วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 7

บทที่ 7 – หนีออกจากบ้าน (7)


“แน่อยู่แล้ว กัปตันจะเป็นหัวหน้าคนต่อไป... ไม่จริงน่า!”

สีหน้าแมคบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้ว อย่างที่นายคิดนั่นแหละ”

“ท่านจะบอกว่านายน้อยจะเป็นหัวหน้าคนต่อไป?!”

กาเวนพยักหน้า

ตอนแรกเรื่องนี้จะไม่ถูกประกาศออกมาจนกว่าเดนเบอร์กจะอายุอย่างน้อยสามสิบปี แต่เฮสเทียพูดว่าเขาหนีออกจากบ้านไปครั้งหนึ่งแล้ว มีโอกาสที่เขาจะหนีอีก ดังนั้นเธอจึงวางแผนจะให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กาเวนจึงตัดสินว่าบอกพวกเขาตอนนี้ก็ไม่เป็นไร

แมคหันไปตะโกนใส่นักรบ “พวกนาย! ได้ยินกัปตันพูดแล้วนะ!”

“ครับ!”

นักรบมีท่าทีจริงจังเหมือนกำลังจะไปล่ามังกร

“พวกเราพานายน้อยกลับมาอย่างสุดชีวิต!”

“ครับ!”

เหล่านักรบไม่ถามหรือสงสัยว่าทำไมผู้สืบทอดตำแหน่งจากดูมสโตนไม่ใช่กัปตันของพวกเขาหรือกัลลาฮาดแต่เป็นเดนเบอร์ก หน้าที่เลือกผู้สืบทอดเป็นอำนาจและหน้าที่ของหัวหน้าหมู่บ้านเพียงผู้เดียว ไม่มีทางโต้เถียงได้

กาเวนเร่ง

“ไปกันเถอะ!”

ไปจับว่าที่หัวหน้าของพวกเรา

***

“ฮัดเช้ย!”

ผมรู้สึกทั้งร่างหนาววูบขึ้นมา อาจเพราะนอนกลางอากาศเย็นโดยไม่ก่อไฟ ร่างกายผมสั่นและแข็งทื่อ

คืนนี้จะทำยังไงดี? น่าจะเอาผ้าห่มมามากกว่านี้

ผมคิดจะไปล่าเอาหนังมาสักหน่อย แต่กังวลเรื่องเวลาและกลิ่นจากหนังดิบจะติดตัว

เวลาและกลิ่นจะกลายเป็นปัญหาขั้นร้ายแรงขณะการไล่ตาม แต่ผ้าห่มของผมบางเกินไปไม่อาจป้องกันอุณหภูมิที่ต่ำลงระหว่างกลางคืนได้

การดูถูกธรรมชาติกลายเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงเสียแล้ว

หรือคืนนี้จะนอนในถ้ำดี ถึงจะต้องอ้อมหน่อยก็เถอะ

ผมกวาดตามองแผนที่หาถ้ำที่ใกล้ที่สุด ผมปรับแผนใหม่โดยคิดถึงความเร็วของกาเวนและความคิดของเฮสเทียในขั้นตอนนี้ แผนเดิมผมตั้งใจจะอ้อมเหว แต่เมื่อคิดว่าคืนนี้จะนอนในถ้ำผมก็วงถ้ำสามแห่งที่ดูเข้าท่า

ถ้ำที่ใกล้ที่สุดนั้นใกล้เกินไป ถ้าเลือกที่นี่จะทำให้ผมไม่มีทางอื่นนอกจากหั่นเวลาหนีของวันนี้ไปมาก ยังเป็นการให้เวลาสุดสำคัญแก่คนไล่ตามและลดระยะห่างของพวกเราลงด้วย

ถ้ำที่สองเหมาะที่สุดถ้าคิดถึงระยะห่างของมันจากจุดที่ผมอยู่ตอนนี้และหน่วยไล่ตามด้านหลังผม เพียงแต่มันอยู่สุดเหวซึ่งหมายถึงมันอยู่ติดกับจุดตั้งแคมป์ที่หกบนแผนที่

เป็นไปได้มากว่าเฮสเทียจะตั้งวงล้อมระหว่างเหวกับจุดตั้งแคมป์ที่หก ดูจากเวลา เป็นไปได้ที่จะฝ่าไปก่อนวงล้อมจะตั้งเสร็จ

แต่การนอนในถ้ำจะหมายถึงผมจะถูกจับได้ก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นและผมถูกพากลับหมู่บ้าน ผมต้องถูกจับตาดูไปอีกหลายปีแน่

เฮสเทียจะประกาศกับชาวบ้านว่าผมจะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านต่อจากพ่อและให้ชาวบ้านทุกคนคอยดูแลผม มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ผมต้องฟัดกับสัตว์ประหลาดและปีศาจภายใต้การเฝ้ามอง

เวรเอ๊ย! ถ้ารอไปอีกเดือนแล้วหนีตอนแกล้งทำเป็นออกล่าสัตว์ประหลาดก็หนีออกจากป่าได้ก่อนคนอื่นจะรู้ตัวแล้วไม่ใช่เหรอ?

ไม่สิ ถึงเธอไม่พูดออกมา แต่เฮสเทีย ญาณทิพย์ก็รู้แล้วว่าฉันตั้งใจจะออกจากหมู่บ้าน

ถ้าผมบอกไปว่าจะออกล่า เธอต้องบอกให้กาเวนส่งนักรบมากับผมด้วย ถ้าไม่ เธอคงหาเหตุผลสักข้อและวางตัวผมในหน่วยยามหรือกองรบ สองแห่งนี้มักจะมีการเรียกชื่อและทำงานเป็นหน่วยละสามคนจึงไม่มีโอกาสให้หนี

ก่อนเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีผู้ใหญ่ดูแล เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วก็จะมีผู้ร่วมงานอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพิธีเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องให้เจ้าของพิธีออกล่าคนเดียวก็เป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากหมู่บ้านตามลำพังโดยไม่มีใครสงสัย

เหลือทางเดียวถ้าผมอยากนอนในถ้ำคืนนี้...

ถ้ำที่สามจะตัดวงล้อมและคนไล่ตามออกไปจากโจทย์

ปัญหาคือ... พลังเวทของฉันจะทนไหวไหม?

***

เหยี่ยวสื่อสารบินวนบนฟ้าแล้วลงมาเกาะข้างเฮสเทีย ดูจากปลอกคอของมันแล้วคงเป็นข้อความจากกาเวน

คนจากกระทรวงต่างประเทศผู้รับผิดชอบด้านการสื่อสารดึงจดหมายออกมาจากของที่ติดตรงขาเหยี่ยวส่งให้เฮสเทียทันที

รายงานตามกำหนด – ดูเหมือนเดนเบอร์กออกนอกเส้นทางเดิมตรงจุด 20 กม. ทิศ 3 นาฬิกาจากโท้ดร็อก และกำลังมุ่งหน้าไปทางเหว ในกรณีที่นี่อาจเป็นการหลอก ได้ทิ้งคนส่วนหนึ่งไว้หาร่องรอยอื่นๆและที่เหลือไล่ตามไป

เฮสเทียอ่านจดหมายและมองแผนที่ๆลากเส้นทางตามรอยทางของเดนเบิร์ก

โท้ดร็อกห่างจากหมู่บ้านประมาณ 900 กิโลเมตร ต่อให้ไม่นับเส้นทางที่ถากถางอย่างดี ร่องรอยของเดนเบอร์กที่กาเวนส่งมาแสดงให้เห็นว่าในสองวันที่ผ่านมาเขาเดินทางได้ไกลไม่น้อย

ถ้าเป็นเธอ ตอนนี้เธอคงเพิ่งถึงจุดตั้งแคมป์ที่สองที่เดนเบอร์กออกนอกเส้นทาง

เมื่อวานเฮสเทียบอกดูมสโตนให้เชื่อว่าการไล่ตามจะยืดเยื้อ แต่เธอบอกไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าเดนเบอร์กจะเดินทางลดเลี้ยวไปขนาดไหน

ที่จริงแล้วเธอคาดว่าจะได้ข้อความบอกว่าน้องชายคนเล็กของเธอถูกจับก่อนเที่ยงวันนี้ แม้กองรบของกาเวนจะมีจำนวนน้อยกว่าหน่วยยามของกัลลาฮาด พวกเขาเป็นคนที่อาศัยอยู่ในป่าและถือป่าเป็นบ้านมากกว่าในหมู่บ้าน ดังนั้นที่เธอเชื่อว่าพวกเขาจะจับเดนเบอร์กได้แล้วก็มีเหตุผล เมื่อคิดว่าว่านักรบยังไล่ตามหลังเดนเบอร์กโดยไม่เจอเขาแม้แต่ครั้งเดียว

เฮสเทียรู้สึกว่าตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมดูมสโตนตั้งเดนเบอร์กเป็นผู้สืบทอด

เธอกลับไปตั้งใจอ่านแผนที่อีกครั้ง

แต่ทำไมจู่ๆเดนเบอร์กถึงเปลี่ยนเส้นทาง?

เขาพบว่าข้าตั้งวงล้อมบนทางเดิมเหรอ?

เธอตัดความคิดนั้นออกไปทันที เธอสันนิษฐานว่าเดนเบอร์กคาดเรื่องนี้ไว้แล้ว ดูจากความเร็วของเขามันเหมือนเขาพยายามจะฝ่าวงล้อมไปก่อนมันจะตั้งเสร็จ แม้ไม่ทันเขาคงพยายามฝ่าจุดที่อ่อนแอที่สุดก่อนวงล้อมจะบีบแน่นเกินไป

นั่นเป็นสิ่งที่เธอคิด แต่ดูจากเส้นทางของเดนเบอร์กตอนนี้ เขากำลังมุ่งตรงไปที่เหว ไม่เหมือนเส้นทางก่อนหน้าที่หลอกล่อผู้ตาม ครั้งนี้มันเป็นเส้นตรงชัดเจน

ถ้าเธอสามารถคาดเดาเส้นทางของเขาล่วงหน้าได้ไกลขนาดนี้ หน่วยไล่ตามก็แค่ต้องตรงไปที่เหวและจับเดนเบอร์กโดยไม่ต้องเสียเวลาหาร่องรอยของเขา

แต่แค่นี้เองเหรอ? ข้าพลาดอะไรไป?

ต้องมีสาเหตุให้เขาเปลี่ยนแผนกะทันหัน เขาไม่ใช่คนเปลี่ยนแผนอย่างไม่มีเหตุผล

ขณะที่กำลังคิดแล้วคิดอีก เฮสเทียนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา

“รัฐมนตรีต่างประเทศ!”

“ครับคุณหนู”

“ของที่เดนเบอร์กขโมยไปมีผ้าห่มด้วยไหม?”

รัฐมนตรีต่างประเทศทบทวนครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “มีครับ”

“ผ้าห่มหนาไหม? หนาพอทนความหนาวข้างนอกจุดตั้งแคมป์โดยไม่ต้องจุดไฟไหม?”

“ไม่ครับ ผ้าห่มคงไม่หนาขนาดนั้นเพราะที่จุดตั้งแคมป์เราจัดกระท่อมและฟืนมากพอป้องกันลมฝน”

นั่นไงล่ะ! ต้องใช่แน่!

เฮสเทียวงกลมถ้ำที่ใกล้จุดที่เดนเบอร์กอยู่ทันที

มีถ้ำสองแห่งที่เขาสามารถพักตอนกลางคืน ถ้ำแรกไม่น่าใช่เพราะมันใกล้กับโท้ดร็อกเกินไป ถ้ำที่สองใกล้จุดตั้งแคมป์ที่หกเกินไป

ถ้าการล้อมจับเขาไม่ได้เดี๋ยวนั้น หน่วยไล่ตามที่ตั้งวงล้อมก็ต้องกลับไปยังจุดตั้งแคมป์ที่หก

เดนเบอร์กไม่โง่เสี่ยงนอนติดกับคนที่กำลังตามจับเขา เขาตรงไปยังหุบเขา

ผ้าห่มบางเกินไปสำหรับอากาศตอนกลางคืน... เข้าใจล่ะ

“รบกวนเตรียมเหยี่ยวสื่อสารเดี๋ยวนี้เลย!” เฮสเทียร้องด้วยตาเป็นประกาย

*** 

“เจอแล้ว! เจอนายน้อยแล้ว!”

ผมได้ยินเสียงของคนไล่ตามดังแว่วมา ไม่รู้ว่าเป็นยามหรือนักรบแต่น่าจะเป็นนักรบ

เวรเอ๊ย! มาเร็วกว่าที่คิดไว้อีก!

ตอนนี้เป็นเวลา 1 ทุ่ม ตามที่ผมคาดเดาไว้มันควรยังมีระยะห่างอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง คาดไม่ถึงว่าผมจะเผชิญหน้ากับพวกเขาก่อนเวลา

“นายน้อย! หยุดเถอะครับ!”

เสียงคุ้นเคยดังจากข้างหลังผม คนๆนั้นคือรองผู้บัญชาการแมค เพื่อนและมือขวาของกาเวน

“คนแบบไหนจะหยุดเมื่อถูกบอกให้หยุดกัน!”

ผมวิ่งหนีสุดแรง ผมยังไม่พ้นป่า พูดให้ชัดคือ ผมยังไม่ถึงขอบเหว

หากมีการต่อสู้เกิดขึ้น ผมจะได้เปรียบกว่าถ้ามีขอบเหวอยู่ด้านหลังเพื่อตัดโอกาสการจู่โจมจากข้างหลัง นี่คือกลยุทธ์ “ตีกลองหันหลังให้แหล่งน้ำ” และเป็นวิธีเดียวที่ใช้สู้กับนักรบที่เคลื่อนไหวเป็นกลุ่มและแทบจะร่อนผ่านต้นไม้ ถ้าผมสู้กับนักรบในป่าก็เหมือนบอกให้พวกเขาจับตัวผม

ผมต้องวิ่งให้เร็วที่สุด ในที่สุดผมก็มาถึงรอยแยก

ยินดีต้อนรับสู่ซัมมอนเนอร์ริฟท์!

“เดนเบอร์ก!”

เมื่อได้ยินเสียงกาเวน ผมหันหลังพร้อมชักดาบออกมา ผมไม่คิดใช้มันสู้แต่มันใช้ขู่ได้ดี

เช้ง! เช้ง! เช้ง!

คนไล่ตามมารวมด้านหลังกาเวนและชักดาบของพวกเขาออกมา

เอ่อ ไม่ขู่พวกเขาจะดีกว่าไหม? 

“ว้าว นี่มาจับหรือมาฆ่าข้ากันแน่?”

ด้วยคำถามหยอกเล่นของผม นักดาบดูอึดอัด พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำร้ายผม หรือถ้าผมบาดเจ็บก็ต้องไม่เกินกว่าบาดแผลเล็กๆน้อยๆ แน่นอนผมก็ทำร้ายพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน แม้พวกเขาจะมาจับผมแต่พวกเราก็ยังเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน

อย่างเลวร้ายที่สุด ถ้าผมถูกพากลับหมู่บ้าน ผมต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยรู้ว่าตัวเองได้สร้างบาดแผลบนร่างพวกเขา

“น้องเล็ก มันจบแล้ว กลับหมู่บ้านกันเถอะ” พี่รองพูดแล้วชักดาบออกมา

สวัสดี เราแก้ปัญหากันอย่างสันติด้วยคำพูดไม่ได้เหรอ

สู้กับกาเวนด้วยดาบก็เหมือนวิ่งแข่งกับยูเซน โบลต์ เอาเถอะ ผมอาจเอาชนะได้ถ้าโกงสักหน่อย แต่ในสถานการณ์นี้มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

ผมไม่ควรสู้เพราะมันจะทำให้ผมหมดแรง

“พี่ รู้ไหมทำไมอิท*จิถึงแข็งแกร่ง?”

“ใครคืออิท*จิ เขาแข็งแกร่งกว่าข้าหรือ?” กาเวนถาม ไฟในดวงตาลุกโชน

แต่ผมไม่สนใจคำถามพี่และพูดต่อ “เพราะเขาหนีทันที”

“อะไรนะ?!”

กาเวนไม่เข้าใจ เขาคงไม่มีวันเข้าใจ

ผมย่อตัวลงแล้วกระโจนถอยหลัง

“นี่คือทางหนีของข้า! โจ**!”

กระโดดลงเหวด้านหลัง ผมถูกความกลัวครอบงำไปครู่หนึ่งจากความรู้สึกหล่นวูบและความมืดไร้ที่สิ้นสุดของรอยแยก

ตอนนั้นเอง ผมได้ยินเสียงพี่รองตะโกนตามหลัง

“ใครคือโจ**? เขาแข็งแกร่งกว่าข้าเหรอ!”

เฮ้ พี่ชาย น้องพี่กระโดดจากเหวนะ พี่สนใจตัวการ์ตูนมากกว่าห่วงน้องนี่ไม่มากไปหน่อยเหรอ?


สารบัญ                                     บทที่ 8



ยูเซน โบลต์ - นักวิ่งระยะสั้น เหรียญทองโอลิมปิก 3 สมัย

โอรา! โอรา! โอรา! โอรา! 

มุดะ! มุดะ! มุดะ! มุด้า!





1 ความคิดเห็น: