนอนแคปซูลโจมตี 4 รอบ แมงป่อง 8 ตัว
หนูทะเลทรายโผล่มาเรื่อยๆ อ้อ หนอนทะเลทรายกลุ่ม 5 ตัวก็โจมตีฉันอีก 3 รอบ”
วูจินพูดอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
ซุงกูฟังแล้วตัวสั่น
ดันเจี้ยน 5 ดาวเป็นแบบนี้เอง
วูจินทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ลูกพี่สุดยอด
ซุงกูคิดได้แค่คำนี้คำเดียว
จัดการหนอนแคปซูลเสร็จวูจินก็ได้มาอีก 1 เลเวล เขายิ้ม
เลเวล 30 อีกแค่ 5 เลเวลเขาก็จะเรียกโกเลมออกมาได้
5555ผมรอตั้งนาน
ตอบลบคิดถึงอ่านเท่าไรไม่เคยพอ
ตอบลบ