วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 129

บทที่ 129 – ลีอาห์

ผู้หญิงสวมแว่นและหน้ากากปิดจมูกออกมาจากประตูทางออกสนามบิน มีคนกลุ่มมากรวมกันอยู่ที่นั้น แต่ละคนมีกล้องในมือ มองผ่านๆเกิน 50 คน แต่ไม่มีใครสนใจเธอแม้แต่คนเดียว

พวกเขาเหมือนตัวเมียร์แคท ยืดคอยาวจ้องประตูทางออก

‘อีกแล้วเหรอ?’

ผู้หญิงขมวดคิ้วขณะเดินผ่านกลุ่มนักข่าว เมื่อไปถึงรถตู้ที่จอดรอ เธอถอดหน้ากากออก

“เฮ้อ คังวูจินอีกแล้วเหรอ?”

“อา ซินดี้ ดูเหมือนจะใช่นะ”

ซินดี้ถอนหายใจกับคำตอบของผู้จัดการ

“ทำไมเขากลับจากต่างประเทศพร้อมๆกับฉันทุกทีเลยนะ?”

“ฮะๆ”

ผู้จัดการได้แต่หัวเราะ ที่ซินดี้พูดไม่จริงเสียทีเดียว วูจินไม่ได้จัดตารางเวลาไปต่างประเทศตรงกับเธอ
แค่ตารางเวลาของซินดี้ทำให้ต้องไปจีนบ่อยๆ เพราะอย่างนี้เธอจึงใช้สนามบินบ่อย และบางครั้งเวลาที่เธอกลับประเทศก็จะไปตรงกับการมาถึงของคังวูจิน

“เฮ้อ นักข่าวพวกนี้ไม่รู้จักจำกันเลยเหรอ?”

กี่ครั้งที่คังวูจินออกจากประตูสนามบิน ส่วนใหญ่เขาใช้เส้นทางอื่นในการออกจากสนามบิน เธอรู้สึกสงสารนักข่าวที่ต้องรอเขาตรงประตูทางออกอย่างดื้อรั้น

“เพราะอย่างนี้ถึงมีนักข่าวอยู่ทุกซอกทุกมุมเลยไง”

“...”

ซินดี้อ้าปากค้าง

ถ้ามีนักข่าวครอบคลุมอยู่ทุกทางออกของสนามบินแล้วจะมีกี่คนกันนั่น? อย่างน้อยคงมีมากกว่านักข่าวตรงประตูทางออก 5 เท่า แข่งขันกันเพื่อภาพถ่ายของคนๆเดียว...

“พวกเขาแค่มาถ่ายรูปเหรอ? ฉันได้ยินว่าเขาชื่อเสียงแย่เรื่องไม่ยอมให้สัมภาษณ์”

“แค่? เขาเป็นพระราชาของอลันดาลนะ”

“พระราชา...”

ซินดีกลืนเสียงครางกลับไป ตอนนี้มีอาณาจักรแห่งหนึ่งอยู่ในเกาหลี มันพิลึกเพราะนี่ไม่ใช่นิยายหรือการ์ตูน

“เฮ้อ จริงๆนะ”

ดาราอยู่คนละโลกกับคนธรรมดา แต่คังวูจินอยู่เหนือกว่าดารา เธอเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงแต่คังวูจินเหมือนลงมาจากสวรรค์

“ไม่รู้เขาจะมางานชุมนุมศิษย์เก่าไหม”

“หือ? ชุมนุมศิษย์เก่าอะไร?”

ซินดี้พูดกับตัวเอง แต่ผู้จัดการถาม เธอส่ายศีรษะเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ แต่พวกเราเรียนโรงเรียนมัธยมที่เดียวกัน”

“ฮ้า จริงเหรอ? ไม่น่าจะมานะ”

“ฉันก็คิดเหมือนกัน”

งานชุมนุมศิษย์เก่าครั้งก่อนถูกเลื่อนไปเพราะดันเจี้ยนเบรกหลายแห่งในโซล

หลังจากนั้น ประชากรจำนวนมากย้ายออกจากโซล เขตอาศัยบางแห่งกลายเป็นว่างเปล่าจนเหมือนเมือง
ร้าง

“เฮ้อ ไม่รู้สิ”

ถ้าโชคชะตากำหนดให้พวกเธอได้เจอกัน เธอก็จะได้เจอ... ซินดี้เอนหลังแล้วหลับตาลง

***

“เอ๊ะ? เขาออกมาแล้ว!”

พวกนักข่าวไม่ได้ตั้งความหวังไว้นัก แต่ใบหน้าคุ้นเคยที่ปรากฏที่ประตูสนามบินทำให้พวกเขาคลั่ง

แชะๆ!

คนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาท่ามกลางแสงแฟลชกล้อง

พวกเขาคือฮงซุงกูและวูซุงฮุนของอลันดาล ยังมีเบคจองโดและเลขานุการของเขาจุงชานซุง พวกเขามีรปภ.ตามส่ง

ในนั้น ซุงกูเป็นคนที่กำลังยิ้มกว้าง

“เฮะๆ ผมดังมากแล้วตอนนี้”

“ถ้าไม่รวมท่านประธาน กรรมการฮงคงเป็นเราส์ที่มีชื่อเสียงมาแรงที่สุดแล้ว”

ซุงกูหัวเราะคิกๆขณะที่วูซุงฮุนพยายามทำตัวเองให้ดูดี

ก่อนวูซุงฮุนจะออกจากเครื่องบิน เขาทาครีมที่หน้า เขาแต่งตัวอย่างดียิ่งกว่าแฟชั่นสนามบินอีก สภาพของซุงฮุนทำให้ซุงกูหัวเราะ

“หัวหน้าแผนกวู คุณดูดีมากครับ”

“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ใช่หัวหน้าแผนกเลขานุการแล้วนะ ผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ”

“เฮะๆ จะว่าไปคุณก็มาไกลมากเลยนะครับ”

“ฮ่าๆ นี่เป็นผลมาจากที่ผมอุทิศกายใจให้ท่านประธานไงล่ะ”

ซุงกูหัวเราะในใจเมื่อได้ยินซุงฮุนพูด

อืม การพบกันครั้งแรกไม่สวยงามนักและซุงฮุนก็ทนทรมานมามาก

ซุงฮุนยิ้มกว้างพลางมองนักข่าว เขาโบกมือให้พวกเขา

‘นายประสบความสำเร็จแล้วนะวูซุงฮุน!”

ในใจเขากำลังเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง

เขาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอลันดาล

ความทรงจำแปดปีของการเป็นคนขายโทรศัพท์เข้ามาในหัวเขาเหมือนภาพในกล้องสลับลาย เขาไม่เคยคาดฝันว่าจะประสบความสำเร็จถึงขั้นนี้ เขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกใหม่ๆ

“ผมจุงชินยองจาก KB มีเดีย ขอคุยด้วยได้ไหมครับ”

“ลีโฮซานจากหนังสือพิมพ์ทูเดย์ครับ เรื่องที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในจีนจริงหรือไม่ครับ?”

นักข่าวพูดไม่หยุด วูซุงฮุนจึงขอตัวจากเบคจองโด เขาหยุดครู่หนึ่ง

มีสิ่งหนึ่งที่เขาอยากทำมานานแล้ว

“ผมจะตอบคำถาม 3 ข้อ”

นักข่าวรุมซุงฮุนเหมือนฝูงผึ้งเมื่อได้ยิน นักข่าวสาวน่ารักคนหนึ่งมองเขาด้วยสายตาจริงจัง ซุงฮุนชี้ไปที่เธอ

“ฉันลีเชยุนจากแจยองมีเดียค่ะ คุณคังวูจินอยู่ที่ไหน...”

“เขาเป็นพระราชาของอลันดาล เรียกเขาว่าคุณคังวูจินนี่...”

ซุงฮุนขมวดคิ้วแล้วพูดขัดจังหวะ นักข่าวสาวอึ้งไปครู่แต่แล้วก็พูดต่อ

“...ตอนนี้พระราชาของอลันดาลอยู่ที่ไหนคะ?”

เพราะว่าพวกเขาอยู่ในประเทศที่ราชาธิปไตยหายไปนานแล้ว? ไม่ใช่  วูจินคนนี้ไม่มีเชื้อสายกษัตริย์ เขาสร้างประเทศใหม่และตั้งตัวเองเป็นพระราชา ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนแบบนี้เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่

แน่นอน พวกเขาทำตัวให้คุ้นเคยกับเรื่องนี้ได้ยาก

“เขาอยู่ในดันเจี้ยน”

“ดันเจี้ยนในอเมริกาหรือคะ?”

“ไม่ใช่”

คำตอบของซุงฮุนทำให้นักข่าวตกใจ คังวูจินไปที่อื่นและให้คนในทีมของเขากลับมาก่อนเหรอ?

“แล้วเขามีกำหนดจะกลับมาเมื่อไหร่คะ?”

วูจินยิ้ม

“ผมไม่ทราบ เขาอาจกลับไปที่อลันดาลแล้วก็ได้ หรืออาจจะกลับวันอื่น”

“...?”

นักข่าวรู้สึกสับสนเมื่อได้ฟังคำตอบไร้เหตุผลของซุงฮุน ซุงฮุนมีความสุข

‘นี่ไงล่ะ’

กี่ครั้งแล้วที่เขาอยากเลียนแบบคังวูจิน?

ซุงฮุนพูดประโยคสุดท้ายอย่างเท่

“จบเท่านี้ 3 ข้อแล้ว”

“ข...ขอโทษค่ะ ขอถามอีกข้อ”

นักข่าวพุ่งมาทางซุงฮุน แต่รปภ.กั้นพวกเขาไว้ หลังจากบอกลาสมาชิกกิลด์ KH ซุงฮุนและซุงกูเดินไปทางรถที่อลันดาลส่งมา ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ

“พี่ซุงฮุน เมื่อกี๊เลียนแบบลูกพี่ใช่ไหมครับ? ที่บอกว่าจะตอบคำถามแค่ 3 ข้อ”

ซุงกูเลียนแบบวูจิน ซุงฮุนหัวเราะอายๆ

“ฮ่าๆ ผมอยากลองทำแบบนั้นสักครั้งมานานแล้ว”

“คิดว่าลูกพี่กลับไปถึงอลันดาลแล้วจริงๆเหรอครับ?”

“ไม่รู้สิ เขาบอกว่าเขาจะอยู่ที่นั่น ผมแค่คิดว่าคงจริง”

ซุงฮุนได้ความสามารถพูดถึง 10 ภาษาเพราะวูจิน เพราะอย่างนั้นคำพูดของวูจินคือกฎของซุงฮุน ต่อให้เขาบอกว่าถั่วแดงเอาไปใช้ทำถั่วหมักได้ซุงฮุนก็จะเชื่อ

“ไปดูกันเถอะ เขาอาจไปถึงที่นั่นก่อนพวกเราจริงๆก็ได้”

“ครับ”

รถที่ซุงกูกับซุงฮุนนั่งมุ่งหน้าไปทางอาณาเขตของอลันดาล หรือก็คือสถานีโซลทางออกที่ 1

***

ก่อนหน้านั้น

หลังจากวูจินเคลียร์ดันเจี้ยนในลอสแอนเจลิสซึ่งเป็นที่สุดท้ายตามตารางเวลา

<เพิ่มระดับ!>

‘โฮ่ อีกแค่สองเลเวล’

เขาต้องเพิ่มเลเวลอีกแค่ 2 ครั้งก็จะถึง 80 ดันเจี้ยนบางแห่งเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นดันเจี้ยน 6 ดาวก็ลำบาก

มีดันเจี้ยน 5 แห่งที่มีมอนสเตอร์ระดับ 7 ดาวอยู่

ถ้าไม่ใช่เพราะวูจิน ดันเจี้ยน 7 ดาวคงระเบิดเป็นครั้งแรกบนโลก มันอาจเกิดขึ้น 5 ครั้ง กองทัพอาจควบคุมพวกมอนสเตอร์ได้ แต่ความเสียหายคงมหาศาล

‘สงครามแบบยืดเยื้อมันอันตรายเกินไป’

ถ้าโลกกลายเป็นสนามรบจะอันตราย ถ้าพวกเขาต้องการสู้ก็ต้องโจมตีดันเจี้ยนก่อนที่มันจะระเบิด พวกเขาต้องสู้ให้จบในดันเจี้ยน

ถ้าต้องการให้แผนนี้เป็นไปได้ ก็ต้องมีเราส์จำนวนมาก แต่คุณภาพของเราส์บนโลกนั้นอ่อนแอ

เราส์แรงค์ AA หรือเราส์ระดับวงแหวนที่ 7 เพิ่งจะเริ่มปรากฏตัว ทีละหนึ่งหรือสองคน

วูจินไม่สามารถเดินทางไปหยุดดันเจี้ยนเบรกรอบโลกได้เสมอ สุดท้ายแล้ว ทุกคนต้องช่วยกัน

‘อืม สุดท้ายแล้ว ฉันคงต้องปล่อยให้พวกเขาช่วยเหลือตัวเอง’

เขาเคยบ่มเพาะหญ้าอย่างซุงกู เขาไม่ต้องการดอกไม้ที่โตได้แต่ในเรือนกระจก เขาจะลงมือฝึกสอนคนแบบบลังกาที่มีแววจะไปได้ไกล ที่เหลือคงต้องเติบโตด้วยตัวเอง

ตัวเองก็ต้องปกป้องตัวเอง การพึ่งพาคนอื่นเป็นเรื่องอันตรายเกินไป

‘ถ้าฉันรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กจะอันตราย’

ตอนนี้มีพวกปากมากที่เรียกวูจินเป็นผู้กอบกู้แล้ว นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่สุด

ถ้าต้องการให้เราส์บนโลกแข็งแกร่งขึ้น วูจินก็ต้องให้พวกเขาสู้เอง แน่นอน เขาต้องหยุดยั้งทราห์เน็ตไม่ให้ครอบครองโลก ดังนั้นเขาต้องควบคุมกำลังพลของเราส์

พวกเราส์จะเป็นยาต้านดันเจี้ยนเบรกที่จะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ วูจินแค่ต้องจัดการกับมอนสเตอร์ที่เป็นปัญหาใหญ่จริงๆ

“พวกนายกลับเกาหลีไปก่อน”

“ครับ? แล้วลูกพี่ล่ะ?”

“ฉันจะไปของฉันเอง พวกนายกลับไปก่อน”

วูจินต้องอยู่ตอนที่เกิดสงครามมิติในอาณาเขตมิติของเขา เขาเปิดประตูมิติไปที่อาณาเขต

ฐานของเขาคือสถานีโซลทางออกที่ 1 ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดบนโลก เขาสามารถกลับไปที่อาณาเขตของเขาทันที

หากนั่งเครื่องบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคจะเสียเวลามาก หลังจากเดินทางไปรอบโลกเพื่อปิดดันเจี้ยน ระยะเวลาคุ้มครองของเขาใกล้หมดแล้ว

หลังแยกจากคนอื่นๆ วูจินเข้าไปในประตูมิติทันที

ตอนนี้เขาค่อนข้างชินกับความรู้สึกวิงเวียนแล้ว เขาเห็นห้องโถงที่ตั้งบัลลังก์ในอาณาเขตมิติของอลันดาล

“เจ้านาย!”

บิบิวิ่งมากระโดดกอดเขาทันที

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”

“ค่ะ ฮิๆ แล้วก็ เรามั่นใจในฝีมือต่อสู้ในสงครามมิติแล้วล่ะ”

“หา?”

“เราได้คอร์สฝึกสอนส่วนตัวน่ะ”

“ฝึกสอนส่วนตัว? จากใคร?”

“ฮิๆ ความลับ!”

มีผู้อพยพที่รอบรู้เรื่องสงครามมิติเข้ามาเหรอ?

วูจินดูสถานะของอาณาเขตอย่างไม่สนใจนัก

“พลเมืองเพิ่มขึ้นเยอะนะ”

“ค่ะ มีข่าวลือออกไปว่าเราไม่เก็บค่าตั้งถิ่นฐาน แต่เพราะเราไม่เปิดดันเจี้ยนให้ใช้ พวกอพยพที่ต่อสู้เก่งๆ
เลยจากไปแล้ว”

วูจินไม่ยอมเปิดดันเจี้ยนหนึ่งเดียวที่เขามี เขายังไม่ยกเลิกห้ามคนเข้าออกดันเจี้ยนสถานีโซลทางออกที่ 1 ผู้อาศัยในมิติไม่สามารถล่ามนุษย์หรือรวบรวมบลัดสโตนได้ สิ่งเหล่านี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาผ่านดันเจี้ยนไปยังโลกได้เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ผู้อพยพที่ชอบทำสงครามจึงผ่านอลันดาลไป

ผู้อพยพที่ตัดสินใจตั้งถิ่นฐานคือนักเดินทางที่เหน็ดเหนื่อยกับการเร่ร่อน พวกเขามีแนวโน้มไปทางรักสันติ

แม้จะไม่เปิดดันเจี้ยนก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเก็บบลัดสโตนไม่ได้ เพียงแต่จะไม่ได้จำนวนมากๆในทีเดียว พวกเขาสามารถทำฟาร์มบลัดสโตน ล่าหรือเลี้ยงมอนสเตอร์

“เหลืออีกแค่ 2 นาที”

“ฮิๆ คราวนี้เรามั่นใจมาก”

บิบิยิ้มกริ่มอย่างมั่นใจ ถ้าเธอชนะ เขาจะถูกปรับช่วงคุ้มครองเป็น 4 วัน

สงครามมิติเป็นสงครามกลยุทธ์ที่สู้กันโดยใช้พลังของอาณาเขตมิติ

ดวลคือการสู้โดยใช้ความสามารถด้านต่อสู้ของลอร์ดมิติ

ผลลัพธ์เหมือนกัน คนแพ้เท่านั้นจึงจะได้ช่วงคุ้มครอง 12 วัน

ถ้าชนะ คนชนะจะได้ช่วงคุ้มครองเพียง 4 วัน ช่วงนั้น ระหว่างนั้นถ้าไปท้ารบกับอาณาเขตอื่น บาเรียที่ปกป้องรอบอาณาเขตจะหายไป ยกเว้นว่าจะเป็นการชนะจากการท้าดวลเป็นการแก้แค้นหลังแพ้

สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือให้บิบิแพ้ เพื่อเขาจะได้ช่วงคุ้มครอง 12 วัน จากนั้นเขาแก้แค้นและได้แต้มกับไอเทมที่ถูกปล้นไปคืนมา

“ฮิๆ เริ่มเร็วๆหน่อยสิ”

บิบิคาดหวังกับตัวเองไว้สูงมาก วูจินนึกออกเลยว่าเธอจะเศร้าขนาดไหนถ้าแพ้ เขารู้สึกผิดแต่ไม่มีทางเลือก

วูจินไม่อยากเจอกับความหงุดหงิดในสงครามมิติอีก เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องทรมาทรกรรมอย่างนั้น

<ช่วงคุ้มครองหมดลงแล้ว>

<คุณสามารถรับคำท้ารบในสงครามมิติ คุณสามารถรับคำท้าดวล>

<คุณสามารถปฏิเสธได้ 3 ครั้ง หลังจากนั้นจะการต่อสู้จะถูกบังคับให้เกิดขึ้น>

วูจินนั่งบนบัลลังก์ครู่เดียวก็ได้รับคำท้ารบในสงครามมิติมากมาย เขาสุ่มเลือกมาหนึ่งอัน

<สงครามมิติกับลีอาห์เริ่มขึ้นแล้ว>

วูจินนั่งบนบัลลังก์ ภาพเบื้องหน้าของเขาขยายกว้างขึ้น

เขาสามารถสำรวจดินแดนกว้างใหญ่ได้เพียงมองผ่านๆ เขาสามารถรับรู้ความเป็นไปของสงครามระหว่างบิบิกับลอร์ดมิติคนอื่นได้พร้อมกัน วูจินอ่านข้อมูลของศัตรู

“เธอเป็นมนุษย์เหรอ?”

เผ่าพันธุ์ของศัตรูของเขามีเขียนไว้ แต่เขาไม่มีทางรู้ว่าเธอมีความสามารถหรือมีกองกำลังอะไรบ้าง ที่เขารู้มีเพียงประวัติการต่อสู้ของเธอ

<สงครามมิติ 102W 542L>

<ดวล 640W 230L>

“โฮ่! น่าสนุก”

ดูเหมือนคนๆนี้จะใช้วิธีการแบบเดียวกับวูจิน เธอมีประวัติชนะในการดวลมากกว่าในสงครามมิติ

แปลได้ว่าศัตรูของเขาเป็นลอร์ดมิติสายต่อสู้ ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องกลัวแม้จะเห็นประวัติของศัตรู เขาไม่กลัวตาย ต่อให้บัลลังก์ทั้ง 72 มาเขาก็ไม่ลังเลที่จะแก้แค้น

“บิบิทนได้นานแฮะ”

เวลาผ่านไปนานแล้วแต่การรบยังไม่จบ วูจินจึงดูแผนที่

“หา”

วูจินไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

หรือว่าเธอจะได้ครูดีจริงๆ? สถานการณ์ในการรบเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางแปลกๆ



สารบัญ                                                        บทที่ 130

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ได้มานานตอนเพิ่มเยอะๆนี่มันดีจริมๆ ตาวูจินจะตบหัวลากเข้ากิลด์อีกแล้วเรอะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รู้สึกว่าตัวหลักๆของกิลด์นี่มาแบบไม่เต็มใจกันทั้งนั้นเลย ^^"

      ลบ
  2. ถ้าดวล 1-1 ตัวเอกอัญเชิญกองทัพได้ โกงขชัดๆ

    ตอบลบ
  3. นางเอกอยู่​ไหน​ฮัลโหล...

    ตอบลบ