วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 77.2

 บทที่ 77.2

ฮิลลิสขี่เกวียนที่ตอนนี้กลายเป็นแบบเปิดโล่งไปยังซาฮาราม คนร่วมทางของเธอคือเลชา เธอกางโล่เวทมนตร์คลุมเกวียนไว้และมองด้วยความทึ่ง

“ว้าว ผนังมันเปิดได้ด้วยเหรอ?” 

ฮิลลิสยักไหล่ “มันเป็นเกวียนพิเศษสำหรับการแสวงบุญ แบบนี้เย็นแล้วก็เท่ห์ด้วย!”

“แต่ทรายจะเข้ามาหรือเปล่า?”

“ถ้าแค่นั้นยังกันไม่ได้ ก็ไม่คู่ควรกับคำว่าพิเศษ เจ้าเห็นตรงนั้นไหม?”

ตรงที่ฮิลลิสชี้มีวงเวทเขียนไว้ เลชาทึ่งกับวงเวทนั้น

“มันเป็นวงเวทที่กันได้กระทั่งฝุ่น ขึ้นอยู่กับขนาด ถ้าจะฝังวงเวทแบบนั้น ข้าอยากให้เป็นเวททำความเย็นมากกว่า” เลชาพูดตรงๆ

ไม่คุ้มจริงๆนั่นล่ะ ฮิลลิสฝืนยิ้ม ต่อให้เธออยากใช้ แต่เวทความเย็นอยู่ในรายการเวทมนตร์ที่ถูกห้ามใช้ในอดีต

“เห็นรั้วไม้แล้ว! ระวัง!”

เมื่อพาลาดินเตือน หญิงรับใช้ที่นั่งเกวียนมาด้วยก็ฟุบหลบระหว่างที่นั่ง พวกเขาเห็นว่าถ้าปล่อยหญิงรับใช้ไว้ข้างนอกซาฮารามคนเดียวเพราะเธอสู้ไม่ได้จะอันตรายกว่า เธอจึงต้องตามมาด้วย

เลชายืนข้างหน้า เล็งคทาไปที่รั้วไม้

“บอลไฟ! สิบลูก!”

ลูกบอลไฟใหญ่เท่าหัวอูฐยิงออกจากคทา

รั้วไม้ถูกยิงกระจายและไหม้หมดในทีเดียว

“แค่ก!”

เลชาต้านทานพลังของพฤกษาเวท เมื่อใช้เวทมนตร์ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย

ไฟจากลูกบอลไฟดับอย่างรวดเร็วภายใต้พลังของพฤกษาโลก

“คุณหนู เป็นยังไงบ้าง?!” แมคถาม เขาถือธนูอยู่เหนือรถคอยป้องกันรอบๆ

“พอไหว! ดีกว่าในป่าโอลิมปัสมาก!” เลชาตอบ

อย่างน้อยที่นี่ เธอไม่ต้องห่วงว่าเวทมนตร์จะเลี้ยวกลับมาโจมตีเธอ การใช้เวทมนตร์ในซาฮารามให้ความรู้สึกเหมือนวิ่งในที่ๆมีแรงโน้มถ่วงมากกว่าปกติห้าเท่า ถึงจะยากแต่ไม่ถึงขั้นทำให้นักเวทระดับเธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้

“แต่มันลำบากกว่าในหมู่บ้าน” เลชาพึมพำขณะเตรียมใช้เวทมนตร์อีก เธอต้องเตรียมตัวไว้เผื่อจะมีเวทมนตร์ยิงใส่พวกเขา

เหล่าพาลาดินที่แต่เดิมรู้สึกกังวลกลับต้องตะลึงงันเมื่อผ่านรั้วไม้ไปเห็นภาพข้างใน

นั่นเพราะเกิดการต่อสู้ระหว่างนักเวทดำกับพาลาดินอยู่แล้ว

“ตาย พวกนักเวทดำโสโครก!”

“ฮึ่ย! ดาบลมทำลาย!”

พาลาดินสิบคนถือโล่ใหญ่ป้องกันเวทมนตร์ของนักเวทดำพลางฟันใส่นักเวทดำ

อัลบาทอสคิดว่านี่จะเป็นการต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวของพวกเขา พอตอนนี้เขาจึงงงอย่างปิดไม่อยู่

“นี่มันอะไร?”

พวกเขาไม่ได้แม้แต่รายงานวิหารและรีบมายึดแดนศักดิ์สิทธิ์คืนจากนักเวทดำ แต่กำลังเสริมมาก่อนแล้ว

ตอนนั้นเอง พาลาดินในสนามรบคนหนึ่งยกกะบังหน้าของหมวกเหล็กขึ้นด้วยความแปลกใจ

“พาลาดินอัลบาทอส?! เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!”

ใบหน้านั้นเป็นของคนที่อัลบาทอสรู้จัก

“พาลาดินมาริโอ! เจ้ามายืนที่นี่ได้ยังไง?”

พวกคนที่กำลังสู้กับนักเวทดำคือพาลาดินที่ติดตามคาร์ดินัลเฟอนันโด

เฟอนันโดเป็นนักบวชผู้ยึดมั่นหลักการที่มีฐานในเมืองหลวง ดังนั้นอัลบาทอสจึงไม่คิดว่าจะมาเจอพวกเขาในซาฮาราม ไกลจากเมืองหลวงมาก

มาริโอจะพูดแต่หยุดเพื่อเอาโล่รับการโจมตีของนักเวท เห็นแบบนั้นแล้วอัลบาทอสก็รู้ตัวและชักดาบออกมา

“ก่อนอื่น พวกเราจัดการกับพวกนักเวทดำ!”

“โอ้!”

พาลาดินกระตุ้นอูฐให้วิ่งและจัดการฟันพวกนักเวทดำ พวกนักเวทดำโจมตีพาลาดินของฮิลลิสเป็นการตอบโต้

“พระเจ้า ปกป้องบุตรของท่านด้วย!”

พาลาดินของฮิลลิสไม่มีโล่มา ฮิลลิสใช้เวทศักดิ์สิทธิ์ปกป้องพวกเขา

มาริโอตะลึง

“เซนต์...?! ไม่นะ! พาลาดินอัลบาทอส! เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ? พาเซนต์เข้ามาในสนามรบได้ยังไง?” มาริโอตำหนิ

อัลบาทอสเหวี่ยงดาบด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“อั่ก!”

นักเวทดำคนหนึ่งตายด้วยดาบของอัลบาทอส

“ขอโทษ! พาลาดินมาริโอ!”

มาริโอกัดปากเมื่อได้ยินคำขอโทษของอัลบาทอส

“หน่วยอินทรี! ตอนนี้เราเปลี่ยนเป้าหลักจากทำลายแท่นพิธีเป็นปกป้องเซนต์หญิง!”

“รับทราบ!”

เหล่าพาลาดินในสังกัดมาริโอขยับมาป้องกันเกวียนที่ฮิลลิสอยู่

แมคบนหลังคาเกวียน มองหาเมลเซียในสนามรบที่เต็มไปด้วยพาลาดินและนักเวทดำ เขาเดาะลิ้น “ชิ ไม่อยู่จริงๆด้วย” แมคอยากสู้กับเมลเซียอีกจึงรู้สึกเสียดาย

แมคยิงธนูใส่นักเวทดำ ลูกธนูของเขาแต่ละดอกพุ่งทะลุหว่างคิ้วของนักเวทดำ

เหล่าพาลาดินอ้าปากค้างมองฝีมือยิงธนูของแมคเหมือนไม่เหลืองานให้ทำ

“พาลาดินอัลบาทอส เขาเป็นใคร?” มาริโอถามด้วยความชื่นชม

อัลบาทอสใช้เวลาครู่หนึ่งหาคำอธิบายที่เหมาะสมก่อนตอบ “เขาเป็นแขกของเซนต์”

มาริโอเป็นห่วงอย่างจริงใจ “เจ้าแน่ใจในตัวตนของเขาเหรอ?”

นอกจากความสัมพันธ์ระหว่างมาริโอกับวิบริโอพี่สาวของฮิลลิสแล้ว ฐานะของเซนต์หญิงสำคัญต่อวิหารมาก การปล่อยให้คนไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัดเข้าใกล้เซนต์หญิงจึงเป็นไปไม่ได้ 

“แน่นอน ถ้าไม่รู้แน่ว่าเขาเป็นใคร พวกเราจะปล่อยให้เขาเข้าใกล้ท่านเซนต์เหรอ?”

หลังจากฮิลลิสเสนอให้พวกเธอร่วมทางด้วย อัลบาทอสก็ขอดูบัตรประชาชนของเลชาเป็นการยืนยันตัวตนโดยไม่ให้ฮิลลิสรู้ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าพวกเธอมาจากเผ่ากา ยิ่งกว่านั้นเขาเชื่อเพราะแมค แข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่ตอนอายุเท่านี้ จะไม่เชื่อก็ทำไม่ได้

แมคยิงธนูจากข้างบน เขาลงมาเมื่อลูกธนูหมด

“ลูกธนูหมดเหรอ?” เลชาหยิบลูกธนูออกมาจากกระเป๋ามิติและถาม

แมคยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของเขา “ใช่ แล้วมันดูไม่อันตรายมาก ข้าเลยจะไปร่วมวงด้วย” เขาชักดาบและเตรียมจะวิ่งใส่กลุ่มนักเวทดำ

“เดี๋ยว!”

เลชาหยุดแมค เขามองอย่างสงสัย เลชาลงจากเกวียนพลางพูด

“ข้าไปด้วย”

แมคมองเลชาอย่างไม่อยากเชื่อ “อันตรายนะ”

“จริงด้วยครับ!” แลนซีลอตเห็นด้วย

เลชาเห็นแลนซีลอตมองอย่างเป็นห่วงก็ลูบหัวเขา “ไม่เป็นไร ข้าแข็งแกร่งพอดูอยู่นะ รู้ไหม?”

“ข้ารู้ แต่-”

เลชายิ้มให้แลนซีลอต

“พวกเราก็สงสัยไม่ใช่เหรอว่านักเวทดำมาทำอะไรในที่แบบนี้?”

ที่เลชาอยากไปกับแมคเพราะความอยากรู้อยากเห็นของนักเวทในตัวเธอ

แลนซีลอตพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ถ้าอย่างนั้นข้าไปด้วย!”

“อะไรนะ? แต่-”

แลนซีลอตไม่เชื่อมั่นในตัวแลนซีลอต

พูดให้ตรงคือ เขาเชื่อถือได้ในเรื่องสามัญสำนึกและความรู้นอกโอลิมปัส แต่เธอไม่อยากให้แลนซีลอตผู้บอบบางเห็นสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือด

แมครู้ว่าเลชาคิดอย่างไร เขาตบบ่าแลนซีลอต “ฝากเจ้าดูข้างหลังข้าด้วยนะ”

แลนซีลอตตอบอย่างแข็งขัน “ครับ!”

“พี่!” เลชามองแมคอย่างแปลกใจ ตอนแมคสู้ เขาจะสู้คนเดียวและไม่ฝากแผ่นหลังของเขาไว้กับใครง่ายๆ

แมคยักไหล่ “เห็นแลนซีลอตเป็นแบบนี้ เขาเก่งพอๆกับนักรบในหมู่บ้านนะ”

“จริงเหรอ?”

เมื่อเลชามองแลนซีลอตอย่างทึ่ง เขาก็เกาแก้มสีแดงเรื่ออย่างเขินๆ การเล่นกับเดนและโดนลูกหลงของการเรียนการสอนแบบดูมสโตนทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นธรรมดา

“ข้ามั่นใจ”

คำพูดของแลนซีลอตทำให้เลชาพยักหน้า

“ท่านพาลาดิน! เดี๋ยวพวกเรามานะ จะไปเดินเล่นหน่อย!”

จากนั้นแมคก็ออกวิ่ง แลนซีลอตและเลชาวิ่งตาม

ไม่เหมือนข้างนอก ซาฮารามไม่ใช่ทะเลทรายแต่เป็นดินแข็ง จึงวิ่งง่าย

“เดี๋ยว! พาลาดินอัลบาทอส! ปล่อยพวกเขาไปจะไม่เป็นไรเหรอ?” มาริโอถาม

อัลบาทอสยิ้มอย่างมีความหมาย “ไม่เป็นไร แขกของท่านเซนต์แข็งแกร่ง”

มาริโอมองคนทั้งสามที่วิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาจดจ่อกับการต่อสู้ ยกโล่ป้องกันการโจมตีดุเดือดของพวกนักเวทดำ

***

แมควิ่งไปถึงกลางซาฮาราม ฟันนักเวทล้มไปหลายคน เขาถามเลชา “เอาล่ะ เราจะไปที่ไหนดี?”

เลชาใช้เวทมนตร์ขัดขวางเวทมนตร์ของนักเวทดำและยิงกระสุนเวทตอบโต้ เวทมนตร์ถูกพลังของพฤกษาโลกกดไว้ แต่นักเวทดำก็โดนเหมือนกัน

“ตรงนั้น! ข้ารู้สึกถึงคลื่นพลังเวทรุนแรงจากตรงนั้น!”

จุดที่เธอชี้คือวิหารกลางซาฮาราม พวกนักเวทดำขวางทางไปวิหารนั้นไว้

“อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าไป!” นักเวทดำคนหนึ่งพูด

แมคผิวปาก

“ว้าว ใจดีจริง”

มันเหมือนบอกพวกเขาว่ามีของสำคัญในนั้น

“ไปกันเถอะ! แลนซีลอต!”

“ครับ!”

ขณะที่แมควิ่งใส่นักเวทดำ แลนซีลอตชักดาบและวิ่งตาม

“ขวางไว้!”

นักเวทดำยิงกระสุนเวทใส่ แต่แมคและแลนซีลอตหลบด้วยการขยับตัวเพียงเล็กน้อย เพราะอย่างนั้นกระสุนเวทจึงตรงไปที่เลชา

“บาเรีย! กรี๊ด!”

เลชาตะโกนพลางกางโล่ป้องกันกระสุนเวทมนตร์จำนวนมากที่ลอยเข้าหา

“เจ้าปัดมันไปได้! ปัดสิ!”

ถ้าเป็นนอกซาฮารามเธอจะไม่พูดแบบนี้ แต่ที่นี่ใช้เวทมนตร์ไม่สะดวก เหมือนวิ่งในน้ำ

“โอ้ ขอโทษ!”

แมคกับแลนซีลอตลืมไปว่าเลชาช้าเพราะเป็นนักเวท แทนที่จะหลบกระสุนเวท พวกเขาพุ่งใส่กลุ่มนักเวทดำ ฟันนักเวทดำล้มลงทีละคนพร้อมกับระวังหลังให้กัน

เวทมนตร์ของเลชายิงใส่กลุ่มนักเวทเป็นครั้งคราว นักเวทดำที่ขวางทางถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็ว

พวกแลนซีลอตตรงไปที่วิหารอย่างรวดเร็ว แต่หยุดเมื่อมาถึงหน้าวิหาร

“ฮู้ว! ชักตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว”

แมครู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเมื่อพลังเวทแข็งแกร่งซึมออกมาจากข้างในวิหาร มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เลชากำคทาแน่น เธอเจอพลังเวทแข็งแกร่งขนาดนี้แค่ตอนผู้เฒ่าเมอร์ปาโกรธ หรือตอนเดนเบอร์กใช้เวทมนตร์ถล่มระหว่างหนีออกจากป่า เมื่อรู้สึกถึงพลังเวทมากกว่าของเธอสองถึงสามเท่า เธอก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่

แลนซีลอตกระชับดาบสองเล่มในมือทั้งสองข้างและพูด “เข้าไปข้างในกันเถอะ”

แลนซีลอตก้าวเข้าไปในวิหารเป็นคนแรก เขารู้ดีว่าพลังที่ออกมาจากวิหารแข็งแกร่งขนาดไหน ถึงอย่างนั้นก็ตาม เหตุผลที่เขาเข้าไปเป็นคนแรกก็ง่ายๆ

“เราไม่มีเวลาให้เสียเปล่าตรงนี้”

เขาต้องจัดการกับนักเวทดำข้างในให้เร็วเพื่อจะได้ไปหาเดน

มองแลนซีลอตที่เดินเข้าไปอย่างสง่า แมคกับเลชาก็ตามเข้าไปด้วยรอยยิ้ม



สารบัญ                                        บทที่ 77.3



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น