วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 133

บทที่ 133 – พบกันใหม่อีกครั้งอย่างเลือดโชก (3)


เมื่อดันเจี้ยนที่ถูกรีเซ็ทเชื่อมต่อกับโลก หินรีเทิร์นสโตนจะก่อตัวขึ้น ขั้นตอนการประสานยังไม่เกิดขึ้นจึงมีช่วงรอ 120 วัน แต่บรรดาทหารในอาณาเขตถูกใส่อาวุธให้ครบราวกับพร้อมจะรบทันที

“โย่โฮ่โฮ่ เตรียมตัว”

ลอร์ดมิตินี้เป็นมนุษย์แมงมุมตัวใหญ่ ชื่อนางคือชาร์ลอต ลีซังโฮผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินคำพูดของชาร์ลอต

‘ฉันกำลังจะกลับโลก’

ความรู้สึกของลีซังโฮทื่อลงหลังผ่านความตายและคืนชีพ ถึงอย่างนั้นหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงดาวบ้านเกิด

ไม่นานอุโมงค์สีแดงก็ก่อตัวขึ้น ชายท่าทางกระวนกระวายอย่างหนักคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

เขาระวังตัวเมื่อเห็นพวกมอนสเตอร์ ไม่นานก็นึกได้และมุ่งหน้ามาทางหินรีเทิร์นสโตนพลางเหลียวมองรอบๆตัว

“ผู้เชื่อมต่อมาแล้ว”

กองทัพของชาร์ลอตไม่โจมตีชายคนนั้น ชายคนนั้นหยิบหินรีเทิร์นสโตนแล้วหายไป

“โย่โฮ่ๆ ไปสู้กันเลยไหม?”

เธอมีประสบการณ์โชกโชนเรื่องเปลี่ยนดาวให้เป็นอาณานิคม การเสียสละขั้นต้นเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้แต่เมื่อคิดถึงรางวัลแล้วทำให้ยอมรับความสูญเสียได้บ้าง คนจากโลกที่เป็นผู้เชื่อมต่อจะเปิดบาเรียด้วยความเต็มใจของเขาเอง

ที่น่าเสียดายคือพวกเขายังไม่ได้เชื่อมต่อกับโลกอย่างสมบูรณ์

<คุณกำลังเข้าสู่ดาวโลก ความสามารถของคุณกลายเป็น 74%>

นี่คือผลกระทบจากการบังคับเชื่อมต่อดันเจี้ยน ลอร์ดมิติกับมอนสเตอร์ในสังกัดจะถูกปรับขึ้นอยู่กับอัตราการประสาน

ที่จริงแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องป้องกันอาณาเขตจากผู้บุกรุกถึง 120 วัน

ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชื่อมต่อ บาเรียที่กักพวกเขาไว้ก็สลายไป บรรดามอนสเตอร์หลั่งไหลเข้าสู่ท้องถนน ลีซังโฮออกไปพร้อมกับพวกมอนสเตอร์แล้วปะปนไปกับประชากรที่กำลังหลบหนี

***

MBS บรอดคาสต์ สตูดิโอ

โดเจมินได้ตั๋วมาจากการขอผ่านกิลด์ เขานั่งตามที่นั่งที่กำหนดโดยกำตั๋วไว้ในมือ

พี่สาวของเขาไปงานชุมนุมศิษย์เก่า วูจิน,ซุงกู และคนอื่นที่เขาสนิทด้วยลงดันเจี้ยนกันหมด

เขามีเวลาหนึ่งวันก่อนต้องกลับไปทำสงครามมิติ แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าเวลา

“ไม่น่าเชื่อว่าซูลกิดีบิวต์แล้ว”

มีคนที่เขาอยากเจอ

เธอเป็นรักแรกของเขาและเป็นคนที่เขารักษาไว้ไม่ได้ เธอทำตามฝันสำเร็จเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน

เธอเปิดตัวกับกลุ่มไอดอล ‘ฮอท เกิร์ลส’

พวกเธอเป็นเกิร์ลกรุ๊ปใหม่ และวันนี้เป็นวันที่ ‘ฮอท เกิร์ลส’ จะถ่ายทำโปรแกรมเพลง

เขาอยากเห็นซูลกิจากที่ไกลๆ จึงมาที่นี่

“พ...พี่ชาย พี่มาเชียร์เล็กเซอร์เหรอ?”

“เอ๊ะ?”

เด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งถัดจากเขารวบรวมความกล้าถาม เจมินมองเธออย่างสงสัย

วัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลาผิวซีดขาวกำลังมองเธอ เด็กสาวหน้าแดงแล้วหลบตา

“ต...ตรงนี้เป็นที่เชียร์กลุ่มพี่เล็กเซอร์...”

“...”

เจมินมองรอบๆ พอเขาเริ่มสนใจก็เห็นว่าคนตรงนี้กำลังถือลูกโป่งสีเดียวกัน

“เปล่า ผมเป็นแฟนฮอท เกิร์ลส”

“ฮอท เกิร์ลส? ใครเหรอ”

พวกเธอเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ก่อนจึงไม่มีชื่อเสียงอะไร ไม่มีใครพูดถึงเหมือนยังไม่รู้จักพวกเธอเลย

“พอฮอท เกิร์ลสออกมา พวกเธอช่วยเชียร์หน่อยนะ”

“อ๊ะ ได้ค่ะ”

เด็กสาวเหล่านี้เสี่ยงชีวิตมายังสตูดิโอในโซลที่อันตรายเพื่อเชียร์ไอดอลของพวกเธอ แต่รับปากทันทีที่เจมินรูปหล่อขอ

ความหน้าตาดีของเขามีพลังดึงดูดเด็กสาวรอบๆ

เจมินหายใจหอบเมื่อเด็กสาวมารวมตัวรอบๆเขา

‘ไม่ไหวแล้ว’

ถ้าเขาอยู่นานไปกว่านี้คงได้กัดคอใครสักคนแน่

“พ...เพราะงั้นพวกเธอต้องเชียร์ ฮอท เกิร์ลส เข้าใจนะ?”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

“ดี”

เจมินรีบลุกขึ้นแล้วจากไป เด็กสาวเริ่มคุยกัน

“อ๊าย! เธอถ่ายรูปไว้หรือเปล่า?”

“ว้าว อย่างหล่ออ่ะ แจ๊คพอต!”

“เขาเป็นนักเรียนการแสดงหรือเปล่า หรือว่าเป็นสมาชิกฮอท เกิร์ลส? หรือว่าอยู่เอเย่นต์เดียวกัน?”

“เขาอาจมาเชียร์เพราะอยู่เอเย่นต์เดียวกันก็ได้”

พอเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ เจมินตัวซีดลงและดูดีขึ้น เด็กสาวทุกคนคิดว่าเขาเป็นดารา

“ว้าว ถ้าพี่ชายคนนั้นเปิดตัว ฉันจะเปลี่ยนเป็นแฟนเขาล่ะ”

“เมื่อกี๊ฉันจับมือเขา เฮ้อ กลิ่นยังติดอยู่เลย”

เจมินปลีกตัวออกจากกลุ่มเด็กสาวที่กำลังเจี๊ยวจ๊าว เขาไปนั่งด้านหลัง

เวทีอยู่ห่างจนมองหน้าคนบนเวทีไม่ออก แต่เจมินไม่ต้องใช้กล้องส่องทางไกล ร่างกายของเขามีความสามารถเกินมนุษย์ปกติไปแล้ว

หลังจากกลุ่มหลายกลุ่มผ่านไป ฮอท เกิร์ลสก็ขึ้นเวที กลุ่มนี้มีสามคน แต่เจมินมองแต่ซูลกิ

“เธอผอมจัง”

เธอก็ผอมอยู่แล้วแต่ดูเหมือนจะไปลดน้ำหนักมา เขารู้สึกเป็นห่วงแต่ซูลกิดูงดงามตอนที่กำลังร้องเพลงและเต้นในชุดสำหรับใส่บนเวที

“เฮ้อ...ซูลกิ”

ถ้าเขาไม่ปล่อยเธอไปจะเป็นอย่างไรนะ? จะกำลังคบกันอยู่หรือเปล่า?

