บทที่ 124 – ลิช เจนิส (2)
สองคนนั่งคนละฝั่งของโต๊ะเป็นนานโดยไม่มีการพูดกัน
กาแฟที่เลขานำมาเสิร์ฟถูกทิ้งไว้นานจนไม่มีไอร้อน สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นคนพูดขึ้นก่อน
“คุณรู้เรื่องสภาพร่างกายของคุณคังโซอาหรือเปล่าคะ?”
“ฉันพอเดาได้”
“...”
เกิดความเงียบอีกครั้งเมื่อเมโลดี้หาคำที่จะพูด
โซอา เป็นคนในครอบครัวของเขา...
“คิดจะทำอย่างไรหรือคะ?”
“ฉันจะทำอะไรได้?”
“...”
เธอเป็นน้องสาว
ถ้าทำได้เขาก็ช่วยเธอไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะรักษาได้ สิ่งเดียวที่วูจินทำให้โซอาได้คือภาวนา
“ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นใครลงมา... เดาไม่ออกเลยค่ะ”
“ฉันไม่เป็นไร”
“...”
“โซอาต่างหากที่กำลังทรมานอยู่”
“...”
วูจินแค่รู้สึกขม เขาบอกไม่ได้ว่าเจ็บปวดหัวใจหรือไม่ เขาแค่รู้สึกเสียดาย...
แม่คงกำลังลำบาก
โซอาก็กำลังลำบาก
“ขอโทษนะคะที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก”
เมโลดี้รู้ดีกว่าใครถึงความเจ็บปวดของโซอา และเธอก็รู้ว่าต่อไปโซอาจะเจอกับทางเลือกใด สมัยยังเด็กเธอก็ผ่านมาเช่นกัน
โซอาเป็นเมล็ดพันธุ์ของเทพเจ้า
เธอไม่รู้ว่าเป็นเทพองค์ใด แต่เมื่อโซอาได้ยินเสียงของเทพเธอจะตื่นขึ้นในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์
ในใจวูจินมีอารมณ์หลายๆอย่างปนกัน แต่เขารู้สึกสงบ นี่ทำให้เขาประหลาดใจ หรือว่าเขากำลังถอยห่างจากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว...
“คุณจะคุยเรื่องอะไรคะ?”
สีหน้าวูจินเครียดจนเมโลดี้ต้องถามอย่างระวัง
“อ้อ ฉันอยากให้เธอโทรหาคนที่อเมริกาให้กดดันรัฐบาลเกาหลีสักหน่อย”
“คะ?”
“ฉันตั้งอลันดาลขึ้นมา แต่พวกนี้ไม่ยอมรับ เธอว่าฉันจะรู้สึกยังไง?”
เมโลดี้มีดวงตาหวาดกลัวเหมือนกระต่าย เธอคุกเข่าลง
“ท่านผู้ไม่ตาย ได้โปรดข่มกลั้นอารมณ์...”
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าเอะอะก็คุกเข่า?”
“ขออภัยค่ะ”
วูจินขมวดคิ้ว เขากำลังสับสนว่าตัวเองอยู่ในฐานะไหนกันแน่ และสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทำกับเขาเหมือนเป็นเทพเจ้าก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลย...
“ฉันไม่ได้หมายความว่าประเทศเราต้องไม่เกี่ยวกัน ฉันแค่อยากได้อิสระ แต่เกาหลีเอาแต่จะผูกมัดฉัน”
เมโลดี้เข้าใจที่วูจินพูด
“เหมือนจักรวรรดิอุรุฮาสินะคะ”
“อืม คล้ายกัน”
จักรวรรดิอุรุฮาพยายามจะยกบรรดาศักดิ์ดยุคให้ผู้ไม่ตาย กระทั่งจะยกเจ้าหญิงให้ จักรวรรดิ์ที่โชคร้ายนั้นถูกทำลายในที่สุด
“ฉันจะทำให้พวกเขาไม่รบกวนคุณอีกต่อไปค่ะ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เม้มปาก
“ดี ฉันจะมาหาเธอในอีก 3 วัน”
เขามีช่วงคุ้มครอง 12 วัน เขาต้องกลับอาณาเขตมิติในอีก 3 วันตามเวลาโลก กิลด์อลันดาลก็ยุ่งพอแล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็มีงานยุ่งเช่นกัน วูจินคิดจะเคลียร์ดันเจี้ยนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“สามวัน...”
เมโลดี้ทวนคำเบาๆ
เธอมีเวลาสามวันสำหรับทำให้โลกยอมรับอลันดาลในฐานะประเทศหนึ่ง ถ้าทำไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าผู้ไม่ตายจะทำอะไร
ทั้งเมโลดี้และวูจินรู้สึกเวลานับถอยหลัง 3 วันได้เริ่มขึ้น และสำหรับทั้งสอง น้ำหนักของ 3 วันนี้ไม่เท่ากัน
***
วูจินมาพบกับคนที่ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นที่สนามบินอีกครั้ง
“น้องชายคัง!”
“พี่เบค!”
เบคจองโดยิ้มกว้างเมื่อเห็นคังวูจินยกมือทักทายเขา รู้สึกเหมือนดาราดังจำเขาได้
“ฮ่าๆ ได้เจอกันอีกครั้งแบบนี้ ยอดๆ”
“ผมขอติดหนี้พี่สักหน่อยนะ”
“หา? ไม่ถือเป็นหนี้อะไรหรอก ฉันต้องช่วยนายอยู่แล้ว!”
พอเบคจองโดได้ยินว่าอลันดาลขอใช้เครื่องบินส่วนตัว เขาก็มาที่นี่ทันที ดวงตาเขาเป็นประกายเมื่อมองฮงซุงกูที่ยืนข้างวูจิน
“งั้นคนนี้ก็คือคุณชายไฟซุงกู?”
“...ชื่อสุดเลี่ยนนี่มันอะไร?”
“ดังไม่เบาเลยนะในเน็ต ฮ่าๆ มาถ่ายรูปกันก่อนขึ้นเครื่องเถอะ”
เบคจองโดคล้องแขนรอบคอฮงซุงกูแล้วถ่ายรูปเซลฟี่ โดยมีสีหน้าท้อใจของคังวูจินเป็นฉากหลัง
“โฮ่ๆ แจ็คพ็อต ได้ล้านวิวแน่ๆไม่มีปัญหา”
“เฮะๆ ผมจะช่วยเต็มที่ครับ ประธานเบค”
“ฮ่าๆ ได้คุณชายไฟช่วย 10 ล้านวิวก็ยังไหวนะ?”
“เฮะๆ ผมก็มีชื่อเสียงอยู่บ้าง”
พวกเขาสนิทกันทันที เหมือนได้เจอคนคอเดียวกัน วูจินมองแล้วส่ายหน้าจากนั้นก็ขึ้นเครื่องบิน
เบคจองโดกับเลขาส่วนตัวของเขา กรรมการจุงชานซุงขึ้นเครื่องบิน ด้านอลันดาลมีคังวูจิน ฮงซุงกูกับหัวหน้าเลขานุการวูซุงฮุน
“เราจะไปที่ไหนก่อน?”
“ญี่ปุ่นครับ”
ซุงฮุนวางแท็บเล็ตตรงหน้าวูจิน หน้าจอฉายรูปแผนที่โลก มีจุดสีแดงกระจายไปทั่ว
“มีทั้งหมดกี่ที่?”
“32 ที่ครับ เราได้คำขอร้องให้เคลียร์มา 12 ที่”
วูจินขมวดคิ้ว
“ทำไมน้อยนัก?”
“ยังมีเวลาเหลือ พวกเขาเลยอยากจัดการด้วยตัวเอง”
คำขอ 12 คำขอมาจากที่ๆดันเจี้ยนใกล้ระเบิดเต็มทีแล้ว ตารางเวลาเรียงตามดันเจี้ยนที่ใกล้จะระเบิดที่สุด
“งั้นจุดสีน้ำเงินหมายถึงยังไม่มีคำขอเหรอ?”
วูจินขยายแผนที่ญี่ปุ่น มีจุดแดง 2 จุดและจุดน้ำเงิน 4 จุด
เพราะที่นั่นมีสถานีรถไฟใต้ดินจำนวนมากจึงมีดันเจี้ยนที่ยังพิชิตไม่ได้ 6 แห่ง หนึ่งในนั้น 2 แห่งกำลังจะระเบิด
ที่หนึ่งอยู่ในโอซาก้า อีกที่อยู่ในโตเกียว
“พวกเขาเห็นแล้วว่าโซลโกลาหลกันแค่ไหน ยังอยากจะจัดการเองอีก? ต่อให้เราส์ระดับท็อปจากทั่วโลกมารวมกันยังไม่พอเลยมั้ง”
“...”
วูซุงฮุนไม่รู้จะตอบอย่างไร เบคจองโดกับฮงซุงกูที่กำลังคุยกันลั่นเงียบลงแล้วมองวูจิน เบคจองโดถาม
“แฮ่ม มีอะไรเหรอน้องคัง?”
“เปล่า ผมแค่เห็นว่ามันตลกดี”
“ตรงไหนเหรอ?”
“ดาบที่พวกเขาถืออยู่มันจะบาดตัวเองแล้วยังจะโลภ ผมว่ามันตลกดี”
“อืม เกิดดันเจี้ยนเบรกมาบ้างแล้ว พวกเขาก็ยังรับมือได้ พวกเขาลงทุนไว้เยอะเพื่อลดความเสียหายให้น้อยที่สุด”
“ผมก็เดาไว้แล้วว่าคงเป็นแบบนี้ แต่ก็ว่ามันบ้าบออยู่ดี”
เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายวูจินจะรับมือกับทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวไม่ไหว ลอร์ดมิติที่เชื่อมต่อกับโลกได้สำเร็จจะปรากฏตัวขึ้น
ความไม่รู้คือโชคอย่างหนึ่ง คำนี้ไม่ได้มีไว้เฉยๆ
เขาหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้ โลกกำลังตกนรก แต่ประเทศต่างๆยังทะเลาะกัน
วูจินอาจเป็นคนเดียวในที่นี้ที่เคยเห็นนรกมาแล้ว
เพราะอย่างนี้เขาถึงอยากเตือนทุกคนถึงจุดจบที่กำลังใกล้เข้ามา เขาจึงขอให้กิลด์แฮมเมอร์เตรียมงานประชุมเราส์ ทำไมเขายังไม่ได้ยินเสียงตอบรับ?
“พี่ฮุง งานประชุมเราส์จะจัดเมื่อไหร่นะ?”
“หา? อีก 10 วันไม่ใช่เหรอ? อีกอย่าง ทำไมนายถึงให้กิลด์แฮมเมอร์เป็นคนจัดการล่ะ?”
“ก็พวกเขาบอกจะดูแลเอง”
“เอ๋ นายน่าจะให้ฉันทำ กิลด์แฮมเมอร์เป็น 1 ใน 3 กิลด์ใหญ่ แต่เทียบกับพวกเรากิลด์ KH ได้ที่ไหน อ้อ ฉันพูดแบบนี้เพราะกิลด์อลันดาลของน้องชายไม่ใช่ของเกาหลีนะ ฮ่าๆๆ”
วูจินหัวเราะไปด้วย มาคิดดูเขาไม่ได้ฆ่านักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิลด์ KH เลย อย่างน้อย กิลด์ของเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนเบรกหรือสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย
“พี่อยากลงดันเจี้ยนกับผมไหม?”
เบคจองโดตาโตอย่างไม่สมเป็นเขาเอง
“ให้ฉันไปด้วยได้จริงๆเหรอ?”
คังวูจินขึ้นชื่อเรื่องไม่ร่วมทีมกับเราส์คนอื่น มีเพียงฮงซุงกูกับเชฮีซอลที่เขาพาเข้าดันเจี้ยนด้วย
เพราะอย่างนี้ฮงซุงกูจึงถูกมองเป็นคนของคังวูจิน เขาได้รับความสนใจมากมาย รูปที่เขาเอาลงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คมีคนดูไป 20,000 ครั้งแล้ว
“อืม ผมจะทัวร์รอบโลก 3 วัน ไปด้วยกันเถอะ”
“ฮ่าๆๆ ต้องสนุกแน่”
วูจินยิ้มกับเสียงหัวเราะสบายๆของอีกฝ่าย
เขาเป็นคนที่น่านับถือ
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ให้ยืมเครื่องบินส่วนตัวโดยไม่เรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทน
“โฮ่ๆ แบบนี้ต้องประกาศให้เพื่อนทุกคนรู้ มาๆน้องชาย ถ่ายรูปกัน”
“...”
เบคจองโดเหยียดแขนที่ถือกล้องออก วูจินถอนหายใจ
“ทำไมต้องถ่ายรูปด้วย?”
“ทำไมอะไร? นี่มันยุคของข่าวสาร ทุกอย่างต้องประกาศ”
“หา นี่ไม่สำคัญขนาดนั้นสักหน่อย ทำไมรายงานทุกอย่าง? หรือเวลาพี่ขี้พี่จะบอกคนอื่นด้วย?”
“เอ๊ะ? นายรู้ได้ไง?”
“...”
วูจินตกใจ แต่เบคจองโดทำหน้าจริงจัง ดูเหมือนเขาจะเป็นคนแบบที่จะทำจริงๆ
“เฮ้อ”
วูจินยิ้มแล้วยกนิ้วเป็นเครื่องหมาย V ให้กล้อง
แม้โลกจะมีดันเจี้ยนมากกว่าโลกอื่นหลายเท่า พวกเขาสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างเป็นระเบียบเหตุผลหลักคือความสามารถในการสื่อสารอย่างรวดเร็ว
มีโลกไม่กี่โลกที่สามารถรับรู้การเกิดดันเจี้ยนเบรกจากอีกฝั่งของโลกได้ภายใน 10 นาที
เครื่องบินส่วนตัวของกิลด์ KH เตรียมจอดลงสนามบินคันไซ
***
จุดรอรับผู้โดยสารของสนามบินคันไซ
ทากุจิ เราส์แรงค์ A ของกิลด์เซ็นเซย์ขมวดคิ้วเมื่อมองสนามบินที่เนืองแน่นด้วยผู้คน เขามาที่นี่เพื่อต้อนรับบุคคลสำคัญ แต่ในนี้มีคนเยอะเกินไป เขากลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
“ทำไมมีคนเยอะนัก?”
“ข่าวคุณคังวูจินมาโอซาก้าถูกโพสต์ลง SNS ครับ”
“หืม?”
ทากุจิรับสมาร์ทโฟนจากคนของแผนกสนับสนุน
มันเป็นรูปเซลฟี่ของคังวูจินกับเบคจองโด ประธานกิลด์ KH คังวูจินมีรอยยิ้มซุกซน และมีคำเขียนไว้ด้านล่างภาพ
-ผมอยู่ระหว่างทัวร์ปิดดันเจี้ยนกับน้องรักคังวูจิน ที่หมายแรกคือโอซาก้า...
-แหม คุณคังวูจินกำลังมาที่สนามบินคันไซ!
เขาไม่ต้องแปลคำเกาหลีที่ประดับไปด้วยอีโมติคอนเต็มไปหมด เจ้าของแอคเคาท์ที่เป็นคนแชร์รูปของประธานเบคจองโดเป็นคนช่วยแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้เอง
“แอคเคาท์ของใครนี่?”
“ซากุระ ไอ ครับ”
ไอด้อลดังของญี่ปุ่นใช้เวลาไม่กี่นาทีในการกระจายข่าว ไม่นานคนเป็นร้อยก็มารวมกันที่นี่ คนไม่น้อยกำลังถือกล้องตัวใหญ่
“ยุ่งยากชะมัด...”
นี่เป็นคำขอเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งแรกที่กิลด์เซ็นเซย์เป็นคนค้นพบ พวกเขามาต้อนรับคังวูจินแต่ข่าวรั่วไหลไปแล้ว...
ทากุจิเริ่มคิดหาวิธีพาคังวูจินออกจากสนามบิน
“เขากำลังออกมา เอ๊ะ?”
“...”
ทากุจิอึ้งเมื่อมองไปทางที่คนของเขาชี้ไป ต่อให้พวกเขาอยากต้อนรับคังวูจินเหมือนแขกคนสำคัญก็ทำไม่ได้
เคะๆๆ
มีทหารโครงกระดูก 30 ตน
พวกมันมาพร้อมชูดาบกระดูกขึ้น ทุกคนถอยห่างจากพวกมัน
คังวูจินเดินออกมาจากฝูงคนโดยมีมอนสเตอร์ของเขานำทาง เขาพูดกับวูซุงฮุน
“พวกเขาน่าจะมารับเราที่นี่ใช่ไหม?”
“ครับ เขาบอกว่าจะมา แต่ภาษาญี่ปุ่นผม...”
“เฮ้อ ไหนนายบอกอยากเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ”
“...”
ซุงฮุนไม่มีอะไรจะพูด เขายืนซึมไหล่ตก
“มานี่”
“ครับ?”
“ดื่มนี่”
“ครับ ส่งมาให้ผม”
“ฉันป้อนเอง”
“...”
ทำไมประธานต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ?
ซุงฮุนลังเล
วูจินบีบคางซุงฮุน บังคับให้เขาอ้าปากขึ้น
“ป...ประธาน? อึกๆๆ”
วูจินเทยาแปลภาษาลงไปในปากซุงฮุนแล้วเก็บขวดเปล่าใส่คลังส่วนตัว
“แค่ก!”
“ทีนี้ก็มองหาพวกเขา”
ซุงฮุนไออยู่นาน จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆด้วยดวงตาเบิกค้าง
“น...นี่มัน!”
มหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นแล้ว
ตัวอักษรต่อหน้าเขาเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เขาอ่านเข้าใจ
“อี๊ ทำไมอยู่กองทัพโครงกระดูกก็โผล่มาล่ะ?”
“หมายความว่าคุณคังวูจินไม่อยากคุยเหรอ?”
“เขาดูถูกญี่ปุ่นเหรอ?”
คำพูดลอยเข้าหูเขา
เขาเข้าใจทุกอย่าง
“สุดยอด”
ระหว่างซุงฮุนกำลังทึ่ง จุงชานซุงชี้ไปที่ทางหนึ่ง สมเป็นผู้บริหารของบริษัทใหญ่ เขาเข้าใจภาษาญี่ปุ่น
“คนพวกนั้นมาจากกิลด์เซ็นเซย์ครับ”
เขาชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่งกำลังยกป้ายอยู่ ซุงฮุนยังทึ่งกับตัวเองไม่หยุด
“เฮ้อ กรรมการจุงมาอยู่กิลด์อลันดาลไหม?”
“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ แต่ผมต้องตามประธานเบค”
วูจินพูดเล่น เขาจึงยิ้มเฉยๆ จากนั้นเดินไปทางคนของกิลด์เซ็นเซย์
ผมเนิ่มคิดแล้ผมเนิ่มคิดแล้วนะว่าพระเอกมันตัวสีฟ้ามทอกลม ๆ รึเปล่า 5555+
ตอบลบ*เริ่ม *แล้ว *มือ
ลบงง
ตอบลบ