บทที่ 134 – มิวิช
ไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนท์กระพริบ สมาชิกฮอทเกิร์ลสมองหน้ากันอย่างตกใจ ไฟเหมือนใกล้จะดับเต็มทีเมื่อตึกสั่น
“อะไรน่ะ? เมื่อกี๊เธอรู้สึกไหม?”
“แผ่นดินไหวหรือเปล่า?”
มีนักร้องกลุ่มใหม่หลายกลุ่มในห้องพัก ซูลกิจับมือสมาชิกในกลุ่มของเธอขณะมองรอบๆด้วยความกังวล
“เราจะไม่เป็นไร”
สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทันทีที่เธอพูดจบ มันส่งแสงจ้า
“กรี๊ด!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังขึ้นกะทันหัน เสียงคนกรีดร้องและผู้คนเกิดความสับสนทำให้ห้องพักตกอยู่ในความโกลาหล
ซูลกินึกได้ถึงขั้นตอนการหลบภัยที่เคยเรียนในโรงเรียนจึงตะโกน
“ที่หลบภัย! พวกเราต้องไปที่หลบภัย”
หลังดันเจี้ยนระเบิดครั้งแรก อาคารทุกหลังถูกกำหนดให้สร้างที่หลบภัยไว้ข้างใน
คำพูดของซูลกิทำให้คนวิ่งออกไปยังทางเดิน มันเป็นเวลากลางวันแต่ทางเดินมืดเพราะไฟดับ ยิ่งทำให้คนกลัวมากขึ้น ทุกคนวิ่งไปยังป้ายทางออกฉุกเฉิน
พอคนหนึ่งออกวิ่ง ทุกคนก็วิ่งตาม ซูลกิรู้สึกถึงอันตราย
‘พวกเราควรเดินกันอย่างเป็นระเบียบ...’
เธอเคยเรียนมาว่าการหลบภัยควรเป็นไปอย่างเป็นระเบียบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน แต่นั่นทำได้เฉพาะตอนฝึกซ้อม
ในความเป็นจริง ความกลัวทำให้ทุกคนวิ่งลงบันได พวกเขาไม่อยากตาย
“พี่ ไปกันเถอะ!”
ซูลกิกับสมาชิกฮอทเกิร์ลสพยายามตามหลังกลุ่มคนไป ทุกคนวิ่งลงบันไดฉุกเฉินแล้วจู่ๆก็หยุด
พวกเขาได้ยินเสียงหายใจ และแน่นอนว่าไม่ใช่เสียงหายใจของมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นยังมีเสียงคนกรีดร้อง!
“อ๊าก!”
ซูลกิมองไม่เห็นว่าสุดบันไดมีอะไรแต่เธอรู้ว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เธอคิดไปถึงหายนะที่น่าจะใช่ที่สุด
‘ดันเจี้ยนเบรก’
เธอแน่ใจว่ามอนสเตอร์มาอยู่ในสถานีโทรทัศน์
“ฮือๆ”
มีพนักงานของสถานีโทรทัศน์จำนวนมาก แต่เกิร์ลกรุ๊ปประกอบด้วยเด็กสาวไม่เกินอายุ 20 เด็กสาวส่วนใหญ่ยกมือปิดปากร้องไห้ พวกเธอกลั้นเสียงกรีดร้องอย่างสุดความสามารถ
“อ...ออกตรงนี้เถอะ”
สมาชิกบอยแบนด์ชื่อโทนี่พูดเบาๆ พวกเขาออกจากบันไดฉุกเฉินไปเงียบๆ มองที่หมายเลขบอกชั้น พวกเขาอยู่ที่ชั้น 7
“มีบันไดฉุกเฉินอีกอันตรงนั้น”
โทนี่นำทุกคนจึงตามเขาไป พวกเขาเดินอย่างระมัดระวังเหมือนกลัวว่าจะถูกมอนสเตอร์เจอ พวกเขาเปิดประตูไปยังบันไดฉุกเฉินอีกที่ แต่สถานการณ์ยังเหมือนเดิม
“อ๊าก! ช่วยด้วย”
ทุกคนหยุดเดินทันทีเมื่อได้ยินเสียงจากประตูที่ถูกเปิด พวกเขาปิดประตูอย่างระวัง เด็กสาวส่งเสียงร้องไห้และคนอื่นๆยืนคว้างอย่างใจไม่อยู่กับตัว
ทุกคนมองโทนี่
“เราจะทำยังไงดี?”
“ท...ทำไมถามผม...”
เขาแค่กล้าแสดงออกมากกว่าคนอื่นหน่อย แต่เขาก็แค่ไอดอลชายธรรมดา สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขากลัวเช่นกัน แม้จะถูกถามแต่เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
กึงๆ
ตอนนั้นเองบันไดฉุกเฉินก็สั่นสะเทือน พวกเขาได้ยินอะไรบางอย่างเข้ามาใกล้ ทุกคนถอยห่างจากประตูตามสัญชาติญาณ
“ข...เข้าไปในห้องนั้นเถอะ”
เมื่อใครคนหนึ่งตะโกน พวกเขาก็เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานกว้างห้องหนึ่ง
“ก...กั้นทางเข้าเอาไว้”
พวกเขาขยับโต๊ะและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆมากั้นประตู เหมือนรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง พวกเขาเริ่มคุยกันเบาๆราวกับพยายามลดความเครียด
บางคนเริ่มร้องไห้อีก ซูลกิกอดปลอบสมาชิกฮอทเกิร์ลสที่กำลังร้องไห้
“ฮือ เราจะทำยังไงดีคะพี่?”
สมาชิกฮอทเกิร์ลสยังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ซูลกิอายุมากที่สุดในกลุ่ม เธอจึงทำใจให้เข้มแข็ง
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยพวกเราแน่”
อาจจะเป็นเราส์หรือทหาร อีกไม่นานมอนสเตอร์จะถูกกำจัดหมด ถ้าพวกเขาอยู่ในที่หลบภัยได้คงดี แต่ห้องทำงานก็ดีพอแล้ว พวกเขาแค่ต้องซ่อนตัวดีๆ
แต่ งานเล็กแค่นั้นก็ยังยากเกินไป
กึง กึง!
เมื่อบางอย่างกระแทกประตูอย่างรุนแรง ทุกคนก็สะดุ้งตกใจ
“กรี๊ด! ทำยังไงดี!”
“เงียบ! ทุกคนหลบ!”
ทุกคนพยายามหาที่หลบให้ไกลจากประตูที่สุด
เฟอร์นิเจอร์ถูกผลักออกไปและเสือดำขนาดใหญ่มาปรากฏตรงประตู
“เฮือก!”
โทนี่สบตากับเสือดำ ร่างเขาแข็งทื่อ
เสือดำวิ่งเข้ามา มันเหวี่ยงกรงเล็บ หน้าของโทนี่ถูกฉีกออกจากกะโหลกศีรษะ
“...!”
มันเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที
มีแต่ความเงียบและความกลัวสุดใจ
นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ ไม่ใช่การฝึกทหารหรือประสบการณ์ในบ้านผีสิง
นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง นี่คือความจริงและคือหายนะ
เสือดำทำให้ทุกคนตัวแข็งทื่อ พวกเขาตัวสั่นไม่รู้จะทำอย่างไร เสือดำมองเหล่ามนุษย์ที่เกาะกลุ่มกัน โลกเต็มไปด้วยเหยื่ออ่อนแอ มันรู้สึกพึงพอใจขณะกำลังเริ่มทำการเข่นฆ่าอย่างช้าๆ
“เพล้ง!”
ฝูงค้างคาวกระแทกกระจกเข้ามา ค้างคาวรวมตัวกันในที่หนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นคน
มันเป็นชายสวมเสื้อโค้ทดำ ทุกคนเริ่มมีความหวังกับการมาถึงของโดเจมิน
‘เราส์!’
เสือดำจ้องร่างชายคนนั้นแล้วโจมตีก่อน มันกระโดดเหวี่ยงกรงเล็บ กรงเล็บของมันแข็งแรงขนาดบิดเหล็กได้ แทนที่จะหลบ เจมินเหวี่ยงหมัด
เสือดำทุ่มน้ำหนักตัวทั้งหมดไปที่การโจมตี แต่มันไม่อาจเอาชนะหมัดของแวมไพร์ที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยการดื่มเลือดทุกวัน
ก่อนเสือดำจะหล่นถึงพื้น เจมินเตะมัน
เขาไม่อาจฆ่ามันได้ในทีเดียว แต่แรงเตะมากพอทำให้เสือดำเจ็บปวด ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่หยุดที่เตะ
เขากระทืบศีรษะของเสือดำแล้วร่างใหญ่ก็ไม่ขยับอีกเลย ชายในเสื้อโค้ทดำเดินไปหยิบแว่นกันแดดที่เขาทำหล่นระหว่างต่อสู้
“ร...เรารอดแล้ว!”
ทุกคนร้องอย่างโล่งใจเมื่อเห็นเราส์ที่มาช่วย
เจมินมองหาซูลกิ
“ซูลกิ?”
“...!”
ซูลกิตาโตเมื่อได้ยินเราส์เรียกชื่อเธอ สันกราม ร่างกายและเสียงของเขา...
“เจมิน?”
โดเจมินเดินไปหาซูลกิ เขาหาไปทั่วสถานีโทรทัศน์ในที่สุดก็เจอเธอ เขารู้สึกขอบคุณที่เธอยังมีชีวิตอยู่
“พี่ชายอยู่นี่แล้วนะซูลกิ”
โดเจมินพูดติดตลกพลางอ้าแขนออก ซูลกิเริ่มร้องไห้
“บ้า นายมาสายไปตั้ง 7 เดือน”
เจมินมองเธอร้องไห้ เขายิ้มเศร้า ความกลัวและโล่งอกของเธอส่งมาที่เขา
“ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
เขาเคยคิดว่าร่างที่ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์นี้คือคำสาป
แต่ตอนนี้ เขารู้สึกขอบคุณสำหรับความแข็งแกร่งที่ทำให้เขาปกป้องคนสำคัญได้
***
“ว้าว อะไรวะเนี่ย? เบรกอีกแล้ว?”
ซุนกูออกจากดันเจี้ยนหลังเคลียร์มันเสร็จ เขาตาโตเมื่อได้รับรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน
“แถวอลันดาลเป็นยังไงครับ?”
“กรรมการเชฮีซอลกำลังป้องกันที่นั่นอยู่ครับ”
ความสามารถของเชฮีซอลอยู่ที่แรงค์ B แต่ไม่นานนี้เธอจับไวเวิร์นได้สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเกินเลยถ้าจะพูดว่ามอนสเตอร์ที่เธอมีเท่ากับเราส์แรงค์ A 10 คน
“แถบไหนเสียหายมากที่สุดครับ?”
“เราต้องกลับไปที่อลันดาลครับ”
“เอ๋? ฮีซอลอยู่ที่นั่นนะ”
“พื้นที่แถบของเราต้องการเรามากที่สุดครับ”
ดูเหมือนว่าบรรดาดันเจี้ยนใกล้ๆอลันดาลระเบิด
“มังกรตัวหนึ่งอยู่เหนือหอคอยนัมซาน มอนสเตอร์ที่ออกมาจากดันเจี้ยนจากที่ต่างๆในโซลต่างมุ่งหน้าไปที่นั่น”
คำพูดของทีมสนับสนุนทำให้ซุงกูหน้าเครียด
“ลูกพี่ล่ะ?”
“ยังไม่ออกจากดันเจี้ยนเลยครับ”
“ฮืม”
ถ้าคังวูจินไม่อยู่ เขาคงต้องสู้แทน
“ไปที่อลันดาลกันเถอะครับ”
ซุงกูขึ้นรถอย่างมุ่งมั่น คราวนี้เขาจะรับภาระเท่าๆกันกับลูกพี่
***
โรงแรมใกล้สถานีฮงแด
‘อึก’
โดจีวอนดิ้นรน เธอกำลังหายใจไม่ออก เธอขยับตัวไม่ได้เลย ใยแมงมุมรัดตัวเธอแน่นเหมือนดักแด้ ภาพที่เห็นผ่านใยแมงมุมก็น่าเป็นห่วง
ดักแด้ขาวจำนวนมากถูกแขวนเต็มเพดาน
แน่นอนว่าเธอก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับทุกคน
‘หายใจไม่ออก’
เธอหายใจอย่างลำบาก ยิ่งกว่านั้นยังมีกลิ่นประหลาดออกมาจากใยแมงมุมที่ทำให้รู้สึกง่วงนอนและสลบไป เธอเริ่มคิดอะไรไม่ออก เธอรู้สึกว่าถ้าหลับไปต้องแย่แน่
นางพญาแมงมุมชาร์ล็อตสร้างดักแด้เสร็จแล้วยิ้มให้มนุษย์ที่ถูกขังไว้
“โย่โฮ่โฮ่ ข้าไม่รู้เลยว่ามีดาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้อยู่”
การล่าเป็นไปอย่างง่ายดาย ดาวเต็มไปด้วยเหยื่ออ่อนแอที่เรียกว่ามนุษย์ มันใกล้เคียงกับปาฏิหาริย์ที่ไม่มีสหพันธ์ใดยึดครองพื้นที่ล่าระดับนี้
“หรือผู้พิทักษ์ของดาวดวงนี้จะเข้มแข็งมาก?”
ดันเจี้ยนที่พยายามจะประสานกับโลกถูกทำลายไปหมด
สหพันธ์กิ้งก่าเหลือต้องยอมรับค่าปรับจากการฝืนเชื่อมต่อ พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ นี่เป็นการ ‘เชิญ’ ไม่ใช่ ‘การรุกราน’
แน่นอน พลังในการเปลี่ยนคนภายนอกให้กลายเป็นผู้เชื่อมต่อเป็นสิ่งที่มีแต่เกรทลอร์ดทั้ง 72 ตนเท่านั้นที่ทำได้
“ฮืม นี่คือดาวที่ท่านอิเอลโลต้องการ...”
อิเอลโลผู้ครอบครองบัลลังก์ 25 แท่นเป็นผู้สร้างผู้เชื่อมต่อ เขาช่วยกิ้งก่าเหลืองมาที่นี่
ชาร์ล็อตต้องการโลก แต่อิเอลโลประกาศจะยึดครองมัน ดังนั้นไม่ว่านางจะต้องการมันหรือไม่ก็ไม่มีประโยชน์ โลกนี้จะกลายเป็นสนามรบของบรรดาเกรทลอร์ด
“เอาล่ะ เริ่มตั้งอาณานิคมเลยดีไหม?”
นางต้องกำจัดมนุษย์ที่มีพลังทั้งหมด นี่จะทำให้โลกอ่อนแอลง
ชาร์ล็อตเข้าไปใกล้ดักแด้อันหนึ่ง นางยื่นมือออก
เมื่อดักแด้ถูกแก้ออกก็เห็นใบหน้าหวาดกลัวของคนๆหนึ่ง
นางครางอย่างตื่นเต้นแล้วยื่นปากไปใกล้ปากของมนุษย์
บางอย่างไหลผ่านปากของชาร์ล็อตเข้าไปในปากของมนุษย์ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเลวร้าย เขารู้สึกคลื่นไส้และเจ็บ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเส้นเลือดในตาใกล้ระเบิด
เมื่อชาร์ล็อตถอนปากออก ชายในดักแด้ก็ดิ้นอย่างรุนแรง
มนุษย์มอบสารอาหารอย่างดีเยี่ยมให้ไข่ของเธอ...
“ฮิ ลูกที่น่ารักของข้า โตไวๆนะ”
ชาร์ล็อตขยับไปยังดักแด้ถัดไปและเริ่มวางไข่
ถ้าต้องการทำลายโลกที่มีอารยธรรมก้าวหน้าเช่นนี้ มอนสเตอร์ขนาดใหญ่อย่างเผ่าไททันไม่เหมาะสมกับงานนี้ มอนสเตอร์ขนาดเล็กอย่างแมงมุมเหมาะกว่า
ชาร์ล็อตเพิ่มจำนวนลูกๆของนางซึ่งก็เป็นสมุนของนางด้วยอย่างรวดเร็ว
และลอร์ดมิติอื่นๆก็กำลังตั้งอาณานิคมเหมือนเธอตามที่ต่างๆในโลก
***
อาณาเขตมิติ ทุ่งของมิวิช
วูจินเกือบถึงเสาแสงสีเขียว
เสาแสงพุ่งมาจากปราสาทเก่าแห่งหนึ่ง วูจินมุ่งหน้าไปยังปราสาทนั้น
มีคนๆหนึ่งกำลังรอตรงหน้าปราสาทพัง
“อะไร? นายคนเดียวเหรอ?”
วูจินลงจากหลังชิงชิง
ชายคนนั้นสวมฮู้ดคลุมศีรษะ แต่วูจินรู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ และสัญชาติญาณบอกว่าเขาเดาถูก ชายคนนั้นอยู่เพียงลำพัง
เมื่อวูจินเข้าไปใกล้ศัตรู ชายคนนั้นลุกขึ้นช้าๆ
“นายคือมิวิชใช่ไหม?”
“...”
ศัตรูไม่ตอบ วูจินจึงรู้ว่าเขาถูก
ชายคนนี้คือเจ้าของอาณาเขตมิติแห่งนี้
เขามีความมั่นใจขนาดไหนจึงป้องกันอาณาเขตนี้ด้วยตัวคนเดียว? หรือว่าเขาไม่มีพลังงานดันเจี้ยน? ถ้าเช่นนั้นทำไมจึงเชื่อมต่อกับโลกอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลย?
มิวิชถอดฮู้ดออกช้าๆ
“ไม่เจอกันนาน”
“...”
เมื่อเห็นหน้าของมิวิช วูจินมีสีหน้าตึงเครียดขึ้น กลับกัน มิวิชยิ้ม
“นานแล้วนะ? ผู้ไม่ตาย”
“...”
วูจินหัวเราะขมเมื่อเห็นหน้าคนที่ไม่ต้องการเจอ
“ผู้กล้าของอัลเฟนมาทำอะไรที่นี่?”
“ลองเดาดูสิ”
ลอร์ดมิติมิวิชส่งยิ้มประหลาด
อัลเฟนจะยึดโลกเรอะ? โลกนี่เนื้อหอมจริงแหะมีแต่คนอยากยึด 55
ตอบลบ