ยิ่งเวลาผ่านไป อาณาเขตมิติอลันดาลก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเพิ่มอาณาเขตที่ยึดจากลีอาห์เข้ามา ขนาดของอลันดาลก็เพิ่มขึ้นอีก 10% ยังมีกิลด์ทหารรับจ้างกับศูนย์วิจัยกอบลินถูกสร้างขึ้นเรียบร้อย
เมื่อออกจากปราสาทของวูจินที่ตั้งบนยอดเขาก็จะเข้าถนนสายการค้าทันที
บนถนนมีร้านค้าหลายแบบ ที่นี่ไม่แออัดแต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
รายได้จากร้านค้าค่อยๆเพิ่มพลังงานดันเจี้ยนช้าๆ
เมื่อออกจากถนนสายนี้ ทางบนภูเขามีบ้านของผู้อาศัยในอาณาเขตตั้งกระจัดกระจายไปตามทาง เดินต่อไปจะเป็นอาคารสำหรับฝึกซ้อมกำลังรบสร้างติดกัน จากนั้นเป็นพื้นที่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาซึ่งเป็นที่พักของผู้อพยพ
วูจินไม่ต้องไปหาเจมินถึงบ้าน
วูจินกำลังจะเลยร้านกาแฟแห่งหนึ่งไปแล้วแต่หยุดก่อน
“เอ๋? นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ?”
วูจินสงสัยเมื่อเห็นวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังนั่งที่ระเบียงร้านกาแฟ
“พี่กลับมาแล้วเหรอ?”
วูจินนั่งตรงข้ามเจมิน เขามองสำรวจรอบๆแวบหนึ่ง ที่นี่ดูทันสมัยกว่าโรงเหล้าที่พวกอัศวินมรณะใช้เล่นไพ่
ท่าทางจะมีคนคิดถึงโลกยุคปัจจุบัน...
“นายสร้างที่นี่เหรอ?”
“ครับ ผมช่วยพ่อบ้านบิบิเลือกการออกแบบ ดูเหมือนจะมีดาวอีกหลายแห่งที่การออกแบบคล้ายๆโลก”
มีสิ่งก่อสร้างหลายพันแบบให้ซื้อในร้านค้ามิติ
ด้วยสาเหตุบางอย่าง มีไอเทมจากโลกมากมายในร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ แต่ไม่มีในร้านค้ามิติ มีแต่ไอเทมที่คล้ายๆของบนโลก
‘มันเกี่ยวกับที่นี่ยังประสานกับโลกไม่เต็มที่หรือเปล่า?’
นอกจากนี้ยังมีเวลาที่แตกต่างกัน 4 เท่าระหว่างโลกกับมิติอื่นๆด้วย
วูจินต้องการเวลา 30 วันเพื่อเชื่อมต่อกับโลกจาคุผ่านดันเจี้ยนเสานีเซีย แต่ถ้าเขาต้องการซื้อดันเจี้ยนบนโลกเขาต้องใช้เวลา 120 วันเพื่อเชื่อมต่อกับโลก
เวลาดันเจี้ยนในดันเจี้ยนของเขาไม่ต่างจากเวลาบนโลกจาคุ
วูจินมองกาแฟที่เจมินกำลังดื่ม
“รสชาติมันเหมือนกับกาแฟบนโลกหรือเปล่า มาทางนี้หน่อย”
วูจินยกมือเรียกพนักงานในร้าน เด็กหญิงหูแมว เธอมาจากเผ่าแปลงร่างเป็นคน เธอเข้ามาหาวูจินเมื่อเห็นหน้าเขา เธอก็คำนับอย่างตกใจ
“คารวะท่านลอร์ด”
“อืม เอาแบบนั้นมาที่นึง”
“ท...ท่านจะดื่มอันนั้นเหรอคะ?”
“เอ๋? มันคืออะไรน่ะ?”
วูจินหันไปมองเจมิน เขาหัวเราะเขินๆ
“เลือดครับ”
“เลือด?”
“ครับ ผมลองมาหลายแบบแล้วแต่เลือดมนุษย์อร่อยที่สุด ผมไม่กล้าทำร้ายคนอื่น... ที่นี่มีขายไม่แพง”
“...มีทุกสิ่งให้เลือกสรรจริงๆแฮะ ขอกาแฟแก้วนึง”
“ค่ะ”
เด็กสาวเผ่าแปลงร่างสวมเครื่องแบบติดลูกไม้น่ารัก เธอโค้งตัวให้แล้วเข้าไปในร้าน ที่ระเบียงมีโต๊ะวางเป็นกลุ่ม เป็นที่ๆเหมาะกับการมองคนเดินถนน
“แปลกดีนะครับ”
เจมินชอบนั่งที่ร้านกาแฟ มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประวันของเขาไปแล้วกับการมองถนนที่มีบรรยากาศสุขสงบและเฉื่อยชา
ตอนแรกที่นี่มีคนไม่มากนัก แต่ตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตมากกว่า 400 ไม่รวมกำลังทหาร
“อะไรแปลก?”
“ผมแค่ไม่อยากเชื่อว่ามีโลกแบบนี้อยู่”
วูจินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขามองออกไปที่ถนน เผ่าแปลงร่างเป็นคนอย่างน้อยก็ยังเหมือนมนุษย์ เขาเห็นออร์ค บางครั้งก็เห็นโทรลตัวใหญ่ผ่านไป ยังมีเผ่านาคที่ร่างกายส่วนล่างเป็นงู...
“เหมือนผมกำลังเห็นพาเหรดวันฮาโลวีนในอเมริกาเลย เหมือนอยู่ในฉากถ่ายทำภาพยนตร์”
“หืม”
วูจินนั่งเฉยมองเจมิน หน้าเจมินซีดกว่าเดิมเล็กน้อยแต่บรรยากาศอมโรคที่เคยมีหายไปแล้ว มันดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ตอนนี้นายรู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่ไหม?”
“ผมว่าผมก็แค่ชินกับทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว”
วูจินยิ้ม คำพูดของเจมินถูกต้อง สุดท้ายทุกคนก็จะปรับตัว
“นายจะไปหาพี่สาวนายตอนไหน?”
“ผมตั้งใจจะถามตอนพี่กลับมาพอดี พี่จะกลับโลกเมื่อไหร่?”
“ถ้านายบอกบิบิ เธอจะเปิดอุโมงค์ไปสถานีโซลทางออกที่ 1 ให้นาย อยากกลับไปเมื่อไหร่ก็บอกเธอ”
“ฮู่ว ผมคงต้องซื้อแว่นกันแดดสักอัน”
วูจินหัวเราะ
ในอาณาเขตมิติไม่เป็นไร แต่เจมินไม่สามารถถูกแสงอาทิตย์ของโลกได้ไม่อย่างนั้นเขาจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
“แล้วเรื่องสงครามมิตินี่มันเป็นยังไงมายังไง นายเคยเล่นวาร์คราฟท์มาก่อนเหรอ?”
“นิดหน่อยครับ พอขึ้นม.5 ผมก็ไม่ได้เล่นแล้ว”
“ถ้าเบื่อจะลองสงครามมิติไหม?”
“ผมเหรอ?”
“ใช่”
“ใช้นักเล่นเกมมืออาชีพไม่ได้เหรอครับ?”
“ก็ได้อยู่ แต่ทำไมฉันต้องเชื่อใจคนอื่นด้วย?”
“เอ๋?”
แน่นอนต้องมีเราส์ที่เป็นนักเล่นเกมมืออาชีพ ที่สามารถเข้าดันเจี้ยนของเขาได้
“นายแพ้ได้ ฉันไม่ห่วงเรื่องแพ้หรือชนะ”
เป้าหมายของวูจินไม่ใช่การไต่ลำดับ
“เอ่อ งั้นก็ดีครับ ผมได้ยินจากพ่อบ้านบิบิว่าพี่ให้แต้มเธอตอนที่ชนะ เธอโม้เรื่องนี้ไว้เยอะ”
“...อืม ฉันก็จะให้นายด้วย”
“สงครามมิติครั้งต่อไปคือ 4 วันให้หลัง เราไปอยู่ที่โลกได้ 1 วัน นายอยากไปหาพี่นายไหม?”
“ไปครับ”
เจมินหยิบแก้วบนโต๊ะขึ้นมาดื่มเลือดที่เหลือ หลังดื่มมีรอยเลือดเลอะที่ปาก เขาเลียมันเหมือนอยากได้อีก
“ฮ้า...”
เขาพยายามนิ่ง แต่ดวงตาเจมินสั่นขณะเขาพยายามกดความรู้สึกเคลิบเคลิ้มที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ดื่มเลือดลงไป
“ไปกันเถอะ”
เจมินตั้งสติได้ทันที เขาลุกขึ้น ตอนนั้นเองเด็กหญิงก็ถือถ้วยกาแฟมาหาวูจิน
“กาแฟได้แล้วค่ะท่านลอร์ด”
“อืม ไว้ไปหลังฉันดื่มนี่เสร็จก่อน”
วูจินจิบกาแฟอย่างสบายใจ เจมินกลับไปนั่งที่เดิม
***
เขตพักอาศัยของอลันดาล
“ 1 ทุ่มคืนนี้นะ? อื้ม วูจินไปไม่ได้ อื้ม เขายุ่งน่ะ”
จีวอนคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วมองนาฬิกา
มันเป็นเวลา 9 โมงเช้า
ยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะถึงเวลานัด จีวอนจึงตัดสินใจอาบน้ำ
เธอไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว
ประเทศอลันดาลอยู่ในระหว่างแยกตัวออกจากเกาหลี แต่สนธิสัญญายังไม่บรรลุผล ดังนั้นเรื่องชายแดนจึงค่อนข้างคลุมเครือ ด้วยเหตุนี้คนจึงเดินทางไปมาระหว่างสองประเทศได้อย่างอิสระ
แม้สองประเทศจะตกลงกันแล้วก็เป็นไปได้ว่าจะไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างสองประเทศเหมือนเดิม
แต่มีองค์กรหัวรุนแรงและกลุ่มที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงอยู่ใกล้อลันดาล เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น สมาชิกของอลันดาลจึงต้องไปไหนมาไหนพร้อมคนอารักขา
ครอบครัวของวูจินและโดจีวอนแฟนสาวของเขาอยู่ในการปกป้องเป็นพิเศษ
เธอไม่ใช่บุคคลสำคัญอะไร แต่ต้องไปไหนมาไหนพร้อมกับผู้อารักขาเป็นสิบคน เธอรู้สึกเหมือนทำให้คนอื่นลำบากจึงเลือกเก็บตัวอยู่ในที่พัก
เธอสนุกที่ได้เห็นเชฮีซอลฝึกมอนสเตอร์ตัวใหม่ๆ และได้เขียนนิยายของตัวเอง เธอไม่เหงาแต่รู้สึกอึดอัด
งานชุมนุมศิษย์เก่าเป็นสิ่งที่เธอตั้งตารอ
“เฮ้อ ถ้าวูจินไปด้วยก็ดีสิ”
จะบอกว่างานนี้จัดขึ้นเพราะคังวูจินก็ไม่ผิด
เขากลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก จึงไม่มากเกินไปถ้าจะบอกว่าศิษย์เก่าส่วนใหญ่มาเพราะอยากเจอวูจิน
แม้แต่ซินดี้ที่ไม่เคยมางานชุมนุมศิษย์เก่าเลยหลังจากกลายเป็นดาราก็ยังมา
แต่พวกเขาต้องการอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เพราะตอนนี้คังวูจินยุ่งมาก
หลังอาบน้ำ เธอพันผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ต้องแปลกใจ แขกที่ไม่คาดฝันกำลังนั่งตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น
“พี่ ไม่เจอกันตั้งนาน”
เจมินยืนขึ้นอย่างขัดเขินแล้วยกมือทักทาย
จีวอนยกสองมือกุมหน้า ไม่นานดวงตาของเธอก็รื้นน้ำตา
“เจมินอา!”
เธอวิ่งไปกอดน้องแน่น
ไม่รู้เพราะร่างนุ่ม? หรือเพราะผ้าเช็ดตัวใกล้จะหลุดแล้ว?
หน้าเจมินกลายเป็นสีแดง
“เอ่อ พี่”
“ฮือๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่เธอเข้าใจทุกอย่าง”
เจมินไม่รู้ว่ามีอะไรให้ต้องอธิบายด้วย
“พี่ ปล่อยผมก่อนแล้วไปเปลี่ยน...”
“ใครจะสนล่ะว่าเธอเป็นแวมไพร์? เธอก็ยังเป็นเธอ พี่จะไม่ทิ้งเธอ ฮือ หน้าเธอซีดมากได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า?”
จีวอนจับหน้าเจมินหมุนไปมาเพื่อสำรวจ
ที่ผ่านมาเธอเป็นห่วงน้องชายที่กำลังทุกข์ทรมานมาก... ทำไมหน้าเขาถึงซีดเซียวนัก
“พี่ นี่มันออกจะ...”
เจมินจับผ้าเช็ดตัวที่ใกล้จะร่วง เพราะเขาเป็นน้องหรือเปล่า? เธอไม่มีท่าทีอายนักขณะจัดผ้าเช็ดตัวใหม่
“ฮือๆ ไม่เป็นไรแล้ว”
“พี่วูจินก็อยู่นะ...”
หน้าเจมินแดงขึ้นไปอีกด้วยความอาย
“เอ๊ะ?”
จีวอนนึกว่าฟังผิดไป เธอกำลังจะเหลียวหน้าไปแต่ตัวแข็งทื่อเสียก่อน วูจินกำลังนั่งยิ้มกริ่มบนโซฟา
“หุ่นเธอก็ดีมากนะ”
“...”
เท่าที่มีให้มองคือส่วนต่างที่บอกขนาดตัวของเธอ แต่ว่า...
จีวอนหน้าแดงแล้วถอยห่างจากพวกเขา วูจินยิ้มพลางมองเธอหายเข้าไปในห้องแต่งตัวเงียบๆ
“ทำไมพี่นายเป็นแบบนั้นล่ะ?”
“อย่าถามผม”
เขาถามเพราะไม่รู้จริงๆเหรอ? เจมินส่ายหน้า
“เป็นการพบกันของพี่น้องที่งดงามมาก”
“พี่จะไปแล้วเหรอครับ?”
“ฉันไม่มีเวลาพักหรอก ฉันจะกลับดันเจี้ยน”
“...ไม่ใช่ว่าพี่ต้องการเงินสักหน่อย ทำไมถึงขยันลงดันจัง?”
วูจินมีอาณาเขตมิติ เจมินพอเข้าใจอยู่บ้างว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนไปแบบไหน ดันเจี้ยนคือที่ๆเราลงไปเพื่อเก็บบลัดสโตน บนโลก บลัดสโตนคือเงิน ในอาณาเขตมิติ บลัดสโตนคือแต้ม
เจมินไม่เข้าใจว่าวูจินอยู่ในสถานการณ์ไหนดีนัก ดังนั้นเขาจึงสงสัย
“เก็บเลเวล”
“เก็บเลเวล?”
วูจินออกจากห้องพลางโบกมือลา เจมินเอียงคองง
“เก็บเลเวล...หมายความว่ายังเก่งขึ้นได้อีกเหรอ?”
เขาแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ยังเข้าดันเจี้ยนต่อ... ความขยันนี่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมวูจินจึงได้แข็งแกร่งนัก
***
ทางออกก่อตัวขึ้นในความว่างเปล่า
‘อึก’
เวลาผ่านไปมากพอให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเอง ขณะที่แสงจากทางออกใกล้มายังเขา ความทรงจำก็เริ่มกลับมา
‘ฉันอยากมีชีวิต’
แสงจากทางออกหุ้มตัวเขา เขาได้ตัวเองที่เสียไปคืนมา
‘ฉันไม่อยากตายอีกแล้ว’
หลังเวลาผ่านไปนาน ในที่สุดลีซังโฮก็ถูกปลุกชีพขึ้นมาใหม่
เขานอนแผ่บนพื้นปราสาทน้ำแข็งที่คุ้นเคย
“เจ้าคนไร้ประโยชน์”
“...”
ลีซังโฮตัวสั่น
อิเอลโลใช้แต้มอันล้ำค่าเพื่อชุบชีวิตมันผู้นี้ขึ้นมา มันก้มมองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ข้ามีงานให้เจ้า”
“ว...วางใจเถอะ คราวนี้ผมจะไม่ทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรกพลาดอีก...”
“โง่เง่า!”
คำพูดจริงใจของลีซังโฮถูกกลบด้วยเสียงคำรามของอิเอลโล
เขาทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรกไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อเขาตายและคืนชีพก็ไม่ถือเป็น 'เราส์ของโลก' อีกแล้ว ตอนนี้เขาเป็นแค่ข้ารับใช้ของอิเอลโล
เกรทลอร์ดลำดับที่ 25
ลีซังโฮไม่มี ‘รากฐาน’ มาจากโลกอีกต่อไป
“ข้าต้องการให้เจ้าเอาสิ่งนี้ไปยังโลกจาคุ”
แหวนวงหนึ่งลอยตรงหน้าอิเอลโลแล้วมาหยุดตรงหน้าลีซังโฮ เขาใช้สองมือรับมันอย่างนอบน้อม
“ผมต้องทำยังไง?”
“หาราชาคอย แล้วบอกเขาว่า -ถ้าเจ้าทำลายโลกได้ ข้าจะยกทางเข้าโลกเลฟรินให้-”
ลีซังโฮไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่เขาถูกสั่งให้ส่งสาส์น เขาก็จะทำ
“ผมจะส่งข้อความนั้นให้เขาอย่างถูกต้องครบถ้วน”
“จากนั้นไปที่โลกไม่ต้องกลับมาที่นี่ เจ้าต้องสร้างความขัดแย้งระหว่างคนบนโลก”
“...ผมจะไปที่โลกได้ยังไง?”
“ใส่แหวนวงนี้”
“...”
ลีซังโฮแบมือ เวทมนตร์ที่ไม่รู้จักส่งออกมาจากแหวน เขาสวมแหวนกลายร่างอย่างช้าๆ
โชกเลือด...ในหลายๆความหมาย //พิมพ์ชื่อราชาคอยแล้วนึกถึงคอยคิง XD
ยังไม่ตายอีกหรอนั้น...บทตัวประกอบรอบสองสินะ
ตอบลบอี้
ตอบลบมันกลายเป็นมอนสเตอร์แล้วถ้าลอร์ดอิเอลโลเห็นว่ามีประโยรช์ก็ชุบชีวิตได้เรื่อยๆ
ตอบลบ