บทที่ 89
ในทางกฎหมาย ข้าราชการคนของจักรพรรดิ เป็นมือและเท้าของเขา ดังนั้น การทำร้ายข้าราชการเปรียบเทียบได้กับทำร้ายร่างกายจักรพรรดิ พูดอีกอย่างคือ ถ้าโชคไม่ดีคนผิดอาจถูกลงโทษไปถึงสามชั่วรุ่นในฐานก่อกบฏ เพราะฉะนั้นแม้แต่ขุนนางตระกูลใหญ่ยังไม่อาจแตะคนอย่างหัวหน้าเพลแกรนท์ได้ง่ายๆ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าราชการจะทำตัวหยิ่งผยองได้ จักรวรรดิเป็นประเทศที่ยอมรับระบบชนชั้นเป็นกฎหมาย ต่อให้เป็นข้าราชการ ถ้าไปทำให้ขุนนางโกรธ อาจเป็นเขาถูกตัดหัวแทน
ถ้าขุนนางรู้สึกว่าตัวเองถูกดูหมิ่นและขว้างถุงมือท้าประลอง ข้าราชการต้องใช้รายได้เล็กน้อยของเขาเพื่อหาตัวแทน ถ้าหาไม่ได้ ก็ต้องสู้เอง แต่ขุนนางมีอัศวินเป็นตัวแทนในการประลอง ข้าราชการที่ทำแต่งานเอกสารจะถูกฆ่าตรงนั้น
จะว่าไปแล้ว ถ้าผมรู้ว่าจะมีพ่อบ้านสารภาพเรื่องทั้งหมด ผมจะไม่ซื้อบันทึกการเคลื่อนไหวในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของหัวหน้าเพลแกรนท์หรอก ไม่รู้ว่าถือเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
ผมวางแผนไว้ว่าจะจับคนร้ายและตรวจสอบเรื่องเบื้องหลังด้วยการรวบรวมคำสารภาพของคนร้ายกับการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของหัวหน้าเพลแกรนท์ สุดท้ายก็เสียเงินเปล่า
ด้วยเหตุนั้น เหลือเลือดโทรลน้ำแข็งไว้เป็นหลักฐานสักนิดและเอาที่เหลือไปดีกว่า มันเป็นของมีค่าที่หาไม่ได้นอกจากในส่วนลึกของเขตแดนปีศาจ
ผู้เฒ่าเมอร์ปายังคอยบ่นให้รัฐมนตรีต่างประเทศหามา คิดแล้วผมก็รู้สึกภูมิใจที่เห็นมันเข้าไปในกระเป๋ามิติ มันเป็นของที่ถ้ามีโอกาสให้เก็บก็ต้องเก็บไว้เพราะไม่รู้ว่าจะจำเป็นต้องใช้เมื่อไหร่
จากนั้น ผมมัดชายชราและนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยเชือกและใช้เวทมนตร์เสริมความทนทานมากกว่าสามเท่า พวกเขาคงไม่ตื่นไปอีกหลายชั่วโมง แต่เผื่อไว้ ผมกางบาเรียล่องหน ต่อให้มีคนเจอพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคนมาจะเป็นนักเวทที่เก่งกว่าผม
จับคนร้ายได้แล้ว ถึงเวลาไปอัดพวกคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง โชคดีที่ผมรู้จักที่นั่นดีเพราะเคยไปปล้นมาก่อน
ผมเอาหน้ากากครึ่งหน้าสีขาวออกมาและบินผ่านท้องฟ้าสีฟ้าเหนือเมืองหลวง มันเป็นหน้ากากเวอร์ชั่นสอง ไม่เพียงอัพเกรดเวทมนตร์รบกวนการรับรู้ ผมยังใส่เลขสองแบบโรมันไว้ใต้ตาขวาเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นลูแปง
****
ในห้องทำงานของเขา มาร์ควิสบัลเธียนทำใจให้สงบได้ยากซึ่งเห็นได้จากการที่เขาคอยกัดเล็บ พ่อบ้านควรจะกลับมาได้ตั้งนานแล้ว แต่เขายังไม่กลับมา
เกิดเหตุผิดพลาดหรือเปล่า?
เขารู้สึกไม่สงบและปัดกองหนังสือราคาแพงบนโต๊ะหล่นบนพื้น
“เวรเอ๊ย!” มาร์ควิสบัลเธียนด่าและขยี้ผมที่รุงรังของเขา
ไม่ สงบใจลงก่อน เขาพยายามเตือนตัวเองให้ใจเย็นลง แต่ทำไม่ได้ สำหรับคนที่ได้ทุกอย่างตั้งแต่เด็ก มันเหมือนการควบคุมจิตใจของเขาค่อยๆหมดไปแค่เพียงคิดว่าอาจมีอะไรผิดพลาด
“บ้าเอ๊ย แค่ให้มันไปฆ่าแมลงน่ารำคาญตัวเดียว” เขาพึมพำและบอกตัวเองว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดได้
มาร์ควิสบัลเธียนไม่อาจเข้าใจได้ว่าจะมีเหตุยุ่งยากอะไรที่ทำให้พ่อบ้านของเขา ที่ถูกส่งไปจัดการกับนักเล่นแร่แปรธาตุไม่สำคัญคนหนึ่งกลับมาช้า เขาไม่แม้แต่ต้องการเข้าใจ
รอให้มันกลับมาแล้วค่อยลงโทษมัน คิดอย่างนี้แล้วเขาก็เริ่มกัดเล็บอีก ลงโทษ ไม่ใช่ฆ่า มีพ่อบ้านไม่กี่คนที่ใช้การได้แบบนี้
คนหลายสิบคนตายด้วยมือเขาหลังจากถูกใช้เป็นเครื่องมือ แต่มาร์ควิสบัลเธียนไม่คิดถึงพวกเขา ที่จริงคือเขาคิดไม่ได้ แมลงไร้ค่าที่ตายไปหายไปจากความทรงจำของเขานานแล้ว
มาร์ควิสบัลเธียนกัดเล็บเพื่อบรรเทาความกระสับกระส่ายไม่หยุด เขาหมุนลูกโลกบนโต๊ะอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายและเปิดหนังสือไปมา
“คิก”
เขาหันไป ตกใจกับเสียงหัวเราะกะทันหัน
บนโซฟาตัวใหญ่ ผู้หญิงใส่หน้ากากสีแดงกำลังนั่งไขว่ห้าง หัวเราะใส่มาร์ควิสบัลเธียน
“มาได้ยังไง? ไม่สิ ถ้าเป็นพิจิกก็ไม่แปลก” มาร์ควิสบัลเธียนพูดกับตัวเอง มองผู้หญิงหน้ากากแดงที่ฝ่าระบบรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์ของเขาเข้ามา
พิจิกเลิกไขว่ห้างและลุกขึ้น ตรงมาที่มาร์ควิสบัลเธียนพลางลูบคางของหน้ากากแดงของเธอ “ข้าได้ยินว่าเรื่องไม่เป็นตามแผน ฮุๆ”
มาร์ควิสบัลเธียนโกรธกับเสียงไม่ตื่นเต้นตกใจของเธอ ขณะเดียวกัน เขาเคลิ้มไปกับเสียงชวนหลงใหล
“ดีแล้วที่มา ข้าจะบอกให้พวกเจ้าไปจัดการให้เรียบร้อย เพราะเจ้าเป็นคนทำเสียเรื่อง”
พิจิกหัวเราะลั่น “อุ๊ย ข้าจะทำทำไม?”
“อะไร? เจ้าหมายความว่ายังไง?!” มาร์ควิสบัลเธียนหงุดหงิด
ไม่นาน อารมณ์ของเขาก็กลายเป็นโมโห “ทั้งหมดนี่เป็นเพราะพวกเจ้า!”
พิจิกเห็นมาร์ควิสบัลเธียนโมโหแล้วรู้สึกตลกและหัวเราะ “สงสัยจังว่าทำไมมันเป็นความผิดของข้า~?”
มาร์ควิสบัลเธียนยิ่งโกรธเพราะเสียงขี้เล่นของเธอ “เจ้าล้อเล่นเหรอ? ที่เป็นแบบนี้เพราะพวกนั้นจัดการหมาของนายกรัฐมนตรีที่ไล่ตามเจ้า?!"
“อุ๊ย อย่างนั้นเหรอ?”
ทันทีที่พิจิกร้องอย่างไม่จริงใจ มาร์ควิสบัลเธียนก็หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “เจ้า เจ้า...!”
“เจ้าน่าจะเข้าใจผิดแล้ว เจ้าต่างหากเป็นคนทิ้งร่องรอยไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเลินเล่อของเจ้า นายกรัฐมนตรีผู้สูงศักดิ์ของเราจะได้กลิ่นและส่งสุนัขล่าเนื้อตามมาเหรอ?”
“อะไร เพราะอะไรถึงถูกจับได้! เพราะเราพยายามทำให้ได้ตามความต้องการที่มากเกินไปของเจ้า!”
คำตอบของพิจิกไม่ล้อเล่นอีกต่อไปแต่เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เพราะอย่างนั้นเจ้าจึงต้องระวัง อีกอย่าง ข้าแน่ใจว่าที่เจ้าถูกจับไม่ใช่เพราะพยายามทำให้ได้ตามความต้องการของข้าอย่างเดียวใช่ไหม?”
“อึก!” มาร์ควิสบัลเธียนไม่มีคำตอบ
พิจิกกระซิบที่หูมาร์ควิสบัลเธียน “ถ้าเจ้าได้สนองความโลภเพราะข้า เจ้าควรรู้ดีกว่านี้”
“เจ้า เจ้าคนชั้นต่ำ!” มาร์ควิสบัลเธียนอึ้งไปเมื่อได้ยินจากพิจิกผู้โลภมาก
แต่พิจิกผละจากมาร์ควิสและยักไหล่เหมือนอ่านใจเขาออก “ข้าอาจไม่รู้ว่าขีดจำกัดความโลภของข้าอยู่ตรงไหน แต่ข้ามีพลังควบคุมมัน แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีไหม? โอ๊ะ สุนัขล่าเนื้อที่เจ้าพยายามฆ่าคงไม่กัดตอบตอนเขาตื่นขึ้นมา ใช่ไหมนะ?”
น้ำเสียงขี้เล่นกลับมา แต่มาร์ควิสบัลเธียนสงบลงแล้ว ถ้าเขาไม่ฆ่าเพลแกรนท์ตอนนี้ เพลแกรนท์อาจกล่าวหาเขาเป็นคนร้าย มันไม่มีหลักฐาน แต่มีหลักฐานแวดล้อมชี้ว่าเขาและพิจิกมีการติดต่อกัน
ในเมื่อเพลแกรนท์เกือบตาย มาร์ควิสบัลเธียนแน่ใจว่าในคำให้การ พวกเขาจะสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมาโจมตีเขา นี่เป็นการต่อสู้ทางการเมืองอย่างหนึ่ง และฝ่ายไหนจะชนะขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหนจะสร้างความถูกต้องได้ก่อน
ในการต่อสู้ที่ถ้าไม่กัดคอคนอื่นก่อนก็จะถูกคนอื่นกัดคอ มาร์ควิสบัลเธียนเป็นคนให้โอกาสสร้างความถูกต้อง การโจมตีก่อนเพื่อป้องกันตัวของเขานำไปสู่การตอบโต้เพราะเพลแกรนท์รอดตาย ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกที่หัวดื้อเพียงใด สัญชาติญาณทางการเมืองที่เขาขัดเกลาจากการอยู่ในการเมืองหลายปีทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายคับขัน
มาร์ควิสบัลเธียนหน้าซีด เขาขอร้องพิจิก “ขอร้องล่ะ! ฆ่าหมาตัวนั้น! ถ้าเป็นเจ้า ต้องทำได้โดยไม่มีใครรู้แน่!”
ตอนนี้ จะพูดว่าเพลแกรนท์ปลอดภัยกว่าอาร์คันทา นายกรัฐมนตรีก็ว่าได้ แน่นอนว่านายกรัฐมนตรีต้องปกป้องเพลแกรนท์ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพราะเขาเป็นเพื่อนและอาวุธทางการเมืองที่สำคัญ
แน่นอน มาร์ควิสบัลเธียนย่อมไม่แม้แต่จะลองฝ่าการคุ้มกัน แต่ถ้าเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถประกาศในที่สาธารณะว่าอยากเห็นจักรวรรดิ ประเทศที่แข็งแกร่งที่สุด ล่มสลาย ย่อมต่างจากเขา เธอสามารถลอบสังหารเพลแกรนท์และหยอกล้อกับระบบรักษาความปลอดภัยทุกขั้นตอน
“อืม ก็เป็นไปได้ เอ ข้าจะทำยังไงดีนะ?” เสียงหยอกเย้าของพิจิกทำให้มาร์ควิสบัลเธียนเดือดพล่านอยู่ข้างใน
“ก็ได้ ถ้าเจ้าให้ของที่ตกลงว่าจะให้กับข้าก่อนหน้านี้”
“ก่อนหน้านี้? เจ้าพูดถึงอะไร?” มาร์ควิสบัลเธียนหงุดหงิด
“เอ๋ เจ้าก็รู้ พรเทวี”
มาร์ควิสรู้สึกสิ้นหวังเมื่อได้ยินเสียงทำให้น่ารักของพิจิก “นั่น ข้าบอกแล้วนี่ว่าถ้าจับโจรได้จะให้”
พิจิกหัวเราะโดยไม่สนใจเสียงสิ้นหวังของมาร์ควิส “อุ๊ย เจ้ายังจับเขาไม่ได้อีกเหรอ?”
เสียงหัวเราะทำให้มาร์ควิสแน่ใจว่าเธอจงใจถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้กำลังล้อเขาเล่น
“ถ้าข้าถูกจับ เจ้าก็ไม่รอด! ทุกอย่าง! ข้าจะบอกทุกอย่างให้นายกรัฐมนตรีรู้! ที่ซ่อนของเจ้า! พลัง! ทุกอย่าง!”
มาร์ควิสพูดด้วยเสียงโกรธ พิจิกกลั้นไว้ไม่ไหวและหัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆๆ!”
“หัวเราะอะไร?!”
“ฮ่าๆๆๆ! ฮ้า ไม่ได้หัวเราะขนาดนี้มานานแล้ว เจ้าเชื่อทุกอย่างที่ข้าบอกและแสดงให้ดูเลยเหรอ? ว้าว ไม่รู้เลยนะเนี่ย มาร์ควิสของเราเป็นคนใสซื่อจริงๆ”
“อะไร..?” มาร์ควิสหน้าซีดและมองพิจิกอย่างว่างเปล่า
พิจิกยิ้มทางตาผ่านหน้ากาก “คราวหน้า กรุณาเตรียมของที่ตอบสนองความต้องการของข้าได้เพื่อข้าจะได้ทำงานให้เจ้า ถ้ามีคราวหน้าน่ะนะ”
พูดจบ พิจิกหายไปจากสายตามาร์ควิส เหมือนเขาพูดกับความว่างเปล่าตั้งแต่แรก มาร์ควิสรู้สึกถึงการถูกตัดขาดและการทรยศจนตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
มันผิดพลาดไปตอนไหน? ตอนเขาพยายามจะฆ่าสุนัขล่าเนื้อของนายกรัฐมนตรีที่ขุดตามเขา? ตอนที่เขาร่วมมือกับแม่มดเพราะความโลภ? ไม่ใช่เลย ถ้าเขาไม่ฆ่าสุนัขล่าเนื้อ มันต้องกัดคอเขาแน่ และต่อให้ไม่ใช่แม่มดเขาก็จะร่วมมือกับคนอื่นเพื่อตอบสนองความโลภ
มาร์ควิสบัลเธียนพบต้นตอของความพินาศจากที่อื่น ลูแปง ใช่ ลูแปงคือต้นตอ ถ้าเขาไม่ขโมยพรเทวีไป พิจิกก็จะไม่เรียกร้องเรื่องยากเกินไปเหล่านั้น
ถ้าโจรลูแปงไม่ขโมยทรัพย์สินทั้งหมดในคฤหาสน์ของเขาไป ร่องรอยของเขาก็จะไม่ถูกจับได้เพราะจู่ๆก็ขาดเงินทุน ทุกอย่างเป็นเพราะโจรนั่น ลูแปง!
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างมันไร้ความหมาย ตอนนี้ เขาแค่อยากให้พ่อบ้านกลับมาเร็วๆหลังจากจัดการกับนักเล่นแร่แปรธาตุเสร็จแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น