ไม่ เธอมีความฝัน และเขาจะกลายเป็นตัวถ่วงเธอ

ใช่ แบบนี้ล่ะดีแล้ว

‘ฉันกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว ซูลกิ ฉันจะคอยเชียร์เธออยู่ห่างๆ’

เจมินมองฮอท เกิร์ลสลงจากเวทีด้วยสายตาอาวรณ์

เขาเห็นซูลกิแล้วและไม่สนใจดูนักร้องคนอื่น เขาออกจากสตูดิโอ ไม่ใช่ ที่จริงคือเขาพยายามจะออกไป

“อ...อะไรกัน?”

ถนนเต็มไปด้วยมอนสเตอร์

“ดันเจี้ยนเบรกเหรอ?”

เจมินอาศัยในอาณาเขตมิติอลันดาลของวูจินอยู่นาน เขาไม่ตกใจที่เจอมอนสเตอร์ แต่เขาคงลำบากถ้าต้องสู้กับพวกมัน ความสามารถในการต่อสู้ของเจมินไม่ได้ดีถึงขั้นนั้น

“ฉันต้องรีบหนี”

โอ้!

เจมินหันไปทางต้นเสียงคำราม เขาเห็นบรรดามอนสเตอร์บินเหนือหลังคาสถานีโทรทัศน์ ยิ่งกว่านั้นยังมีบางส่วนที่พุ่งเข้าไปทางหน้าต่าง

“ซ...ซูลกิ!”

เจมินวิ่งกลับไปที่สถานีโทรทัศน์อีกครั้ง

***

“เฮ้ ดูสิใครมา!”

“ฮ่าๆ ดีใจที่ได้เจอเธอ นานแค่ไหนแล้วนะ?”

งานชุมนุมศิษย์เก่า กับบางคน นี่คือการรำลึกอดีต กับบางคน นี่คือการสร้างเส้นสาย

พวกเขาจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเช่าทั้งห้องโถงต้อนรับของโรงแรม มีคนร่วมงานราว 200 คน นี่เป็นงานชุมนุมศิษย์เก่าครั้งใหญ่ที่มีศิษย์เก่าเกือบ 90% มาร่วมงาน

พวกเขาล้วนแต่มีธุระยุ่งเพราะเพิ่งเข้าสู่สังคมคนทำงาน ถึงอย่างนั้นก็ยังมาเพราะอยากเจอคังวูจินผู้โด่งดัง

แม้แต่ตอนที่คนทักทายกันอย่างร่าเริง พวกเขาเอาแต่มองรอบๆเพื่อหาคังวูจิน

“เฮ้ จีวอน วันนี้วูจินมาไม่ได้เหรอ?”

“อืม คงไม่มาล่ะ”

จีวอนตอบหัวหน้างานนัมจียุค ตอนนั้นเอง ซินดี้เข้ามาถาม เธอยังสวมแว่นกันแดดอยู่

“ทำไมเขาไม่มาล่ะ?”

“เขายุ่งน่ะ”

“หืม เหรอ?”

คังวูจินไม่มา มีความจำเป็นอะไรที่เธอต้องอยู่? ซินดี้กำลังจะเดินออกไป

‘ฉันเปลี่ยนตารางเวลาไปเปล่าๆ’

เธอตั้งใจปล่อยตารางเวลาช่วงนี้ให้ว่างเพื่อจะได้มางานนี้ ช่วงนี้ชื่อเสียงของเธอกำลังพุ่งสูงดังนั้นทุกนาทีจึงเป็นเงินเป็นทอง

“ซินดี้ คราวนี้เธอตั้งใจมามากเลยไม่ใช่เหรอ?”

