บทที่ 152 – การปกป้องของทราช
“รีลิค”
[ท่านเรียกข้าหรือ?]
ควันดำก่อตัวเป็นรีลิคตามเสียงเรียกของวูจิน เขาอยู่ในท่าคุกเข่าข้างหนึ่งเป็นการแสดงความเคารพ
“เอาอันนั้นมาให้ฉัน”
[…]
“ใครขวาง ฟันมันทิ้งให้หมด”
[...รับบัญชา]
มันรู้ว่าผ้าเหนือหอคอยนั้นมีความหมายอย่างไรต่อคนในเผ่า มันจึงลังเลก่อนเคลื่อนไหว
รีลิคพุ่งขึ้นหอคอยและนำผืนผ้ากลับมา ในเมืองเกิดความไม่สงบและเผ่าราทิคกลุ่มหนึ่งวิ่งมาทางพวกเขา
รีลิคหยิบผ้าที่รีลิคส่งให้ด้วยความเคารพ นักรบของเผ่าผงะไปด้วยความกลัวเมื่อเห็น
‘การปกป้องของทราช’
ผ้าคลุมนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดเซ็ททราช
นึกไม่ถึงว่าจะมาเห็นมันที่นี่
“หยุดนะ!”
ชายชราจากเผ่าราทิคปรากฏตัวพร้อมเสียงตะโกนดังสนั่น นักรบค้อมหัวให้เขาด้วยความเคารพ
“หัวหน้าเผ่า”
เขาเป็นผู้นำมีตำแหน่งสูงที่สุดในนี้
หัวหน้าเผ่าเปปิโอถลึงตาใส่วูจิน
“นั่นเป็นสิ่งตกทอดของเทพแห่งการทำลาย ไม่ใช่ของที่ผู้ล่าต่ำต้อยจะเอาไปได้!”
“นายรู้เรื่องเทพแห่งการทำลายด้วยเหรอ?”
คอของเปปิโอมีเส้นเลือดปูดขึ้น
“ท่านคือหนึ่งในปฐมเทพ ผู้ล่าที่โอหังและโง่เขลายังวิ่งหนีท่าน”
“...”
วูจินยิ้ม
“นายจะห้ามไม่ให้ฉันเอามันไปเหรอ?”
[...]
รีลิคยิ่งกระสับกระส่ายเมื่อได้ยินคำถามของวูจิน
เขาบอกว่าจะฆ่าคนที่ขวางทางไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
หัวหน้าเผ่าเปปิโอแค่นเสียง
“ฮึ่ม! พวกผู้ล่าอาจทำตัวเหมือนเป็นเทพ แต่นี่เป็นมรดกศักดิ์สิทธิ์จากเทพตัวจริง ร่างของเจ้าจะละลายทันทีที่สวมมัน”
ดวงตาวูจินเป็นประกาย
‘มันจะละลายร่างคนใส่?’
ถ้าลอร์ดมิติใช้เซ็ทไอเทมของทราช ร่างจะถูกละลาย...
<การปกป้องของทราชที่เสียหาย>
นี่คือชุดและผ้าคลุมในการปกป้องของทราช
เกราะไหล่กับเกราะหน้าอกขาดไป เหลือเพียงผ้าคลุม
ไม่สามารถแสดงผลที่แท้จริงได้
ผล : บงการ +100,ถูกผนึก,ถูกผนึก,ถูกผนึก
ทักษะ : คลังกักวิญญาณไม่จำกัด,ถูกผนึก,ถูกผนึก
ผลชุดเซ็ท : ถูกผนึก
มันให้ผลหลายอย่างแต่ส่วนมากถูกผนึกไว้เพราะไอเทมเสียหาย แม้แต่ค่าบงการยังน้อยกว่าเดิม
แต่ด้วยไอเทมนี้ จำนวนวิญญาณที่วนเวียนรอบเขาเป็นเกราะผีจะไม่มีขีดจำกัดอีกต่อไป วูจินต้องสวมผ้าคลุมไว้เสมอแต่นี่เป็นทักษะที่ดีมาก
ถ้าเก็บวิญญาณไว้สักหมื่นดวง วูจินสามารถป้องกันการโจมตีได้ทุกรูปแบบ ต่อให้เป็นระเบิดนิวเคลียร์ก็ยังรอดได้
ชื่อเหมาะสมดี นี่เป็นไอเทมที่มีการปกป้องจากทราชจริงๆ
วูจินมองผ้าผืนเก่าแล้วยิ้มไม่หยุด นักรบที่ยืนข้างเปปิโอกระซิบกับเขา
“เราจะทำอย่างไร? ถ้าขาดไอเทมนั้นไปเราต้องอยู่อย่างเร่ร่อน”
มีเหตุผลเดียวที่เผ่าราทิคขึงการป้องกันของทราชเหมือนธง
มันปล่อยคำสาป เพียงการคงอยู่ของมันก็หยุดมอนสเตอร์ธรรมดาไม่ให้เข้าใกล้ แน่นอน ลำพังมันไม่อาจหยุดฝูงมอนสเตอร์ที่ผู้ล่าส่งมาได้
“อย่ากังวล ทันทีที่เขาเอามันไปใช้เขาจะตายเพราะคำสาป”
เปปิโอมั่นใจ
ตลอดชีวิตมันเคยเห็นลอร์ดมิติ 3 ตนใส่สิ่งนั้น และเห็นทั้ง 3 ตนนั้นตาย
“สำหรับพวกเรา นี่อาจจะดีกว่าก็ได้”
ผู้ล่าที่ข่มขู่หมู่บ้านของพวกมันกำลังดื่มยาพิษ
สายตาของทุกคนมองมือวูจินที่ถือผ้าคลุม
พรึ่บ
วูจินสะบัดผ้าคลุมไล่ฝุ่นแล้วเอามันคล้องคอเพราะเขาไม่มีเกราะหน้าอก ภายนอกไม่มีการเปลี่ยนแปลงนัก แต่วูจินรู้สึกได้ว่าค่าสถานะของเขาเพิ่มขึ้นทันที เขายังรู้สึกได้ว่าแรงที่จำกัดจำนวนวิญญาณเกราะผีของเขาหายไป
วูจินหัวเราะอย่างพอใจ เปปิโอส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ
“ทำไมคำสาปถึง...”
“เป็น...ไปได้ยังไง”
วูจินพูดกับเปปิโอ
“ฉันเอามันล่ะ ถ้านายมีปัญหาอะไรก็พูดมา”
“...”
ถ้ามีปัญหา เปปิโอรู้ว่ามันจะถูกฆ่า
“ไปซะเถอะ”
“ก็ได้ หวังว่าจะไม่เจอกันอีกล่ะ”
เขาได้สินสงครามมาโดยไม่ต้องสู้ เนื่องจากขีดจำกัดวิญญาณถูกยกเลิกไป วูจินจึงเสียดายหน่อยๆที่ไม่ได้เก็บวิญญาณของเผ่าราทิค แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีมอนสเตอร์เหลืออีกมาก
วูจินจากไปอย่างอารมณ์ดี เปปิโอทรุดลงกับพื้น
“ตำนาน...”
“หัวหน้าเผ่า!”
รักชาวิ่งมาประคองหัวหน้าเผ่า
“เทพแห่งการทำลาย... สุดท้ายแล้วโลกนี้จะถูกทำลาย”
“...”
มันคือผู้ล่าที่กินผู้ล่าอื่น
ผู้รวบรวมคนใหม่ของเทพแห่งการทำลายปรากฏตัวบนโลกจาคุแล้ว และเขาเอาสิ่งสืบทอดไปแล้ว
รักชามองคัง วูจินจากไปด้วยสายตาซับซ้อน
***
พวกเขาใช้เวลา 3 วันล่ามอนสเตอร์อยู่ใกล้กับอาณานิคม แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตกสู่กับดัก
การต่อสู้ร่วมกันอย่างราบรื่นทำให้ความมั่นใจของพวกเขาพุ่งสูง ตอนนั้นเองพวกเขาตัดสินใจโจมตีจุดอ่อนของศัตรู แต่แล้วเหตุการณ์ก็ผันแปร ปาร์ตี้ถูกต้อนจนมุม
“เวร”
เบคจองโดสบถ
แม้จะมีบัฟของบลังกาแล้วร่างกายเขายังเต็มไปด้วยบาดแผล
คำภาวนาของเมโลดี้ล้อมรอบตัวเขาเป็นการรักษา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเขาคงตายไปนานแล้ว
“พวกเรามาถึงขีดจำกัดแล้วค่ะ”
ฮีซอลที่นำปาร์ตี้อย่างใจเย็นแม้ในยามฉุกเฉินยังหมดปัญญา
“ผู้ไม่ตายล่ะ?”
เมโลดี้ถาม เจมินตอบด้วยสีหน้าขอโทษ
“ผมติดต่อเขาแล้วครับ แต่เขาอยู่ไกล ต้องใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงจึงจะมาถึง”
ถ้ามองในแง่หนึ่ง ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของเขา
เขามั่นใจเกินไปเพราะค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความกระหายเลือดเพิ่มขึ้น โดเจมินเมามายกับพลังของตัวเองจนฉุดไม่อยู่
“เป็นความผิดผมเอง ผมควรระวังมากกว่านี้”
“ไม่หรอก ดิฉันเป็นคนตัดสินใจ คุณอย่ารู้สึกผิดเลย”
เจมินยังเงยหน้าไม่ขึ้นแม้จะได้ยินคำพูดของฮีซอล
“ถ้าคุณไม่อยู่ด้วย พวกเราคงตายไปนานแล้ว”
ถูกอย่างที่ฮีซอลพูด ถ้าไม่ใช่พลังของเจมิน พวกเขาคงไม่รอดชีวิต
“อืม พวกเรายังไม่ตาย พูดเรื่องนี้ไปก็เสียเวลา มาอดทนให้นานที่สุดเท่าที่จำได้เถอะ”
“ครับพี่”
โดเจมินเม้มปาก พลาดก็คือพลาด แต่ต่อหน้าคนร่วมทีมเขาจะทำเหมือนพวกเขาถึงที่ตายแล้วได้อย่างไร แม้จะเป็นไปได้ยาก แต่พวกเขาต้องรอดให้ได้จนกว่าคัง วูจินจะมาถึง
ครืน!
“มอนสเตอร์ออกมาอีกฝูงแล้ว เตรียมตัว”
“ได้!”
พวกเขาสู้โดยฝากชีวิตไว้กับกันและกัน มิตรภาพของสมาชิกในทีมล้ำลึกกว่าเมื่อ 3 วันก่อนมาก
เมื่อเผชิญกับศัตรูจำนวนมหาศาล พวกเขาทำเรื่องผิดพลาดด้วยการมุ่งหน้าไปทางหุบเหว
เมื่อถนนแคบลง ปาร์ตี้ต้องสู้กับศัตรูจำนวนน้อยลง พวกเขาค่อนข้างได้เปรียบในการสู้ที่นี่นอกเสียจากว่าไม่มีที่ให้หนี หลังจากการต่อสู้ไม่รู้จบ พวกเขาก็อดเหนื่อยไม่ได้
ด้วยเวทสนับสนุนจากเมโลดี้และบลังกาทำให้พวกเขาทนมาได้
เบคจองโดและโดเจมินเดินออกมาข้างหน้า ฝูงออร์คพุ่งมาทางพวกเขา
“เวทฮีลไม่ได้ผลกับนาย อย่าฝืนล่ะ”
“ครับพี่”
“ไปกันเถอะ”
“ครับ”
เบคจองโดวิ่งไป กำปั้นของเขากลายเป็นสีดำ โดเจมินวิ่งด้วยความเร็วเป็นสองเท่าของเบคจองโด ความเคลื่อนไหวของเขาแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
มือของเจมินพุ่งทะลุคอของพวกออร์คอย่างแม่นยำ เล็บคมของแวมไพร์ถูกใช้แทนดาบดี
ระหว่างที่เจมินใช้ความรวดเร็วเคลื่อนที่ไปทั่วพื้นที่เพื่อตัดคอออร์ค เบคจองโดพุ่งมาเหมือนรถแทรกเตอร์ ทุกอย่างที่ขวางทางพังทลาย
“มาดูกันว่าใครจะเหนื่อยก่อน”
ด้วยความสามารถเสริมพลังให้ตัวเองรวมกับบัฟจากบลังกา เบคจองโดก็คือมนุษย์เหล็กดีๆนี่เอง
สองคนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายในหมู่ออร์คเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายปาร์ตี้ก็ถูกผลักลึกเข้าไปในหุบเหวช้าๆ เมื่อศพเริ่มกองสุมเป็นภูเขา ฝูงมอนสเตอร์ก็โจมตีช้าลงเช่นกัน
ขณะที่พวกเขาเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในหุบเหว เมโลดี้ใช้คำอวยพรใส่เบคจองโด เจมินดูดเลือดของออร์คใกล้ตายที่เขาลากมาด้วย
“เราถึงทางตันแล้ว ทำยังไงดี?”
ฮีซอลมองไปด้านหลังและพูดเสียงกังวล เมื่อศพที่กองขวางทางถูกเก็บกวาด การต่อสู้จะเริ่มใหม่อีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นทักษะฝึกสัตว์ของเธอก็ไม่เหมาะกับการสู้กับออร์ค
ถ้าเธอตั้งสมาธิ เธอจะสามารถจับออร์คได้หนึ่งตัว แต่นั่นไม่ช่วยอะไรได้ เธอทำเรื่องผิดพลาดด้วยการมาใกล้อาณานิคมที่มีพวกออร์คอาศัยอยู่
“ถ้าจนมุมจริงๆ เราก็ปีนหน้าผา”
“พวกแมลงปอไม่ปล่อยเราเฉยๆแน่”
“ถึงอย่างนั้นก็มีพวกแมลงปอน้อยกว่าพวกออร์คนะ”
สาเหตุหนึ่งที่พวกเขาหนีมาทางหุบเหวเพราะพวกแมลงปอโจมตีจากท้องฟ้า พวกมันดูเหมือนแมลงแต่ตัวโตเท่าเฮลิคอปเตอร์ ขาเหมือนแมงมุมทำให้พวกมันสามารถจับเหยื่อได้ พวกมันจับเหยื่อมาเคี้ยวกินระหว่างบิน
“ฮู่ว ดิฉันขอสู้กับออร์คดีกว่า”
ถ้าถูกแมลงปอจับตอนที่กำลังปีนหน้าผา...
พวกออร์คย้ายศพไปแล้วและโจมตีเข้ามา ดูเหมือนพวกมันจะคิดว่าการต่อสู้มาถึงจุดจบแล้ว มองมวลสีดำเบื้องหน้าพวกเขาแล้วทำให้เกิดความรู้สึกไม่อาจต่อต้าน พวกมันมีเยอะเกินไป
“ฮู่ มาสู้กันต่อเถอะ”
เบคจองโดปลุกใจตัวเอง เขาก้าวออกไปแล้วหรี่ตา
“มันอะไรล่ะนั่น?”
“เอ๊ะ? หรือว่าพี่มาแล้ว?”
เจมินก็มองลูกบอลไฟหล่นลงมาจากฟ้า ถ้าไม่ใช่ศัตรูโจมตีก็ต้องเป็นคนมาช่วยแน่ เมื่อบอลไฟเข้ามาใกล้มากขึ้นพวกเขาก็แยกรูปร่างของบอลไฟได้
“...ผมคิดว่าเป็นพี่ซุงกู”
“คุณซุงกูจริงๆด้วย”
เบคจองโดเห็นด้วย
ซุงกูกำลังร่วงลงมาจากฟ้า เขาหล่นลงกลางฝูงออร์ค
ไฟระเบิดด้วยเสียงดังสนั่น คลื่นกระแทกสร้างอากาศร้อนกวาดไปทั่วหุบเหว
“อูย”
“ดู...ดูนั่นสิ”
ฮีซอลชี้ไปข้างหน้าด้วยความช็อก
ความร้อนเติมเต็มหุบเหว พวกออร์ควิ่งพล่านพลางกรีดร้อง
เปลวไฟขยับอย่างเป็นอิสระขณะที่ซุงกูขยับมือและเท้า ทุกอย่างรอบตัวเขาลุกเป็นไฟ เชฮีซอลไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง
‘คุณซุงกู...’
เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ฮงซุงกูที่ดูเซ่อซ่าตอนเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยกัน นี่ใช่เขาจริงๆเหรอ?
ซุงกูเดินฝ่าเปลวไฟมาหาปาร์ตี้ เจมินวิ่งไปต้อนรับ
“พี่ซุงกู! มาทำอะไรที่นี่ครับ?”
“โฮ่ หมายความว่ายังไงฉันมาทำอะไร? ลูกพี่ส่งฉันมาล่วงหน้า”
“อา...”
ซุงกูตบผมตรงที่ถูกไฟกระเด็นใส่ จากนั้นเขาถาม
“ฉันมีข่าวดีกับข่าวร้าย”
“อ...อะไรครับ?”
“อยากฟังอันไหนก่อน?”
“ขอข่าวดีก่อน”
“ตอนนี้ฉันแข็งแกร่งสุดๆ เพิ่งเรียนวิธีบินได้มา”
โดเจมินตาเป็นประกาย นึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ที่ฮงซุงกูดูเท่มาก
“พี่เรียนมาจากลิชที่เคยพูดถึงเหรอ?”
“ใช่”
“แล้วข่าวร้ายล่ะ?”
“ลิชมันจะฆ่าฉัน”
“อะไรนะ?”
ซุงกูหน้ามืดดำลง ห่างออกไปมีร่างสีดำกำลังบินมาทางพวกเขา เงาแห่งความตายกำลังใกล้เข้ามา
“เวร ต้องไปแล้ว”
“ล...แล้วพวกเราล่ะ?”
“พวกนายก็มาด้วย”
“...?”
นี่เป็นทางตัน พวกเขาจะไปทางไหนได้?
ก่อนจะได้ถาม ซุงกูสูดลมหายใจลึก เขาวิ่งฝ่าไฟไปยังทางออกของหุบเหว
เปลวไฟลุกโพลงทุกครั้งที่ซุงกูก้าวเท้า เขาใช้ไฟสร้างทางแคบๆขึ้นมาสายหนึ่ง
ปาร์ตี้วิ่งตามเขาพร้อมกับมองหุบเหวถูกเปลี่ยนเป็นความสับสนวุ่นวาย
ชอบการถามข่าวดีก่อนข่าวร้าย 55555
ตอบลบซุงกูเอยขนาดเก่งแล้วยังไม่วายต้องรับบทเจ็บตัว 555
ตอบลบรอครับ
ตอบลบ'ลิชมันจะฆ่าฉัน' 555555ลั่นเลย
ตอบลบเวรลิซหนักมือจริงๆไม่อยากคิดเลยว่าวูจินเจออะไรมา
ตอบลบอาจารย์ที่ดีก็อย่างงี้หละ วูจินผ่านมาเเล้ว
ตอบลบ