วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 132

บทที่ 132 – พบกันใหม่อีกครั้งอย่างเลือดโชก (2)


ภูเขาคาออสเป็นภูเขาสูงที่สุดของโลกจาคุ

มันเป็นฐานของกลุ่มอำนาจใหญ่สุดของโลกจาคุ มีกิ้งก่าเหลืองและลอร์ดมิติที่อยู่ฝ่ายเดียวกับองค์กรกำลังประชุมกัน พวกเขามีทั้งหมด 8 ชีวิต ล้วนแต่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไป

ถนนสายหนึ่งมีเสาขนาดใหญ่ตั้งขนาบทาง ลอร์ดมิติอยู่บนเสาแต่ละต้น พวกเขามองลงมายังมนุษย์ที่กำลังเดินถนน

“โย่โฮ่โฮ่ มนุษย์นั่นคือผู้ส่งสาสน์ของเกรทลอร์ดท่านอิเอลโล?”

“น่าสมเพช มองแวบเดียว เขาเป็นของใช้แล้วทิ้ง”

ลีซังโฮได้ยินที่พวกเขาคุยกัน แต่เขาไม่ออกความคิดเห็น เขาไม่กล้าพูด

บนเสาสูง มีไททันสูงเกิน 10 เมตร และสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอื่นๆจากเผ่าใดไม่ทราบ

มีพวกที่คล้ายมนุษย์ แต่แรงกดดันที่พวกเขาแผ่ออกมาไม่ใช่เรื่องเล่นเลย

ลีซังโฮรู้สึกตกเป็นเป้าสายตา เขาขาสั่นด้วยความเครียด

เมื่อผ่านถนนที่มีเสาตั้งเรียงก็จะถึงหอคอยแห่งหนึ่ง

นี่เป็นจุดสูงสุดบนยอดเขาคาออส

ครือ

ราชาคอย มังกรทอง ปรากฏตัวพร้อมพ่นลมหายใจแรง

[ผู้ส่งสาสน์ของท่านอิเอลโลต้องการอะไรจากข้า?]

ผู้ส่งสาสน์ลีซังโฮมึนเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงดังในหัว

“ถ้าท่านทำลายโลก ท่านผู้นั้นจะยกทางเข้าโลกอิเฟอรินให้”

[คึๆๆ อิเฟอริน]

ราชาคอยตัวสั่นเมื่อได้ยินชื่อที่อ่อนไหว เขาสลับไปมาระหว่างดีใจกับโกรธ ทักษะความกลัวของมังกรพลุ่งขึ้น ลอร์ดในที่นั้นคุกเข่าลงกัดฟันรับความกลัวของมังกร

ลีซังโฮรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ร่างเขาแข็งทื่อ หากกำลังสู้กันเขาคงตายก่อนได้ทำอะไร

[เจ้ามีอะไรจะพูดอีก?]

“กรุณาส่งผมไปที่โลก”

[นั่นไม่ใช่เรื่องยาก]

ราชาคอยกางปีกออกกว้าง

ความยาวของปีกแผ่ออกมากกว่า 50 เมตร ตัวระหว่างปีกก็ใหญ่เหลือเชื่อ ลอร์ดมิติยืดคอมองเขา

[เราจะยึดโลก]

“เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรกับดาวนี้?”

บนโลกจาคุ นอกจากสหพันธ์กิ้งก่าเหลืองยังมีสหพันธ์หมวกดำกับสหพันธ์ค้อนแดง หากพวกเขารามือจากการครอบครองดาวนี้จะเสียผลประโยชน์ แต่หากต้องการร่วมมือกับอีกสองสหพันธ์พวกเขาต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก

[เราจะย้ายไปใช้โลกเป็นพื้นที่ล่าหลักของเรา]

โลกเป็นดาวที่พวกเขายังประสานได้ไม่สมบูรณ์ด้วยซ้ำ

ความเสี่ยงสูง แต่รางวัลก็ใหญ่โตมากเช่นกัน เขามีเป้าหมายที่คุ้มค่าแก่การเสียสละ

ทางกลับอิเฟอรินดาวบ้านเกิดเปิดให้เขาแล้ว

***

รถตู้คันหนึ่งหยุดตรงหน้าสถานีมกดอง

“ถึงแล้วครับ ประธาน”

เมื่อได้ยินเสียงซุงฮุน วูจินลืมตา ดึงเก้าอี้ขึ้น

“นี่อย่างต่ำ 6 ดาวใช่ไหม?”

“ครับ”

สถานีมกดองทางออกที่ 4

ดันเจี้ยนรีเซ็ทไปเมื่อ 7 วันก่อน ยังไม่มีใครเข้าไปพิชิตมัน

กิลด์ KH ได้สิทธิ์เคลียร์ก่อนเพราะเจอเป็นกลุ่มแรก แต่เมื่อวัดพลังงานดันเจี้ยนแล้วมันสูงกว่าพลังงานดันเจี้ยน 6 ดาว พวกเขาจึงยังไม่ส่งทีมเราส์แรงค์ A เข้าไปทันที

พวกเขาสามารถเข้าไปพร้อมกับอุโมงค์หวนกลับ แต่ไอเทมนั้นราคาแพง พวกเขาสามารถรวมทีมเราส์ที่เก่งที่สุด แต่ตัดสินใจทำตามคำขอของอลันดาลแทน

ยังมีเวลาอีกมากก่อนจะเกิดดันเจี้ยนเบรก แต่วูจินจะเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ แน่นอน ผลประโยชน์จะแบ่งกันระหว่างสองกิลด์

วูจินแค่ต้องการที่เก็บเลเวล

“ฉันจะอยู่ที่นี่ทั้งวัน ผลัดกันไปหาอะไรกินล่ะ”

“ครับผม ไม่ต้องห่วง พวกเราจะตั้งใจเฝ้าที่นี่ให้ดี”

“ดี ขอบใจ”

วูจินตบบ่าซุงฮุนแล้วมุ่งหน้าไปทางดันเจี้ยน

<คุณได้เข้าสู่ทุ่งหญ้าของมิวิช>

<กรุณาเลือกหนึ่งโหมดจาก ‘ดวล’, ‘สงครามมิติ’, ‘เยี่ยมเยือน’, ‘แทรกซึม’ หรือ ‘เคลียร์’>

“ว่าแล้ว ลอร์ดมิติคนอื่นอยู่ที่นี่”

ดันเจี้ยน 6 ดาวและต่ำกว่าส่วนใหญ่เป็นของเจ้าของดันเจี้ยน ดันเจี้ยนใดที่มีพลังงานเกินกว่าดันเจี้ยน 6 ดาวมักจะเป็นของลอร์ดมิติ

ในเมื่อลอร์ดมิติกำลังเชื่อมต่อกับโลกจากหลายแห่งทั่วโลก ไม่ช้าก็เร็วคนใดคนหนึ่งจะทำสำเร็จ

แน่นอน วูจินสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนเพื่อตัดการเชื่อมต่อ แต่ระหว่างนั้นเกรงว่าข้ารับใช้ของลอร์ดมิติจะทำร้ายมนุษย์ชาติ

พวกมันคนละระดับกับเราส์ขั้นกลางหรือมอนสเตอร์ ถ้าวูจินไม่ได้ไล่จูเลียลและรัชโมดไปแล้ว โลกคงใกล้ถึงจุดจบยิ่งกว่านี้

“อะไรวะ?”

วูจินเดินในสถานีใต้ดินว่างเปล่า เขาเอียงคออย่างสับสน ถ้าไม่ใช่ไม่มีการลงทุนพลังงานในดันเจี้ยนนี้เลยก็คือไม่มีมอนสเตอร์ให้เกิดใหม่ เขาไม่จำเป็นต้องเดินลงไปเพื่อดูชั้นล่างๆด้วยซ้ำ

วิ้ง วิ้ง

เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้นเมื่ออุโมงค์สีแดงก่อตัวขึ้น

“หมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้อะไรมาขวางเหรอ?”

การส่งมอนสเตอร์ให้อยู่ในดันเจี้ยนคือการป้องกันขั้นแรก ขั้นนี้ใช้ตัดผู้ที่ไม่มีความสามารถเข้ามาในอาณาเขตมิติออกไปได้ระดับหนึ่ง

แน่นอน นี่ขึ้นอยู่กับนิสัยของลอร์ดมิติ แทนที่จะส่งมอนสเตอร์เข้ามาในดันเจี้ยน ลอร์ดมิติสามารถรวบรวมกำลังรบทั้งหมดไปที่อาณาเขตมิติแทน

เมื่อวูจินผ่านอุโมงค์ไป เขาเห็นทุ่งหญ้าเขียว

มีพวกเนินเตี้ยๆที่ทำให้ทอดสายตามองได้ไม่ไกล วูจินปีนเนินที่สูงที่สุดเท่าที่เห็นเพื่อมองรอบๆ

“ทำไมที่นี่ร้างนัก?”

วูจินส่ายศีรษะเมื่อมองไม่เห็นมอนสเตอร์สักตัว

หรือเจ้าของจะชอบกองรบจำนวนน้อยแต่เก่ง?

พลังงานดันเจี้ยนที่บันทึกไว้นั้นสูง และกำลังรบของลอร์ดไม่เปลี่ยน

หากไม่ใช่มีมอนสเตอร์จำนวนมากก็จะเป็นมอนสเตอร์น้อยมากแต่ทรงพลัง

ครั้งนี้เขาคงโชคไม่ดีมาเจอกับอย่างหลัง

ในฐานะเนโครแมนเซอร์ สู้กับศัตรูไม่เก่งหลายๆตัวง่ายกว่าสู้กับศัตรูทรงพลังหนึ่งตัวมาก

เขาจะเปลี่ยนศพเป็นทหารโครงกระดูกไม่ได้ และไม่มีศพก็ใช้ทักษะศพระเบิดไม่ได้

ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ถึงกับไร้ทางสู้

“รัคโต”

ควันดำรวมกลุ่มกันและอัศวินมรณะนามรัคโตปรากฏตัว เขาเป็นผู้ใช้หอกปีศาจ

[ท่านจ้าว]

อัศวินมรณะตนนี้แทบเทียบได้กับคิบะหากเป็นการสู้ตัวต่อตัว และการสู้บนหลังม้าไม่มีใครเทียบชั้นเขาได้ ที่วูจินไม่เรียกอัศวินมรณะออกมาทั้งหมดเพราะมีโอกาสที่อาณาเขตมิติอลันดาลจะถูกบุกรุก

ถ้าสิ่งมีชีวิตจากโลกจาคุเคลียร์เสานีเซียได้ก่อนการเชื่อมต่อจะสมบูรณ์ เขาจะเสียดันเจี้ยนนั้นไป

ถ้าการล่าครั้งนี้ลำบาก วูจินตัดสินใจจะเรียกอัศวินมรณะมาไม่เกิน 20 ตน

“ไปกันสองคนเถอะ”

[รับบัญชา]

วูจินและรัคโตเรียกม้าปีศาจออกมา วูจินเรียกอาวุธนักรบและเปลี่ยนมันเป็นหอก พวกเขาควบผ่านทุ่งหญ้า เป้าหมายเห็นได้ชัดเจน มันคือเสาสีเขียวที่อยู่ห่างออกไป ที่ๆมีหินรีเทิร์นสโตนอยู่

***

หน้าสถานีมกดองทางออกที่ 4

“ฮัดชิ้ว หนาวจริง”

“หัวหน้า ผมว่าเราเจอนักข่าวแล้ว”

“ห๊ะ? ไหน?”

วูซุงฮุนมองรอบๆและเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่กับชายถือกล้องติดเลนส์ยาว เขายิ้มแล้วส่ายหน้า

“ปล่อยเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้”

“ครับ เรามาแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอครับ?”

“หือ? หมายความว่ายังไง?”

“ประเทศเรายังไม่เป็นอิสระ อีกอย่าง เราอยู่บนผืนดินเกาหลี...”

ซุงฮุนกอดคอพนักงาน

“เฮ้ย นายคิดว่าพวกเราเป็นเกาหลีเหนือหรือไง? ประเทศจำเป็นต้องรบกับประเทศเพื่อนบ้านเรอะ?”

“อา”

“อีกอย่าง สนธิสัญญายังไม่เซ็น พวกเรายังเป็นคนเกาหลีใต้...”

อย่างที่ซุงฮุนพูด พวกเขายังเป็นคนเกาหลี แค่ได้รับสัญชาติอลันดาล เมื่อมีประชามติเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ รายละเอียดในสนธิสัญญาจึงจะบรรลุผล

อลันดาลกลายเป็นประเทศก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่มันก็เหมือนโรมกับนครวาติกัน

มันอนุญาตให้ชาวเกาหลีเข้ากิลด์ พวกเขาจะได้สิทธิ์ในการเป็นพลเมืองอลันดาล

เมื่อออกจากกิลด์ เขาจะถูกถอนสิทธิ์ในอลันดาลไป

“เฮ้อ คิดเรื่องนี้แล้วปวดหัว พักสักหน่อยเถอะ”

“ครับ ผมจะไปซื้ออะไรมากิน”

“ได้”

พนักงานวิ่งข้ามถนนไปยังร้านสะดวกซื้อ

ซุงฮุนเดินไปทางคนจากกิลด์ KH ที่กำลังเฝ้าดันเจี้ยน

“เฮ้อ ดูเหมือนพวกเราจะอยู่ด้วยกันทั้งวัน มาแนะนำตัวกันเถอะ”

“อา ครับ”

ฐานะซุงฮุนไม่ต่ำต้อย เขาเป็นสมาชิกแรกก่อตั้งของอลันดาลและเป็นหัวหน้าเลขานุการขึ้นกับวูจินโดยตรง มีข่าวลือว่าเขาจะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอลันดาล สำหรับพนักงานทั่วไป เขาคือคนที่อยู่เหนือกว่า

คนจากกิลด์ KH ทักทายเขาอย่างขัดเขิน และซุงฮุนคุยกับพวกเขาเป็นนาน เขากำลังคุยพลางกินบะหมี่ถ้วยกับคิมบับเมื่อจู่ๆก็นึกขึ้นได้ เขาก้มมองนาฬิกา

“เอ๊ะ? ทำไมเขาออกมาช้านัก?”

“นั่นสิครับ ถ้าเทียบกับเวลาเล่นของท่านประธานแล้วถือว่าช้ามาก”

“ฮืม...”

ซุงฮุนขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกลุกลี้ลุกลนอย่างประหลาด

นี่เป็นการเคลียร์ดันเจี้ยนครั้งแรก แต่วูจินแสดงความสามารถในการเคลียร์ดันเจี้ยนขั้นปาฎิหาริย์มาก่อน ป่านนี้เขาควรจะออกมาแล้ว นับจากเขาเข้าดันเจี้ยนไปก็ผ่านไป 6 ชั่วโมง ข้างในควรจะผ่านไปเป็นวันแล้ว

นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซุงฮุนมองบาเรียที่ปิดแน่นอย่างกังวลเล็กน้อย

“หา? มีข่าวด่วน”

“เอ๊ะ? เพิ่มเสียงหน่อย”

พนักงานคนหนึ่งกำลังดูทีวีในสมาร์ทโฟน เขาถอดหูฟังออกแล้วเปิดเสียง

- เวลานี้กำลังเกิดดันเจี้ยนรีเซ็ทติดต่อกัน ตอนนี้มี 11 แห่งในโซล 4 แห่งในเดกู และ 7 แห่งในปูซาน รวมแล้ว 20 ดันเจี้ยนแห่งใหม่ได้ก่อตัวขึ้น หลังการวัดพลังงาน 8 แห่งในนั้นมีค่าพลังงานสูงกว่าดันเจี้ยน 6 ดาว...

“อะไรนะ?”

ซุงฮุนหยิบสมาร์ทโฟนของเขาขึ้นมาทันทีแล้วต่ออินเตอร์เน็ต

ดันเจี้ยนรีเซ็ทเกิดขึ้นแบบสุ่ม ในช่วงเวลาสั้นๆเกิดดันเจี้ยนรีเซ็ทหลายแห่ง เขาผงะไปเพราะบางอย่างที่เป็นเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น

“หา ไม่ได้เกิดแต่ในเกาหลีด้วย?”

อินเตอร์เน็ตยิ่งสับสนอลหม่านกว่าในข่าว

อเมริกา ญี่ปุ่น จีนล้วนกำลังเจอดันเจี้ยนรีเซ็ทติดต่อกัน

“ไม่นะ ในโซลมีดันเจี้ยนเพิ่มอีก 3 ที่”

“อะไรกัน? กำลังจะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

พนักงานกระซิบกันอย่างไม่สบายใจ

ที่กิลด์แข่งกันแย่งสิทธิ์เคลียร์ดันเจี้ยนก็เพราะดันเจี้ยนรีเซ็ทมีไม่บ่อย แต่คราวนี้พวกมันกลับเกิดรีเซ็ทพร้อมๆกัน...

ความรู้สึกไม่ปลอดภัยท่วมท้นซุงฮุน

เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย ซุงฮุนจึงมองหาเขา

“ประธาน...”

ทำไมคังวูจินใช้เวลาเคลียร์ดันเจี้ยนนานนัก? นี่มันผิดปกติและซุงฮุนทำได้แต่มองด้วยความกังวล

***

ชายซีดเซียวคนหนึ่งเดินบนถนนในฮงเดอย่างรีบเร่ง

“แฮ่กๆ”

เขาท่าทางบาดเจ็บ เขามองไปรอบๆไม่หยุดเหมือนกำลังถูกใครบางคนไล่ตาม แสงในดวงตาของเขาสั่นไหว

‘นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?’

ความรู้ในหัวเขาชัดเจนเกินกว่าจะเรียกว่าภาพหลอน

‘ถ้าเจ้าทำอย่างที่ข้าบอก เฮยอนจะมีชีวิต’

เขาเป็นแค่เราส์แรงค์ E นี่คงเป็นความเมตตาของพระเจ้า ท่านประสงค์จะรักษาลูกสาวของเขา

เขาไม่สนว่าเป็นพระเจ้ากรุณาหรือปีศาจล่อลวง เขาแค่อยากให้ลูกสาวของเขาหายป่วย

‘ฉันต้องทำ’

เขาไม่มีทางเลือกอื่น

ชายคนนั้นเดินไปยังทางเข้าสถานีฮงเดช้าๆ

ทางออกที่ 1 เพิ่งรีเซ็ทจึงมีตำรวจเฝ้า สถานที่นี้กำลังพลุกพล่านเพราะสำนักงานผู้มีพลังพิเศษกำลังวัดพลังงานดันเจี้ยน

“อ๊ะ? ถอยไปด้วยครับ ที่นี่อันตราย”

เมื่อตำรวจละสายตาไปจากเขา เขาวิ่งไปข้างหน้า

“เฮ้ย? ใครน่ะ? จับเขาไว้!”

ก่อนที่ตำรวจจะออกไล่ชายคนนั้นก็เข้าไปในดันเจี้ยนแล้ว เขาแทบจะกลิ้งลงบันไดไป



สารบัญ                                                  บทที่ 133



2 ความคิดเห็น: