บทที่ 162 – ปราสาทของบิบิ
“ใช่ ทุกคนจะปลอดภัย”
วูจินจริงจังกับเรื่องนี้
ระหว่างที่เขาไปรบ เขาต้องเชื่อว่าครอบครัวเขาปลอดภัย ไม่แค่คนงานของเขา แม่และโซอาก็อยู่ที่นี่ด้วย
“เรื่องคิมคังชุลเป็นไง?”
“ไม่มีร่องรอยเลย”
“จึ๊”
มันจะพยายามติดต่อเขาอีกแน่ วูจินไม่จำเป็นต้องพยายามจับเขานัก เขายังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำให้เสร็จ
“ประชุมกิลด์เมื่อไหร่?”
“หนึ่งทุ่มครับ”
“เรายังมีเวลาอีกเยอะ”
ตอนนี้เพิ่ง 9 โมงเช้ากว่าๆ
“อ้อ เรือบรรทุกเครื่องบินมาเทียบท่าที่ท่าเรือปูซานแล้วครับ”
วูจินกำลังเดินไปทางอลันดาล เขาหยุดเดิน
“ถึงแล้วเหรอ?”
“ใช่ แต่ว่า...”
“แต่ว่า? มีปัญหาอะไร?”
“พวกเราส่งพนักงานไปรับมันที่ปูซาน แต่ดูเหมือนสภาพเรือจะไม่ดี”
“พวกนั้นส่งของเก่ามาให้งั้นสิ”
เรือกำลังจะปลดระวางไปเมื่อ 5 ปีก่อน แต่อังกฤษให้อินเดียยืมไปใช้ เรือบรรทุกเครื่องบินลำเดียวกันนี้ถูกส่งมายังเกาหลี
จุงมินชานมีสีหน้าเคร่งเครียดและถามวูจินอย่างระวัง
“ถ้าท่านไม่ชอบ ผมจะทำการเจรจาใหม่”
“ไม่เป็นไร มันขยับได้ไหม?”
“อะไรนะครับ?”
“ฉันถามว่ามันแล่นได้ไหม”
“ได้ แต่...”
“งั้นก็ดีแล้ว”
เขาไม่สนใจเรื่องอาวุธที่บรรทุกมากับมันหรือได้อะไรมาพร้อมกับข้อตกลง
“ดาดฟ้าเรือสภาพไม่ดี และเราต้องเสียค่าใช้จ่ายมากหากจะเพิ่มอาวุธลงไป ยิ่งกว่านั้นเราต้องจ้างคนมาทำงาน ในข้อตกลงก็ไม่รวมถึงเรือคุ้มกันด้วย ถ้าเราคิดจะสร้างกองเรือดีๆก็ต้องใช้เงินเพิ่มอีกสองสามเท่า...”
“ฉันไม่ต้องการของพวกนั้น”
เรือบรรทุกเครื่องบินแต่ไม่มีเครื่องบินกับกองเรือคุ้มกันจะเป็นอะไร?
“ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นแค่เรือลำใหญ่มากที่แล่นได้...”
“นั่นคือส่วนสำคัญที่สุด”
“...?”
“ฉันอยากได้พื้นที่มันขยับได้”
“หา?”
“ฉันจะกลับมาก่อน 6 โมง”
วูจินเดินไปทางรังไวเวิร์นในสวนสัตว์เปิดของอลันดาล
“ท่าน...ท่านจะไปไหน?”
“ฉันจะไปทำความสะอาดบ้านใหม่ของเรา”
“...?”
เขาหูฝาดไปหรือเปล่า?
“ช้าๆนะ ให้ทุกคนเตรียมพร้อมย้ายบ้าน”
“หรือ...หรือว่าท่านจะ...”
วูจินยิ้มพลางขึ้นหลังไวเวิร์น ไวเวิร์นดันตัวขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อวูจินจากไปไกลแล้ว เบคจองโดก็มาหาจุงมินชานอย่างแปลกใจ
“นายกจุง น้องคังไปไหนน่ะ?”
“...ท่านบอกว่าจะไปรับเรือบรรทุกเครื่องบิน”
“อะไรนะ?”
จุงมินชานเปิดมือถือและโทรหาคิมเฮมินที่ถึงปูซานก่อนแล้ว
“เฮมินอา ประธานเพิ่งไปทางนาย”
[อ๊ะ เหรอครับ? เขาจะมาถึงเมื่อไหร่? มายังไง?]
“เขาขี่ไวเวิร์นไป”
[อะไรนะ? งั้นผมจะไปรอรับเขาที่ไหน...]
“อ่า นายจัดการทุกอย่างได้เลย”
[ท่าน...ท่านนายก?]
จุงมินชานวางสายจากนั้นมองคนรอบๆตัวเขา
เราส์ใหม่กำลังคุยกับครอบครัว นักข่าวอีกด้านของประตูหน้ากำลังถ่ายรูป และมีเบคจองโดกับโดเจมินที่มาหาเขาอย่างแปลกใจ
“คุณซุงกูอยู่ไหนล่ะ? ผมยังไม่เห็นเขาเลย”
“อา พี่ซุงกูยังมีฝึกอีกครับ”
มินชานพยักหน้ารับรู้ ซุงกูสามารถเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวได้ด้วยตัวเอง มินชานไม่ต้องเป็นห่วงเขานัก
“พี่ซุงกูอาจจะตายก็ได้”
“...โลกจาคุอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เปล่าครับ คุณเจนิสกับพี่ซุงกูเล่นไล่จับกันที่นั่น”
ทำไมต้องเล่นไล่จับล่ะหวา...
โดเจมินบอกลาจุงมินชานที่กำลังมึนงง
“ผมไปหาพี่สาวนะ”
“โอ๊ะผมนี่ก็ พวกคุณเพิ่งกลับมาแต่ผมกลับรั้งพวกคุณไว้”
ปกติเวลาเราส์กลับจากการสำรวจดันเจี้ยนพวกเขาจะมีความเครียดสูง เพราะช่วงหลังนี้จุงมินชานเป็นผู้ช่วยให้คังวูจินและฮงซุงกูจึงลืมเรื่องนี้ไป
“ไปพักเถอะ ว่าแต่คุณไปไหนมาไหนตอนกลางวันได้แล้วเหรอ?”
เจมินยิ้ม
“เอ่อ ก็จะมีอาการแพ้นิดหน่อยครับ แต่มันฆ่าผมไม่ได้แล้ว ฮะๆ”
เจมินเป็นแวมไพร์ลอร์ด เป็นขุนนางในหมู่แวมไพร์ ตัวตนของเขามีเกียรติเกินกว่าจะตายใต้คำสาปของดวงอาทิตย์
“ผมก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน ผมอยากร่วมงานประชุมกิลด์คืนนี้ด้วย”
“ครับ ผมติดต่อ KH แล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็มา”
หลังจากส่งเบคจองโด มินชานขมวดคิ้ว
“เฮ้อ ย้ายบ้านเหรอ?”
มินชานรู้จักนิสัยวูจิน เขาทำทุกอย่างตามที่พูด เพราะฉะนั้นการย้ายบ้านเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว ที่นี่มี 1,000 ครอบครัวอาศัยอยู่ แค่คิดเรื่องย้ายพวกเขาทั้งหมดมินชานก็ปวดศีรษะแล้ว
***
พวกเขาอยู่ในหอบังคับการของเรือบรรทุกเครื่องบิน อินวินซิเบิล ที่ทอดสมออยู่ที่ปูซาน
คิมเฮมินมองลงไปยังดาดฟ้าเรือ
“หืม นี่น่าจะใหญ่กว่า ROKS Dokdo ไหมนะ?” (TN – เป็นเรือสำหรับยกพลขึ้นบกของเกาหลีใต้)
“ครับ ใหญ่กว่าเล็กน้อย”
เขาพยักหน้าฟังคำพูดของผู้ชำนาญการพิเศษที่เพิ่งเข้ากับอลันดาลไม่นาน
“ถ้าสั้นแบบนี้ เราจะส่งเครื่องบินขึ้นได้ไหมนะ...”
“ไม่เป็นไรมั้ง ผมว่าประเทศเราไม่มีคนขับเครื่องบิน?”
“จ้างเอาก็ได้”
“ถ้าเป็นเครื่องบินประเภทขึ้นลงแนวดิ่งก็น่าจะเป็นไปได้... เราแค่ใช้เฮลิคอปเตอร์ดีไหม?”
ตอนนี้มีเฮลิคอปเตอร์ 15 ลำจอดบนดาดฟ้า
“ไม่รู้สิ ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะเอายังไง... เฮ้อ เราซื้อมันมาแต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะใช้มันทำอะไร”
“เราต้องรีบจ้างคนนะครับ”
คิมเฮมินถอนหายใจ พวกลูกเรือจากไปก่อนที่พวกเขาจะอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของเรือบรรทุกเครื่องบิน มันเป็นสมบัติของประเทศอังกฤษ แต่มันถูกใช้โดยประเทศอินเดียมา 5 ปี
ในเมื่อทำหน้าที่เสร็จแล้ว พวกลูกเรือก็กลับอินเดีย ถ้ามีปัญหา พวกลูกเรือบอกเฮมินให้ไปคุยกับรัฐบาลของประเทศอังกฤษ
“นี่มันอะไร? พวกมันหาเรื่องผมหรือเปล่าวะ?”
เฮมินมาที่ปูซานอย่างรวดเร็วพร้อมกับสมาชิกอลันดาล 30 คน
กว่าพวกเขาจะหาคนมาจนพอขยับเรือบรรทุกเครื่องบินได้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่?
พวกเขาต้องเปลี่ยนอาวุธที่เก่าแก่ออก ต้องซื้อกองเรือ ดาดฟ้าก็ต้องซ่อมแซม...
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมประเทศเล็กๆอย่างอลันดาลต้องใช้เรือบรรทุกเครื่องบิน
กี๊ซ
เสียงมอนสเตอร์คำราม เฮมินตกใจและเหลียวมองรอบๆ
“พระราชามาแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะ”
“ครับ”
เมื่อพวกเขาลงจากหอบัญชาการ พวกเขาเห็นไวเวิร์นตัวหนึ่งกำลังร่อนลงเกาะบนดาดฟ้า วูจินกระโดดลงมา เฮมินวิ่งไปทางเขาพร้อมโบกมือ
“รู้ได้ยังไงครับว่าเป็นลำนี้?”
“นายบอกไม่ใช่เหรอว่าเป็นลำใหญ่สุด?”
“...”
วูจินมองชายที่มากับเฮมิน ชายคนนั้นค้อมศีรษะให้
“นี่คือปาร์กกิลซูครับ เขาเคยเป็นนาวาตรี เคยปฏิบัติหน้าที่บนเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่ 6 เดือน”
“โอ้ ผู้มีประสบการณ์”
วูจินเขย่ามือกับปาร์กกิลซู
พนักงานที่เหลือวิ่งมาทางพวกเขา เฮมินแนะนำตัวพวกเขาทั้งหมด
“3 คนนี้มีใบอนุญาตขับเฮลิคอปเตอร์”
“เฮลิคอปเตอร์?”
วูจินเหลือบมองเฮลิคอปเตอร์
“เราจะได้ใช้มันเหรอ?”
วูจินคิดว่าคงจะเอามันให้โดลเซได้ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อื่นนอกจากนั้น
เฮมินตาโต
“อ๋า? ถ้าท่านไม่ต้องการเฮลิคอปเตอร์ หรือว่าจะซื้อเครื่องบินแบบขึ้นลงและลงจอดแนวดิ่งครับ?”
“เครื่องบิน?”
วูจินเบี่ยงหน้าไปมองไวเวิร์นที่หมอบบนดาดฟ้าอย่างสงบ มันใหญ่พอๆกับเครื่องบินต่อสู้หรือเฮลิคอปเตอร์ ยังมีตัวที่ใหญ่กว่าตัวนี้และสามารถให้คนหลายๆคนขี่ได้ไม่มีปัญหา
“ฉันมีเจ้านั่นอยู่นะ”
“...”
ไวเวิร์นบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ไม่เคยคิดเลยแฮะ...
ฟังแล้วเป็นไอเดียไม่เลว
“ตรงนั้นน่าจะเหมาะ”
วูจินเดินไปทางหอบัญชาการ เฮมินและกิลซูเดินตามเขา
“ผมจะนำทางให้ครับ”
“ไม่ต้องหรอก”
วูจินไม่ได้เข้าไปในข้างในหอบัญชาการ เขาแค่ยืนข้างหน้า
“หวังว่าจะได้ผลนะ”
วูจินหยิบชิ้นส่วนมิติออกมา เขาไม่รู้ว่าจะสร้างอาณานิคมต้องทำยังไง แต่เขารู้ว่าลอร์ดมิติคนอื่นทำได้ ดังนั้นเขาก็น่าจะทำได้
“ไม่ได้ผลเหรอ?”
วูจินจ้องชิ้นส่วนมิติเป็นนานแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาหยิบชิ้นส่วนมิติออกมาอีก 1 อัน ถ้าไม่ได้ผล เขาตั้งใจจะรวมชิ้นส่วนมิติ 3 ชิ้นเป็นหลักฐานมิติ
เมื่อเขาถือชิ้นส่วนมิติ 2 ชิ้นไว้ด้วยกัน เขาได้ยินเสียงอันคุ้นเคย
<คุณต้องการรวมชิ้นส่วนมิติ 2 อันเป็นเศษส่วนมิติหรือไม่?>
วูจินรวมชิ้นส่วนมิติเป็นเศษส่วนมิติ มันมองเหมือนเจดีย์คริสตัลอันยาว ขนาดประมาณคทาเล็กๆ
วูจินฝังมันเข้าไปในหอบัญชาการ
<คุณต้องการสร้างอาณานิคมหรือไม่?>
“แน่นอน”
แสงส่องออกมาจากเศษส่วนมิติและทำหน้าที่เหมือนโปรเจ็คเตอร์ รูปไอคอนหลายรูปปรากฏเป็นโฮโลแกรม รูปพลิกไปเรื่อยๆจนหยุดที่สัญลักษณ์รูปต้นไม้
<รูปสัญลักษณ์ที่สามารถสร้างได้บนโลกมีจำกัดเพียงเท่านี้>
ใครจะสนเรื่องแบบนั้น? ที่สำคัญคือเขาสามารถสร้างอาณานิคมบนเรือบรรทุกเครื่องบินที่เคลื่อนที่ได้
<เมืองอาณานิคมของลอร์ดมิติคังวูจินจะถูกสร้าง เหลือเวลา 24 ชั่วโมง...>
เศษส่วนมิติส่องแสงออกมาและต้นไม้ก็เริ่มเติบโต เศษส่วนมิติทำหน้าที่เป็นเมล็ด พริบตาเดียว เถาวัลย์ก็พันรอบหอบัญชาการ
“เอ๊ะ?”
เฮมินและลูกจ้างที่มองอยู่ต่างแปลกใจกับภาพที่เห็น
“1 วันนี้อย่าให้ใครมาแตะมัน”
“...ครับ แล้วมันคืออะไรครับ?”
“คิดว่าอะไรล่ะ? มันคือบ้านใหม่ของเรา”
รากที่เหมือนเถาวัลย์คลุมหอบัญชาการจนมิด ต้นไม้เริ่มโตขึ้นช้าๆ วูจินยิ้มอย่างพอใจ
ดันเจี้ยนและอาณานิคมทำให้เขาสามารถใช้พลังของลอร์ดมิติได้เต็มที่ ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้ามีแต้ม แน่นอน มันต้องอยู่ภายในเขตอิทธิพลของรูปสัญลักษณ์
ในนั้น วูจินก็คือพระเจ้าดีๆนี่เอง
มีแต่เราส์ที่ผ่านอุโมงค์เข้าไปยังอาณาเขตมิติของเขาได้ แต่อาณานิคมที่สร้างบนโลกนั้นแทบทุกคนสามารถเข้าออกได้
ที่นี่คือที่อยู่ของสมาชิกครอบครัวของอลันดาล พวกเขาจะอยู่ในอาณานิคมอันทรงพลังที่มีพลังของลอร์ดมิติคอยปกป้อง
อีก 1 วัน ฐานทัพแห่งนี้จะสร้างเสร็จและสามารถเคลื่อนที่ได้
“เริ่มทำความสะอาดเลยดีไหม?”
ดาดฟ้าใหญ่ แต่ถ้าคิดจะสร้างเมืองในนี้ก็รู้สึกว่ามันเล็ก
วิ้ง
วูจินเรียกโดลเซออกมาแล้วมองเฮมิน
“นายบอกว่าเรามีคนขับเฮลิคอปเตอร์กี่คนนะ?”
“3 ครับ”
“งั้นที่เหลือก็ไม่ต้องใช้”
“อะไรนะครับ?”
โดลเซทำตามความคิดของวูจิน มันพุ่งไปทางเฮลิคอปเตอร์
แผ่นโลหะบนตัวเฮลิคอปเตอร์ยับย่นแล้วถูกรวมไปสร้างเป็นโกเล็มเหล็ก เศษเหล็กเก่าๆเริ่มมากองกันที่มุมดาดฟ้า
“...”
นั่นแพงมากนะ... ถ้าท่านประธานอยากเอามันไปข้างๆ ให้เฮมินขายมันก็ได้
ปากเฮมินแห้งผากเมื่อมองโดลเซเก็บกวาดเฮลิคอปเตอร์ไปทีละลำๆ
***
ถ้ำมานจังกุลบนเกาะเชจู
มีวงเวทถูกวาดบนพื้นราบ กำลังส่องแสงจ้า บลัดสโตนที่วางบนที่ต่างๆรอบถ้ำกำลังส่งพลังเวทให้มัน เป็นเช่นนี้มาสองสามวันแล้ว
เมื่อแสงจากวงเวทหายไป อุโมงค์แห่งหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น
‘ในที่สุด’
ลีซังโฮคุกเข่าตรงหน้าอุโมงค์
สมาชิกกิลด์ฮวารางเห็นเช่นนั้นก็คุกเข่าตาม พวกเขาก้มศีรษะลง
วิ้ง
อุโมงค์สั่นพลิ้ว อิเอลโลปรากฎตัว
[อืม]
ถ้ำมืดและเปียกชื้น มันชอบใจ
[เจ้ามีประโยชน์ดีนี่]
“ขอบคุณครับ”
อิเอลโลรู้สึกได้ว่าแสงจากวงเวทกระจายไปทั่วถ้ำ และตอนนี้มันมีอำนาจควบคุมที่แห่งนี้ได้ ลีซังโฮได้สร้างฐานให้มันสร้างร่างเนื้อบนโลกอย่างปลอดภัย
มันได้ดันเจี้ยนที่เชื่อมต่อระหว่างอาณาเขตมิติของมันกับโลกมา
อิเอลโลไม่เริ่มยึดโลกทันที
[เอาข้อมูลของผู้ไม่ตายมาให้ข้า]
“ผมจะทำตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้”
ลีซังโฮและลูกน้องออกไปจากถ้ำ
อิเอลโลรอบคอบ และมันมีคนจากโลกที่ทำตามคำสั่งของมัน
[โลก]
อิเอลโลยังไม่ประสานกับโลก น่าเสียดายมันไม่อาจใช้พลังได้ 100% แต่เมื่อเวลาผ่านไป พลังเวทบนโลกจะเพิ่มพูนมากขึ้น
มันไม่ได้ผิดหวัง มันดีใจยิ่งนัก
[มันกลับมาแล้วหรือ?]
มันคือดาวที่ถูกผนึกไปเป็นเวลานาน
อิเอลโลกลับมายังจุดเริ่มต้น
จะรออ่านตอนต่อไปครับ
ตอบลบมาเร็ว ๆ นะครับ
ตอบลบค้างงับ *{}*
ตอบลบมาวันไหนหรอครับ
ตอบลบบรรลัยเกิดแล้ว 🤔
ตอบลบรอนะพี่นิยายสนุกมาก
ตอบลบ👍👍👍👍👍👍
ไอ้คนน่ารำคาญนี่อีกแล้ว
ตอบลบ