วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 156

บทที่ 156 – การรับสมัครเราส์


เมื่อวูจินมาถึงอาณาเขตมิติ เขาส่งความคิดหานักกลยุทธ์ของเขา โดเจมิน

[เจมิน นายทำอะไรอยู่?]

[ผมกำลังอัดหมีใหญ่อยู่ครับ]

[แล้วการป้องกันอุโมงค์ล่ะ]

[หา? เราต้องป้องกันด้วยเหรอครับ?]

แหงสิ

เขาปล่อยอุโมงค์เอาไว้เผื่อพวกเจมินจะอยากกลับ มันนำทางตรงมาถึงในตัวปราสาทของอลันดาล เขาผิดเองที่ไม่ได้พวกเจมินล่วงหน้าจึงได้แต่ถอนหายใจ

[ไอเทมล่ะ? ฉันปล่อยอุโมงค์ไว้ให้นายส่งกลับมาได้]

[อา อย่างนั้นเหรอครับ? ผมก็สงสัยว่าทำไมอุโมงค์มันไม่ปิดเสียที]

[…]

[พวกเราเดินทางใช้รถม้าแต่มีของเยอะเกินไปครับ]

[รอเดี๋ยวนะ]

วูจินสงสัยว่ามีวิธีที่ดีกว่าหรือเปล่า เขาพบคำตอบในระบบปรับแต่งของอาณาเขตมิติ

เขาใช้แต้มเพื่อให้ข้ารับใช้ใช้ห้องเก็บของได้ตามใจ เขาส่งสิทธิ์ในการใช้ห้องเก็บของของมิติให้เจมิน

[เปิดคลังสิ]

[ครับ?คลัง?ว้าก!อะไรเนี่ย?]

[เอาไอเทมทั้งหมดใส่ในนั้น]

[ว้าว สุดยอด]

เจมินใส่ไอเทมที่ปล้นได้ไว้ในห้องเก็บของไปพลางอุทานไปพลาง

“อืม ผู้บริหารอาณาเขต...”

ประชากรในอาณาเขตใช้ดันเจี้ยนเพื่อสำรวจและออกล่าในโลกอื่น และนำบลัดสโตนกับไอเทมกลับมา ต่อให้ลอร์ดมิติไม่ทำอะไร แต้มก็ยังเพิ่มขึ้นและอันดับของลอร์ดมิติก็เพิ่มขึ้น

เพียงแต่เขาต้องดูแลจัดการทุกอย่าง

“ช่างเถอะ”

วูจินดูในคลังว่ามีไอเทมที่เขาต้องใช้หรือไม่ จากนั้นเขาเรียกไวเวิร์นตัวหนึ่งมา มันมีอานติดบนหลัง เขาขี่ไวเวิร์นผ่านอุโมงค์ไปยังโลกจาคุ

เมื่อผ่านอุโมงค์แล้ววูจินปิดมันทันที เขาให้กาเกบิสำรวจรอบๆ

“ดันเจี้ยนก็ดี อาณานิคมก็ดี หาอะไรก็ได้ให้ฉัน”

[คึๆ เข้าใจแล้ว ข้าจะหาเหยื่อชั้นดีให้ขอรับ]

วูจินพยายามทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะประหลาดของกาเกบิ

ถ้าเขาต้องเลือกว่าอสูรตนไหนคลั่งไคล้การฆ่า เขาจะเลือกกาเกบิอย่างไม่ลังเล มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดกับกาเกบิ

“ฉันก็ไปบ้างดีกว่า”

วูจินขึ้นไปขี่หลังไวเวิร์น

ไวเวิร์นคำราม กระโดดขึ้นไปบนฟ้าแล้วกระพือปีก มันบินขึ้นไปสูง วูจินเลือกเส้นทางให้มันบินผ่านทางความคิดของเขา

เสียงลมดังใส่หูของเขาทำให้รู้สึกชา ถ้ามันแย่จริงๆเกราะผีของเขาจะทำงานเอง

หลังจากบินอยู่ครู่หนึ่ง วูจินก็เห็นอาณานิคมแห่งหนึ่งกำลังถูกระเบิด

***

ลอร์ดมิติ โจเซฟ เป็นคนของสหพันธ์ค้อนแดง เมื่อได้ยินว่าอาณานิคมของเขาบนโลกจาคุกำลังถูกโจมตีก็เดินทางมาทันที

“ไอ้เวรที่ไหนกล้ามาโจมตีอาณานิคมของข้า! มันมาจากสหพันธ์ไหน?”

ข้ารับใช้ที่โจเซฟทิ้งไว้ให้ดูแลอาณานิคมค้อมศีรษะลง

“ไม่ได้มาจากสหพันธ์ไหนครับ ระยะนี้มีพวกบ้ามาที่โลกจาคุ ข้าเชื่อว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนั้น”

“คนที่ทำลายล้างพวกกิ้งก่าเหลือง?”

“ครับ”

มันเป็นเรื่องโด่งดังที่ลอร์ดมิติพูดถึง

สหพันธ์กิ้งก่าเหลืองทั้งหมดตัดสินใจบุกโลกและล้วนแต่ได้ตายก่อนวัยอันควร

มีการเชื่อมต่อสู่โลกเพียงที่เดียว คังวูจินมาจากโลกและเป็นลอร์ดมิติหนึ่งเดียวของที่นั่น

สหพันธ์ค้อนแดงและหมวกดำได้ยินว่าคังวูจินมายังโลกจาคุเพื่อแก้แค้น

“บังอาจนัก! ใช้อาวุธสุดท้ายบนป้อม”

“มัน...ถูกทำลายไปแล้วครับ”

“อะไรนะ?”

ถ้าอาวุธสุดท้ายถูกทำลายไปแล้วจะทำอะไรล่ะทีนี้?

“เราเหลือทหารอีกเท่าไหร่?”

“ยังเหลืออยู่เป็นส่วนมากครับ การโจมตีของศัตรูดุเดือดมากจนพวกทหารไม่กล้าเข้าใกล้”

“...?”

พูดบ้าอะไร?

อาวุธสุดท้ายถูกทำลาย แต่เหลือทหารอีกมาก...

“อย่างนั้นใครสู้กับผู้บุกรุก?”

“...ที่โจมตีเรามีอยู่สอง และสู้กันเองครับ”

“...?”

โจเซฟเขี่ยขี้หู สงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า?

“สองคนนั้นสู้กันเอง?”

“ครับ”

เสียสติหรือ? มีที่ตั้งกว้างให้สู้ทำไมมาสู้ตรงนี้?

ครืน!

โจเซฟขมวดคิ้วเมื่อตัวปราสาทสั่น

“ไอ้พวกเวร!”

เมืองของเขากำลังถูกทำลายเพราะถูกลูกหลง?

โจเซฟปึงปังออกจากปราสาท เขาขึ้นไปยังยอดหอคอยโดยมีไม้เท้าอันใหญ่ในมือ

“มันคือโกเลมไฟขนาดเล็กเหรอ?”

โกเลมไฟที่มีขนาดรูปร่างเหมือนมนุษย์กำลังบินบนฟ้า โจเซฟเห็นเป็นอย่างนั้น

[ก๊ากฮ่าๆ]

หัวเราะเสียสติพลางยิงเวทออกมาติดต่อกันทำให้เกิดระเบิดรอบๆ คนที่ทำไม่ใช่สิ่งมีชีวิต

“ลิช?”

โจเซฟประเมินสถานการณ์

“ลือกันว่าคังวูจินเป็นเนโครแมนเซอร์ ตัวจริงของมันคือลิช!”

เจ้าบ้าคนหนึ่งเปลี่ยนตัวเองเป็นลิชแล้วกลายมาเป็นลอร์ดมิติ

“อา ไม่ใช่ครับ ลอร์ดมิติคังวูจินเป็นมนุษย์ ลิชเป็นอสูรของเขา”

“อะไรนะ?”

โจเซฟขมวดคิ้ว

ลิชมันไล่ล่าอะไรอยู่?

“เอ๊ะ? พวกมันกำลังมาทางพวกเรา”

“บังอาจ!”

โจเซฟยกไม้เท้าขึ้นรวบรวมพลังเวท ก่อนโลกของมันจะถูกยึดครอง มันคือหนึ่งในสิบสุดยอดจอมเวท ลิชตนหนึ่งกับโกเลมไฟกล้ามากที่มาทำลายอาณานิคมของมัน

ความร้อนเหมือนไฟนรกรวมตัวกัน

“ข้าจะเผาพวกแกเป็นเถ้าถ่าน!”

มันพุ่งไปเหมือนมังกรพ่นไฟ สิ่งที่โจเซฟคิดว่าเป็นโกเลมไฟโดนมัน นี่เป็นท่าไม้ตายของโจเซฟ ที่มันบรรยายว่าการโจมตีนี้เทียบเท่ากับการโจมตีของมังกรไม่ใช่พูดเล่น

แต่โกเลมไฟทำมาจากบางอย่างที่ทนทานมาก

มันพุ่งออกมาจากความร้อน ร่างมันขยายใหญ่ขึ้น ไฟที่ล้อมรอบกำปั้นของมันยิ่งใหญ่ขึ้น

“บังอาจ!”

มันรีบสร้างบาเรีย แต่แล้วโจเซฟก็พบกับประสบการณ์ที่ไม่เคยได้พบมาตลอด 10 ปี

มันและบาเรียกระเด็นไป ตัวมันกระเด็นไปฝังกำแพงปราสาท

“น่าขายหน้านัก!”

มันลุกขึ้นทันทีแล้วมองหาศัตรู แต่ศัตรูมาถึงข้างตัวมันแล้ว เท้าติดไฟพุ่งลงมาที่ศีรษะโจเซฟ

“!”

“ฮึ่ม มันร้อนนะ”

ซุงกูบ่นขณะที่ศีรษะโจเซฟระเบิด เมื่อร่างโจเซฟกลายเป็นแสงสีเทาเขาลืมตาโต

“เอ๊ะ? ลอร์ดมิติเหรอ?”

ลอร์ดมิติอ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอ?

ซุงกูสงสัยเพียงครู่เดียวก็นึกถึงสัญญาของเจนิสขึ้นมาได้

เขาจะได้พักถ้าฆ่าลอร์ดมิติหรือทำลายดันเจี้ยนได้

ซุงกูเงยหน้าและเห็นมังกรไฟตัวยาว มันมีลักษณะเด่นคือสามารถไล่ตามเป้าหมายได้ ซุงกูหนีแต่สุดท้ายมันก็ตามเขามาถึงที่นี่

“ขอพัก 10 นาที! ผมจับได้ตัวนึง”

[ก๊ากฮ่าๆ น่าเสียดาย]

“...”

น่าเสียดาย?

ลิชมันตั้งใจจะฆ่าเขาจริงๆใช่ไหม?

ซุงกูไม่มีแรงตอบ เวลาของเขามีค่ามาก

ซุงกูนั่งลงทันทีและดูดซับไฟรอบๆตัว ระหว่างนั้น ลิชส่งมังกรไฟไปทางเมือง

มังกรไฟผ่านไปทางไหน สิ่งปลูกสร้างก็ถูกเปลวไฟลุกท่วมทางนั้น

‘อืม’

ซุงกูลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีไฟในร่างเพียงพอแล้ว

เขาเห็นวูจินยืนอยู่กับลิชตรงหน้าเขา

“เอ๋? ลูกพี่มาเมื่อไหร่ครับ?”

“เมื่อกี๊ นายเก่งแล้วนี่”

“เฮะๆ”

ซุงกูสังหารลอร์ดมิติไป 1 ตน เขาพัฒนาไปไกลมาก

วูจินยิ้มมองลิช

“นายต้องทำดีๆสิ ทำดีๆ”

[ก๊ากฮ่าๆ ข้าจะฝึกเจ้านี่อย่างจริงจังเดี๋ยวนี้]

ขอโทษครับลูกพี่กับคุณโครงกระดูก ทำไมพูดอย่างเริงร่าขนาดนั้นล่ะครับ?

[เราสู้กันจริงๆเลยไหม?]

“นี่เรายังไม่ได้สู้กันจริงๆหรอกเหรอ...”

[ในการฝึกไม่มีอะไรมีประโยชน์ไปกว่าสู้จริงอีกแล้ว ก๊ากฮ่าๆ]

“พูดอะไรน่ะ...”

วูจินมองซุงกูที่กำลังสับสนกับเจนิสที่ร่าเริงแล้วพูด

“ไหนๆก็ไหนๆ จัดการรอบๆด้วยก็ดี”

[ก๊ากฮ่าๆ งั้นข้าจะต่อให้ ถ้าเจ้าสังหารลอร์ดมิติ 5 ตนหรืออาณานิคม 5 แห่งได้ เจ้าจะได้พัก 10 นาที]

ซุงกูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“อา ผมซาบซึ้งจนน้ำตามัน...”

[ข้าจะฆ่าเจ้าในอีก 10 วินาที!]

“เชี่ย!”

ร่างซุงกูระเบิด

ภายในพริบตาเดียวซุงกูก็บินจากไปไกลแล้ว วูจินมองซุงกูพลางยิ้มอย่างพอใจ

“อย่างกับจรวดแน่ะ”

เราส์ที่ใช้การได้ดีค่อยๆมารวมตัวรอบๆเขา

ไวเวิร์นที่บินบนฟ้า ส่งเสียงคำรามแล้วลดระดับลงมา วูจินขึ้นไปบนอานแล้วให้มันบินขึ้นไป

“เจมินโตแค่ไหนแล้วนะ?”

เจมินดื่มเลือดจากหัวใจลอร์ดแวมไพร์และผ่านพิธีกรรมเลือดแล้ว

เขาเปลี่ยนให้สิ่งอื่นกลายมาเป็นลูกน้องได้ จึงสามารถสร้างกองทัพของตัวเองได้ ยิ่งกว่านั้นขีดจำกัดการเพิ่มพลังร่างกายของเขาก็เพิ่มสูงด้วย วูจินคาดว่าเจมินจะเก่งขึ้นไปอีกระดับแล้ว

วูจินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาขณะที่ขี่ไวเวิร์นไปทางเจมิน

***

ความบ้าคลั่งที่ทำให้เขาเสียสติไม่มีอีกแล้ว

เขาไม่ได้พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่คิด

ตอนนี้เขามีสติ

ทุกครั้งที่เจมินเคลื่อนไหวเลือดจะระเบิดกระจาย

ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ลำพัง

ลูกน้องของเขาต้องการเลือด พวกมันเหมือนซอมบี้ตาสีแดงขณะที่วิ่งไปทางศัตรู มีออร์ค กอบลิน มีกระทั่งโอเกอร์

เจมินเดินเข้าไปในสนามรบที่ตกอยู่ในความโกลาหล ศพที่ถูกกัดมีอยู่ทุกที่

ดวงตาของลูกน้องของเขาเป็นสีแดงกว่าเดิม เฉียบคมกว่าเดิม กระทั่งรู้สึกได้ถึงศักดิ์ศรีจากในนั้น

ไม่มีใครดูถูกพวกมันได้

ตัวหมากเหล่านี้เป็นลูกน้องของเขา แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ท้าชิงที่สามารถโจมตีเขาได้ทุกเมื่อ

เจมินฆ่าและดื่มเลือดแวมไพร์ที่กัดเขา ทำให้เขาได้สืบทอดพลังผ่านทางเลือด ถ้าเขาแสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่น้อย พวกมันก็จะทำเหมือนกัน

“โอย”

เจมินหยุดตรงหน้ามนุษย์ที่กำลังร้องโอดโอยคนหนึ่ง

ขาสองข้างถูกตัด แขนถูกบีบแหลก ดวงตาของเขาบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นมีความกลัว ขณะเดียวกันก็มีความมุ่งร้ายแฝงอยู่

“นายอยากมีชีวิตต่อไหม?”

“ช่วย...ช่วยด้วย”

ความมุ่งร้ายเปลี่ยนเป็นขอร้อง ดวงตาเริ่มเต็มไปด้วยน้ำตา

เขาชอบที่ได้เห็นความกลัว ความต้องการมีชีวิตอยู่ในดวงตาของชายคนนี้ นี่จะเป็นรากฐานความจงรักภักดีที่มีต่อเจมิน

ความตายถือเป็นสิ้นสุดการเดินทางของผู้เร่ร่อนที่เดินทางไปมาตามอาณาเขตมิติ

เจมินกัดมือตัวเอง และเอามือเปื้อนเลือดแตะริมฝีปากของนักรบที่กำลังจะตาย

“โอ”

เขาลืมตากว้างขณะที่เส้นเลือดในตาของเขาระเบิดออก จากนั้นร่างกายก็เริ่มสั่น

ชายกรีดร้องขณะที่ร่างของเขาถูกเลือดดำห้อมล้อมก่อนที่ร่างจะระเบิด เศษเนื้อเปลี่ยนเป็นค้างคาวฝูงหนึ่งบินรอบตัวเจมิน

ค้างคาวรวมตัวตรงหน้าเจมินและกลายเป็นนักรบ หน้าเขาซีดขาวกว่าก่อน แต่แขนขาที่ถูกทำลายงอกใหม่สมบูรณ์

ริมฝีปากม่วงซีดไร้เลือด มันแสดงว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปแล้ว

“ชื่อ?”

“คาบาล”

เขาตอบด้วยเสียงแหบ เจมินรู้สึกได้

เขารู้สึกได้ถึงความเกลียดกลัวที่มีต่อเขา ยิ่งกว่านั้นยังรู้สึกถึงความกระหายเลือด มันส่งมาที่เขาทั้งหมด ถ้าเขาแสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว ชายคนนี้จะกินเขา

“คุกเข่า”

คาบาลคุกเข่าหนึ่งข้างและก้มศีรษะลง ลูกน้องคนนี้ต่างจากมอนสเตอร์ตัวอื่น

เขาเป็นสมาชิกคนแรกของเผ่าของโดเจมิน ตระกูลเลือดของเขาถือกำเนิดแล้ว

“ดื่มเลือดของศัตรู”

“อ๊าก”

เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจมิน คาบาลวิ่งไปทางสนามรบทันที ดูเหมือนคาบาลจะกระหายเลือดมากจนคงสติไว้ไม่ได้

มันทำให้เจมินคิดถึงตัวเขาเมื่อก่อน เขาจึงฝืนยิ้มออกมา

เขารู้สึกถึงความตื่นเต้นที่บรรยายออกมาไม่ได้เมื่อได้ลูกน้องที่จะทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่าง กำปั้นของเจมินสั่น

‘ฉันเจ๋งใช้ได้เลย’

เจมินกำลังเปลี่ยนเป็นขุนนางแห่งรัตติกาลอย่างช้าๆ


สารบัญ                                                      บทที่ 157


4 ความคิดเห็น:

  1. FC เจมินและเอาใจช่วยให้ซุงกูรอดไปได้ //ป้าย

    ตอนที่ซุงกูแอดเขียนผิดครับ จากซุงกูเป็นเจมิน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. *ตอนที่ซุงกูฆ่าลอร์ดมิติได้

      ลบ
    2. แก้เรียบร้อยค่ะ ขอบคุณที่ช่วยเช็คค่า ^^

      ลบ