“อืม ฉันไม่ได้มางานแบบนี้ตั้งนานแล้ว”

ซินดี้ขยับแว่นพลางฟังหัวหน้านัมจียุคพูด

“ดีใจที่ได้เจอเธอนะ”

“เอ๊ะ? จะไปแล้วเหรอ?”

“ตารางฉันแน่นเลย”

“อา เข้าใจแล้ว แย่เลยนะ”

นัมจียุคใจเต้นขณะพยายามซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้

เขาอายุ 24 ปี

พวกเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมห้อง แต่ 5 ปีมานี้เขาได้เจอเธอแค่ในโทรทัศน์ ต่อหน้าดาราเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมและเกร็ง

“ขอให้สนุกนะ”

“อ่า ฉันไปส่ง”

“เอาสิ”

ซินดี้ไม่ปฏิเสธ เธอออกจากห้องจัดงาน นัมจียุคตามไปส่ง เหลือโดจีวอนคนเดียว เธอรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

“ถ้าวูจินมาก็ดีสิ”

จีวอนรู้ว่าวูจินผ่านเรื่องลำบากมาแค่ไหน เธออยากให้เขาได้คิดถึงความทรงจำเก่าๆโดยการมาเจอกับเพื่อนสมัยเรียน เขาจะดีใจไหมนะถ้าได้ฟื้นความหลังบ้าง?

ตอนนี้เขากำลังยุ่งกับการเคลียร์ดันเจี้ยน เธอทั้งรู้สึกขอบคุณและเสียใจ

“เอ๋?”

จีวอนตาโตเมื่อมองไปที่ทางเข้า

ซินดี้ที่หน้าซีดและตกใจกลัววิ่งมากับจียุค เหมือนกำลังถูกไล่ตาม ไม่นานฝูงแมงมุมก็ตามมา จีวอนส่งเสียงร้อง

แมงมุมหลายร้อยคลานเข้ามา  พวกมันตัวเท่าศีรษะมนุษย์

“โย่โฮ่ๆ ในนี้มีมนุษย์หลายคนเชียว”

หญิงแมงมุม ชาร์ลอตฮัมเพลงเข้ามา

เธอยิ้มเมื่อเห็นท่าทางหวาดผวาของมนุษย์

***

ยานพาหนะไถลออกนอกเส้นทางขณะที่รถถังวิ่งข้ามถนน

มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายค้างคาวครอบครองท้องฟ้าและส่งเสียงน่ากลัว เฮลิคอปเตอร์ไม่มีทางสู้พวกมันได้

พวกมันสามารถอำพรางตัวและเคลื่อนไปตามอาคารอย่างอิสระ การจะลดจำนวนพวกมันลงเป็นเรื่องยากแม้หน่วยภาคพื้นดินใช้อาวุธต่อต้านอากาศยาน

ปัญหาคือไม่ได้มีแต่มอนสเตอร์ค้างคาว

มอนสเตอร์หมีใหญ่ตัวหนึ่งคำรามพร้อมกับพุ่งใส่รถถังคันหนึ่ง รถถังระดมยิงปืนใส่

หลังจากยิงพลาดหลายครั้ง การระเบิดทำให้ถนนพัง กำแพงตึกถล่ม

หมีใหญ่ออกมาจากกองฝุ่น ไหล่และแขนของมันถูกระเบิดหายไป สภาพมันน่ากลัวแต่ยังไม่ตาย

หมีตัวขนาดเท่าตึก 2 ชั้นเหวี่ยงอุ้งเท้าและทำให้ปืนรถถังบิดเบี้ยวไปง่ายดายเหมือนไม้จิ้มฟัน รถถังหมุนคว้าง

การระดมยิงครั้งที่สองทำให้หัวหมีระเบิดและล้มลง ในที่สุดพวกเขาก็ฆ่ามันได้ ที่แย่คือมอนสเตอร์ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว

“เชี่ย นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?”

ร้อยเอกฮันซังพิล หัวหน้าหน่วยรถถังสบถ

ดันเจี้ยนเบรกครั้งก่อนๆมีความเสียหายในระดับน้อยเพราะพวกเขาเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว

เมื่อได้คำเตือนว่าดันเจี้ยนจะระเบิด พวกเขาจะสามารถอพยพประชากรออกไป จากนั้นแค่ระดมยิงปืนใส่พวกมอนสเตอร์

แต่เมื่อไม่ได้คำเตือนและไม่ได้อพยพประชากรออกไป พวกเขาก็โจมตีไม่ถนัด นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้กองทหารที่ประจำอยู่ตามที่ต่างๆของโซลกำจัดมอนสเตอร์ได้เชื่องช้า

“เวรเอ๊ย! พวกกิลด์ทำบ้าอะไรอยู่วะ?”

แค่การยิงสนับสนุนของกองทหารไม่มีทางกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดได้ มีคนในตึกอีกหลายคนรอการช่วยเหลือ และเราส์เป็นสิ่งจำเป็นในการกำจัดมอนสเตอร์ในที่ๆปืนและปืนใหญ่ยิงไม่ถึง

จากนั้นก็เกิดดันเจี้ยนเบรกในเดกู กวานจู ปูซาน โซลและที่ต่างๆในเกาหลี... ดันเจี้ยนต่างๆในโลกกำลังระเบิดพร้อมๆกัน กำลังทหารมีไม่เพียงพอ

เราส์แรงค์ E ลงไปไร้ประโยชน์เทียบกับทหารติดอาวุธ อย่างน้อยก็ต้องเป็นแรงค์ D แต่จำนวนดันเจี้ยนเบรกทำให้ข้อจำกัดนี้ไม่สำคัญ

ในเมื่อพวกเขาไม่มีข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนคน ก็ต้องมีพลังที่เหนือกว่ามาก แน่นอน นี่ทำให้พวกเขาคิดถึงเราส์แรงค์สูงคนหนึ่ง

“เขายังไม่มาอีกเหรอ?”

ถนนและอาคารเต็มไปด้วยมอนสเตอร์

เหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้เขาคิดถึงดันเจี้ยนช็อกเมื่อ 5 ปีก่อน

โลกกำลังจะเผชิญนรกแบบนั้นอีกครั้ง

“ก...กัปตัน! ดูนั่น”

“หา?”

ลูกน้องของเขาตะโกนอย่างสิ้นหวัง ฮันซังพิลคว้ากล้องส่องทางไกลที่คล้องคอไว้ขึ้นมา เขากลืนน้ำลายเมื่อมองไปทางที่ถูกชี้

มังกรขนาดยักษ์กำลังใช้กรงเล็บยึดเกาะบนยอดหอคอยนัมซาน มันนั่งตรงนั้นทอดมองลงมาเหนือโซล เหมือนภาพในภาพยนตร์

“ผ...ผมเพิ่งเคยเห็นมอนสเตอร์ตัวใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก”

มันเป็นครั้งแรกของฮันซังพิลเช่นกัน ไม่นานเครื่องบินรบก็บินเข้าไปหามันและยิงจรวดใส่

การระเบิดรุนแรงถึงขั้นหน่วยของฮันซังพิลที่อยู่ห่างไปยังรู้สึกถึงแรงสะเทือน แต่มังกรไม่เจ็บปวดแม้แต่น้อย มันสร้างบาเรียใหญ่เท่าตัวมัน

จะดีแค่ไหนถ้านี่เป็นแค่ภาพยนตร์?

มอนสเตอร์ที่จะสร้างภัยพิบัติในโซลปรากฏตัวแล้ว



สารบัญ                              บทที่ 134



2 ความคิดเห็น: