วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 144

บทที่ 144 – อาณานิคม (2)


มอนสเตอร์กระจายตัวออกไปโดยมีอาณานิคมเป็นศูนย์กลาง แต่วูจินไม่จำเป็นต้องวิ่งไปทั่วเพื่อล่ามอนสเตอร์ที่ตั้งใจสังหารมนุษย์

เขาจะไปที่อาณานิคมโดยตรง!

มอนสเตอร์อยู่ใต้การควบคุมของลอร์ดมิติ จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดของมันไม่ใช่การล่ามนุษย์แต่เป็นปกป้องอาณานิคม อาณานิคมบนดาวต่างๆก็คือดันเจี้ยนนั่นเอง

เหมือนกับวงเวทอัญเชิญรัชโมด พวกนี้เป็นดันเจี้ยนจำลองที่สร้างบนดินแทนที่จะเป็นสถานีใต้ดิน มันถูกเรียกว่าประตูมิติ

เมื่อวูจินมุ่งหน้าไปช้าๆ พวกมอนสเตอร์ที่โจมตีอยู่ด้านอื่นก็หันกลับมาทางเขาตามความคาดหมาย สุดท้ายก็กลายเป็นเพิ่มขนาดให้กองทัพผีดิบ

แต้มที่วูจินได้มาจากการเพิ่มเลเวลถูกเอาไปเพิ่มค่าบงการทั้งหมด

ทหารโครงกระดูกล้วนอยู่ใต้บัญชาการของอัศวินมรณะ อัศวินมรณะแต่ละตัวใช้ค่าบงการเพียง 1 แต้ม เขามีลิชเจนิส ที่เพิ่มเลเวลเป็น 99 ทันที และทุกเลเวลที่เพิ่มขึ้น นักเวทโครงกระดูกจะถูกนำไปไว้ใต้บัญชาการของเจนิส มันสามารถควบคุมนักเวทโครงกระดูกได้ทั้งหมด 990 ตัว

ค่าบงการที่ใช้ในการรักษากองทัพผีดิบ,อัศวินมรณะ,ลิช,โกเลม,และอสูรน้อยรวมแล้วไม่ถึง 100 แต้ม
ค่าบงการที่เหลือใช้กับลูกน้องตัวอื่นๆ

ศพถูกบังคับเหมือนหุ่นเชิด รูปร่างหน้าตาพวกมันไม่ต่างจากก่อนตาย

กองทัพซอมบี้ที่รวมมอนสเตอร์เล็กใหญ่กระทั่งโอเกอร์มากกว่า 2,000 ตัวโจมตีศัตรู พวกมันเคลื่อนไหวช้าอยู่บ้าง

[ซื้ด ตื่นเต้นนัก ข้าตื่นเต้นจริงๆ]

กาเกบิสิงศพโอเกอร์ตัวหนึ่ง มันอาละวาดเหมือนคนบ้า

เมื่อศพถูกคืนชีพเป็นซอมบี้ ความสามารถพวกมันจะน้อยกว่าก่อนตาย แต่ถ้ากาเกบิสิงร่าง มันจะดึงความสามารถที่สูงกว่าสมัยมีชีวิตออกมา

โอเกอร์กาเกบิฉีกป้ายถนนและเหวี่ยงไปมาเป็นอาวุธ ผลงานของกาเกบิแทบจะเทียบได้กับโดลเซ สองคนนี้เหมาะดีกับการสร้างความโกลาหลฝ่าดงศัตรู

กองทัพผีดิบตามทั้งสองที่เบิกทางไป

หลังจากฝ่าซากศพกองแล้วกองเล่า วูจินก็มาถึงโคลอสเซียม

“มันโตขึ้นเยอะ”

รากไม้แผ่คลุมโคลอสเซียมและลำต้นสูงกว่าตึกในบริเวณนี้เสียอีก เมื่อวูจินมองขึ้นไป ไททันตัวหนึ่งกระโดดลงมาจากฟ้า

กึง

ไททันตัวสูงกว่า 10 เมตร ขนาดพอๆกับโดลเซ

[แกคือไอ้คนที่ล้มท่านราชาคอย!]

วูจินนั่งบนหลังม้าไม่ลงมา เขายักไหล่

“ก็ตามนั้น...”

[โก ข้านิคเตอร์ ข้าจะแก้แค้นให้ท่านราชาคอย!]

วูจินถอนหายใจ

“หัวนายก็ใหญ่ดีแต่ไม่มีสมองเหรอ? นายชนะราชาคอยได้หรือเปล่า?”

[โก! ท่านราชาคอยคือเกรทลอร์ด ท่านแข็งแกร่งกว่าข้า ข้าจึงติดตามท่าน]

“ฉันฆ่ามัน นายยังคิดว่าจะสู้ฉันได้เหรอ?”

[โก]

นิคเตอร์แห่งเผ่ายักษ์ยกมือใหญ่ขึ้นมาขยี้ศีรษะ แล้วมันก็ยกค้อนใหญ่ขึ้นอย่างโมโห

[โก! เจ้ากล้าดูถูกนักรบได้ยังไง]

“มันโง่เหรอวะ?”

วูจินทำหน้าอึ้ง

เพราะอย่างนี้เผ่ายักษ์ถึงได้...

“ฆ่ามัน”

[รับบัญชาท่านจ้าว!]

อัศวินมรณะกระโดดลงจากหลังม้าแล้วพุ่งใส่ศัตรู

[โก บังอาจ พวกแมลง!]

นิคเตอร์เหวี่ยงค้อนเต็มแรงแต่ไม่โดนใครเลย อัศวินมรณะกำลังโจมตีหนักหน่วงจึงเทียบพวกมันกับแมลงไม่ได้เลย พวกอัศวินมรณะเชือดยักษ์

ไม่รวมอัศวินใหม่คืออัล อัสสาดกับรีลิค อัศวินตัวอื่นอยู่เหนือกว่าแรงค์ S

ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีในการล้มยักษ์ หอกของรัคโตพุ่งทะลุหน้าผากมันล้มลง

“เก็บกวาดที่เหลือด้วย”

[ต่อหน้าท่านจ้าวจะมีแต่ความตาย!]

[กวาดล้างทุกอย่างที่ยังมีชีวิต!]

พวกโครงกระดูกและอัศวินมรณะสังหารต่างยุ่งกับการมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ ขณะที่วูจินกำลังเงยหน้ามองฐานทัพ เจนิสมาปรากฏตัวข้างเขา

[ข้าเห็นสิ่งน่ารังเกียจนี่หลายครั้งเกินไปแล้ว]

“คิดว่ามันจะออกมาไหม?”

[ท่านหมายถึงชิ้นส่วนมิติ?]

วูจินเคลียร์อาณานิคมในโซลกับปูซานไป 9 แห่ง ได้ชิ้นส่วนมิติมา 3 ชิ้น โอกาสได้ค่อนข้างสูง ไม่แปลกที่เขาจะคาดหวัง

“ใช่ ไอเทมนั่นมีประโยชน์เยอะ”

[สิ่งที่นำไปยังทราห์เน็ต...]

เจนิสชูไม้เท้าขึ้น ไฟลุกโพลง วูจินยกมือห้าม

“ไม่เป็นไร ฉันทำเอง”

ฝูงซอมบี้ยืนนิ่งเฉย วูจินสั่งให้พวกมันพุ่งใส่อาณานิคมและปีนต้นไม้ เขาต้องกำจัดพวกซอมบี้นี้อยู่ดี...

ตูม!

ฝูงซอมบี้ระเบิด อาณานิคมถูกแรงระเบิดกระชากขึ้น

ชิ้นส่วนอาณานิคมเริ่มร่วงลงมา เมื่อสงบลง วูจินมุ่งหน้าไปยังใจกลางอาณานิคมที่ไม่เหลือเค้าร่างเดิม

พลอยอันหนึ่งส่องแสงสีม่วงกำลังลอยกลางอากาศ

<คุณได้รับชิ้นส่วนมิติ>

ไม่แค่ซื้อดันเจี้ยน ชิ้นส่วนมิติยังมีประโยชน์อื่นๆอีก ในเมื่อวูจินมีชิ้นส่วนมิติมากกว่า 3 ชิ้น เขาจึงสามารถให้สตรีศักดิ์สิทธิ์หรือคนอื่นกลายเป็นลอร์ดมิติได้ถ้าต้องการ

“ว่าแต่ พวกมันมาจากกรีก ทำไมมาสร้างอาณานิคมที่นี่?”

[ดูเหมือนไททันชอบพลังงานในสถานที่แห่งนี้]

“หืม คงเกี่ยวกับอัตราเชื่อมต่อล่ะมั้ง”

วูจินลูบคางคิด

ตอนเขาเลือกสถานีโซลเป็นอาณาเขตมิติ เขาต้องคิดถึงอัตราเชื่อมต่อด้วย ลอร์ดมิติทุกตัวสร้างอาณานิคมในสถานที่ทางประวัติศาสตร์หรือไม่ก็สถานที่มีคนรวมตัวกันเยอะๆ

มาคิดดูแล้ว การสร้างดันเจี้ยนใหม่ที่ไม่เหมือนดันเจี้ยนในสถานีรถไฟใต้ดินสามารถทำได้ด้วยการใช้ชิ้นส่วนมิติ

‘ถ้าเกิดฐานทัพแบบของรัชโมดคงแย่’

มันคือผลจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องดันเจี้ยนใช่ไหม?

นักวิทยาศาสตร์ที่เขาเจอในอเมริกาสร้างดันเจี้ยนขึ้นมา

ถ้ามีคนสร้างวงเวทอัญเชิญลอร์ดมิติออกมาจะเป็นอันตราย จะไม่เหมือนแบบนี้ที่มีพวกมอนสเตอร์บอกว่าลอร์ดมิติอยู่ที่ไหน

‘อืม อาจจะมีไปแล้วหลายตัวก็ได้...’

บางทีอาจจะมีลอร์ดมิติที่กำลังเคลื่อนไหวหลบๆซ่อนๆบนโลก วูจินเลิกกังวลเรื่องนี้เพราะไม่ใช่สิ่งที่เขาจะป้องกันได้

ถ้าต้องการวิธีแก้แบบถาวร วูจินต้องหยุดที่สาเหตุ เขาต้องป้องกันไม่ให้มีการเชื่อมต่อเกิดขึ้นอีก แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง

“เอาล่ะ สะสางที่นี่ให้เสร็จแล้วไปเยอรมันกันต่อ”

เขาได้ชิ้นส่วนมิติมาหนึ่งชิ้นและได้ฆ่ามอนสเตอร์หลายพันตัว

เหลืออาณานิคมที่เยอรมันหนึ่งแห่งและที่อังกฤษอีกสองแห่ง

***

อาคารขายตั๋ว ถ้ำลาวามานจังกุล เมืองเจจู

รถบรรทุก 7 คันแล่นมายังอาคารขายตั๋ว พนักงานออกมาข้างนอก

คนกลุ่มหนึ่งลงจากรถซีดานที่มากับรถบรรทุก

พนักงานจำหน้าคนๆหนึ่งในกลุ่มคนนั้นได้จึงถามอย่างคุ้นเคย

“พวกนี้คืออะไรเหรอ?”

“อ๋อ คุณจำจดหมายแจ้งครั้งก่อนได้ไหม? งานซ่อมแซมจะทำก่อนกำหนด”

“น่าจะบอกกันก่อน นักท่องเที่ยวยังอยู่ข้างใน...”

“ฮะๆ ขอโทษ ช่วยหยุดนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าไปแล้วก็ช่วยประกาศคนที่อยู่ข้างในให้ค่อยๆออกมาด้วยนะ”

“ได้ ผมจะทำให้”

“อ๊ะ นี่คือผู้จัดการ ลีซังจุน เขาเป็นผู้รับผิดชอบงานปรับปรุงนี้ครับ”

พนักงานเดินไปทางชายที่สวมแว่นกันแดด

เขามีท่าทางเย็นชาชวนคุยยาก

“ผมชื่อลีซังจุน”

“ผมคิมเทจิคครับ”

“เริ่มกันเถอะ”

ทักทายเสร็จ ลีซังจุนก็สั่งคนงานให้ขนของลง กล่องมากมายถูกนำออกมาจากรถบรรทุก คิมเทจิคถามเมื่อเห็นกล่องพวกนั้น

“มันคืออะไรเหรอ? พวกเขาไม่ใช่คนที่มาซ่อมราวกั้นเมื่อคราวก่อนนี่...”

“เราจ้างบริษัทอื่น อย่าถามมากเลย มาช่วยหน่อยจะได้เสร็จเร็วๆ”

“ได้”

พวกเขาคงเปลี่ยนบริษัทรับเหมาเอาส่วนลด

แต่ของมันเยอะเกินไปไม่เหมือนงานซ่อมราวกั้นธรรมดาเลย

ป้ายห้ามเข้าถูกวางไว้ตรงที่ต่างๆเริ่มจากที่จอดรถ

ลูกจ้างของรัฐบาลจากไป คิมเทชิคเลยไม่มีอะไรทำ เขาจึงมาเดินแถวทางเข้าถ้ำ คนงานพวกนี้แข็งแรงมาก พวกเขายกกล่องหนักลงไปอย่างง่ายดาย

ผู้จัดการลีซังจุนเดินมาหาคิมเทจิค

“ตอนนี้ที่นี่เป็นสถานที่ก่อสร้าง มันอันตราย คุณถอยไปเถอะ”

“แหม ผมแค่เบื่อๆ...”

“ถอยไป”

“เฮ้อ ได้ครับ”

คิมเทจิคถอยไปพลางบ่นพึม ลีซังจุนเรียกคนงานมา

“พวกนายอย่าให้ใครเข้ามา”

“ครับ ประธาน”

คิมเทจิคมองลีซังจุนลงบันไดไป เขาถอดแว่นกันถอดเมื่อเข้าไปในถ้ำมืด

เจ้าของใบหน้านั้นไม่ใช่ใคร เขาคือหัวหน้ากิลด์ฮวาราง ทาสของอิเอลโล ลีซังโฮ

คนงานทุกคนคืออดีตพนักงานของกิลด์ฮวาราง

หลังจากเดินเข้าถ้ำไปเป็นเวลานาน ลีซังโฮมาถึงจุดที่กล่องถูกนำมาวางเรียงกัน

“เปิดกล่องได้”

“ครับ”

พนักงานเปิดฝากล่องออก

พวกเขาเห็นแร่สีแดงส่องแสงจาง

กล่องหลายร้อยใบมีบลัดสโตนบรรจุเต็ม

“...”

ลีซังโฮเขียนวงเวทบนพื้นถ้ำเงียบๆ

นี่คือประตูเรียกท่านอิเอลโลมาที่นี่

เขาเริ่มสร้างฐานทัพ

***

เยอรมัน

พวกเขามาถึงพื้นที่ๆเกิดการเสียหายรุนแรง

“ที่นี่เคยเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะจริงๆเหรอ?”

“ดิฉันก็เคยได้ยินมาแบบนั้นค่ะ”

“หืม พวกเขาป้องกันได้ดีนะ”

เฮลิคอปเตอร์และเราส์กำลังเคลื่อนที่ในซากปรักหักพัง ทหารสวมหน้ากากกันพิษ วูจินประเมินสิ่งที่เขาเห็น

“ฉันมาเสียเที่ยว”

EXP ของเขาไปเสียแล้ว เขาเสียเวลาเปล่า

เยอรมันขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการไปยังอลันดาล แต่พวกเขาไม่รอให้วูจินมาถึง

พวกเขาใช้อาวุธนิวเคลียร์กวาดล้างกลุ่มมอนสเตอร์และส่งเราส์ชั้นยอดเข้ามาสังหารลอร์ดมิติ

ไม่ใช่สิ คนที่โลกเรียกพวกมันว่ามอนสเตอร์ลอร์ด

ไม่รวมวูจิน เยอรมันเป็นประเทศลำดับสี่ที่สังหารมอนสเตอร์ลอร์ดสำเร็จ

สตรีศักดิ์สิทธิ์มองอย่างเสียดายเมื่อเห็นทหารนำพลอยส่องแสงสีม่วงแสบตาออกไป

“คุณจะไม่ไปเอาสิ่งนั้นหรือคะ?”

วูจินกระตุกยิ้ม

“เธอคิดว่าฉันเป็นโจรเหรอ? ฉันไม่ปล้นของใคร”

“...”

สตรีศักดิ์สิทธิ์มองอย่างตัดพ้อจางๆ

ถ้าเขามีคุณธรรมขนาดนั้น ทำไมถึงแย่งชิ้นส่วนมิติของเธอไปล่ะ?

“เธอรู้สึกไม่ยุติธรรมเหรอ?”

“เปล่าค่ะ”

“ฉันบอกแล้วว่าจะคืนให้แต่เธอไม่เอาเอง”

“ฉันไม่ได้พูดอะไรนี่คะ”

ใช่ เธอไม่ได้พูดอะไร แต่เขารู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นสายตาตัดพ้อของเธอ

วูจินยักไหล่สีหน้ายิ้มๆ

“เอาเถอะ ไปอังกฤษก่อนจะสายไปดีกว่า”

“ค่ะท่านจ้าว”

วูจินและสตรีศักดิ์สิทธิ์เดินไปทางเฮลิคอปเตอร์ที่พาพวกเขามาจากสนามบิน ตอนนั้นเอง คนกลุ่มหนึ่งลงมาจากรถคันหนึ่งและวิ่งมาทางวูจิน ดูจากกล้องและท่าทางของพวกเขาแล้ว พวกเขาคือนักข่าว

“วีรบุรุษ! ไม่เจอกันนานนะครับ”

ในพวกเขามีนักข่าวคนหนึ่งที่มีสีหน้ากระตือรือร้นกว่าใคร เขามาหาวูจินและพยักหน้าทักทาย ความจำของวูจินไม่แย่นักหรือเทียบกับคนปกติแล้วถือว่าดีมาก

“ฉันเคยเห็นนายที่ตะวันออกกลางนี่?”

“โอ้ พระเจ้า! ผมไม่อยากเชื่อว่าคุณจำคนไม่สำคัญแบบผมได้ เป็นเกียรติครับ”

วูจินยิ้ม

ชายคนนี้คือหนึ่งในผู้รายงานข่าวที่เขาช่วยจากตะวันออกกลาง

“อืม ผมกำลังยุ่ง ไม่ให้สัมภาษณ์นะ”

“ไม่ครับ ผมจะทำให้คุณเสียเวลาได้ยังไง ได้ยินว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาทักทาย”

“แล้วก็มาถ่ายรูป”

วูจินมองกล้องหลายตัวที่เล็งมาทางเขา

นักข่าวส่ายศีรษะ หน้าซีด

“ไม่ครับ ผมไม่กล้าหรอก”

นักข่าวสงครามระมัดระวังตัวอย่างหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ช่วยชีวิตเขา วูจินจับบ่าชายคนนั้นแล้วพูด

“เอาเถอะ ถ่ายรูปเป็นงานของนาย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ช่วยอะไรฉันหน่อย...”

“โอ้ เป็นเกียรติครับ เชิญบอกได้เลย ผมจะทำทุกอย่าง”

เมื่อถูกวูจินโอบไหล่ นักข่าวทำหน้าเหมือนยินดีวิ่งเข้าสู่สนามรบถ้าวูจินขอ

“นายรู้จักใครในอังกฤษบ้างไหม? ฉันต้องการหาคนที่นั่น”

“มีสมาชิก S.E.E ในอังกฤษอยู่คนหนึ่ง เธอชื่อโจนี่...”

“S.E.E? มันคืออะไรล่ะนั่น?”




สารบัญ                                               บทที่ 145

ประโยคสุดท้ายนั่นมันปักธงนะวูจิน...

2 ความคิดเห็น:

  1. ปักธงดังฉึก! ทำไมรู้สึกเชียร์เมโลดี้......อยากเห็นนางโดนแกล้งเยอะ ๆ แค่ก ๆ

    ตอบลบ