บทที่ 203 – เขตแดนระหว่างความจริงกับโลกเสมือนจริง (1)
ห้องประชุมในหอบังคับการ ปราสาทบิบิ
ในโทรทัศน์จอใหญ่กำลังฉายรายงานข่าว
เสียงผู้ประกาศข่าวดังก้องในห้องเงียบ
[การระเบิดไม่ทราบสาเหตุทำให้เกิดพายุทรายขนาดใหญ่ในทะเลทรายโกบิ
ทีมวิจัยถูกส่งไปเพื่อหาว่ามีดันเจี้ยนระเบิดเกิดขึ้นในแถบนั้นหรือไม่
นี่เป็นภาพถ่ายจากดาวเทียมก่อนการเกิดระเบิด... เรื่องต่อไป...]
ถ้าเป็นเมื่อก่อนข่าวแบบนี้คงถือเป็นข่าวใหญ่
แต่ตอนนี้มันถูกทำเหมือนเรื่องธรรมดา
ตอนนี้เกิดดันเจี้ยนระเบิดมากจนเกินไป
ถ้าไม่มีลอร์ดมิติที่แข็งแกร่งขนาดทำลายประเทศได้ก็ไม่ถือเป็นข่าวด่วน
คนของอลันดาลมองร่างเบลอๆในภาพถ่ายดาวเทียม สีหน้าพวกเขาไม่ดี
“ไม่คิดว่ามันเหมือนพระราชาของเราเหรอ?”
“อืม...”
คำพดของวูซุงฮุนทำลายความเงียบ แต่ทุกคนก็เงียบต่อ
“อ๊ะ? มีรายละเอียดในเน็ตด้วย”
การระเบิดในทะเลทรายโกบีแรงขั้นระเบิดนิวเคลียร์
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจึงถูกอัพโหลดอย่างรวดเร็ว
วิดีโออื่นนอกจากภาพถ่ายจากดาวเทียมก็มีด้วย
[เชี่ย อะไรวะ? เปกาซัส]
คนถ่ายวีดีโอพูดขณะถ่ายภาพม้าปีศาจวิ่งข้ามท้องฟ้า
“นั่นชิงชิงใช่ไหม?”
“ใช่...”
“ถ่ายที่ไหน?”
คำอธิบายข้างใต้บอกว่ามันมาจากจีน
“อ้อใช่ มันบอกว่าเขามุ่งหน้าไปทางตะวันตก”
“...”
จุงมินชานนิ่งไปครู่ก่อนถามขึ้น
“เขายังไม่ตายใช่ไหม?”
“แน่นอน ราชาของเราเคยโดนยิงด้วยจรวดมาแล้วยังไม่เป็นไร ฮ่าๆ”
คำตอบของวูซุงฮุนทำให้สีหน้าทุกคนดีขึ้นบ้าง
“เจ้านายยังไม่ตาย เรายังอยู่”
“อา แน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของบิบิทุกคนก็สบายใจ
“เฮ้อ เดี๋ยวนี้ผมไม่รู้ทำไม อะไรนิดอะไรหน่อยก็กังวล”
มินชานสงบใจลงอย่างยากลำบาก เขาเป็นกังวลทุกครั้งเมื่อวูจินไปที่ไหน
ความรู้สึกประมาณปล่อยให้เด็กเล่นใกล้แม่น้ำ
“งั้นเขาไปที่โลกพระจันทร์อะไรนั่นเหรอ?”
บางครั้งวูจินก็ไปที่อาณาเขตมิติของเขาหรือโลกอัลเฟน
การที่เขาไม่อยู่จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
แต่พวกเขากลัวความจริงที่วูจินจะนำกลับมา
“คงงั้น ถ้าที่นี่เป็นโลกเสมือนขึ้นมาจริงๆจะเป็นยังไง?”
ซุงฮุนถามอย่างกังวล มินชานตอบเสียงเบา
“แปลว่าพวกเราก็ไม่ใช่ของจริงเหมือนกัน”
“อืม...”
ถ้าโลกเสมือนหายไป จะมีแต่เราส์หรือที่ตื่นขึ้นในโลกจริง?
มินชาน ซุงฮุนและเฮมินไม่ใช่เราส์ พวกเขาเงียบไปด้วยสีหน้าซับซ้อน
[ต่อไปเป็นรายงานข่าวด่วน
สมาชิกจากกิลด์ลิมสัมประเทศจีนถูกส่งไปหาสาเหตุการระเบิดในทะเลทรายโกบี การติดต่อกับพวกเขาถูกตัดขาด
นี่เป็นวิดีโอที่ถูกส่งมาก่อน...]
ระหว่างผู้ประกาศข่าวพูด บนจอโทรทัศน์ก็ฉายภาพวิดีโอ
ฝุ่นทรายบดบังสายตา เหมือนกำลังเดินในหมอก
[มีพลังเวทเข้มข้นอยู่ข้างหน้า]
[เอาฝุ่นพวกนี้ออกไป]
ซุงฮุนเข้าใจภาษาจีนเหมือนเป็นคนในประเทศเจ้าของภาษา
เราส์คนหนึ่งใช้พลังหยุดการไหลเวียนของอากาศ
จากนั้นเขารวมฝุ่นไว้ที่เดียวก่อนจะส่งมันไปที่อื่น
เมื่อมองเห็นได้ชัดเจนแล้วก็เห็นตุ๊กตาตัวใหญ่ใส่เกราะยืนนิ่ง
“มันคือโกเลมเหรอ?”
มันดูไม่เหมือนมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์อื่นที่คล้ายกัน มันเหมือนสิ่งไม่มีชีวิตมากกว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
มันเหมือนโกเลมแบบโดลเซ
ลักษณะเด่นของมันคือร่างมันทำจากสสารสีดำที่ไม่รู้ว่าเป็นของแข็งหรือของเหลว
มันดูเหมือนก้อนน้ำมัน มันยังดูเหมือนก้อนเมฆสีดำ
แต่ที่สำคัญกว่าคือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
ตัวประหลาดตวัดมือและสมาชิกที่อยู่ด้านหน้าถูกแรงตบปลิว
[คึๆๆ]
มันส่งเสียงหัวเราะน่าขนลุก คนที่ถือกล้องตาย
ภาพสั่นขณะที่กล้องหล่นลงพื้น วิดีโอจบลงตรงนั้น
[รัฐบาลจีนเชื่อว่านี่คือลอร์ดมิติคนใหม่
พวกเขากำลังอยู่ระหว่างตั้งทีมเฉพาะกิจ และคิดจะอนุญาตการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อยุทธศาสตร์...]
“ฮะ? พวกเขาจะใช้อาวุธนิวเคลียร์?”
มินชานร้องพร้อมกับที่พนักงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“ท่านนายกฯ รัฐบาลจีนขอความร่วมมือมาทางเรา”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรือเปล่า?”
มินชานชี้ไปที่ภาพมอนสเตอร์ในข่าว พนักงานพยักหน้า
“ผมคิดว่าอย่างนั้น สถานการณ์เลวร้ายกว่าในข่าวอีกครับ
มอนสเตอร์มันทะลวงผ่านเมืองต่างๆและทำลายทุกอย่างที่อยู่ระหว่างทาง
มันมาถึงแถบตะวันตกของจางเจียโก่วแล้วครับ”
“...มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”
“ที่สำคัญกว่าคือราชาของพวกเราไม่อยู่”
“จริง”
คิมเฮมินย่อหน้าจอลง สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้นหลังเปิดแผนที่
“มันเดินทางเป็นเส้นตรง”
จุงมินชานครางเมื่อมองเส้นสีแดง
“เอ่อ มันใกล้ถึงปักกิ่งแล้ว เข้าใจเลยว่าทำไมทางนั้นถึงเดือดร้อน”
“ไม่ มองต่อสิ”
คิมเฮมินพูดเสียงเครียด เส้นตรงต่อมาจนจบที่เมืองหนึ่ง
มินชานหน้าซีด
“โซล... ไม่ใช่ เป้าหมายของมันคือพวกเราเหรอ?”
เป็นการคาดเดาที่ไม่ชวนให้สบายใจ แต่เขารู้สึกว่าตัวเองเดาถูก
“ไอ้ตัวไม่น่าเชื่อโผล่มากับระเบิด และราชาของพวกเราไม่อยู่...”
มินชานเพิ่งจะสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ความกังวลก็กลับมาอีกแล้ว
พนักงานอีกคนวิ่งเข้ามาในห้อง
“ท่านนายกฯ เกาหลีใต้กำลังอยู่ในสายครับ เกิดดันเจี้ยนเบรกขนาดใหญ่ในปูซาน
พวกเขาขอความช่วยเหลือ”
“ท่านนายกฯ ที่นิวยอร์ค...”
พนักงานผลัดกันถือโทรศัพท์เข้ามา มินชานนวดขมับ
“พระราชาไม่อยู่ พวกเราจะทำอะไรได้...”
คังวูจินไม่อยู่ และเหมือนมอนสเตอร์ทั่วโลกพร้อมใจกันออกอาละวาด
โลกที่เหมือนนรกนี่ ถ้าเป็นโลกจริงก็แย่ ถ้าไม่ใช่โลกจริงก็แย่
***
ความรู้สึกเหมือนแขนขาของเขาหายไป
ไม่ อาจเป็นทั้งร่างของเขาหายไป?
เขาเริ่มหลอนได้ยินเสียง
ช่วยด้วย
ได้โปรดอย่าทิ้งพวกเรา
ปกป้องพวกเขาสิ!
อย่าไป!
ข้าไม่อยากตาย ช่วยด้วย
ใบหน้าผ่านเข้ามาในสายตา
เหล่านี้คือเสียงและใบหน้าที่คุ้นเคย...
เขาฝันอยู่เหรอ?
เขากำลังถูกวิญญาณร้ายทรมานอีกแล้วเหรอ?
สายตาของวูจินเห็นเลือนราง วิญญาณที่กำลังสิ้นหวังใกล้เข้ามา
วิญญาณเกี่ยวพันกับวิญญาณอื่น มันเป็นภาพที่คงจะเห็นได้ในนรก พวกมันเริ่มแตะตัวเขา
มันคันและร้อน
ที่ตลกคือเขาไม่มีร่างกายแล้ว
เขามีสติรู้สึกตัว แต่เขาไม่รู้สึกถึงร่างกายตัวเอง
เหมือนเขาหลอมละลายไปกับอากาศ และสิ่งเดียวที่เขาเห็นอยู่รอบตัวคือวิญญาณร้าย
เขามองพวกมันลอยในอากาศและเกิดความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามาตลอด
‘อิสระ’
เหมือนเขาหลุดพ้นจากทุกอย่างที่วางบนบ่าของเขา
ปลดปล่อย
ในสภาพนี้
เขารู้สึกเหมือนจะสามารถวิ่งหนีไปจากเสียงร้องของวิญญาณร้าย
‘ไปดีกว่า’
เขาพยายามจะจากไป กำลังจะจากไป แต่...
ผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาเกาะตรงหน้าวูจิน มันกระพือปีกช้าๆขณะฝุ่นกระจายไป
ไม่นานผีเสื้อก็หายไปและมีเด็กหญิงคนหนึ่งมาแทน
เขาจำหน้านั้นได้ เด็กหญิงที่ถูกใช้ในการระเบิดพลีชีพ
ขอบคุณค่ะ
ศพไม่มีแขนที่เคยคลานตามพื้น ปรากฏต่อหน้าวูจินใหม่
ฝุ่นผงรวมกันกลายเป็นร่างเธอ แขนที่ขาดไปกลับมาใหม่ เธอดูปกติดี
ได้สู้กับท่านถือเป็นเกียรติของข้า
วูจินจำเขาได้
เขาเป็นทหารรับจ้างที่เคยสู้กับวูจิน
ชายชราที่เลือดไหลท่วมศีรษะสร้างร่างจากควันและค้อมศีรษะให้วูจิน
ข้าไม่ได้โกรธแค้นท่าน
ความทรงจำของเขายุ่งเหยิง คนเหล่านี้คือคนที่ตายด้วยมือของเขา...
วิญญาณร้ายเปลี่ยนเป็นสภาพตอนตาย พวกมันมาปรากฏตัวต่อหน้าวูจิน
พวกมันยิ้มและก้มศีรษะให้เขา วูจินเจอกับความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้และเขาทำหน้าไม่ถูก
ขอบคุณที่ไม่ทิ้งพวกเรา
พวกมันพูดกับเขาด้วยความหมายที่คล้ายกัน
ขอโทษ แต่เขาไม่สามารถปกป้องพวกมันได้...
นี่คือมิติว่างเปล่า
ร่างกายของเขาเป็นอย่างไรไม่รู้...
ในมิตินี้เขาไม่สามารถรักษาตัวตนไว้ได้ แต่เหล่าวิญญาณรอบตัวได้ยืนยันตัวตนของเขา
นี่คือชีวิตที่เขาไม่อาจปกป้อง พวกมันมองเขา
เหมือนกำลังปกป้องเขาอยู่...
***
ยานลีโอนีจอดบนแอ่งว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
ประตูเปิดออก ทหารใส่หน้ากากป้องกันแก๊สพิษพากันลงบันไดมา
“เราพร้อมจะเข็นเขาออกมาแล้ว กัปตัน”
เตียงเข็นคล้ายที่ใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยอันหนึ่งกำลังลอยกลางอากาศ แม้ไม่แน่ว่าจะเอาเขาออกไปได้หรือไม่แต่การตระเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว
“ศาสตราจารย์ติดต่อมาหรือยัง?”
“ศาสตราจารย์โน้มน้าวเขาไม่สำเร็จ”
“อืม”
กัปตันลีโอนีครางพลางเปิดเครื่องมือบนข้อมือของเขา
จอโฮโลกราฟฟิกฉายขึ้นมาและเขาเห็นศาสตราจารย์ท็อปเลอร์
“ศาสตราจารย์ ถ้าเขาไม่มีรหัส ล็อกเอาท์เขาออกมาก็ไม่มีความหมาย”
[ผมรู้ เพราะอย่างนี้ผมถึงสั่งให้คิมคังชุลไปเอารหัส
เราต้องเอาเขาออกมาด้วย]
“อืม เข้าใจแล้ว เราจะเอารหัสฟื้นฟูออกมาก่อน”
[เข้าใจแล้ว ถ้าเขาได้รหัสเมื่อไหร่ผมจะแจ้งคุณทันที]
พวกเขาต้องการทั้งรหัสโลกและรหัสฟื้นฟู
“คิมคังชุลอยู่ที่ไหน”
“เขาอยู่ที่สถานีโซล”
เคราะห์ดี พวกเขาอยู่ในเขตเดียวกัน
“ช่วยเตรียมเตียงเข็นอีกอันด้วย”
“รับทราบ”
เตียงเข็นอีกอันถูกเอาออกมาจากยานลีโอนี เมื่อทั้งทีมพร้อมแล้ว
กัปตันลีโอนีเดินนำหน้า
ถนนว่างเปล่า เมื่อเดินได้ 10 นาที บันไดลงไปชั้นล่างก็ปรากฏขึ้น
บันไดเสียหายหลายจุดแต่พอใช้เดินลงไปได้
ก่อนพวกเขาจะเข้าไป กัปตันลีโอนีเตือนสมาชิกทีม
“ระบบป้องกันตัวจะไม่ทำงานเพียง 10 นาที ถ้าต้องการช่วยพวกเขาทั้งคู่
เราต้องทำให้รวดเร็ว”
“ครับ!”
“พร้อมจะหยุดการทำงานของมันแล้ว กัปตัน”
กัปตันลีโอนีเงยมองซุ้มทางเข้า เขาจ้องข้อความที่สลักตรงนั้น
มันลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่เขาแน่ใจว่ามันเขียนว่าสถานีโซล
ที่นี่คือที่ร่างของคังวูจินเชื่อมต่อกับโลกเสมือน พวกเขาแค่ต้องดึงเขาออกมาหลังจากช่วยเหลือเขาได้แล้ว
“เริ่มเลย”
“ครับ!”
สมาชิกทีมเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเปิดเครื่องหยุดยั้งการทำงานของเหล่าผู้พิทักษ์
***
ที่ๆมีการป้องกันเข้มงวดที่สุดในปราการลอยฟ้าคือห้องของโซอา
เดี๋ยวนี้เธอออกไปไหนไม่ได้แล้วต่อให้อยากออก
เธอไม่ใช่นักโทษแต่ถูกขังเหมือนนักโทษ สำหรับโซอานี่เป็นความทรมาน
แต่ความคิดโซอาเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะแสดงความรู้สึกออกมา
“อึดอัดมากไหม โซอา?”
“ไม่ค่ะแม่”
นี่เพื่อปกป้องโซอา แต่เธออยู่คนเดียวไม่ได้
ลีซุกยองจึงมาอยู่กับลูกสาว
“ทำไมพี่ไม่มาหาหนู?”
“อ๊ะ? พี่เขาคงยุ่งน่ะ”
ลีซุกยองตอบอย่างอึดอัด คังวูจินจงใจตีตัวออกห่างจากโซอาและดูเหมือนเด็กหญิงจะรู้สึกตัว
“เฮ้อ หนูอยากให้สงครามจบลงเร็วๆ”
“แม่ก็เหมือนกัน”
“พี่จีวอนจะมาเมื่อไหร่คะ?”
“คงใกล้แล้วล่ะ”
บทสนทนาแบบนี้ถูกแม่ลูกทวนขึ้นหลายครั้งแล้ว
ขณะพวกเขากำลังคุยกัน แขกคนหนึ่งก็มาถึง
“จีวอนหรือเปล่า?”
ลีซุกยองเปิดประตูต้อนรับ...
“รบกวนหน่อยนะครับ”
คนแปลกหน้าเดินเข้ามาในห้อง
เขาไม่ใช่พนักงานคนเดิมที่มาทำความสะอาดและเอาอาหารมาให้พวกเธอทุกวัน
และชายคนนี้ไม่เหมือนพนักงานรักษาความปลอดภัย...
ลีซุกยองดึงโซอาไปไว้ข้างหลังตามสัญชาติญาณ
“คุณเป็นใคร?”
ชายคนนั้นหัวเราะอย่างเข้าใจพลางเกาศีรษะ
“อา ผมชื่อคิมคังชุล”
“ค...คุณต้องการอะไร?”
“ผมมาที่นี่เพื่อช่วยโลก”
คิมคังชุลยิ้มพลางเดินเข้ามา
ขอบคุณครับ รอตอนต่อไป
ตอบลบ