วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 127

บทที่ 127 - ผู้ปิดดันเจี้ยน (2)


“เดรด?”

วูจินขมวดคิ้ว

เขานึกไปถึงร่างยึกยือที่ลากตัวเองเข้ามาในอาณาเขตของเขา

“คิดจะขุดอุโมงค์มาที่นี่เหรอ?”

คิดถึงเวลาที่ต้องใช้ในการประสานกับดันเจี้ยน แปลว่าเดรดเริ่มเชื่อมต่อดันเจี้ยนเขากับโลกตั้งแต่ก่อนมาเยี่ยมอาณาเขตของวูจิน แต่วูจินรู้สึกไม่ดี

วูจินตัดสินใจเลือกจากหลายข้อๆที่มีให้

<คุณเลือกโหมดพิชิต>

<ถ้าคุณเคลียร์โหมดนี้ได้ คุณจะได้ค่าความสำเร็จ>

“ผมเป็นเราส์สายสนับสนุน จะร่ายคำอวยพรให้นะครับ”

บลังกาตั้งใจจะทำหน้าที่ของตัวเอง วูจินขมวดคิ้ว ถ้าเป็นสายสนับสนุนแบบเสริมความแข็งแกร่งก็ไม่เป็นไร แต่สายอวยพรไม่เข้ากับเขา นอกจากไม่เป็นผลดีแล้วยังส่งผลเสียกับเขาด้วย

“ฉันไม่ต้องใช้นาย ดูเฉยๆไม่ต้องทำอะไรก็พอ”

“ผมก็เป็นเราส์แรงค์ A ผมช่วยทีมได้...”

บลังการู้สึกเหมือนถูกละเลยเขาจึงท้วง แต่วูจินไปไกลแล้ว เบคจองโดส่ายศีรษะเมื่อเห็นบลังกาทำหน้าหดหู่

“ถ้าเขาบอกให้รอก็รอเถอะ”

บลังกาหันไปมองชายคนที่พูดกับเขาอย่างเป็นกันเองมาก

บลังกาเป็นเราส์แถวหน้าของกิลด์วิษณุ กิลด์นี้มีชื่อเสียงในอินเดียทีเดียว เพราะอย่างนี้เขาจึงพูดได้คล่องทั้งภาษาเกาหลี ญี่ปุ่นและจีน

เขาเป็นสายสนับสนุนไม่ใช่สายต่อสู้โดยตรง เขายังฉลาดมาก เขารู้จักเราส์ของเอเชียดี เขารู้จักว่าคนที่กำลังพูดด้วยคือใคร

ประธานกิลด์ KH เบคจองโด

บลังกาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเบคจองโดกับคังวูจินเป็นอย่างไร แต่เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเหมือนกัน

“เราเข้าดันเจี้ยนเป็นทีม เราควรจะช่วยเขาไม่ใช่เหรอ?”

บลังกาตอบเบคจองโดด้วยภาษาเกาหลีไร้ที่ติ

“ทีมอะไร? เดี๋ยวไม่เกิน 5 นาทีเขาก็กลับมาแล้ว”

บลังกางงกับคำพูดของเบคจองโด

“ผมเข้าใจที่คังวูจินไม่อยากเปิดเผยวิธีสู้ของเขาเพราะผมเป็นคนนอก แต่ทำไมประธานเบคถึงได้ถูกทำแบบนี้ด้วย?”

คังวูจินโด่งดังอย่างรวดเร็วจนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขา แต่ในข้อมูลน้อยนิดนี้คือนิสัยไม่เข้าสังคมระหว่างเข้าดันเจี้ยน ส่วนใหญ่เขาจะเคลียร์ดันเจี้ยนคนเดียว หรือถ้าเป็นทีมก็เฉพาะกับสมาชิกกิลด์ของเขา

เบคจองโดไม่มีทีท่าจะร่วมล่า ดูเหมือนเขาก็ถูกมองเป็นคนนอกเช่นกัน

เบคจองโดหัวเราะที่บลังกาเข้าใจผิด

“ไม่จำเป็นต้องไป เราช่วยอะไรไม่ได้มากแล้วจะไปทำไม?”

ถ้าเบคจองโดร่วมด้วยอาจจะลดเวลาเคลียร์ดันเจี้ยนสัก 10 วินาที? เขาจะลงแรงด้วยหรือไม่ก็แทบไม่มีผลอะไร

บลังกายังสับสน เบคจองโดเห็นแล้วถอนหายใจ

ตอนวูจินปิดดันเจี้ยน 5 แห่งในญี่ปุ่นกับจีน เราส์ทุกคนที่เข้าดันเจี้ยนด้วยก็มีท่าทางแบบเดียวกับบลังกา พวกเขาพยายามไขความลับของวูจิน สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร

ไม่ใช่ พวกเขาได้รู้หนึ่งอย่าง

‘เขากำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดเร็วมากและง่ายมาก’

เบคจองโดนั่งลงกับพื้น

“แค่อย่าลืมอัดวิดีโอไว้ให้หมดก็พอ”

บลังกาเข้ามาด้วยเพราะอยากเห็นวิธีเคลียร์ดันเจี้ยนของคังวูจิน เพราะเหตุนี้เขาจึงมีคำถามเต็มไปหมด

ไม่ว่าจะมีส่วนในการสู้หรือไม่เขาก็มีหน้าที่ต้องทำ แต่เบคจองโดเข้ามาทำไม?

“อ๊ะ ไม่ต้องมาสงสารฉัน ฉันแค่มาเล่น”

“...?”

“ปิกนิกไง ไม่รู้จักเหรอ?”

แน่นอน เขารู้จัก เขาแค่สงสัยว่าทำไมต้องมาปิกนิกในดันเจี้ยนที่ยังไม่ถูกพิชิต นี่ไม่ใช่ตามแม่ไปตลาด ทำไมเขาถึงเข้าดันเจี้ยนแบบนี้...

วิ้ง

ตอนนั้นเอง อุโมงค์แดงก็ก่อตัวขึ้นใกล้ๆจุดที่เบคจองโดนั่ง ความหมายของมันชัดเจน

มอนสเตอร์ในสถานีใต้ดินถูกจัดการหมดแล้ว

เวลาเพิ่งผ่านไป 4 นาที เบคจองโดยิ้มพลางมองสีหน้าเหลือเชื่อของบลังกา

“ทำไมทุกคนถึงทำท่าแบบเดียวกันหมดเลยนะ?”

ปฏิกิริยาเหมือนกันหมดไม่ว่าจะเป็นคนจากญี่ปุ่น จีนหรืออินเดีย

เบคจองโดยืนขึ้นปัดฝุ่นบนเสื้อผ้า

“ไปเถอะ ไหนดูสิว่าคราวนี้จะมีอะไร”

ไม่นานคังวูจินกับฮงซุงกูก็มาถึง ทั้งหมดผ่านอุโมงค์แดงเข้าไป

วิ้ง

เสียงอื้อในหูหายไป ภาพตรงหน้าพวกเขาเป็นชายหาดคลื่นลมสงบ คนแรกที่มีปฏิกิริยาคือซุงกู

“ว้าว! ที่นี่ยอดไปเลยนะครับลูกพี่”

หาดทรายสีขาวกับน้ำใส เทียบได้กับสถานที่ท่องเที่ยวบนโลก หาดทรายไร้ผู้คนแตะต้องจึงมีความสวยงามแบบไม่แปดเปื้อน

ซุงกูวิ่งฝ่าทราย เมื่อมอนสเตอร์ปูพุ่งมาเขาก็ส่งเสียงตะโกน

“ลูกพี่! มีปูด้วย กินปูต้มกันไหมครับ?”

บลังกาตะลึงกับเสียงหัวเราะร่าของซุงกู

มอนสเตอร์ตัวเล็กประมาณ 50 ซม. แต่ยังใหญ่เกินปูธรรมดามาก และก้ามปูของมันสามารถหักกระดูกคนได้ง่ายดาย

“อันตราย!”

มันเป็นมอนเตอร์ที่ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ

ซุงกูจุดไฟใส่มันตอนที่ปูกำลังตะกายออกจากทราย

“เฮะๆ สุกแล้ว”

ปูตายทันทีเพราะความร้อนสูง กระดองเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนสุกดีแล้ว ซุงกูชักดาบสั้นออกมา ถ้านึกถึงบรรดามอนสเตอร์ที่เขาต้องชำแหละมาก่อนเขาคงปวดหัว

เขามั่นใจว่าสามารถแล่เนื้อปูออกมาได้

“พวกมันเคลื่อนที่เป็นกลุ่ม! พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ”

เหมือนพิสูจน์ความกังวลของบลังกา หาดทรายขยับเมื่อพวกมอนสเตอร์ปูเริ่มคลานออกมา พวกมันมีจำนวนมากกว่า 100 ตัว

ถ้าถูกก้ามปูจับก็มีสิทธิ์แขนขาขาด จำนวนปูที่โผล่มาเทียบเท่ากับพวกราควิ กิลด์วิษณุพยายามจะพิชิตดันเจี้ยนนี้ครั้งหนึ่งและไม่เคยพยายามอีกเลยเพราะพวกมัน (TN-ราควิ มอนสเตอร์แมลงสาป โผล่มาตอน 21 ที่วูจินสั่งให้ซุงกูหาดันเจี้ยนที่มีมอนสเตอร์จำนวนมหาศาล)

มอนสเตอร์ที่มีพลังทำลายสูงปรากฏตัวพร้อมๆกันในปริมาณมาก ไม่มีทางที่ปาร์ตี้ 10 คนจะรับมือได้

ซุงกูเมื่อเห็นเหล่าปูที่หลบอยู่ในหาดทรายก็ผงะไป... ไม่ใช่สิ เขาตะโกนอย่างดีใจ

“ว้าว! ลูกพี่ ของกินเพียบเลย!”

“ทำให้สุกล่ะ ไว้กินอิ่มแล้วค่อยออกล่า”

วูจินน้ำลายสอเมื่อเห็นปู ตารางเวลาของพวกเขาแน่นเอี้ยดแต่ 4 ชั่วโมงในดันเจี้ยนเท่ากับเวลา 1 ชั่วโมงข้างนอก พวกเขาพอมีเวลาอยู่บ้าง วูจินดึงโต๊ะเก้าอี้ออกมาทันที

เขานั่งที่แล้วซื้อเบียร์สดจากร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ

“เย้ ฉันชอบแบบนี้ชะมัด”

เบคจองโดรับเหยือกไม้ขนาดเท่าศีรษะที่ใส่เบียร์ไว้เต็มมา สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง แค่มองก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำแบบนี้

“...ทำไมพวกคุณ... นี่ดันเจี้ยน 6 ดาวนะ”

“อา พูดเกาหลีได้คล่องดีนะนายคนต่างชาติ นั่งนี่สิ”

“...”

บลังกานั่งลงอึ้งๆ ไม่นานเขาก็เห็นเปลวไฟลุกผ่านหาดทราย

“กำแพงไฟมีประโยชน์ดีนี่”

“เฮะๆ ขอบคุณครับลูกพี่”

ซุงกูเกาต้นคออย่างเขินคำชมของวูจิน ซุงกูเลือกปูที่สุกดีแล้วมาแกะกระดองออก เขาขยับมืออย่างเชี่ยวชาญขณะคนอื่นๆดื่มเบียร์ บลังกาไม่สามารถคุ้นเคยกับภาพตรงหน้าได้

“ที่นี่เป็นดันเจี้ยนนะ”

“ฉันรู้”

“ทำไมพวกคุณไม่กลัวเลย?”

“เหตุผลที่พวกเราต้องกลัวล่ะ?”

“นั่น...”

ข้างในดันเจี้ยนมันอันตรายจึงควรระมัดระวังตัวไว้เสมอ นั่นคือสามัญสำนึกไม่ใช่เหรอ? แต่สถานการณ์ตอนนี้จะเรียกว่าอันตรายก็ไม่ได้...

“ฮ้า อร่อยกว่าปูหิมะอีกนะว่าไหม?”

เบคจองโดเป็นรุ่นหลานของตระกูลดังเขาจึงได้กินแต่ของดีๆ แต่เขาได้ลิ้มรสเครื่องดื่มปริศนาที่วูจินเอามา และได้กินเมนูมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน เขาชอบมันมาก

วูจินมีความรู้เรื่องมอนสเตอร์กว้างขวาง ฝีมือทำอาหารก็ดี ยิ่งกว่านั้นสุราก็มีรสชาติไม่แพ้สุรายี่ห้อไหนในโลก

“เฮ้ เพื่อนชาวต่างชาติ อย่าเอาแต่ขมวดคิ้ว ทำตัวให้สนุกสิ”

ให้เขาทำตัวให้สนุกในดันเจี้ยน...

นี่คือการผจญภัยเพื่อปกป้องครอบครัวและประเทศชาติจริงๆเหรอ? มันควรจะเป็นการต่อสู้เสี่ยงชีวิตสิ?

“เราต้องมีแผนอื่นนะครับ ปัญหาเรื่องปูหมดไปแล้วแต่เวทไฟใช้ไม่ได้ผลในน้ำ”

มันเป็นอย่างที่บลังกาพูด

เดรดสร้างวังใต้น้ำ พวกเขาต้องสู้ในสภาวะพิเศษ การที่วังอยู่ใต้น้ำเป็นเหมือนบาเรียป้องกันคนบุกรุก นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทีมเราส์ของอินเดียเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ไม่ได้

“แมงกะพรุนเป็นร้อย ไม่สิ เป็นพันจะรุมล้อมพวกเรา การฝ่าพวกมันไปให้ถึงรีเทิร์นสโตนเป็นเรื่องยาก พิษอัมพาตของพวกมันรุนแรงจนยาแก้พิษส่วนใหญ่รักษาไม่ได้”

มีแต่บลังกาที่พูดอย่างจริงจัง วูจินลุกขึ้น เขากินขาปูไปหนึ่งข้างก็อิ่มแล้ว

“นายนั่งดื่มไปตามสบาย ร้อยถึงพัน... จำนวนกำลังดี”

เขาจะได้ล่ามอนสเตอร์จำนวนขนาดนี้อีกเมื่อไหร่?

“ถ้ามอนสเตอร์ทุกตัวอยู่แต่ในน้ำจะสบายขนาดไหนนะ”

น้ำเป็นบาเรียสำคัญที่ปกป้องพวกมันจากสิ่งมีชีวิตบนพื้นดิน แต่มันมีจุดอ่อนร้ายแรง

วูจินใช้ซากศพปูนับร้อยเป็นสื่อเรียกนักเวทโครงกระดูกออกมา จากนั้นเขาส่งนักเวทที่ใช้เวทพิษหรือสายฟ้าไม่ได้กลับไป

สุดท้ายมีนักเวทโครงกระดูก 20 ตัวข้างกายวูจิน

“เริ่มตกปลากันเลยไหม?”

วูจินเดินลงน้ำไปเรื่อยๆจนระดับน้ำถึงเอว

เมื่อมีผู้บุกรุก มอนสเตอร์ใต้น้ำหลายประเภทก็มุ่งตรงมาที่วูจิน ถึงจุดหนึ่งวูจินก็ใช้พอยซั่นโนวา

พิษผสมกับน้ำและทำลายสภาพแวดล้อมในทะเล วูจินส่งพลังเวทออกมาและพิษก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆและกระจายไกลออกไป

แมงกะพรุนที่ถูกพิษลอยขึ้นมายังผิวน้ำ วูจินกลับมาที่ชายหาด มอนสเตอร์จะมีกระดูกหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นศพเขาสามารถใช้เป็นสื่อกลางอัญเชิญ

วูจินใช้ศพปูปลาและแมงกะพรุนเรียกนักเวทโครงกระดูกเพิ่มอีก

เขาเลือกนักเวทโครงกระดูกที่ใช้สายฟ้ากับพิษได้เอาไว้ มี 500 ตัว

“ฆ่าแม่งเลย”

เคะๆๆ

นักเวทโครงกระดูกยิงสายฟ้าและพิษใส่ทะเล วูจินกลับไปนั่งที่ เบคจองโดยิ้มกว้าง

“น้องคังล่าสบายเลย ฮะๆ”

“อืม ก็เฉพาะตอนผมล่าพวกอ่อนแอเท่านั้น”

ถ้าเป็นการโจมตีหรือป้องกันมอนสเตอร์จำนวนมากๆ จะมีใครสู้วูจินได้? ถ้าในดันเจี้ยนมีมอนสเตอร์เป็นร้อยเป็นพัน นั่นจะกลายเป็นเขาได้เปรียบ กองทัพโครงกระดูกของเขาจะจัดการพวกมันเอง

ในทางตรงข้าม ถ้าเป็นมอนสเตอร์แกร่งๆถึงจะจำนวนน้อยปรากฏในดันเจี้ยน กองทัพโครงกระดูกของเขาจะไร้ประโยชน์ แต่วูจินก็ยังมีอัศวินมรณะที่ทรงพลังและความสามารถด้านต่อสู้ของเขาเองก็ไม่แย่ด้วย

“ทีนี้ก็รอจนกว่าปลาหมึกนั่นจะไสหัวออกมา ระหว่างนั้นมาดื่มกันเถอะ”

“ฮ่าๆ ไม่เลว แต่นายหมายความว่ายังไงที่ว่าปลาหมึก?”

“เดี๋ยวก็เห็น”

นักเวทโครงกระดูกยิงกราดใส่ทะเล เมื่อเห็นปลาลอยขึ้นมาพวกเขาเสียดายที่ไม่ได้กินซาชิมิ ปลาถูกพิษพวกเขาจึงกินไม่ได้

พวกเขากินเนื้อปูหวานๆและรอให้เจ้าของดันเจี้ยนออกมา

ผ่านไปประมาณ 30 นาที

ศพมอนสเตอร์นับพันเกยตื้นหาดทราย เมื่อภาพหาดทรายสวยเปลี่ยนเป็นสยอง บอสก็ปรากฏตัว

ปลาหมึกแยกผิวน้ำออกมา นักเวทโครงกระดูกยิงเวทใส่มัน แต่บาเรียถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายดายและเวทไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้กับบอส

หนวดทั้ง 8 เดินเหนือน้ำ เมื่อมันมาถึงหาดทราย เดรดก็พูดอย่างโมโห

[ครืด เจ้าทำบ้าอะไร? นี่คือการประกาศสงครามใช่ไหม?]

[นายต่างหากที่หาเรื่อง ใครบอกให้นายเชื่อมต่อกับโลก?]

[ครืด ตลกนัก เจ้าอวดดีที่คิดว่าทั้งมิติโลกเป็นของเจ้า]

ไม่มีลอร์ดมิติคนไหนถือทั้งโลกเป็นอาณาเขตของตัวเอง แต่มนุษย์นามคังวูจินตรงหน้าเขาช่างกล้าทำแบบนั้น

[กล้ามากที่เลือกพิชิตอาณาเขตของข้า เจ้าต้องชดใช้ให้กับความโง่ของเจ้า]

เดรดยังเข้าใจได้ถ้านี่เป็นสงครามมิติที่วูจินสามารถใช้พลังของอาณาเขตตัวเอง แต่คังวูจินเข้ามาในดันเจี้ยนอย่างเย่อหยิ่งเพื่อพิชิตดันเจี้ยนของเขาด้วยทีมเล็กๆ วูจินท้าเดรดหลังจากเปลี่ยนสถานะตัวเองจาก ‘ลอร์ด’ เป็น ‘นักผจญภัย’

เดรดสามารถใช้พลังทั้งหมดจากอาณาเขตของเขา ในขณะที่วูจินใช้ได้แต่ทักษะส่วนตัว

ถ้าวูจินใกล้ตายเมื่อไหร่ เขาจะขโมยอาณาเขตที่ไม่มีคนคุ้มครองของมัน

[ครืด ข้าจะแสดงพลังของเดรดให้เจ้าได้เห็น!]

หัวปลาหมึกเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนอวด จากนั้นเขาเริ่มรวบรวมเวทมนตร์จากรอบๆ วูจินยิ้ม

[คำพูดก่อนตายของนายเชยมาก]

เดรด

หนวดทั้ง 8 ของมันยืนอยู่บนกองซากศพ หมายความว่าอย่างไร?

มันจะรับพลังจากศพนับพันได้หรือไม่?

วูจินสะสมพลังเวทระหว่างรอเดรดจนเต็ม และเขาปล่อยพลังเวทออกมาในทีเดียว

“ศพระเบิด”

เวททั้งหมดถูกดึงออกไปจากร่างวูจิน



สารบัญ                                       บทที่ 128

...เละ คงไม่ได้กินหมึกผัดแล้ว


2 ความคิดเห็น: