วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2566

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 90

 บทที่ 90

เมื่อมาถึงที่คฤหาสน์ของมาร์ควิสบัลเธียน ผมก็แฝงตัวเข้าไปในคฤหาสน์โดยหลบบรรดายามและคนรับใช้ เป้าหมายคือหาเอกสารหรือของที่ใช้เป็นหลักฐานยืนยันการฉ้อโกงของมาร์ควิสบัลเธียนให้เจอก่อนตะวันตกดิน

พูดตามตรงแล้ว ผมกำลังสำนึกผิดอยู่ ก่อนหน้านี้ที่ปล้นบ้านเขา ผมก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนเลว แค่ที่ไม่จ่ายค่าเสียหายที่ทำเสื้อผมเลอะก็รู้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นขยะขนาดเอาไปรีไซเคิลไม่ได้

ผมรู้สึกเหมือนทำหน้าที่ไม่ดีเพราะไม่รู้ถึงความเลวของเขาทั้งๆที่ปล้นบ้านเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าผมขโมยหลักฐานตอนนั้นก็ไม่ต้องเข้าคุก และไม่ต้องอับอายเพราะถูกภาระเย้ยหยันฝีมือวาดรูป

ดังนั้นใช้โอกาสนี้ลบพวกที่มีใบลอเรลกับหมาป่าเงินบนตราประจำตระกูลให้หมดดีกว่า อย่างแรก ผมตัดสินใจขโมยไปทีละห้องและตรงไปที่ๆเคยมีเซฟตั้งอยู่

เพื่อไม่ให้ถูกรบกวน ผมทุบคนเฝ้าหน้าห้องใส่เซฟจนสลบ จากนั้นใช้เวทมนตร์ทำให้เขายืนเฝ้าหน้าห้องแล้วย่องเข้าไปในห้อง

“อุ๊ย?” คนที่อยู่ในห้องก่อนมองผมอย่างประหลาดใจ

อะไรกัน? ในห้องไม่มีสัญญาณว่ามีคนอยู่แน่นอน ทำไมถึงมีคนได้ล่ะ?!

ผมพูดกับผู้มาเยือนหน้ากากแดงโดยไม่แสดงความตกใจออกมา “โอ๊ะ ไม่รู้เลยว่ามีคนมาก่อน”

ผู้หญิงในหน้ากากแดงพูดโดยที่หูยังแนบกับตู้เซฟ “ข้าก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมาเหมือนกัน แปลว่าพวกเราเสมอกันสินะ?”

“ฮ่าๆ อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ต่างคนต่างไปแล้วกัน” ผมยิ้มแต่ยังไม่คลายความระวังตัวจากผู้หญิงหน้ากากแดง ผมไม่เห็นหน้าเธอ แต่อ่านออกว่าเธอกำลังระแวงผม

“แต่ว่า ข้ามาก่อน ข้าจะกินมัน” เธอพูด

ผมยักไหล่ “จริงเหรอ? ข้ามาทวงหนี้มาร์ควิส ถ้าเจ้ากินไปข้าก็ลำบากสิ”

“เหรอ? จะทำยังไงกันดีล่ะ? ข้าก็มีหนี้ต้องเก็บจากมาร์ควิสเหมือนกัน” หน้ากากแดงมองผมด้วยสายตาเต็มไปด้วยความโลภจากใต้หน้ากาก ดูจากที่เธอเร่งรัศมีออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เธอกำลังเตรียมตัวต่อสู้

ไม่ใช่ผมไม่อยากสู้ แต่ผมไม่อยากให้คฤหาสน์ถล่มและหลักฐานถูกทำลาย

“ก็ได้ ที่นี่ข้ายอมให้ แต่ว่า!” ผมหยุด

“แต่ว่า?”

“ข้าจะกินที่อื่น” ผมยิ้มอย่างขี้เล่น หน้ากากแดงเข้าใจความหมายและยิ้มตอบ

“โอ๊ะ นี่คือการแข่งเหรอ?”

“เข้าใจเร็วดี ตกลงไหม?”

หน้ากากแดงใส่รหัสและเปิดตู้เซฟ พยักหน้าไปด้วย “เข้าท่า แต่ถ้าข้ามีของที่เจ้าอยากได้เจ้าจะทำยังไง?”

ผมลูบคางและตอบ “เราจะแลกกับของที่ข้ามี ถ้าข้ามีของที่เจ้าอยากได้ก็ทำเหมือนกัน”

“ชัดเจนดี”

ทันทีที่ตกลงกันได้ เราก็ตั้งกฎขึ้นมา

“เราจะกลับมาที่นี่ในอีกหนึ่งชั่วโมง ตู้เซฟเป็นของคนที่เข้าห้องก่อน”

“เราจะเจอกันที่นี่ และแน่นอน ต้องเอาทุกอย่างที่ได้มาออกมาให้ดู ใช่ไหม?”

หลังจากพยักหน้าพร้อมกันแล้ว หน้ากากแดงกับผมออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ผมเชื่อว่าจะไม่มีของที่ทั้งผมและเธอต้องการ ถ้ามีก็ต้องสู้กันแล้ว

ถ้าอย่างนั้น จากนี้ไปคือการแข่งขัน

***

ทหารบุกเข้ามาในห้องปรุงยาหลังจากแก๊สสลบหมดไปและลากคนร้ายบนพื้นออกไป

เพื่อทำตามขั้นตอน อัศวินกวางขาวพยายามมัดคนร้าย ไม่รู้ว่าเชือกทำจากอะไร แต่พวกเขาแก้มัดไม่ได้ จะตัดก็ตัดไม่ขาด เพราะอย่างนี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมัดมือด้วยไม้กระดานติดเหล็กทับลงไป

ผลคือ มือของคนค้ายากลายเป็นสีม่วง เพราะเลือดไม่ไหลผ่านมือ คนพวกนี้ยังไงก็ถูกประหารอยู่ดี จึงไม่มีใครสนว่าเลือดจะไหลเวียนดีหรือไม่

“อ่า!” รองหัวหน้าอัศวินที่นอนท่ามกลางทหารคนอื่นที่เข้ามาตอนมีแก๊สสลบในห้อง, ครางและตื่นขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอ?”

“หะ...หัวหน้า?” รองหัวหน้าอัศวินกุมศีรษะเหมือนปวดหัวและพูดเสียงแหบเหมือนเพิ่งตื่น

“ใช่ ข้าเอง”

รองหัวหน้าอัศวินพยายามลุกขึ้นแล้วก็เห็นกระดาษและดอกไม้ติดที่มือซ้ายของเขา “เอ๊ะ ทำไมมันไม่หลุด?”

หัวหน้าอัศวินมองรองหัวหน้าอัศวินที่พยายามแกะดอกไม้กับกระดาษออก “นักเวทหลวงบอกว่ามีเวทมนตร์ป้องกันไม่ให้มันหลุดจากมือเจ้า”

“ครับ?” รองหัวหน้าอัศวินอึ้งและอ่านกระดาษ

“เวร ไม่เป็นมงคลเลย” 

เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นข้อความ ‘หลับใหลที่นี่ขณะสู้กับคนขายยาผิดกฎหมาย’

หัวหน้าอัศวินถอนหายใจ “นักเวทหลวงบอกว่ากระดาษมีเวทมนตร์ต้านแก๊สสลบครึ่งหนึ่ง ดอกไม้เป็นตัวเร่ง”

เดนต้านแก๊สสลบให้ครึ่งหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้รองหัวหน้าอัศวินสูดแก๊สเข้าไปมากเกินไป แต่ต้องไม่ให้เขาตื่นขึ้นมา

แน่นอน แค่สูตรเวทมนตร์ข้างหลังเท่านั้นที่มีความหมาย ข้อความข้างหน้าไม่เกี่ยวกับเวทมนตร์ แต่หัวหน้าอัศวินและรองหัวหน้าอัศวินไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อ เพราะคิดว่าข้อความนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเวทมนตร์ด้วย

“แต่ข้าอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมเจ้ามานอนอย่างนี้?”

หัวหน้าอัศวินมองอย่างเฉยชา รองหัวหน้าอัศวินหดตัวลงและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น

“...แล้วเจ้าเด็กฝึกขี้เหนียวก็ใส่หน้ากากกันแก๊สพิษคนเดียวและขว้างระเบิดแล้วหนีไป” รองหัวหน้าอัศวินบ่นว่าเขาขี้เหนียว แต่หัวหน้าอัศวินคิดไม่เหมือนกัน

แม้รองหัวหน้าอัศวินจะทำได้ดีในสถานการณ์ที่ถูกคนจำนวนมากกว่าล้อม แต่หัวหน้าอัศวินตัดสินว่าถ้าเขาต้องสู้ไปด้วยปกป้องเดนไปด้วยต้องบาดเจ็บหนักแน่ ในสถานการณ์เช่นนั้น ถ้ามีระเบิดยาสลบและมีหน้ากากเพียงใบเดียว วิธีที่ได้ผลที่สุดคือใส่หน้ากากให้ตัวเองและใช้ระเบิด

ในความคิดของเดน เขาคงคิดว่าเขายังเป็นผู้ต้องสงสัยและถ้าหาหลักฐานไม่ได้ก็จะถูกกล่าวหาเป็นอาชญากร ดังนั้นเขาคงเลือกเคลื่อนไหวด้วยตัวเองแทนที่จะเชื่อรองหัวหน้าอัศวินที่เพิ่งรู้จักวันนี้

ปัญหาคือการใช้ระเบิดยาสลบไม่อาจมองข้ามได้ ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุ ก็จะจบที่ถูกปรับ แต่ถ้าเป็นความจงใจมันจะเป็นปัญหาตามมา ซึ่งไม่ดีต่อเดนที่ตอนนี้เป็นผู้ต้องสงสัย

“เราจะถือว่าแก๊สสลบนี่เป็นอุบัติเหตุ”

“ครับ?” รองหัวหน้าอัศวินประหลาดใจ ปกติหัวหน้าอัศวินจะทำตามขั้นตอนอย่างเข้มงวด

นี่เป็นผลจากการหว่านล้อมและสะกดจิตของเดน

“ข้าต้องตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตเพื่อนของข้า”

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีสำหรับเดน เพราะเขาวางแผนจะแก้ปัญหาด้วยการข่มขู่รองหัวหน้าอัศวิน (ทำยุทโธปกรณ์ของกองทัพเสียหายและสมรู้ร่วมคิดกับผู้อ้างตัวเป็นอัศวิน)

***

หลังจากหนึ่งชั่วโมงอันแสนยุ่ง ผมมาถึงห้องที่มีตู้เซฟที่เจอกับหน้ากากแดงครั้งแรก ผมขโมยตู้เซฟได้ 38 ตู้รวมถึงตู้ลับ หน้ากากแดงขโมยได้ 51 ตู้

ถึงผมจะแพ้ด้านจำนวน ผมไม่คิดว่าตัวเองแพ้ในด้านมูลค่า ไม่สิ น่าจะเหนือกว่าในด้านมูลค่าด้วยซ้ำ

“โอ ข้ารู้แค่ 64 ตู้ อีก 25 ตู้มาจากไหน?” หน้ากากแดงถาม

“อ้อ 25 ตู้นี้ไม่มีเวทมนตร์ติดอยู่ ข้าเลยต้องใช้เวลาหาอยู่นาน” ผมพูด

นี่คือเหตุผลว่าทำไมตู้เซฟบางตู้หลุดจากมือผมไปตอนเข้ามาขโมยครั้งก่อน ยังมีหลายอย่างต้องเรียนรู้อีกเยอะ ผมพลาดตู้เซฟพวกนี้เพราะมันตรงข้ามกับที่ผมคิด

“โฮ่ เป็นเจ้าแรคคูนโลภมากจริงๆด้วย” หน้ากากแดงกัดฟัน

ดูจากปฏิกิริยาของเธอ ตู้เซฟที่ไม่มีเวทมนตร์ติดอยู่คงเพื่อป้องกันเธอโดยเฉพาะ ที่จริง ของส่วนใหญ่ในตู้เซฟลับพวกนี้เป็นเอกสารที่ไม่มีมูลค่า ส่วนใหญ่เป็นหลักฐานการฉ้อโกงและอาชญากรรมที่มาร์ควิสบัลเธียนก่อ ดังนั้นผมจึงถือว่าผมบรรลุเป้าหมาย

“มาแลกเปลี่ยนกันเถอะ” หน้ากากแดงเอาทรัพย์สินที่เคยเป็นของมาร์ควิสบัลเธียนออกมาแลก

“ข้าไม่แน่ใจ? ไม่รู้ว่าจะมีของที่มีประโยชน์กับข้าหรือเปล่า” เมื่อผมปัดข้อเสนอของเธอ หน้ากากแดงก็เปิดกระเป๋ามิติและหยิบวัตถุดิบเวทมนตร์หายากต่างๆออกมา

วัตถุดิบจำนวนมากเป็นของที่ผมไม่มี ซึ่งของที่ผมไม่มีก็มีแค่วัตถุดิบที่หาได้แต่ในส่วนลึกของเขตแดนปีศาจหรือที่เผ่าภูติ หนึ่งในเผ่าของชาติพันธุ์นักสู้ที่อยู่ด้านใต้ของทวีปถือครองไว้โดยเฉพาะ

“อยากได้อะไรล่ะ คุณลูกค้า? บอกมาเลย โอกาสแบบนี้ไม่มีทุกวันนะ”

โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อยสำหรับผม ผมน้ำลายสอเมื่อเห็นวัตถุดิบหายาก ผมอยากได้ถึงขั้นต่อให้ต้องแลกกับเหรียญทองคำขาวทั้งหมดในกระเป๋ามิติของผมก็ยอม

เมื่อก่อน ผมเคยไปงานประมูลที่จัดโดยหอคอยเวทมนตร์โดยอ้างว่าเพื่อซื้อวัตถุดิบจำเป็นในชั้นเรียนเวทมนตร์ของศูนย์ฝึก แต่ทว่า มีน้อยมากที่เป็นวัตถุดิบหายาก ส่วนใหญ่เป็นของที่ผมมีในกระเป๋ามิติแทบล้นแล้ว ผมปลอมตัวและซื้อวัตถุดิบหายากจนมันก็แทบล้นแล้วตอนนี้

เมื่อผมถูมือและวางเอกสารลง หน้ากากแดงมองผมด้วยรอยยิ้มล้อเลียน แต่ไม่เป็นไร ต่อให้ไม่มีหลักฐาน การมาเยี่ยมสักเดือนละครั้งก็เพียงพอจะนำความพินาศให้มาร์ควิสแล้ว

“มีหนังสือชื่อ ‘เสียงร้องของดินแดนเหนือ’, ‘จุดจบของตระกูลศักดิ์สิทธิ์’, ‘คำทำนายของตระกูลศักดิ์สิทธิ์’, หรือ ‘ลมหายใจของตระกูลศักดิ์สิทธ์’ ไหม?” หน้ากากแดงถาม

“ขอดูก่อนนะ มีหนังสือชื่อ ‘เสียงร้องของดินแดนเหนือ’ กับเอกสารชื่อ ‘ลมหายใจของตระกูลศักดิ์สิทธ์’”

ทั้งสองเป็นเอกสารที่ดูจะเก่าแก่หลายร้อยปี

“มีอย่างอื่นไหม?”

ผมตอบโดยเลียนแบบพี่แมค “ฮ่าๆๆ ไม่มีแล้ว จะดูไหม?”

“ดู” หน้ากากแดงตอบทันทีและค้นกองเอกสาร

แต่ไม่เจอ เธอเหลือบมองผม “เจ้าคงไม่ได้ซ่อนมัน ใช่ไหม?”

“อ้าว! ข้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง? นี่คือทั้งหมดแล้ว”

ผมตอบอย่างขี้เล่น หน้ากากแดงมือสั่น เหมือนรู้สึกเสียดาย และส่งทรัพย์สินทั้งหมดของมาร์ควิสบัลเธียนและวัตถุดิบเวทมนตร์ให้

“ว้าว ขอบคุณมาก!” เอกสารทั้งหมดนี้ถูกทำสำเนาไว้แล้ว

ผมไม่รู้ว่าเธอต้องการเอกสารไปทำไม แต่ผมตัดสินใจจะค่อยๆอ่านมัน ผมเก็บของใส่กระเป๋ามิติ อาจเพราะเขาสะสมทรัพย์สินเพิ่มไม่ได้มากตั้งแต่ตอนที่ผมขโมยครั้งก่อน ทรัพย์สินคราวนี้มีไม่เยอะเท่า

คราวนี้ มาใส่บัญชีฉ้อโกงคืนตู้เซฟและเอาสักส่วนหนึ่งส่งเป็นของขวัญให้นายกรัฐมนตรีกันดีกว่า

“เจ้ารู้ไหมว่านี้เป็นครั้งแรกที่มีคนเอาจากข้าไปเยอะขนาดนี้?” หน้ากากแดงที่กำลังจะออกไปทางหน้าต่าง หันกลับมาพูด

ผมตอบโดยการโบกมืออย่างจงใจและบอกลา “ถือเป็นเกียรติของข้า”

“คอยดูนะ โฮะๆๆ!” เสียงหัวเราะฟังไม่เข้าหู แต่จะให้ผมทำยังไงได้? กระเป๋ามิติก็เต็มแล้ว ได้เวลากลับแล้ว

***

ขากลับ ผมไปเก็บพ่อบ้านชราและคนร้ายตัวจริง กลับไปที่ห้องสอบสวน เมื่อมาถึง ภาระก็บ่นใส่ผม

แน่นอน ผมฟังหูซ้ายทะลุหูขวาพลางส่งคนร้ายตัวจริง, ผู้สมรู้ร่วมคิด, และหลักฐานให้หัวหน้าอัศวินและได้รับอิสระ... ได้อย่างนั้นก็คงดี แต่ผมต้องนอนในคุกวันนี้

หลักการของเจ้าบ้านั่น...

วันต่อมา ผมส่งพี่น้องขี้แยและพี่น้องเผ่าผีเสื้อที่มาเยี่ยมกลับไป จากนั้น ขณะผมกำลังนอนเล่นและสนุกกับชีวิตในคุกก็มีข่าวว่าหัวหน้าเพลแกรนท์ตื่นขึ้นมา หัวหน้าอัศวินพาผมออกจากคุกไปเยี่ยมหัวหน้าเพลแกรนท์ที่โรงพยาบาลของจักรพรรดิ

ผมไม่รู้ทำไมเขาพาผมมา แต่เมื่อผมเข้าไปในห้องก็เห็นหัวหน้าเพลแกรนท์ที่กำลังร้องไห้น้ำตานองหน้า

“ข้าขอโทษ ได้ยินว่าเจ้าต้องลำบากเพราะข้า” เขาพูด

ด้วยความตกใจ ผมยิ้มจอมปลอมอย่างเคย “ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกครับ อย่าโทษตัวเองเลย”

ทันใดนั้น เขาคว้ามือผมและพูดขอบคุณหลายๆครั้ง ผมคิดว่าเพราะเกือบตายเลยทำให้สมองเขาเพี้ยนไป แต่เพราะผมช่วยชีวิตเขาไว้ ผมรู้สึกว่าเขาน่าจะให้คะแนนผมผ่านเกณฑ์เฉลี่ย

แต่ทว่า เมื่อมาดูเกรด ผมได้คะแนนเต็ม ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะให้คะแนนเต็มเพราะช่วยชีวิตเขาไว้

เดี๋ยวนะ แบบนี้ก็แปลว่าเกรดของผมสูงเกินไปน่ะสิ เวร หาเรื่องใส่ตัวแล้วไง!



สารบัญ                                             รอใส่บทที่ 91


ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนเลยน้าเดน... ตอนหน้าขึ้นบทใหม่ค่ะ มี 9 ตอน (ถ้าจำไม่ผิดนะ)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น