วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 162

บทที่ 162 – ปราสาทของบิบิ


“ใช่ ทุกคนจะปลอดภัย”

วูจินจริงจังกับเรื่องนี้

ระหว่างที่เขาไปรบ เขาต้องเชื่อว่าครอบครัวเขาปลอดภัย ไม่แค่คนงานของเขา แม่และโซอาก็อยู่ที่นี่ด้วย

“เรื่องคิมคังชุลเป็นไง?”

“ไม่มีร่องรอยเลย”

“จึ๊”

มันจะพยายามติดต่อเขาอีกแน่ วูจินไม่จำเป็นต้องพยายามจับเขานัก เขายังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำให้เสร็จ

“ประชุมกิลด์เมื่อไหร่?”

“หนึ่งทุ่มครับ”

“เรายังมีเวลาอีกเยอะ”

ตอนนี้เพิ่ง 9 โมงเช้ากว่าๆ

“อ้อ เรือบรรทุกเครื่องบินมาเทียบท่าที่ท่าเรือปูซานแล้วครับ”

วูจินกำลังเดินไปทางอลันดาล เขาหยุดเดิน

“ถึงแล้วเหรอ?”

“ใช่ แต่ว่า...”

“แต่ว่า? มีปัญหาอะไร?”

“พวกเราส่งพนักงานไปรับมันที่ปูซาน แต่ดูเหมือนสภาพเรือจะไม่ดี”

“พวกนั้นส่งของเก่ามาให้งั้นสิ”

เรือกำลังจะปลดระวางไปเมื่อ 5 ปีก่อน แต่อังกฤษให้อินเดียยืมไปใช้ เรือบรรทุกเครื่องบินลำเดียวกันนี้ถูกส่งมายังเกาหลี

จุงมินชานมีสีหน้าเคร่งเครียดและถามวูจินอย่างระวัง

“ถ้าท่านไม่ชอบ ผมจะทำการเจรจาใหม่”

“ไม่เป็นไร มันขยับได้ไหม?”

“อะไรนะครับ?”

“ฉันถามว่ามันแล่นได้ไหม”

“ได้ แต่...”

“งั้นก็ดีแล้ว”

เขาไม่สนใจเรื่องอาวุธที่บรรทุกมากับมันหรือได้อะไรมาพร้อมกับข้อตกลง

“ดาดฟ้าเรือสภาพไม่ดี และเราต้องเสียค่าใช้จ่ายมากหากจะเพิ่มอาวุธลงไป ยิ่งกว่านั้นเราต้องจ้างคนมาทำงาน ในข้อตกลงก็ไม่รวมถึงเรือคุ้มกันด้วย ถ้าเราคิดจะสร้างกองเรือดีๆก็ต้องใช้เงินเพิ่มอีกสองสามเท่า...”

“ฉันไม่ต้องการของพวกนั้น”

เรือบรรทุกเครื่องบินแต่ไม่มีเครื่องบินกับกองเรือคุ้มกันจะเป็นอะไร?

“ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นแค่เรือลำใหญ่มากที่แล่นได้...”

“นั่นคือส่วนสำคัญที่สุด”

“...?”

“ฉันอยากได้พื้นที่มันขยับได้”

“หา?”

“ฉันจะกลับมาก่อน 6 โมง”

วูจินเดินไปทางรังไวเวิร์นในสวนสัตว์เปิดของอลันดาล

“ท่าน...ท่านจะไปไหน?”

“ฉันจะไปทำความสะอาดบ้านใหม่ของเรา”

“...?”

เขาหูฝาดไปหรือเปล่า?

“ช้าๆนะ ให้ทุกคนเตรียมพร้อมย้ายบ้าน”

“หรือ...หรือว่าท่านจะ...”

วูจินยิ้มพลางขึ้นหลังไวเวิร์น ไวเวิร์นดันตัวขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อวูจินจากไปไกลแล้ว เบคจองโดก็มาหาจุงมินชานอย่างแปลกใจ

“นายกจุง น้องคังไปไหนน่ะ?”

“...ท่านบอกว่าจะไปรับเรือบรรทุกเครื่องบิน”

“อะไรนะ?”

จุงมินชานเปิดมือถือและโทรหาคิมเฮมินที่ถึงปูซานก่อนแล้ว

“เฮมินอา ประธานเพิ่งไปทางนาย”

[อ๊ะ เหรอครับ? เขาจะมาถึงเมื่อไหร่? มายังไง?]

“เขาขี่ไวเวิร์นไป”

[อะไรนะ? งั้นผมจะไปรอรับเขาที่ไหน...]

“อ่า นายจัดการทุกอย่างได้เลย”

[ท่าน...ท่านนายก?]

จุงมินชานวางสายจากนั้นมองคนรอบๆตัวเขา

เราส์ใหม่กำลังคุยกับครอบครัว นักข่าวอีกด้านของประตูหน้ากำลังถ่ายรูป และมีเบคจองโดกับโดเจมินที่มาหาเขาอย่างแปลกใจ

“คุณซุงกูอยู่ไหนล่ะ? ผมยังไม่เห็นเขาเลย”

“อา พี่ซุงกูยังมีฝึกอีกครับ”

มินชานพยักหน้ารับรู้ ซุงกูสามารถเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวได้ด้วยตัวเอง มินชานไม่ต้องเป็นห่วงเขานัก

“พี่ซุงกูอาจจะตายก็ได้”

“...โลกจาคุอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“เปล่าครับ คุณเจนิสกับพี่ซุงกูเล่นไล่จับกันที่นั่น”

ทำไมต้องเล่นไล่จับล่ะหวา...

โดเจมินบอกลาจุงมินชานที่กำลังมึนงง

“ผมไปหาพี่สาวนะ”

“โอ๊ะผมนี่ก็ พวกคุณเพิ่งกลับมาแต่ผมกลับรั้งพวกคุณไว้”

ปกติเวลาเราส์กลับจากการสำรวจดันเจี้ยนพวกเขาจะมีความเครียดสูง เพราะช่วงหลังนี้จุงมินชานเป็นผู้ช่วยให้คังวูจินและฮงซุงกูจึงลืมเรื่องนี้ไป

“ไปพักเถอะ ว่าแต่คุณไปไหนมาไหนตอนกลางวันได้แล้วเหรอ?”

เจมินยิ้ม

“เอ่อ ก็จะมีอาการแพ้นิดหน่อยครับ แต่มันฆ่าผมไม่ได้แล้ว ฮะๆ”

เจมินเป็นแวมไพร์ลอร์ด เป็นขุนนางในหมู่แวมไพร์ ตัวตนของเขามีเกียรติเกินกว่าจะตายใต้คำสาปของดวงอาทิตย์

“ผมก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน ผมอยากร่วมงานประชุมกิลด์คืนนี้ด้วย”

“ครับ ผมติดต่อ KH แล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็มา”

หลังจากส่งเบคจองโด มินชานขมวดคิ้ว

“เฮ้อ ย้ายบ้านเหรอ?”

มินชานรู้จักนิสัยวูจิน เขาทำทุกอย่างตามที่พูด เพราะฉะนั้นการย้ายบ้านเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว ที่นี่มี 1,000 ครอบครัวอาศัยอยู่ แค่คิดเรื่องย้ายพวกเขาทั้งหมดมินชานก็ปวดศีรษะแล้ว

***

พวกเขาอยู่ในหอบังคับการของเรือบรรทุกเครื่องบิน อินวินซิเบิล ที่ทอดสมออยู่ที่ปูซาน

คิมเฮมินมองลงไปยังดาดฟ้าเรือ

“หืม นี่น่าจะใหญ่กว่า ROKS Dokdo ไหมนะ?” (TN – เป็นเรือสำหรับยกพลขึ้นบกของเกาหลีใต้)

“ครับ ใหญ่กว่าเล็กน้อย”

เขาพยักหน้าฟังคำพูดของผู้ชำนาญการพิเศษที่เพิ่งเข้ากับอลันดาลไม่นาน

“ถ้าสั้นแบบนี้ เราจะส่งเครื่องบินขึ้นได้ไหมนะ...”

