บทที่ 156 – การรับสมัครเราส์
เมื่อวูจินมาถึงอาณาเขตมิติ เขาส่งความคิดหานักกลยุทธ์ของเขา โดเจมิน
[เจมิน นายทำอะไรอยู่?]
[ผมกำลังอัดหมีใหญ่อยู่ครับ]
[แล้วการป้องกันอุโมงค์ล่ะ]
[หา? เราต้องป้องกันด้วยเหรอครับ?]
แหงสิ
เขาปล่อยอุโมงค์เอาไว้เผื่อพวกเจมินจะอยากกลับ มันนำทางตรงมาถึงในตัวปราสาทของอลันดาล เขาผิดเองที่ไม่ได้พวกเจมินล่วงหน้าจึงได้แต่ถอนหายใจ
[ไอเทมล่ะ? ฉันปล่อยอุโมงค์ไว้ให้นายส่งกลับมาได้]
[อา อย่างนั้นเหรอครับ? ผมก็สงสัยว่าทำไมอุโมงค์มันไม่ปิดเสียที]
[…]
[พวกเราเดินทางใช้รถม้าแต่มีของเยอะเกินไปครับ]
[รอเดี๋ยวนะ]
วูจินสงสัยว่ามีวิธีที่ดีกว่าหรือเปล่า เขาพบคำตอบในระบบปรับแต่งของอาณาเขตมิติ
เขาใช้แต้มเพื่อให้ข้ารับใช้ใช้ห้องเก็บของได้ตามใจ เขาส่งสิทธิ์ในการใช้ห้องเก็บของของมิติให้เจมิน
[เปิดคลังสิ]
[ครับ?คลัง?ว้าก!อะไรเนี่ย?]
[เอาไอเทมทั้งหมดใส่ในนั้น]
[ว้าว สุดยอด]
เจมินใส่ไอเทมที่ปล้นได้ไว้ในห้องเก็บของไปพลางอุทานไปพลาง
“อืม ผู้บริหารอาณาเขต...”
ประชากรในอาณาเขตใช้ดันเจี้ยนเพื่อสำรวจและออกล่าในโลกอื่น และนำบลัดสโตนกับไอเทมกลับมา ต่อให้ลอร์ดมิติไม่ทำอะไร แต้มก็ยังเพิ่มขึ้นและอันดับของลอร์ดมิติก็เพิ่มขึ้น
เพียงแต่เขาต้องดูแลจัดการทุกอย่าง
“ช่างเถอะ”
วูจินดูในคลังว่ามีไอเทมที่เขาต้องใช้หรือไม่ จากนั้นเขาเรียกไวเวิร์นตัวหนึ่งมา มันมีอานติดบนหลัง เขาขี่ไวเวิร์นผ่านอุโมงค์ไปยังโลกจาคุ
เมื่อผ่านอุโมงค์แล้ววูจินปิดมันทันที เขาให้กาเกบิสำรวจรอบๆ
“ดันเจี้ยนก็ดี อาณานิคมก็ดี หาอะไรก็ได้ให้ฉัน”
[คึๆ เข้าใจแล้ว ข้าจะหาเหยื่อชั้นดีให้ขอรับ]
วูจินพยายามทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะประหลาดของกาเกบิ
ถ้าเขาต้องเลือกว่าอสูรตนไหนคลั่งไคล้การฆ่า เขาจะเลือกกาเกบิอย่างไม่ลังเล มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดกับกาเกบิ
“ฉันก็ไปบ้างดีกว่า”
วูจินขึ้นไปขี่หลังไวเวิร์น
ไวเวิร์นคำราม กระโดดขึ้นไปบนฟ้าแล้วกระพือปีก มันบินขึ้นไปสูง วูจินเลือกเส้นทางให้มันบินผ่านทางความคิดของเขา
เสียงลมดังใส่หูของเขาทำให้รู้สึกชา ถ้ามันแย่จริงๆเกราะผีของเขาจะทำงานเอง
หลังจากบินอยู่ครู่หนึ่ง วูจินก็เห็นอาณานิคมแห่งหนึ่งกำลังถูกระเบิด
***
ลอร์ดมิติ โจเซฟ เป็นคนของสหพันธ์ค้อนแดง เมื่อได้ยินว่าอาณานิคมของเขาบนโลกจาคุกำลังถูกโจมตีก็เดินทางมาทันที
“ไอ้เวรที่ไหนกล้ามาโจมตีอาณานิคมของข้า! มันมาจากสหพันธ์ไหน?”
ข้ารับใช้ที่โจเซฟทิ้งไว้ให้ดูแลอาณานิคมค้อมศีรษะลง
“ไม่ได้มาจากสหพันธ์ไหนครับ ระยะนี้มีพวกบ้ามาที่โลกจาคุ ข้าเชื่อว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนั้น”
“คนที่ทำลายล้างพวกกิ้งก่าเหลือง?”
“ครับ”
มันเป็นเรื่องโด่งดังที่ลอร์ดมิติพูดถึง
สหพันธ์กิ้งก่าเหลืองทั้งหมดตัดสินใจบุกโลกและล้วนแต่ได้ตายก่อนวัยอันควร
มีการเชื่อมต่อสู่โลกเพียงที่เดียว คังวูจินมาจากโลกและเป็นลอร์ดมิติหนึ่งเดียวของที่นั่น
สหพันธ์ค้อนแดงและหมวกดำได้ยินว่าคังวูจินมายังโลกจาคุเพื่อแก้แค้น
“บังอาจนัก! ใช้อาวุธสุดท้ายบนป้อม”
“มัน...ถูกทำลายไปแล้วครับ”
“อะไรนะ?”
ถ้าอาวุธสุดท้ายถูกทำลายไปแล้วจะทำอะไรล่ะทีนี้?
“เราเหลือทหารอีกเท่าไหร่?”
“ยังเหลืออยู่เป็นส่วนมากครับ การโจมตีของศัตรูดุเดือดมากจนพวกทหารไม่กล้าเข้าใกล้”
“...?”
พูดบ้าอะไร?
อาวุธสุดท้ายถูกทำลาย แต่เหลือทหารอีกมาก...
“อย่างนั้นใครสู้กับผู้บุกรุก?”
“...ที่โจมตีเรามีอยู่สอง และสู้กันเองครับ”
“...?”
โจเซฟเขี่ยขี้หู สงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า?
“สองคนนั้นสู้กันเอง?”
“ครับ”
เสียสติหรือ? มีที่ตั้งกว้างให้สู้ทำไมมาสู้ตรงนี้?
ครืน!
โจเซฟขมวดคิ้วเมื่อตัวปราสาทสั่น
“ไอ้พวกเวร!”
เมืองของเขากำลังถูกทำลายเพราะถูกลูกหลง?
โจเซฟปึงปังออกจากปราสาท เขาขึ้นไปยังยอดหอคอยโดยมีไม้เท้าอันใหญ่ในมือ
“มันคือโกเลมไฟขนาดเล็กเหรอ?”
โกเลมไฟที่มีขนาดรูปร่างเหมือนมนุษย์กำลังบินบนฟ้า โจเซฟเห็นเป็นอย่างนั้น
[ก๊ากฮ่าๆ]
หัวเราะเสียสติพลางยิงเวทออกมาติดต่อกันทำให้เกิดระเบิดรอบๆ คนที่ทำไม่ใช่สิ่งมีชีวิต
“ลิช?”
โจเซฟประเมินสถานการณ์
“ลือกันว่าคังวูจินเป็นเนโครแมนเซอร์ ตัวจริงของมันคือลิช!”
เจ้าบ้าคนหนึ่งเปลี่ยนตัวเองเป็นลิชแล้วกลายมาเป็นลอร์ดมิติ
“อา ไม่ใช่ครับ ลอร์ดมิติคังวูจินเป็นมนุษย์ ลิชเป็นอสูรของเขา”
“อะไรนะ?”
โจเซฟขมวดคิ้ว
ลิชมันไล่ล่าอะไรอยู่?
“เอ๊ะ? พวกมันกำลังมาทางพวกเรา”
“บังอาจ!”
โจเซฟยกไม้เท้าขึ้นรวบรวมพลังเวท ก่อนโลกของมันจะถูกยึดครอง มันคือหนึ่งในสิบสุดยอดจอมเวท ลิชตนหนึ่งกับโกเลมไฟกล้ามากที่มาทำลายอาณานิคมของมัน
ความร้อนเหมือนไฟนรกรวมตัวกัน
“ข้าจะเผาพวกแกเป็นเถ้าถ่าน!”
มันพุ่งไปเหมือนมังกรพ่นไฟ สิ่งที่โจเซฟคิดว่าเป็นโกเลมไฟโดนมัน นี่เป็นท่าไม้ตายของโจเซฟ ที่มันบรรยายว่าการโจมตีนี้เทียบเท่ากับการโจมตีของมังกรไม่ใช่พูดเล่น
แต่โกเลมไฟทำมาจากบางอย่างที่ทนทานมาก
มันพุ่งออกมาจากความร้อน ร่างมันขยายใหญ่ขึ้น ไฟที่ล้อมรอบกำปั้นของมันยิ่งใหญ่ขึ้น
“บังอาจ!”
มันรีบสร้างบาเรีย แต่แล้วโจเซฟก็พบกับประสบการณ์ที่ไม่เคยได้พบมาตลอด 10 ปี
มันและบาเรียกระเด็นไป ตัวมันกระเด็นไปฝังกำแพงปราสาท
“น่าขายหน้านัก!”
มันลุกขึ้นทันทีแล้วมองหาศัตรู แต่ศัตรูมาถึงข้างตัวมันแล้ว เท้าติดไฟพุ่งลงมาที่ศีรษะโจเซฟ
“!”
“ฮึ่ม มันร้อนนะ”
ซุงกูบ่นขณะที่ศีรษะโจเซฟระเบิด เมื่อร่างโจเซฟกลายเป็นแสงสีเทาเขาลืมตาโต
“เอ๊ะ? ลอร์ดมิติเหรอ?”
ลอร์ดมิติอ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอ?
ซุงกูสงสัยเพียงครู่เดียวก็นึกถึงสัญญาของเจนิสขึ้นมาได้
เขาจะได้พักถ้าฆ่าลอร์ดมิติหรือทำลายดันเจี้ยนได้
ซุงกูเงยหน้าและเห็นมังกรไฟตัวยาว มันมีลักษณะเด่นคือสามารถไล่ตามเป้าหมายได้ ซุงกูหนีแต่สุดท้ายมันก็ตามเขามาถึงที่นี่
“ขอพัก 10 นาที! ผมจับได้ตัวนึง”
[ก๊ากฮ่าๆ น่าเสียดาย]
“...”
น่าเสียดาย?
ลิชมันตั้งใจจะฆ่าเขาจริงๆใช่ไหม?
ซุงกูไม่มีแรงตอบ เวลาของเขามีค่ามาก
ซุงกูนั่งลงทันทีและดูดซับไฟรอบๆตัว ระหว่างนั้น ลิชส่งมังกรไฟไปทางเมือง
มังกรไฟผ่านไปทางไหน สิ่งปลูกสร้างก็ถูกเปลวไฟลุกท่วมทางนั้น
‘อืม’
ซุงกูลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีไฟในร่างเพียงพอแล้ว
เขาเห็นวูจินยืนอยู่กับลิชตรงหน้าเขา
“เอ๋? ลูกพี่มาเมื่อไหร่ครับ?”
“เมื่อกี๊ นายเก่งแล้วนี่”
“เฮะๆ”
ซุงกูสังหารลอร์ดมิติไป 1 ตน เขาพัฒนาไปไกลมาก
วูจินยิ้มมองลิช
“นายต้องทำดีๆสิ ทำดีๆ”
[ก๊ากฮ่าๆ ข้าจะฝึกเจ้านี่อย่างจริงจังเดี๋ยวนี้]
ขอโทษครับลูกพี่กับคุณโครงกระดูก ทำไมพูดอย่างเริงร่าขนาดนั้นล่ะครับ?
[เราสู้กันจริงๆเลยไหม?]
“นี่เรายังไม่ได้สู้กันจริงๆหรอกเหรอ...”
[ในการฝึกไม่มีอะไรมีประโยชน์ไปกว่าสู้จริงอีกแล้ว ก๊ากฮ่าๆ]
“พูดอะไรน่ะ...”
วูจินมองซุงกูที่กำลังสับสนกับเจนิสที่ร่าเริงแล้วพูด
“ไหนๆก็ไหนๆ จัดการรอบๆด้วยก็ดี”
[ก๊ากฮ่าๆ งั้นข้าจะต่อให้ ถ้าเจ้าสังหารลอร์ดมิติ 5 ตนหรืออาณานิคม 5 แห่งได้ เจ้าจะได้พัก 10 นาที]
ซุงกูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“อา ผมซาบซึ้งจนน้ำตามัน...”
[ข้าจะฆ่าเจ้าในอีก 10 วินาที!]
“เชี่ย!”
ร่างซุงกูระเบิด
ภายในพริบตาเดียวซุงกูก็บินจากไปไกลแล้ว วูจินมองซุงกูพลางยิ้มอย่างพอใจ
“อย่างกับจรวดแน่ะ”
เราส์ที่ใช้การได้ดีค่อยๆมารวมตัวรอบๆเขา
ไวเวิร์นที่บินบนฟ้า ส่งเสียงคำรามแล้วลดระดับลงมา วูจินขึ้นไปบนอานแล้วให้มันบินขึ้นไป
“เจมินโตแค่ไหนแล้วนะ?”
เจมินดื่มเลือดจากหัวใจลอร์ดแวมไพร์และผ่านพิธีกรรมเลือดแล้ว
เขาเปลี่ยนให้สิ่งอื่นกลายมาเป็นลูกน้องได้ จึงสามารถสร้างกองทัพของตัวเองได้ ยิ่งกว่านั้นขีดจำกัดการเพิ่มพลังร่างกายของเขาก็เพิ่มสูงด้วย วูจินคาดว่าเจมินจะเก่งขึ้นไปอีกระดับแล้ว
วูจินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาขณะที่ขี่ไวเวิร์นไปทางเจมิน
***
ความบ้าคลั่งที่ทำให้เขาเสียสติไม่มีอีกแล้ว
เขาไม่ได้พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่คิด
ตอนนี้เขามีสติ
ทุกครั้งที่เจมินเคลื่อนไหวเลือดจะระเบิดกระจาย
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ลำพัง
ลูกน้องของเขาต้องการเลือด พวกมันเหมือนซอมบี้ตาสีแดงขณะที่วิ่งไปทางศัตรู มีออร์ค กอบลิน มีกระทั่งโอเกอร์
เจมินเดินเข้าไปในสนามรบที่ตกอยู่ในความโกลาหล ศพที่ถูกกัดมีอยู่ทุกที่
ดวงตาของลูกน้องของเขาเป็นสีแดงกว่าเดิม เฉียบคมกว่าเดิม กระทั่งรู้สึกได้ถึงศักดิ์ศรีจากในนั้น
ไม่มีใครดูถูกพวกมันได้
ตัวหมากเหล่านี้เป็นลูกน้องของเขา แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ท้าชิงที่สามารถโจมตีเขาได้ทุกเมื่อ
เจมินฆ่าและดื่มเลือดแวมไพร์ที่กัดเขา ทำให้เขาได้สืบทอดพลังผ่านทางเลือด ถ้าเขาแสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่น้อย พวกมันก็จะทำเหมือนกัน
“โอย”
เจมินหยุดตรงหน้ามนุษย์ที่กำลังร้องโอดโอยคนหนึ่ง
ขาสองข้างถูกตัด แขนถูกบีบแหลก ดวงตาของเขาบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นมีความกลัว ขณะเดียวกันก็มีความมุ่งร้ายแฝงอยู่
“นายอยากมีชีวิตต่อไหม?”
“ช่วย...ช่วยด้วย”
ความมุ่งร้ายเปลี่ยนเป็นขอร้อง ดวงตาเริ่มเต็มไปด้วยน้ำตา
เขาชอบที่ได้เห็นความกลัว ความต้องการมีชีวิตอยู่ในดวงตาของชายคนนี้ นี่จะเป็นรากฐานความจงรักภักดีที่มีต่อเจมิน
ความตายถือเป็นสิ้นสุดการเดินทางของผู้เร่ร่อนที่เดินทางไปมาตามอาณาเขตมิติ
เจมินกัดมือตัวเอง และเอามือเปื้อนเลือดแตะริมฝีปากของนักรบที่กำลังจะตาย
“โอ”
เขาลืมตากว้างขณะที่เส้นเลือดในตาของเขาระเบิดออก จากนั้นร่างกายก็เริ่มสั่น
ชายกรีดร้องขณะที่ร่างของเขาถูกเลือดดำห้อมล้อมก่อนที่ร่างจะระเบิด เศษเนื้อเปลี่ยนเป็นค้างคาวฝูงหนึ่งบินรอบตัวเจมิน
ค้างคาวรวมตัวตรงหน้าเจมินและกลายเป็นนักรบ หน้าเขาซีดขาวกว่าก่อน แต่แขนขาที่ถูกทำลายงอกใหม่สมบูรณ์
ริมฝีปากม่วงซีดไร้เลือด มันแสดงว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
“ชื่อ?”
“คาบาล”
เขาตอบด้วยเสียงแหบ เจมินรู้สึกได้
เขารู้สึกได้ถึงความเกลียดกลัวที่มีต่อเขา ยิ่งกว่านั้นยังรู้สึกถึงความกระหายเลือด มันส่งมาที่เขาทั้งหมด ถ้าเขาแสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว ชายคนนี้จะกินเขา
“คุกเข่า”
คาบาลคุกเข่าหนึ่งข้างและก้มศีรษะลง ลูกน้องคนนี้ต่างจากมอนสเตอร์ตัวอื่น
เขาเป็นสมาชิกคนแรกของเผ่าของโดเจมิน ตระกูลเลือดของเขาถือกำเนิดแล้ว
“ดื่มเลือดของศัตรู”
“อ๊าก”
เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจมิน คาบาลวิ่งไปทางสนามรบทันที ดูเหมือนคาบาลจะกระหายเลือดมากจนคงสติไว้ไม่ได้
มันทำให้เจมินคิดถึงตัวเขาเมื่อก่อน เขาจึงฝืนยิ้มออกมา
เขารู้สึกถึงความตื่นเต้นที่บรรยายออกมาไม่ได้เมื่อได้ลูกน้องที่จะทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่าง กำปั้นของเจมินสั่น
‘ฉันเจ๋งใช้ได้เลย’
เจมินกำลังเปลี่ยนเป็นขุนนางแห่งรัตติกาลอย่างช้าๆ
FC เจมินและเอาใจช่วยให้ซุงกูรอดไปได้ //ป้าย
ตอบลบตอนที่ซุงกูแอดเขียนผิดครับ จากซุงกูเป็นเจมิน
*ตอนที่ซุงกูฆ่าลอร์ดมิติได้
ลบแก้เรียบร้อยค่ะ ขอบคุณที่ช่วยเช็คค่า ^^
ลบคร้าบ~
ลบ