บทที่ 77.2
ฮิลลิสขี่เกวียนที่ตอนนี้กลายเป็นแบบเปิดโล่งไปยังซาฮาราม คนร่วมทางของเธอคือเลชา เธอกางโล่เวทมนตร์คลุมเกวียนไว้และมองด้วยความทึ่ง
“ว้าว ผนังมันเปิดได้ด้วยเหรอ?”
ฮิลลิสยักไหล่ “มันเป็นเกวียนพิเศษสำหรับการแสวงบุญ แบบนี้เย็นแล้วก็เท่ห์ด้วย!”
“แต่ทรายจะเข้ามาหรือเปล่า?”
“ถ้าแค่นั้นยังกันไม่ได้ ก็ไม่คู่ควรกับคำว่าพิเศษ เจ้าเห็นตรงนั้นไหม?”
ตรงที่ฮิลลิสชี้มีวงเวทเขียนไว้ เลชาทึ่งกับวงเวทนั้น
“มันเป็นวงเวทที่กันได้กระทั่งฝุ่น ขึ้นอยู่กับขนาด ถ้าจะฝังวงเวทแบบนั้น ข้าอยากให้เป็นเวททำความเย็นมากกว่า” เลชาพูดตรงๆ
ไม่คุ้มจริงๆนั่นล่ะ ฮิลลิสฝืนยิ้ม ต่อให้เธออยากใช้ แต่เวทความเย็นอยู่ในรายการเวทมนตร์ที่ถูกห้ามใช้ในอดีต
“เห็นรั้วไม้แล้ว! ระวัง!”
เมื่อพาลาดินเตือน หญิงรับใช้ที่นั่งเกวียนมาด้วยก็ฟุบหลบระหว่างที่นั่ง พวกเขาเห็นว่าถ้าปล่อยหญิงรับใช้ไว้ข้างนอกซาฮารามคนเดียวเพราะเธอสู้ไม่ได้จะอันตรายกว่า เธอจึงต้องตามมาด้วย
เลชายืนข้างหน้า เล็งคทาไปที่รั้วไม้
“บอลไฟ! สิบลูก!”
ลูกบอลไฟใหญ่เท่าหัวอูฐยิงออกจากคทา
รั้วไม้ถูกยิงกระจายและไหม้หมดในทีเดียว
“แค่ก!”
เลชาต้านทานพลังของพฤกษาเวท เมื่อใช้เวทมนตร์ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย
ไฟจากลูกบอลไฟดับอย่างรวดเร็วภายใต้พลังของพฤกษาโลก
“คุณหนู เป็นยังไงบ้าง?!” แมคถาม เขาถือธนูอยู่เหนือรถคอยป้องกันรอบๆ
“พอไหว! ดีกว่าในป่าโอลิมปัสมาก!” เลชาตอบ
อย่างน้อยที่นี่ เธอไม่ต้องห่วงว่าเวทมนตร์จะเลี้ยวกลับมาโจมตีเธอ การใช้เวทมนตร์ในซาฮารามให้ความรู้สึกเหมือนวิ่งในที่ๆมีแรงโน้มถ่วงมากกว่าปกติห้าเท่า ถึงจะยากแต่ไม่ถึงขั้นทำให้นักเวทระดับเธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้
“แต่มันลำบากกว่าในหมู่บ้าน” เลชาพึมพำขณะเตรียมใช้เวทมนตร์อีก เธอต้องเตรียมตัวไว้เผื่อจะมีเวทมนตร์ยิงใส่พวกเขา
เหล่าพาลาดินที่แต่เดิมรู้สึกกังวลกลับต้องตะลึงงันเมื่อผ่านรั้วไม้ไปเห็นภาพข้างใน
นั่นเพราะเกิดการต่อสู้ระหว่างนักเวทดำกับพาลาดินอยู่แล้ว
“ตาย พวกนักเวทดำโสโครก!”
“ฮึ่ย! ดาบลมทำลาย!”
พาลาดินสิบคนถือโล่ใหญ่ป้องกันเวทมนตร์ของนักเวทดำพลางฟันใส่นักเวทดำ
อัลบาทอสคิดว่านี่จะเป็นการต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวของพวกเขา พอตอนนี้เขาจึงงงอย่างปิดไม่อยู่
“นี่มันอะไร?”
พวกเขาไม่ได้แม้แต่รายงานวิหารและรีบมายึดแดนศักดิ์สิทธิ์คืนจากนักเวทดำ แต่กำลังเสริมมาก่อนแล้ว
ตอนนั้นเอง พาลาดินในสนามรบคนหนึ่งยกกะบังหน้าของหมวกเหล็กขึ้นด้วยความแปลกใจ
“พาลาดินอัลบาทอส?! เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!”
ใบหน้านั้นเป็นของคนที่อัลบาทอสรู้จัก
“พาลาดินมาริโอ! เจ้ามายืนที่นี่ได้ยังไง?”
พวกคนที่กำลังสู้กับนักเวทดำคือพาลาดินที่ติดตามคาร์ดินัลเฟอนันโด
เฟอนันโดเป็นนักบวชผู้ยึดมั่นหลักการที่มีฐานในเมืองหลวง ดังนั้นอัลบาทอสจึงไม่คิดว่าจะมาเจอพวกเขาในซาฮาราม ไกลจากเมืองหลวงมาก
มาริโอจะพูดแต่หยุดเพื่อเอาโล่รับการโจมตีของนักเวท เห็นแบบนั้นแล้วอัลบาทอสก็รู้ตัวและชักดาบออกมา
“ก่อนอื่น พวกเราจัดการกับพวกนักเวทดำ!”
“โอ้!”
พาลาดินกระตุ้นอูฐให้วิ่งและจัดการฟันพวกนักเวทดำ พวกนักเวทดำโจมตีพาลาดินของฮิลลิสเป็นการตอบโต้
“พระเจ้า ปกป้องบุตรของท่านด้วย!”
พาลาดินของฮิลลิสไม่มีโล่มา ฮิลลิสใช้เวทศักดิ์สิทธิ์ปกป้องพวกเขา
มาริโอตะลึง
“เซนต์...?! ไม่นะ! พาลาดินอัลบาทอส! เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ? พาเซนต์เข้ามาในสนามรบได้ยังไง?” มาริโอตำหนิ
อัลบาทอสเหวี่ยงดาบด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“อั่ก!”
นักเวทดำคนหนึ่งตายด้วยดาบของอัลบาทอส
“ขอโทษ! พาลาดินมาริโอ!”
มาริโอกัดปากเมื่อได้ยินคำขอโทษของอัลบาทอส
“หน่วยอินทรี! ตอนนี้เราเปลี่ยนเป้าหลักจากทำลายแท่นพิธีเป็นปกป้องเซนต์หญิง!”
“รับทราบ!”
เหล่าพาลาดินในสังกัดมาริโอขยับมาป้องกันเกวียนที่ฮิลลิสอยู่
แมคบนหลังคาเกวียน มองหาเมลเซียในสนามรบที่เต็มไปด้วยพาลาดินและนักเวทดำ เขาเดาะลิ้น “ชิ ไม่อยู่จริงๆด้วย” แมคอยากสู้กับเมลเซียอีกจึงรู้สึกเสียดาย
แมคยิงธนูใส่นักเวทดำ ลูกธนูของเขาแต่ละดอกพุ่งทะลุหว่างคิ้วของนักเวทดำ
เหล่าพาลาดินอ้าปากค้างมองฝีมือยิงธนูของแมคเหมือนไม่เหลืองานให้ทำ
“พาลาดินอัลบาทอส เขาเป็นใคร?” มาริโอถามด้วยความชื่นชม
อัลบาทอสใช้เวลาครู่หนึ่งหาคำอธิบายที่เหมาะสมก่อนตอบ “เขาเป็นแขกของเซนต์”
มาริโอเป็นห่วงอย่างจริงใจ “เจ้าแน่ใจในตัวตนของเขาเหรอ?”
นอกจากความสัมพันธ์ระหว่างมาริโอกับวิบริโอพี่สาวของฮิลลิสแล้ว ฐานะของเซนต์หญิงสำคัญต่อวิหารมาก การปล่อยให้คนไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัดเข้าใกล้เซนต์หญิงจึงเป็นไปไม่ได้
“แน่นอน ถ้าไม่รู้แน่ว่าเขาเป็นใคร พวกเราจะปล่อยให้เขาเข้าใกล้ท่านเซนต์เหรอ?”
หลังจากฮิลลิสเสนอให้พวกเธอร่วมทางด้วย อัลบาทอสก็ขอดูบัตรประชาชนของเลชาเป็นการยืนยันตัวตนโดยไม่ให้ฮิลลิสรู้ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าพวกเธอมาจากเผ่ากา ยิ่งกว่านั้นเขาเชื่อเพราะแมค แข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่ตอนอายุเท่านี้ จะไม่เชื่อก็ทำไม่ได้
แมคยิงธนูจากข้างบน เขาลงมาเมื่อลูกธนูหมด
“ลูกธนูหมดเหรอ?” เลชาหยิบลูกธนูออกมาจากกระเป๋ามิติและถาม
แมคยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของเขา “ใช่ แล้วมันดูไม่อันตรายมาก ข้าเลยจะไปร่วมวงด้วย” เขาชักดาบและเตรียมจะวิ่งใส่กลุ่มนักเวทดำ
“เดี๋ยว!”
เลชาหยุดแมค เขามองอย่างสงสัย เลชาลงจากเกวียนพลางพูด
“ข้าไปด้วย”
แมคมองเลชาอย่างไม่อยากเชื่อ “อันตรายนะ”
“จริงด้วยครับ!” แลนซีลอตเห็นด้วย
เลชาเห็นแลนซีลอตมองอย่างเป็นห่วงก็ลูบหัวเขา “ไม่เป็นไร ข้าแข็งแกร่งพอดูอยู่นะ รู้ไหม?”
“ข้ารู้ แต่-”
เลชายิ้มให้แลนซีลอต
“พวกเราก็สงสัยไม่ใช่เหรอว่านักเวทดำมาทำอะไรในที่แบบนี้?”
ที่เลชาอยากไปกับแมคเพราะความอยากรู้อยากเห็นของนักเวทในตัวเธอ
แลนซีลอตพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ถ้าอย่างนั้นข้าไปด้วย!”
“อะไรนะ? แต่-”
แลนซีลอตไม่เชื่อมั่นในตัวแลนซีลอต
พูดให้ตรงคือ เขาเชื่อถือได้ในเรื่องสามัญสำนึกและความรู้นอกโอลิมปัส แต่เธอไม่อยากให้แลนซีลอตผู้บอบบางเห็นสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือด
แมครู้ว่าเลชาคิดอย่างไร เขาตบบ่าแลนซีลอต “ฝากเจ้าดูข้างหลังข้าด้วยนะ”
แลนซีลอตตอบอย่างแข็งขัน “ครับ!”
“พี่!” เลชามองแมคอย่างแปลกใจ ตอนแมคสู้ เขาจะสู้คนเดียวและไม่ฝากแผ่นหลังของเขาไว้กับใครง่ายๆ
แมคยักไหล่ “เห็นแลนซีลอตเป็นแบบนี้ เขาเก่งพอๆกับนักรบในหมู่บ้านนะ”
“จริงเหรอ?”
เมื่อเลชามองแลนซีลอตอย่างทึ่ง เขาก็เกาแก้มสีแดงเรื่ออย่างเขินๆ การเล่นกับเดนและโดนลูกหลงของการเรียนการสอนแบบดูมสโตนทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นธรรมดา
“ข้ามั่นใจ”
คำพูดของแลนซีลอตทำให้เลชาพยักหน้า
“ท่านพาลาดิน! เดี๋ยวพวกเรามานะ จะไปเดินเล่นหน่อย!”
จากนั้นแมคก็ออกวิ่ง แลนซีลอตและเลชาวิ่งตาม
ไม่เหมือนข้างนอก ซาฮารามไม่ใช่ทะเลทรายแต่เป็นดินแข็ง จึงวิ่งง่าย
“เดี๋ยว! พาลาดินอัลบาทอส! ปล่อยพวกเขาไปจะไม่เป็นไรเหรอ?” มาริโอถาม
อัลบาทอสยิ้มอย่างมีความหมาย “ไม่เป็นไร แขกของท่านเซนต์แข็งแกร่ง”
มาริโอมองคนทั้งสามที่วิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาจดจ่อกับการต่อสู้ ยกโล่ป้องกันการโจมตีดุเดือดของพวกนักเวทดำ
***
แมควิ่งไปถึงกลางซาฮาราม ฟันนักเวทล้มไปหลายคน เขาถามเลชา “เอาล่ะ เราจะไปที่ไหนดี?”
เลชาใช้เวทมนตร์ขัดขวางเวทมนตร์ของนักเวทดำและยิงกระสุนเวทตอบโต้ เวทมนตร์ถูกพลังของพฤกษาโลกกดไว้ แต่นักเวทดำก็โดนเหมือนกัน
“ตรงนั้น! ข้ารู้สึกถึงคลื่นพลังเวทรุนแรงจากตรงนั้น!”
จุดที่เธอชี้คือวิหารกลางซาฮาราม พวกนักเวทดำขวางทางไปวิหารนั้นไว้
“อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าไป!” นักเวทดำคนหนึ่งพูด
แมคผิวปาก
“ว้าว ใจดีจริง”
มันเหมือนบอกพวกเขาว่ามีของสำคัญในนั้น
“ไปกันเถอะ! แลนซีลอต!”
“ครับ!”
ขณะที่แมควิ่งใส่นักเวทดำ แลนซีลอตชักดาบและวิ่งตาม
“ขวางไว้!”
นักเวทดำยิงกระสุนเวทใส่ แต่แมคและแลนซีลอตหลบด้วยการขยับตัวเพียงเล็กน้อย เพราะอย่างนั้นกระสุนเวทจึงตรงไปที่เลชา
“บาเรีย! กรี๊ด!”
เลชาตะโกนพลางกางโล่ป้องกันกระสุนเวทมนตร์จำนวนมากที่ลอยเข้าหา
“เจ้าปัดมันไปได้! ปัดสิ!”
ถ้าเป็นนอกซาฮารามเธอจะไม่พูดแบบนี้ แต่ที่นี่ใช้เวทมนตร์ไม่สะดวก เหมือนวิ่งในน้ำ
“โอ้ ขอโทษ!”
แมคกับแลนซีลอตลืมไปว่าเลชาช้าเพราะเป็นนักเวท แทนที่จะหลบกระสุนเวท พวกเขาพุ่งใส่กลุ่มนักเวทดำ ฟันนักเวทดำล้มลงทีละคนพร้อมกับระวังหลังให้กัน
เวทมนตร์ของเลชายิงใส่กลุ่มนักเวทเป็นครั้งคราว นักเวทดำที่ขวางทางถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็ว
พวกแลนซีลอตตรงไปที่วิหารอย่างรวดเร็ว แต่หยุดเมื่อมาถึงหน้าวิหาร
“ฮู้ว! ชักตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว”
แมครู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเมื่อพลังเวทแข็งแกร่งซึมออกมาจากข้างในวิหาร มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เลชากำคทาแน่น เธอเจอพลังเวทแข็งแกร่งขนาดนี้แค่ตอนผู้เฒ่าเมอร์ปาโกรธ หรือตอนเดนเบอร์กใช้เวทมนตร์ถล่มระหว่างหนีออกจากป่า เมื่อรู้สึกถึงพลังเวทมากกว่าของเธอสองถึงสามเท่า เธอก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่
แลนซีลอตกระชับดาบสองเล่มในมือทั้งสองข้างและพูด “เข้าไปข้างในกันเถอะ”
แลนซีลอตก้าวเข้าไปในวิหารเป็นคนแรก เขารู้ดีว่าพลังที่ออกมาจากวิหารแข็งแกร่งขนาดไหน ถึงอย่างนั้นก็ตาม เหตุผลที่เขาเข้าไปเป็นคนแรกก็ง่ายๆ
“เราไม่มีเวลาให้เสียเปล่าตรงนี้”
เขาต้องจัดการกับนักเวทดำข้างในให้เร็วเพื่อจะได้ไปหาเดน
มองแลนซีลอตที่เดินเข้าไปอย่างสง่า แมคกับเลชาก็ตามเข้าไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น