“ไม่เป็นไรมั้ง ผมว่าประเทศเราไม่มีคนขับเครื่องบิน?”

“จ้างเอาก็ได้”

“ถ้าเป็นเครื่องบินประเภทขึ้นลงแนวดิ่งก็น่าจะเป็นไปได้... เราแค่ใช้เฮลิคอปเตอร์ดีไหม?”

ตอนนี้มีเฮลิคอปเตอร์ 15 ลำจอดบนดาดฟ้า

“ไม่รู้สิ ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะเอายังไง... เฮ้อ เราซื้อมันมาแต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะใช้มันทำอะไร”

“เราต้องรีบจ้างคนนะครับ”

คิมเฮมินถอนหายใจ พวกลูกเรือจากไปก่อนที่พวกเขาจะอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของเรือบรรทุกเครื่องบิน มันเป็นสมบัติของประเทศอังกฤษ แต่มันถูกใช้โดยประเทศอินเดียมา 5 ปี

ในเมื่อทำหน้าที่เสร็จแล้ว พวกลูกเรือก็กลับอินเดีย ถ้ามีปัญหา พวกลูกเรือบอกเฮมินให้ไปคุยกับรัฐบาลของประเทศอังกฤษ

“นี่มันอะไร? พวกมันหาเรื่องผมหรือเปล่าวะ?”

เฮมินมาที่ปูซานอย่างรวดเร็วพร้อมกับสมาชิกอลันดาล 30 คน

กว่าพวกเขาจะหาคนมาจนพอขยับเรือบรรทุกเครื่องบินได้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่?

พวกเขาต้องเปลี่ยนอาวุธที่เก่าแก่ออก ต้องซื้อกองเรือ ดาดฟ้าก็ต้องซ่อมแซม...

ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมประเทศเล็กๆอย่างอลันดาลต้องใช้เรือบรรทุกเครื่องบิน

กี๊ซ

เสียงมอนสเตอร์คำราม เฮมินตกใจและเหลียวมองรอบๆ

“พระราชามาแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะ”

“ครับ”

เมื่อพวกเขาลงจากหอบัญชาการ พวกเขาเห็นไวเวิร์นตัวหนึ่งกำลังร่อนลงเกาะบนดาดฟ้า วูจินกระโดดลงมา เฮมินวิ่งไปทางเขาพร้อมโบกมือ

“รู้ได้ยังไงครับว่าเป็นลำนี้?”

“นายบอกไม่ใช่เหรอว่าเป็นลำใหญ่สุด?”

“...”

วูจินมองชายที่มากับเฮมิน ชายคนนั้นค้อมศีรษะให้

“นี่คือปาร์กกิลซูครับ เขาเคยเป็นนาวาตรี เคยปฏิบัติหน้าที่บนเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่ 6 เดือน”

“โอ้ ผู้มีประสบการณ์”

วูจินเขย่ามือกับปาร์กกิลซู

พนักงานที่เหลือวิ่งมาทางพวกเขา เฮมินแนะนำตัวพวกเขาทั้งหมด

“3 คนนี้มีใบอนุญาตขับเฮลิคอปเตอร์”

“เฮลิคอปเตอร์?”

วูจินเหลือบมองเฮลิคอปเตอร์

“เราจะได้ใช้มันเหรอ?”

วูจินคิดว่าคงจะเอามันให้โดลเซได้ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อื่นนอกจากนั้น

เฮมินตาโต

“อ๋า? ถ้าท่านไม่ต้องการเฮลิคอปเตอร์ หรือว่าจะซื้อเครื่องบินแบบขึ้นลงและลงจอดแนวดิ่งครับ?”

“เครื่องบิน?”

วูจินเบี่ยงหน้าไปมองไวเวิร์นที่หมอบบนดาดฟ้าอย่างสงบ มันใหญ่พอๆกับเครื่องบินต่อสู้หรือเฮลิคอปเตอร์ ยังมีตัวที่ใหญ่กว่าตัวนี้และสามารถให้คนหลายๆคนขี่ได้ไม่มีปัญหา

“ฉันมีเจ้านั่นอยู่นะ”

“...”

ไวเวิร์นบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ไม่เคยคิดเลยแฮะ...

ฟังแล้วเป็นไอเดียไม่เลว

“ตรงนั้นน่าจะเหมาะ”

วูจินเดินไปทางหอบัญชาการ เฮมินและกิลซูเดินตามเขา

“ผมจะนำทางให้ครับ”

“ไม่ต้องหรอก”

วูจินไม่ได้เข้าไปในข้างในหอบัญชาการ เขาแค่ยืนข้างหน้า

“หวังว่าจะได้ผลนะ”

วูจินหยิบชิ้นส่วนมิติออกมา เขาไม่รู้ว่าจะสร้างอาณานิคมต้องทำยังไง แต่เขารู้ว่าลอร์ดมิติคนอื่นทำได้ ดังนั้นเขาก็น่าจะทำได้

“ไม่ได้ผลเหรอ?”

วูจินจ้องชิ้นส่วนมิติเป็นนานแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาหยิบชิ้นส่วนมิติออกมาอีก 1 อัน ถ้าไม่ได้ผล เขาตั้งใจจะรวมชิ้นส่วนมิติ 3 ชิ้นเป็นหลักฐานมิติ

เมื่อเขาถือชิ้นส่วนมิติ 2 ชิ้นไว้ด้วยกัน เขาได้ยินเสียงอันคุ้นเคย

<คุณต้องการรวมชิ้นส่วนมิติ 2 อันเป็นเศษส่วนมิติหรือไม่?>

วูจินรวมชิ้นส่วนมิติเป็นเศษส่วนมิติ มันมองเหมือนเจดีย์คริสตัลอันยาว ขนาดประมาณคทาเล็กๆ

วูจินฝังมันเข้าไปในหอบัญชาการ

<คุณต้องการสร้างอาณานิคมหรือไม่?>

“แน่นอน”

แสงส่องออกมาจากเศษส่วนมิติและทำหน้าที่เหมือนโปรเจ็คเตอร์ รูปไอคอนหลายรูปปรากฏเป็นโฮโลแกรม รูปพลิกไปเรื่อยๆจนหยุดที่สัญลักษณ์รูปต้นไม้

<รูปสัญลักษณ์ที่สามารถสร้างได้บนโลกมีจำกัดเพียงเท่านี้>

ใครจะสนเรื่องแบบนั้น? ที่สำคัญคือเขาสามารถสร้างอาณานิคมบนเรือบรรทุกเครื่องบินที่เคลื่อนที่ได้

<เมืองอาณานิคมของลอร์ดมิติคังวูจินจะถูกสร้าง เหลือเวลา 24 ชั่วโมง...>

เศษส่วนมิติส่องแสงออกมาและต้นไม้ก็เริ่มเติบโต เศษส่วนมิติทำหน้าที่เป็นเมล็ด พริบตาเดียว เถาวัลย์ก็พันรอบหอบัญชาการ

“เอ๊ะ?”

เฮมินและลูกจ้างที่มองอยู่ต่างแปลกใจกับภาพที่เห็น

“1 วันนี้อย่าให้ใครมาแตะมัน”

“...ครับ แล้วมันคืออะไรครับ?”

“คิดว่าอะไรล่ะ? มันคือบ้านใหม่ของเรา”

รากที่เหมือนเถาวัลย์คลุมหอบัญชาการจนมิด ต้นไม้เริ่มโตขึ้นช้าๆ วูจินยิ้มอย่างพอใจ

ดันเจี้ยนและอาณานิคมทำให้เขาสามารถใช้พลังของลอร์ดมิติได้เต็มที่ ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้ามีแต้ม แน่นอน มันต้องอยู่ภายในเขตอิทธิพลของรูปสัญลักษณ์

ในนั้น วูจินก็คือพระเจ้าดีๆนี่เอง

มีแต่เราส์ที่ผ่านอุโมงค์เข้าไปยังอาณาเขตมิติของเขาได้ แต่อาณานิคมที่สร้างบนโลกนั้นแทบทุกคนสามารถเข้าออกได้

ที่นี่คือที่อยู่ของสมาชิกครอบครัวของอลันดาล พวกเขาจะอยู่ในอาณานิคมอันทรงพลังที่มีพลังของลอร์ดมิติคอยปกป้อง

อีก 1 วัน ฐานทัพแห่งนี้จะสร้างเสร็จและสามารถเคลื่อนที่ได้

“เริ่มทำความสะอาดเลยดีไหม?”

ดาดฟ้าใหญ่ แต่ถ้าคิดจะสร้างเมืองในนี้ก็รู้สึกว่ามันเล็ก

วิ้ง

วูจินเรียกโดลเซออกมาแล้วมองเฮมิน

“นายบอกว่าเรามีคนขับเฮลิคอปเตอร์กี่คนนะ?”

“3 ครับ”

“งั้นที่เหลือก็ไม่ต้องใช้”

“อะไรนะครับ?”

โดลเซทำตามความคิดของวูจิน มันพุ่งไปทางเฮลิคอปเตอร์

แผ่นโลหะบนตัวเฮลิคอปเตอร์ยับย่นแล้วถูกรวมไปสร้างเป็นโกเล็มเหล็ก เศษเหล็กเก่าๆเริ่มมากองกันที่มุมดาดฟ้า

“...”

นั่นแพงมากนะ... ถ้าท่านประธานอยากเอามันไปข้างๆ ให้เฮมินขายมันก็ได้

ปากเฮมินแห้งผากเมื่อมองโดลเซเก็บกวาดเฮลิคอปเตอร์ไปทีละลำๆ

***

ถ้ำมานจังกุลบนเกาะเชจู

มีวงเวทถูกวาดบนพื้นราบ กำลังส่องแสงจ้า บลัดสโตนที่วางบนที่ต่างๆรอบถ้ำกำลังส่งพลังเวทให้มัน เป็นเช่นนี้มาสองสามวันแล้ว

เมื่อแสงจากวงเวทหายไป อุโมงค์แห่งหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น

‘ในที่สุด’

ลีซังโฮคุกเข่าตรงหน้าอุโมงค์

สมาชิกกิลด์ฮวารางเห็นเช่นนั้นก็คุกเข่าตาม พวกเขาก้มศีรษะลง

วิ้ง

อุโมงค์สั่นพลิ้ว อิเอลโลปรากฎตัว

[อืม]

ถ้ำมืดและเปียกชื้น มันชอบใจ

[เจ้ามีประโยชน์ดีนี่]

“ขอบคุณครับ”

อิเอลโลรู้สึกได้ว่าแสงจากวงเวทกระจายไปทั่วถ้ำ และตอนนี้มันมีอำนาจควบคุมที่แห่งนี้ได้ ลีซังโฮได้สร้างฐานให้มันสร้างร่างเนื้อบนโลกอย่างปลอดภัย

มันได้ดันเจี้ยนที่เชื่อมต่อระหว่างอาณาเขตมิติของมันกับโลกมา

อิเอลโลไม่เริ่มยึดโลกทันที

[เอาข้อมูลของผู้ไม่ตายมาให้ข้า]

“ผมจะทำตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้”

ลีซังโฮและลูกน้องออกไปจากถ้ำ

อิเอลโลรอบคอบ และมันมีคนจากโลกที่ทำตามคำสั่งของมัน

[โลก]

อิเอลโลยังไม่ประสานกับโลก น่าเสียดายมันไม่อาจใช้พลังได้ 100% แต่เมื่อเวลาผ่านไป พลังเวทบนโลกจะเพิ่มพูนมากขึ้น

มันไม่ได้ผิดหวัง มันดีใจยิ่งนัก

[มันกลับมาแล้วหรือ?]

มันคือดาวที่ถูกผนึกไปเป็นเวลานาน

อิเอลโลกลับมายังจุดเริ่มต้น



สารบัญ                                        บทที่ 163

7 ความคิดเห็น: