วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 35

บทที่ 35 – ดันเจี้ยนรีเซ็ท (3)

วูจินเข้าดันเจี้ยนไปอย่างไม่ถูกต้อง เขาสงสัยว่าจะมีโทษอะไรหรือเปล่า
ระหว่างที่ทุกคนพุ่งความสนใจมาที่ตัวเขา วูจินเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยคนเดิมยังอยู่รอบๆสถานี เขาจึงเอ่ยทัก
“อ้าวลุง ทำไมตอนนั้นผลักฉันล่ะ เกือบไม่รอดเลยนะ”
“ผม... ไม่ได้ผลักคุณ...”
วูจินเดินเข้าไปใกล้แล้วกอดเขาแน่น
“ฮะๆๆ ไม่เป็นไร ยังไงตอนนี้ฉันก็รอดมาแล้ว ลุงตกใจสินะ? ไม่ต้องรู้สึกผิดก็ได้”
แค่รอดอย่างนั้นเหรอ? ไม่ใช่ นี่เป็นครั้งแรกที่เราส์คนหนึ่งพิชิตดันเจี้ยน 5 ดาวด้วยตัวคนเดียว
“เฮ้ย ตั้งกล้องเร็ว”
คนของสถานีโทรทัศน์ที่กำลังพักอยู่รีบจัดกล้อง
นักข่าวเปิดปาก ภาพของวูจินก็ถูกฉายไปทั่วประเทศ
“จากนี้ไปเป็นข่าวด่วนค่ะ คุณคัง ผู้พลัดตกลงไปในดันเจี้ยนกลับมาแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ เราไม่รู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้นแต่จะพยายามสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงค่ะ”
เมื่อจุงมินชานเห็นนักข่าวเดินมาทางวูจิน เขาเข้าไปประชิดตัววูจินแล้วถอดเสื้อโค้ทของตัวเองมาห่มให้
“หืม?”
วูจินงง แต่มินชานยกแขนโอบเขาไว้
“คุณอย่าทำอะไรนะ ถ้าข้อมูลของคุณถูกนักข่าวเปิดเผยออกไป ทั้งนักข่าวทั้งคนอื่นๆทั่วประเทศต้องมายุ่งกับคุณแน่”
แบบนั้นไม่ดีแน่ วูจินขยับเสื้อขึ้นมาคลุมศีรษะอย่างว่าง่าย ซุงกูก็หัวไวใช่เล่น เขาเข้ามาประกบตัววูจิน คิมเฮมินรีบไปเอารถเพื่อจะออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
จุงมินชานขวางหน้าคนจากสถานีโทรทัศน์
“เขาเพิ่งรอดจากดันเจี้ยน 5 ดาวมา เขาไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ที่เขาต้องการคือการพักผ่อน”
“คุณเป็นใครถึงมาห้ามพวกเรา ประชาชนมีสิทธิ์รู้ความจริงไม่ใช่เหรอ?”
นักข่าวที่กำลังบ่นๆอยู่บางคนจำหน้าจุงมินชานได้
“เขาเป็นหัวหน้าทีมของกิลด์แฮมเมอร์นี่”
“แปลว่าเราส์ที่เป็นข่าวเป็นคนของกิลด์แฮมเมอร์หรือเปล่า?”
“หรือนี่จะเป็นการวางแผน แกล้งว่าเป็นอุบัติเหตุให้กิลด์แฮมเมอร์แย่งดันเจี้ยนไป”
จุงมินชานหน้าเครียดเมื่อได้ยินพวกนักข่าวกระซิบคุยกัน
“กรุณาอย่าคาดเดาแบบนั้น ผมฟ้องหมิ่นประมาทได้นะ ถ้าข้อมูลส่วนตัวของเราส์ถูกเผยแพร่ออกไปเราจะตอบโต้อย่างจริงจัง”
ขณะมินชานกันบรรดานักข่าว เฮมินก็ขับรถเข้ามา
“หัวหน้าทีม! ทางนี้”
ซุงกูวูจินเข้าไปนั่งด้านหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อมินชานตามเข้าไปเรียบร้อย เฮมินก็รีบขับออกไปก่อนที่ฝูงชนจะขยับเข้ามาขวางรถ
“เฮ้อ ยังกับฉันกลายเป็นคนร้ายไปแล้ว”
มินชานถอนหายใจ
“เฮ้อ ผมไม่รู้ว่านี่เรื่องจริงหรือฝัน”
มินชานใจเต้นตึกตัก เขามีลางสังหรณ์ก็จริงแต่ไม่นึกว่าวูจินจะถึงขึ้นเคลียร์ดันเจี้ยน 5 ดาวได้ด้วยตัวคนเดียว ยิ่งเป็นดันเจี้ยนที่ถูกรีเซ็ทอีก
“ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“หมายความว่าไง? ฉันถูกผลัก แล้วก็เข้าไปแบบไม่-ตั้ง-ใจ ไม่ใช่เหรอ?”
มินชานหัวเราะหึ ถ้ามาเห็นวูจินตอนนี้คนสติดีที่ไหนจะคิดว่าเขาเพิ่งออกมาจากดันเจี้ยน 5 ดาว
“แล้วดันเจี้ยนเป็นยังไงคุณ”
“อ้า เป็นประสบการณ์ชวนขนลุกใช้ได้”
“คงลำบากน่าดู เห็นคุณไม่เอาอะไรกลับมาเลย”
อ๋อ ถ้าพวกนั้นอยู่ในมิติส่วนตัวของเขาหมดแล้ว ที่วูจินช้าเพราะเขาเก็บบลัดสโตนทุกชิ้นทุกอัน...
วูจินไม่เห็นความจำเป็นต้องอธิบาย
“อืม ประมาณนั้น”
จุงมินชานเอี้ยวตัวจากที่นั่งข้างคนขับมาจ้องวูจินนิ่ง
“พวกนักข่าวคงมายุ่งกับคุณอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนี้อย่าเพิ่งลงดัน ถ้าให้ดีอย่าออกจากที่พัก กิลด์แฮมเมอร์จะพยายามกันนักข่าวไว้”
วูจินฟังแล้วยิ้ม ทำไมคุณลุงคนนี้ถึงพยายามเพื่อเขานัก?
“ต้องการอะไรแลกเปลี่ยนล่ะ?”
มินชานกลืนน้ำลาย
“จะไม่เข้ากิลด์แฮมเมอร์เหรอ เรื่องความสามารถคุณใครๆก็เห็นแล้ว ผมน่าจะเอาตำแหน่งรองประธานมาให้คุณได้ อีกอย่าง เราจะตั้งทีมให้คุณวูจิน คุณมีสิทธิ์เลือกลูกทีมเองด้วย”
ซุงกูที่ฟังอยู่ข้างๆกลืนน้ำลาย
นี่เป็นเรื่องเข้าใจได้ ในเกาหลีมีเราส์แรงค์ A แค่ 10 คน วูจินที่จู่ๆก็โผล่มาอาจเป็นเราส์แรงค์ A คนใหม่ เขาย่อมได้รับการเอาใจใส่อย่างดี แต่นี่มันน่าตกใจเกินไป
ซุงกูกลั้นหายใจ จ้องปากวูจินเขม็ง เฮมินที่กำลังขับรถเองก็กางหูรอฟังว่าวูจินจะตอบอะไร
***
“เชด ทำไมมันต้องไปอยู่ตรงนั้นให้เป็นข่าวด้วยวะ”
ปาร์คซังโอ ประธานกิลด์แฮมเมอร์เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ เขาเห็นหัวหน้าทีม จุงมินชานในรายงานข่าวด่วน
ดันเจี้ยน 5 ดาวนั้นอยู่ห่างจากสถานีซาดาง สาขาใหญ่ของกิลด์แฮมเมอร์เพียงสองสถานี แต่กิลด์ฮวารางกลับไปถึงก่อน มินชานยังมีหน้าไปป้วนเปี้ยนแถวนั้นอีก
เพราะเขาพยายามจะดึงตัวเนโครแมนเซอร์ที่ชื่อวูจินเข้ามาเลยเตรียมทีมช้ากว่ากิลด์ฮวาราง ค่าเสียหายของการละเลยหน้าที่ของตัวเองนี่ไม่ต่ำเลย
เมื่อมินชานกลับมา ปาร์คซังโอตั้งใจจะเข้มงวดกับเขาให้มาก ตอนที่เขากำลังคิดเช่นนั้นอยู่นั่นเอง
“เอ๊ะ”
บาเรียในข่าวสลายไป วูจินเดินออกมา ปาร์คซังโอลุกพรวด
“บ้าแล้ว”
พิชิตดันเจี้ยน 5 ดาวได้ด้วยตัวคนเดียว?
ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ปาร์คซังโอแน่ใจว่าเขาทำได้ แต่ปัญหาคือเขาเป็นเราส์แรงค์ A ไม่ใช่ว่าฝ่ายนั้นเป็นแรงค์ C หรือ? ไม่ใช่สิ ทางนั้นเป็นแรงค์ C เพราะฝีมือจัดการของจุงมินชาน
“เขาเป็นแรงค์ A?”
เราส์คนนี้ไม่เหมือนปาร์คจินวูที่ต้องคอยขัดเกลา คนๆนี้เป็นเพชรที่ถูกเจียรแล้ว
ลางสังหรณ์ของจุงมินชานถูกต้องจริงๆ?
เขาเห็นมินชานในโทรทัศน์ รีบเข้ามาป้องกันวูจิน พวกเขาเข้าไปในรถคันหนึ่งแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ปาร์คซังโอกำหมัด
“เยส! ฉันรู้อยู่แล้วว่าหัวหน้าทีมจุงต้องทำได้”
จุงมินชานใกล้จะดึงตัวเราส์แรงค์ A คนที่สามเข้ากิลด์แฮมเมอร์ได้แล้ว
***
หัวหน้ากิลด์ฮวาราง ลีซังโฮ อ่านรายงานการสืบสวนที่แผนกสนับสนุนเตรียมมาแล้วถอนหายใจ
“มั่นใจกับรายงานนี้แค่ไหน?”
“ประมาณ 70% ครับ”
“ฮืม”
ลีซังโฮขมวดคิ้ว
รายงานการสืบสวนนี้มุ่งไปที่เราส์ คังวูจิน
เราส์คนนี้ถูกกิลด์แฮมเมอร์ปั้นขึ้นมาลับๆ เขาหายสาบสูญไป 5 ปี แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าเขาหายสาบสูญจริงหรือไม่ ไม่นานมานี้เขาปรากฏตัวออกมาและไม่มีความพยายามจะเลื่อนแรงค์ให้ตัวเอง แต่ทำงานเป็นเราส์แรงค์ C
ยิ่งไปกว่านั้น เขาแซงหน้าทีมสีชาดที่มาถึงดันเจี้ยนก่อน
“ไม่ใช่ว่าเขาแซงคิวเหรอ?”
วูจินเป็นคนแรกที่ลงชื่อเข้าดันเจี้ยน แต่เขาเป็นเราส์แรงค์ C ดังนั้นจึงหมดสิทธิ์ การเข้าดันเจี้ยนจะแปลว่าเขาฝ่าฝืนกฎ
เขาเข้าดันเจี้ยนโดยใช้อุบัติเหตุบังหน้า เสี่ยงทำเรื่องขัดระเบียบข้อบังคับ? เสี่ยงตายด้วยการเข้าไปคนเดียว? ยิ่งกว่านั้น เขายังเผยฐานะตัวเองที่เป็นเราส์ที่ถูกฝึกฝนมาลับๆอีก?
กิลด์แฮมเมอร์ทำทั้งหมดนี่เพื่อดันเจี้ยน 5 ดาวแค่แห่งเดียว?
“ไม่เข้าเค้าเลย ตอนนี้กิลด์แฮมเมอร์กำลังพยายามปิดปากพวกสื่อมวลชน จุดนี้บอกอะไรเราได้บ้าง?”
กิลด์แฮมเมอร์ต้องการปิดบังตัวตนของวูจิน
หัวหน้าทีมสนับสนุนเจ้าของรายงานขมวดคิ้ว
“ถ้าเขาไม่เกี่ยวข้องกับกิลด์แฮมเมอร์ ความเก่งของเขาก็ไม่มีเหตุผลมารองรับ”
“ใช่ ไม่มีเหตุผลมารองรับ ถ้าแค่เคลียร์ดันเจี้ยน 4 รอบแล้วได้กลายเป็นเราส์แรงค์ A อย่างนั้นคงมีเราส์เป็นร้อยๆคนไปแล้ว”
“จริงครับ”
“ตรวจสอบเขาอีกทีนะ คราวนี้ลองมองในแง่ที่เขาเป็นเราส์อิสระ อาจเป็นไปได้”
หัวหน้าทีมสนับสนุนคิดหนักก่อนเอ่ยปาก
“ท่านประธาน มีวิธีหาว่าเขาเป็นคนของใครวิธีหนึ่ง”
ลีซังโฮตั้งใจฟัง
“มันคือ?”
“คุณคังวูจินยังไม่พัฒนาตัวเองเต็มที่”
“...!
ลีซังโฮตาโต จากนั้นก็ยิ้มจนตาหยี
ใช่แล้ว ถ้าใช้วิธีนั้นย่อมสามารถขุดคุ้ยหาว่าวูจินเกี่ยวข้องกับฝ่ายไหนบ้าง
***
“ฮุ ฮ่าๆๆ โคตรชอบว่ะมุกนี้”
“ฮ่าๆ ตลกจริงๆด้วยครับ ลูกพี่”
เจมินขมวดคิ้ว สภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้เขาไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เขาหันไปมองพวกที่กำลังหัวเราะกลิ้งกับโปรแกรมตลกในโทรทัศน์ ซุงกู วูจินและแมว... หืม? แมวก็หัวเราะด้วย?
สงสัยเจ้าแมวตัวนี้จะฉลาดพอดู?
มองแล้วเจมินก็พูดขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
“ผมกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ ลดเสียงลงหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ๆ”
วูจินลดเสียงลงอย่างขอไปที ขีดวอลุ่มลดไปหนึ่งขีด
“เฮะๆ ขอโทษนะนักเรียนเจมิน”
“เฮ้อ”
เจมินถอนใจ
ทำไมบ้านกลายเป็นสถานสงเคราะห์ไปเสียแล้วล่ะนี่?
“พี่ๆไม่กลุ้มกันเลยเหรอ?”
“ฮะๆๆ กลุ้มเรื่อง?”
วูจินถามโดยสายตาไม่ละไปจากหน้าจอโทรทัศน์
“นักข่าวเดินกันให้ว่อนมาสามวันแล้ว”
เจมินพูดเสียงเพลีย
“พอเบื่อพวกนั้นก็หายไปเอง”
นักข่าวน้อยกว่าเดิมเยอะเมื่อเทียบกับวันแรก แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา
“พี่ไม่เห็นในเน็ตเหรอ? คุยเรื่องคนที่โซโล่ดันเจี้ยน 5 ดาวกันใหญ่ เป็นพี่ใช่ไหมล่ะ”
“ดังใหญ่แล้วสิฉัน”
เจมินฟังคำตอบส่งๆของวูจินแล้วส่ายหน้า
มีบทความเขียนถึงเรื่องวูจินทุกวัน บทความอันเก่าไปอันใหม่ก็มาไม่ขาด
[เผยโฉมเราส์คังxx ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ?]
[อาวุธสุดท้ายของกิลด์แฮมเมอร์]
รายงานประหลาดๆเผยแพร่ไปทั่ว แต่เจ้าตัวกลับไม่อนาทรร้อนใจ
วูจินโดนเจมินถามจนรำคาญ เขาหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา
“ตอนนี้ฉันออกไปไหนไม่ได้ เพราะงั้นนายช่วยไปซื้อส้มมาให้ที”
“นักเรียนเจมิน ช่วยซื้อมาสองถุงเลยนะ”
เฮ้อ พี่ๆพวกนี้จะสบายใจไปแล้ว กลายเป็นเราที่ลำบาก โคตรลำบาก
“พี่ ผมมีสอบ”
“ที่เหลือเป็นทิปนะ”
วูจินดึงแบงค์ 50,000 ออกมาโบก เจมินมองขรึมๆ แล้วลุกขึ้น
“เอาอะไรอีกไหมครับ?”
“นักเรียนเจมิน ผมขอไอติมเมโลนา”
“วอนเดอร์โคน”
“เมี้ยว เมี้ยว”
“...”
วูจินเพิ่มเสียงโทรทัศน์ทันทีที่เจมินออกจากบ้าน
“ลูกพี่ครับ เรารบกวนนักเรียนเจมินเกินไปหรือเปล่า”
“ฮะๆ แล้วจะให้ทำไงล่ะ? เราไปที่ไหนก็เจอแต่นักข่าว”
นักข่าวตามพวกเขามาถึงบ้าน รบกวนคนในครอบครัวของพวกเขา นี่เป็นสาเหตุให้ทั้งสองหนีมาหลบในบ้านของเจมิน ผ่านไปสามวันแล้ว แต่พวกนักข่าวก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกบ้านของทั้งสอง เจมินซุงกูได้แต่อยู่ในบ้านของเจมิน เข้าดันเจี้ยนยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ว่าแต่ลูกพี่ ตั้งใจจะปฏิเสธคำชวนของกิลด์แฮมเมอร์ไปเรื่อยๆเลยเหรอครับ”
“หืม ทำไม”
ก็ไม่ใช่ว่ากิลด์จะยื่นตำแหน่งรองประธานให้ใครก็ได้ง่ายๆ...
“เฮ้อ เปล่าครับ”
ตี๊ดๆๆ
จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของวูจินก็ดังขึ้น
“ฮัลโหลแม่ นักข่าวยังอยู่แถวนั้นหรือเปล่า? หืม อะไรนะ?”
วูจินที่กำลังนอนตะแคงดูโทรทัศน์ลุกขึ้นนั่งทันที
“ยังส่งของแบบนั้นมาอีกเหรอ?”
ซุงกูฟังอย่างสงสัย อะไรทำให้วูจินตกใจขนาดนั้น?
“เฮ้อ เข้าใจครับ ไว้ว่างๆผมจะไปเอา”
“ลูกพี่ มีอะไรเหรอครับ?”
ซุงกูถามทันทีที่วูจินคุยเสร็จ
สีหน้าของวูจินเคร่งเครียดอย่างที่ซุงกูไม่เคยเห็นมาก่อน
“ซุงกู”
“ครับลูกพี่”
“ประเทศเรายังไม่รวมกันอีกเหรอ”
“ยังครับ”
“ทำไมล่ะ?”
“...”
ถ้าเขาตอบได้ เขาไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการรวมชาติดีกว่าไหม ไม่ต้องมานั่งตรงนี้หรอก
วูจินกดขมับ
เขาได้หมายเรียกไปเกณฑ์ทหาร (TN-ต่อไปถ้าเจอคำนี้อีกจะลงสั้นๆว่าหมายเรียก)
มีดันเจี้ยนมา 5 ปี ประเทศเวรนี่ก็ยังคงแยกเป็นเหนือใต้
“เฮ้ย ซุงกู ไปเปียงยางกัน” (TN-พย็องยัง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ)
“ครับ? ไปทำไมครับ?”
“ไปฆ่าคิมจองอิลกัน”
“เอ๊ะ? เขาตายไปนานแล้ว...”
“ฮะ? ตายแล้วแต่ประเทศยังไม่รวมกันน่ะนะ?”
“ลูกชายเขาเป็นต่อ”
“...”
“...”
คิดๆแล้ววูจินก็พูดต่อ
“งั้นไปฆ่าลูกมันกัน”
“หะ?”
วูจินมองเขาอย่างจริงจัง ซุงกูจึงรู้ว่าไม่ได้ล้อเล่น เขาจึงค่อยๆถาม
“ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้นถึงคิดอย่างนั้นครับ?”
“ฉันได้หมายเรียก”
“...”
ซุงกูหน้าเครียด วูจินลุกขึ้นยืน
“ลูก...ลูกพี่”
“ไป! รวมประเทศให้เป็นปึกแผ่น ก่อนที่ฉันจะต้องเข้ากองทัพ”
“ละ...ลูกพี่ใจเย็นๆ คิดว่าฆ่าคนปุ๊บประเทศจะรวมกันปั๊บเลยเหรอครับ?”
“ก็ใช่สิ ได้ผลแน่”
“ไม่อ่ะครับ”
วูจินฟังแล้วนั่งลงอย่างหดหู่
“ฮ้า”
พวกเราอยู่ในยุคไหน ทำไมยังมีการเกณฑ์ทหารอยู่อีก?
ซุงกูนั่งคิดอย่างเคร่งเครียดตามลูกพี่ ทันใดนั้นก็นึกอะไรได้อย่างหนึ่ง
“อ๊ะ ลูกพี่!
“หืม?”
“ถ้าเราส์เข้ากองทัพ จะถูกส่งไปประจำที่หน่วยพิเศษ”
“ทำไม?”
“มันเป็นหน่วยที่จะเคลื่อนไหวทันทีเมื่อเกิดดันเจี้ยนระเบิด”
“แล้ว?”
“มีวิธีทำงานนี้โดยไม่ต้องเข้ากองทัพ”
“อธิบายแบบง่ายๆสิ”
ซุงกูดรอปเรียน ดังนั้นอีกไม่นานเขาก็จะได้หมายเรียก ซุงกูจึงศึกษาเรื่องนี้มาบ้าง
“เหมือนทำงานเป็นอาสาสมัครน่ะครับ ลูกพี่ไม่ต้องเข้ากองทัพ แต่ถ้ากองทัพขอให้ช่วยก็ต้องร่วมมือกับกองทัพสู้กับพวกมอน”
“โอ้! แล้วต้องทำยังไง?”
“วิธีนี้ต้องเป็นเราส์ที่เป็นสมาชิกของกิลด์ถึงจะทำได้”
“ฮืม”
วูจินคิดหนัก ซุงกูพูดออกมาอย่างแนบเนียน
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เข้ากิลด์เลยสิครับ”
“ฮืม”
วูจินคิด
แอบลอบเข้าเปียงยางดีไหม
เรื่องเข้ากิลด์น่ะไม่มีทางอยู่แล้ว ทันใดนั้นวูจินก็คิดอะไรดีๆได้
“เฮ้ย ซุงกู”
“ครับลูกพี่”
“มาสร้างกิลด์กัน”
“อะไรนะครับ?”
วูจินยิ้มอย่างพอใจ
เขาไม่อยากลดตัวลงเข้ากิลด์ไหน ถ้าอย่างนั้นก็สร้างเองเสียเลย แค่กิลด์เองน่าจะสร้างได้ไม่ยาก





ความคิดของวูจินคือ ประเทศแยกเป็นเหนือกับใต้ เสี่ยงเกิดสงครามระหว่างกัน เกาหลีใต้เลยต้องเกณฑ์ทหาร ถ้าไม่อยากให้มีเกณฑ์ทหาร ก็ต้องทำให้ไม่มีโอกาสเกิดสงคราม คือต้องรวมประเทศ เพราะงั้นก็ต้องจัดการกับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือซะ ไม่มีผู้นำประเทศก็รวมกันเอง //เราลองหาข้อมูลเกณฑ์ทหารของเกาหลี ไปเจอเรื่องดาราเลี่ยงเกณฑ์ทหารด้วยค่ะ หนุกดี เปลี่ยนสัญชาติเลยโดนเนรเทศออกจากประเทศงี้ ปลอมใบรับรองแพทย์เลยติดคุกงี้ คือมันเครียดๆว่าจะมีสงคราม เรื่องนี้เลยเอาจริงกันมาก





3 ความคิดเห็น: